Share

บทที่1

last update Last Updated: 2025-11-05 21:01:39

บทที่1

ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงยังตำหนักบูรพาตามฤกษ์มงคล คราวนี้ผู้คนมาก แขกผู้มีเกียรติมีฐานะล้วนมากล้นหลัวเฟยเมี่ยวย่อมต้องแสดงงิ้วบทน้องสาวรักใคร่กลมเกลียวผู้เป็นพี่สาวที่อายุมากกว่าตนเองเพียงสามเดือนขึ้นมาทันที

"ไท่จื่อเพคะ ขอเมี่ยวเอ๋อร์ไปรับพี่สาวมาเดินไปพร้อมกันนะเพคะ"

ดังนั้นเมื่อหลีเซี่ยงหลิ่วมาจับมือของนางที่หน้าเกี้ยวเจ้าสาวหลังโตเต็มพิธีการย่อมต้องเอ่ยปากให้อีกฝ่ายนั้นได้ไปรับเอาพี่สาวมาเดินเคียงข้างกันซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์ต้าเว่ยต้องกระทำเพื่อไม่ให้เจ้าสาวคนใดคนหนึ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่แล้วต่อให้อีกฝ่ายไม่ได้เป็นพี่น้องกันเช่นนางกับหลัวเฟยเฟิ่งก็ตาม แต่ความเป็นจริงแล้วหลัวเฟยเมี่ยวนั้นแค่ต้องการอยากให้ผู้เป็นพี่สาวมาเดินเคียงข้างเป็นข้อเปรียบเทียบให้ตนเองยิ่งโดดเด่นขึ้นในสายตาผู้คนกับบุรุษที่นางรักได้เห็นว่าที่เขาเลือกนั้นไม่ผิดคนด้วยใบหน้าหลังพัดงดงามนั้นหลัวเฟยเฟิ่งด้อยกว่านางอยู่หลายส่วน

"นางเป็นเพียงเหลียงตี้จะเดินเคียงข้างพวกเราไม่ได้นางต้องอยู่เบื้องหลังของพวกเราสามก้าวหรืออันที่จริงข้าก็ไม่ได้เต็มใจแต่งนางเข้ามาเป็นนางที่อยากแต่งเข้ามา ดังนั้นพิธีวันนี้นางไม่จำเป็นต้องร่วมก็ยังได้ ในใจของข้า หลีเซี่ยงหลิ่วมีเพียงเจ้า หลัวเฟยเมี่ยวเป็นภรรยาเท่านั้นสตรีอื่นล้วนไม่คิดจะนับ"

หลีเซี่ยงหลิ่วเอ่ยไม่ไว้หน้าตามนิสัยยอมหักไม่ยอมงอของเขาที่มีมาแต่เดิมแต่วันนี้ที่เขายอมถอยให้สตรีนามหลัวเฟยเฟิ่งล้วนเป็นเพราะเขาต้องการจะแต่งงานกับหลัวเฟยเมี่ยวโดยเร็วมากกว่า

"กล่าวอันใดเช่นนั้นเพคะ ผู้คนมากมายคิดสิ่งใดเก็บไว้ในใจก็พอแล้ว" หลัวเฟยเมี่ยวเร่งกล่าวเตือนสติคล้ายหวังดีแต่ผู้ใดจะรู้ดีไปกว่าตัวของนางเอง

"ก็ได้ข้าฟังเจ้า"

จากนั้นพิธีการแต่งๆ จึงได้เริ่มขึ้นสตรีสองนางที่งดงามกินกันไม่ลงเพียงแต่คนเป็นพี่สาวนั้นดูจะตัวเล็กกว่าน้องสาวอยู่มากและมีหลายจังหวะนางทำตามน้องสาวไม่ทันก็แน่ละตลอดชีวิตหลังจากหลัวเฟยเมี่ยวมั่นใจว่าตนเองจะต้องเป็นหงส์เคียงข้างมังกร นางก็เคร่งครัดกับตนเองมาตลอด ผิดกับหลัวเฟยเฟิ่ง นางมีใจคิดเป็นเพียงท่านหมอหญิงผู้หนึ่ง ใช้วิชาแพทย์รักษาคนรวยเอาเงินมาต่อยอดเอาไว้ช่วยคนยากจนอีกและการเรียนวิชาแพทย์นั้นต้องทุ่มเทจะมาสนใจศึกษาและฝึกฝนเป็นสตรีชั้นสูงอยู่ได้อย่างไร

เท้าของหลัวเฟยเมี่ยวเรียวเล็กงดงาม แต่การเดินไม่มั่นคง ต่างจากหลัวเฟยเฟิ่งที่ตั้งแต่จำความได้ก็สนใจแต่มีชีวิตรอด พอรู้ความอีกหน่อยนางก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ต่อไปในจวนอย่างไรไม่ให้ถูกบิดาทุบตี พอยิ่งโตนางก็ยิ่งเข้าใจว่าตนเองต้องพึ่งพาตนเองมัวแต่รักสวยรักงามไม่ได้ชีวิตคนเราไม่ได้อยู่ได้ด้วยรูปโฉมคนเราต้องมีเงินจึงสามารถกำจัดปัญหาตรงหน้าจากยากเป็นง่ายและจากง่ายให้หายไปเลยดังนั้นเท้าของนางจึงไม่เรียวเล็กเช่นคุณหนูที่ถูกดูแลอย่างดีจนเรียวเล็กราวกับดอกบัวย่อมนับได้ว่าไม่ใช่สตรีชั้นสูงเช่นผู้อื่นในสายตาของบุรุษทั่วไป

นิ้วมือที่ถือด้ามพัดหนึ่งข้างกับอีกข้างอุ้มแมวน้อยสีขาวสะอาดนั้นแปลกตายิ่งนัก แต่หลีเซี่ยงหลิ่วนั้นไม่ได้สนใจที่จะมองอีกฝ่ายแม้เพียงแต่ชายอาภรณ์ ฝ่ายของหลัวเฟยเฟิ่งเองนางก็ไม่สนใจผู้ใดเช่นกัน นางคิดเพียงทำหน้าที่ของตนในวันนี้ให้จบสิ้นก็เพียงพอ ยิ่งอีกฝ่ายไม่สนใจนาง หลัวเฟยเฟิ่งยิ่งยินดีเพราะนางเอกก็ไม่อยากเขามาใส่ใจนางเช่นกัน

ในขณะทุกคนกำลังวุ่นวายกับพิธีการ หลัวเฟยเฟิ่งนั้นก็เริ่มคิดหาทางออกให้ตนเองสายตาเหลือบไปมององค์ไท่จื่อหลีเซี่ยงหลิ่วเป็นระยะภายในใจของนางคิดว่าคงไม่ยากกับสายตาของอีกฝ่ายที่ดูรักใคร่น้องสาวของนางอย่างลึกซึ้งไม่เหลือบแลมองผู้ใด คงไม่ยากหากราตรีนี้เขาแวะมาดื่มเหล้ามงคลกับนางตามหน้าที่แล้วตนเองเอ่ยปากขอเขาจากไป

นางจะไปแคว้นไห่โจวที่นั่นมีท่าเรือ คนมาก นางวิชาแพทย์อยู่กับตัวย่อมไม่อดตาย ยามใดที่ตนเองสร้างฐานะได้มั่นคงแล้วจึงค่อยส่งจดหมายให้พี่ชายส่งมารดาเลี้ยงกับน้องเล็กของนางมาอยู่ด้วยกัน หรือหากอีกฝ่ายไม่มาคืนนี้นางก็จะหลบหนีออกไปเช่นไรนางก็จะไม่ยอมถูกขังจนตายแห้งเหี่ยวอยู่วังหลวงเป็นแน่

ที่แห่งนี้ไม่เหมาะกับนางอย่างยิ่ง นางไม่ใช่นางหงส์ หากแต่เป็นเพียงนกนางแอ่นตัวน้อยแค่นั้นนางไม่อยากอยู่สูงกว่าสตรีทั้งใต้หล้า นางแค่ต้องการอิสระท่องไปในยุทธภพ มีเงินมีทอง มีฐานะมั่นคงชีวิตก็จะไร้กังวล นางไม่ชอบแย่งชิงกับผู้ใด ยิ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของบุรุษจะหันซ้ายเหลียวขวาหรือจะลุกจะนั่ง จะยืน หรือเดินล้วนต้องให้สามีกำหนดนางคิดว่าตนเองรับไม่ไหว

“พระชายารองหลัวเชิญตามกระหม่อมไปยังตำหนักหิมะขาวเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

โอ้โห เพียงนามของตำหนักที่จัดให้นางพักอาศัยก็ยังฟังแล้วหนาวจับใจ คาดว่าอีกฝ่ายจะต้องยอมปล่อยตนเองไปให้พ้นหูพ้นตาเป็นแน่ สตรีมือเท้าใหญ่ แถมผิวพรรณนั้นก็ไม่บอบบางขาวใสเช่นสตรีที่เขารักปักใจ หากให้นางไปเป็นนางกำนัลคอยรับใช้ยังพอเป็นไปได้แต่คิดจะให้นางไปเป็นสตรีอุ่นเตียงของเขาคาดว่าจะเกินจริงไปแล้ว

ตำหนักหิมะขาวนี้ไม่ได้อยู่ห่างไกลอย่างที่หลัวเฟยเฟิ่งคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่อยู่ตรงกันข้ามกับตำหนัก หงส์ทองที่จะเป็นที่พักขององค์ไท่จื่อเฟยผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาของนางนี่เอง

"ตำหนักจัดตามฐานะของผู้เป็นเจ้าของพ่ะย่ะค่ะ"

ขันทีรูปร่างบอบบางวัยคงใกล้เคียงกับนางตอบไขข้อสงสัย หลัวเฟยเฟิ่งร้อง'อ๋อ'รับออกมาหนึ่งคำ แล้วจึงเดินตามนางกำนัลอีกสามนางไปนางกำนัลประจำกายของเหลียงตี้มีสามคน ขันทีอีกหนึ่งคน ตำหนักนับว่าใหญ่โต กับนางกำนัลและขันทีดูแลตำหนักอีกราวยี่สิบคนถือว่าดีกว่าชีวิตในจวนแม่ทัพอยู่มาก

หากแต่ก็เหมือนดังกรงทองที่มีเอาไว้กักขังนกน้อยที่รักอิสระเช่นนางเท่านั้น ไม่อาจทำให้นางอยากทิ้งทั้งชีวิตเอาไว้ภายในตำหนักบูรพาแห่งนี้ไปได้ มีทุกสิ่งแต่กลับจบสิ้นอิสระนางไม่ต้องการและที่หลัวเฟยเฟิ่งนั้นไม่รู้อีกสิ่งก็คือขันทีข้างกายนางผู้นี้เป็นคนของไท่จื่อหลีเซี่ยงส่งมาตามติดนางเพื่อจับตามองด้วยความระมัดระวังด้วยกวาดกลัวว่าสตรีเช่นหลัวเฟยเฟิ่งนั้นอาจคิดร้ายกับน้องสาวเช่นหลัวเฟยเมี่ยวได้นั่นเอง

"พระชายารอง แมวน้อยตัวนี้คงต้องนำไปนอนอีกห้องพ่ะย่ะค่ะ องค์ไท่จื่อไม่ชอบสิ่งมีชีวิตเหล่านี้"

เมื่อเข้ามาในห้องหอแล้วขันที่ซึ่งแนะนำตนเองกับนางเมื่อครู่ว่าเขามีนามว่า'ฉงหลิน'ก็เอ่ยกับนางด้วยสีหน้าจริงจัง หลัวเฟยเฟิ่งที่ไม่ยอมให้ผู้ใดอุ้ม'ไป๋ลู่'ของตนเองนอกจากตอนพิธีกราบไว้ฟ้าดินและยกน้ำชาให้กับฮ่องเต้กับเหวินกุ้ยเฟยเท่านั้นถึงกับคิ้วขมวด

"นับจากน้องสาวของข้ามอบเสี่ยวลู่ให้ข้าดูแลมันก็ไม่เคยนอนแยกห้องกับข้ามาก่อน แล้วที่นี่ยังแปลกใหม่ต่อมันมาก ข้าขออยู่กับมันจนกว่าองค์ไท่จื่อจะเสด็จมาทำพิธีเข้าหอให้เสร็จได้หรือไม่ เช่นไรราตรีนี้องค์ไท่จื่อก็คงไม่มีทางอยู่กับข้าทั้งคืนเป็นแน่ รบกวนฉงหลินกงกงเห็นใจข้ากับเสี่ยวลู่ด้วย"

ฉงหลินนั้นปกติเขาก็ชอบสัตว์ตัวน้อยขนนุ่มฟูอยู่แล้วถึงเจ้าแมวตัวน้อยนี้จะดูยิ่งยโสอยู่มาก ทว่าเพราะเอ็นดูสัตว์มาทั้งชีวิตจึงเข้าใจ เขาอนุญาตตามที่พระชายารองร้องขอ ก่อนจะตรวจดูความเรียบร้อยภายในห้องหออีกครู่จึงได้ออกไปด้านนอกเพื่อรอองค์ไท่จื่อนั้นมาร่วมพิธีมงคลกับพระชายารองต่อไป

"เจ้านอนมาทั้งวันแล้ว จะเก็บอ้อมแรงเอาไว้เดินทางในค่ำคืนนี้หรือเสี่ยวลู่"

หลังจากได้นั่งสบายเพราะอยู่เพียงลำพัง หลัวเฟยเฟิ่งจึงปล่อยไป๋ลู่ลงจากอ้อมแขนแล้วเหยียดแข่งเหยียดขาของตนเองออกไปดังใจปรารถนาที่มีมาตลอดทั้งวัน ถึงร่างกายของนางนั้นแข็งแรงมากแต่ยืนและเดินตลอดทั้งวันเป็นเวลาหลายชั่วยามนางก็ย่อมอ่อนล้าปวดไปหมดทั้งร่างเช่นกัน ยิ่งเครื่องประดับบนศีรษะนี้หนักไม่หลายสิบชั่ง ยิ่งปวดไปหมดทั้งลำคอจะหัวไหล่

"เจ้าก็ปวดเหมื่อยหรือ เฮอะ! นอนจะเส้นเอ็นยึดนะสิเจ้าน่ะ"

พอเห็นว่าเจ้าแมวน้อยตัวกลมของหลัวเฟยลี่เดินไปยืดเหยียดไปนางก็กล่าวแดกดันมันไปเล็กน้อยแต่ดูเจ้าตัวแสบคงจะฟังเข้าใจจึงหันมามองค้อนนางหนึ่งครั้งแล้วสะบัดหน้ากระโดดขึ้นไปบนโต๊ะอาหารคาดว่ามันคงหิวแล้วเป็นแน่

"ดียิ่งนอนจนเต็มตื่นก็หิวทันที ไหนดูสิว่า อาหารของตำหนักไท่จื่อนี้มีสิ่งใดพิเศษบ้าง"

หลัวเฟยเฟิ่งไม่สนใจที่จะรอกินพร้อมกับหลีเซี่ยงหลิ่วผู้นั้น เพราะแน่ใจว่าอีกฝ่ายหากแวะมาก็คงมาเพียงเป็นพิธีเท่านั้นหลังจบพิธีการตามธรรมเนียมแล้วอีกฝ่ายก็คงเร่งตรงกลับไปหาสตรีที่เขารักอยู่แล้ว นางจึงคิดว่าควรกินให้อิ่มท้องเอาไว้ก่อนคนเราอิ่มท้องจึงมีเรี่ยวแรง นางยังมีจุดหมายให้ต้องจากไป

"ขาหมูตุ๋น เป็ดอบสมุนไพร ผัดแปดเซียน ของดีทั้งนั้น มาเร็วเข้าเสี่ยวลู่ มื้อนี้พวกเราก็กินให้เต็มท้องกันเถอะ"

หนึ่งคนกับหนึ่งแมวกินอาหารหรูหรานี้ราวกับเป็นมื้อสุดท้ายเพราะว่ากันตามจริงแผนการของนางก็คือหลบหนีไปจากวังหลวงอยู่แล้วต่อให้หลีเซี่ยงหลิ่วจะไม่ยินยอมนางก็จะหาหนทางไปจนสำเร็จ นางมีเงินและทองติดตัวมาอยู่พอมากพอสมควร และสองสิ่งนี้นี่แหละจะพานางหนีออกไปจนได้

อิ่มหนำแล้วทั้งคนและแมวจึงย้ายไปนอนเอาแรงบนเตียง สุราหลัวเฟยเฟิ่งไม่แตะแม้เพียงหยดเดียว เสียดายที่นางนั้นใจไม่กล้าพอจะพกยาพิษหรือยานอนหลับติดกายเข้ามาในวังเพราะคิดว่าหากถูกจับได้คงไม่มีผู้ใดจะช่วยนางให้รอดออกไปได้ ถึงเงินทองจะช่วยแก้ปัญหาได้ แต่นางก็ยังมีเงินทองไม่มากพอจะแก้ปัญหาใหญ่หลวงเช่นพกยาต้องห้ามเข้าวังหลวงได้

หลับเอาแรงไปได้ครู่ใหญ่ขันทีนามฉงหลินก็เข้ามาปลุกนางแล้วแจ้งให้รู้ว่าไท่จื่อกำลังตรงมาทางนี้แล้วยังไม่ทันได้เตรียมตัวเจ้าของเรือนกายสูงใหญ่ผู้เป็นใหญ่ในตำหนักบูรพาก็ผลักประตูเข้ามาแล้ว ฉงหลินรีบคว้าเอาไป๋ลู่ไปจากอ้อมแขนของพระชายารองด้วยกิริยารีบร้อนอยู่หลายส่วน

"!!!"

ใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นไม่รับแขกอย่างยิ่ง หลัวเฟยเฟิ่งเห็นเข้าย่อมเสียขวัญอยู่บ้างแต่ก็เพียงครู่เดียว นางคิดว่าหากไม่ถือโอกาสนี้รีบเจรจาสิ่งที่นางต้องการก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว ดังนั้นเมื่อจบสิ้นพิธีการดื่มสุรามงคลกับผูกผมแล้วเมื่อเรือนกายสูงใหญ่เตรียมจะก้าวขาจากไปนางจึงตรงไปขวางหน้าอีกฝ่ายเอาไว้ทันที

"เจ้าอยากตายหรือ?"

ประโยคแรกที่เขาเอ่ยกับนางก็ช่างชวนเสียขวัญอย่างยิ่ง แต่หลัวเฟยเฟิ่งเคยเจอมาหนักหนากว่านี้ย่อมไม่ตื่นตกใจ นางยังคงแน่วแน่ เตรียมจะเปิดปากเจรจาว่านางจะขอจากไป แต่มิคาดหลีเซี่ยงหลิ่วนั้นกลับอำมหิตอย่างยิ่งจับร่างเล็กเหวี่ยงโครมไปตกลงบนเตียงหลังใหญ่อย่างที่หลัวเฟยเฟิ่งนั้นยังไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ!

โครม!

"อื้อ!"

หญิงสาวจุกแน่นจนขยับไม่ไหว ดังนั้นย่อมมิอาจเอ่ยปากบอกสิ่งที่นางต้องการได้ว่าที่อีกฝ่ายเข้าใจนั้นผิดไปไกลแล้วจริงๆ นางไม่ได้ต้องการเจรจากับเขาบนเตียงนี้ นางเพียงต้องการจะขออิสระแล้วจากไปเงียบๆ เท่านั้น

"อยากเข้าหอกับข้ารึ? ช่างไม่เจียมเงาหัวตนเองจริงๆ"

'หลงตนเอง ไอ้คนชั่วผู้ใดอยากร่วมหอกับเจ้ากัน รอชาติหน้าข้าเกิดใหม่ก็ไม่แน่ว่าจะยอมให้เจ้านั้นได้เห็นหน้าแข่งของข้า!'

แต่หลัวเฟยเฟิ่งนั้นก็ได้แค่คิดในใจเท่านั้นเพราะขณะนี้ หลีเซี่ยงหลิ่วนั้นก้าวขึ้นมาบนเตียงและลงมือบีบคอของนางจนตนเองจะได้ไปเกิดใหม่แล้วจริงๆ!

"!!!"

"อยากร่วมเตียงกับข้าย่อมได้ แต่ชีวิตของเจ้าคงต้องจบลงให้วันนี้แล้วสตรีไร้ยางอาย!"

หลัวเฟยเฟิ่งหูอื้อตายลอยคว้างไปหมดลมหายใจของนางเริ่มขาดห้วง นางผิดอันใด หญิงสาวนึกถามไปถึงสวรรค์ นางก็เพียงอยากจากไปไม่ใช่หรือไร? แต่เจ้าคนโง่หลีเซี่ยงหลิ่วหนึ่งคำกลับไม่สนใจจะฟัง นางเอ่ยปากแม้แต่น้อยก็ตัดสินว่านางไร้ยางอาย สตรีทั้งใต้หล้าอาจอยากได้เขาก็จริง แต่นางไม่ใช่สตรีส่วนมากเหล่านั้น บุรุษผู้นี้เป็นยาพิษสำหรับนางแต่ถูกอีกฝ่ายสัมผัสก็ผื่นคันจะกำเริบเสียให้ได้แล้ว

หญิงสาวพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด มือเล็กทั้งหยิกทั้งข่วน เท้าพยายามถีบร่างแกร่งแต่ หลีเซี่ยงหลิ่วกลับรู้ทันเขาจึงหลบหลีกได้ จนเห็นว่าหลัวเฟยเฟิ่งใกล้สิ้นใจไปจริงๆ เขาจึงยอมปล่อยมือ

"เห็นแก่วันนี้คือวันมงคลของเปิ่นไท่จื่อกับเมี่ยวเอ๋อร์ ชีวิตเจ้าจึงจะเว้นเอาไว้ก่อนแต่...พรุ่งนี้อาจไม่แน่ หึ!"

กล่าวจบบุรุษสารเลวผู้นั้นก็สะบัดชายอาภรณ์จากไปทันทีทิ้งเอาไว้เพียงร่างเล็กของหลัวเฟยเฟิ่งที่เร่งกอบโกยเอาลมหายใจเข้าท้องอย่างมูมมามราวกับคนตายอดตายอยากและหิวโหย นางสำลักไอจนหน้าแดงหน้าดำ สองมือกุมที่ลำคอเอาไว้

"อยู่ไม่ได้แล้ว คนชั่วนั่นไม่เหมาะจะเจรจา!"

พอได้สติกลับมามั่นคงหลัวเฟยเฟิ่งก็ตัดสินใจไม่เจรจาทันที นางต้องหนี และต้องหนีไปในค่ำคืนนี้แล้วด้วย แต่ก่อนอื่นนางจะต้องนำไป๋ลู่กลับมาก่อน จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนอาภรณ์แล้วปลอมเป็นแขกสตรีสักนางปะปนหลบหนีออกไปพอนางคิดตกได้เช่นนั้น หญิงสาวก็ลงมือทันที ซึ่งไม่นานหลัวเฟยเฟิ่งก็หลบออกมาพร้อมกับไป๋ลู่เจ้าแมวขี้เกียจจากตำหนักหิมะขาวได้สำเร็จ

มีเงินมีทองปัญหาใหญ่ก็เล็กลงไปภายในพริบตา พิสูจน์แล้วว่านางคิดถูก เพราะนางซื้อป้ายผ่านทางปลอมมาจากนอกเมืองเตรียมเอาไว้นานหลายวันแล้ว วันนี้นางในชุดนางกำนัลจึงใช้มันจนผ่านออกมาจากตำหนักส่วนตัวของพระชายารองได้ไม่ยากนัก คราวนี้ก็มีเพียงออกไปจากตำหนักบูรพาให้จงได้ก่อนท้องฟ้าสว่าง กับหาทางปะปนออกนอกเมืองหลวงมุ่งหน้าลงไปทางใต้ก็พอจะปลอดภัยแล้วแต่ก่อนจะออกไปจากเมืองหลวงนางต้องไปเอาข้าวของที่ตนเองเอาไปฝากเอาไว้ที่โรงเตี๊ยมรับฝากของเสียก่อน

"อย่าส่งเสียงนะเสี่ยวลู่ หาไม่ชีวิตของข้าก็คงทิ้งเอาไว้ภายในตำหนักบูรพาไม่อาจไปพบหน้าเสี่ยวลี่ได้แล้วจริงๆ"

หญิงสาวบอกกับเจ้าแมวตัวกลมก่อนจะจับมัดใส่ลงไปในห่อผ้าแล้วใช้ความมืดปิดบังการหลบหนีด้วยความระมัดระวัง และช่างง่ายดายจนน่าแปลกใจเพราะบริเวณตำหนักหิมะขาวกับตำหนักหงส์ทองของคู่บ่าวสาวนั้นไม่มีทหารเดินเวรยามแม้แต่คนเดียว!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ของหวงจอมทมิฬ   ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษหลังจากผ่านเรื่องราววุ่นวายทั้งร้ายและดีร่วมกันมาถึงสิบเอ็ดเดือนนับจากวันที่บุกเข้าจู่โจมและยึดคืนราชบัลลังก์ บัดนี้ต้าเว่ยกลับมาสงบสุขอีกครั้งหลังจากเสร็จสิ้นพิธีครองราชย์หลีเซี่ยงหลิ่วก็ขึ้นเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ โดยมีนามว่าเซียวอู๋ตี้ฮ่องเต้และมีจางเยี่ยนจื่อเป็นฮองเฮาเคียงข้างที่ชาวต้าเว่ยและขุนนางทั้งหลายมิได้คัดค้านหรือไม่พึงใจเพราะเซียวอู๋ตี้ฮ่องเต้นั้นประกาศถึงคุณงามความดีของจางฮองเฮาว่านางคือสตรีเดียวที่อยู่เคียงข้างเขาในยามยากช่วยชีวิตจนเขาผ่านพ้นปรโลกมาได้ฝ่ายของจางเยี่ยนจื่อนั้นที่นางเลือกจะใช้แซ่จางต่อไปไม่เปลี่ยนกลับไปใช้แซ่เดิมของมารดาก็เพราะนางอยากจะยกย่องนางจางซื่อที่เลี้ยงดูตนเองมาแต่สุดท้ายกลับต้องมาจบชีวิตลงเพราะพี่ชายของตนเองซึ่งแน่นอนว่าหลีเซี่ยงหลิ่วนั้นตามใจนางอยู่แล้วและวันนี้นางก็มายืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพขนาดเล็กที่สลักคำว่า'ไป๋ลู่'เอาไว้ด้วยแผ่นหินอย่างดี ซึ่งมันตั้งอยู่ที่ท้ายตำหนักหนิงเฟิ่งของและสามีด้วยฝีมือการขนย้ายของฉางเฉี่ยนกับจงเจิ้งที่จัดการมาให้ตามคำสั่งของเซียวอู๋ตี้ผู้เป็นนาย"ความจริงข้าอยากจะย้ายเอาไปไว้ที่สุสานของนางจางซื่อและหลัวเฟยล

  • ของหวงจอมทมิฬ   ตอนจบ

    ตอนจบและอีกหนึ่งเดือนต่อมากองทัพของไท่จื่อหลีเซี่ยงหลิ่วก็มาถึงตำบลฝูซานที่ตั้งอยู่นอกประตูเมืองอยู่หนึ่งร้อยลี้ด้วยกำลังทหารที่มากถึงสองแสนเจ็ดหมื่นสามพันคน เรียกว่าเพียงแค่ได้ข่าวถึงจะแค้นแสนแค้นหลัวเหยียนฟ่านก็ยังไม่กล้าเคลื่อนทัพออกมาเอาชีวิตของหลีเซี่ยงหลิ่วเช่นที่เขานั้นเคยลั่นวาจาเอาไว้แม้แต่น้อยภายในเมืองนั้นวุ่นวายไปด้วยครอบครัวขุนนางกังฉินที่ยืนอยู่ฝ่ายหลีซือหลางที่ต่างพากันเคลื่อนย้ายทรัพย์สินและผู้คนเนื่องจากคราวนี้แน่นอนว่าผู้ใดจะชนะแล้วต่อให้ทหารของไท่จื่อหลีเซี่ยงหลิ่วยังไม่ได้เข้าประตูเมืองมา เพราะชาวบ้านชาวเมืองนั้นแค่เพียงทราบข่าวว่าไท่จื่อเคลื่อนทัพมาทวงราชบัลลังก์คืนพวกเขาล้วนต่างยินดีปรีดาเตรียมพร้อมที่จะเปิดประตูเมืองต้อนรับฮ่องเต้ที่พวกเขาพึงใจมากกว่าหลีซือหลางที่เป็นเพียงกบฏอำมหิตสังหารบิดาและพี่น้องจนหมดสิ้นแต่เพียงขบวนหลบหนีของเหล่าขุนนางกังฉินและทหารหนีกองเคลื่อนออกพ้นประตูเมืองก็ถูกคนของหลีเซี่ยงหลิ่วจับกุมเอาไว้ได้ทั้งหมด บุรุษหากเป็นสายรองก็จะถูกส่งไปใช้แรงงานในเหมือง ส่วนสตรีนั้นจะถูกส่งไปทำนาเกลือรวมทั้งเด็กและคนชราส่วนบุรุษสายตรงล้วนถูกตัดสินประหารท

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่40

    บทที่40ดังนั้นในยามสายของอีกวันต่อมาขณะที่จางเยี่ยนจื่อนั้นเตรียมตัวเก็บข้าวของเพื่อจะติดตามสามีของนางไปทำศึกใหญ่ในฐานะหมอหลวงประจำตัวของแม่ทัพใหญ่เช่นไท่จื่อหลีเซี่ยงหลิ่วอยู่นั่นเอง'ข่าว'ที่ท่านหญิงหยวนข้อมือขวาหายไปในยามถูกควบคุมตัวไปยังวัดบนเขาก็ลอยมาเข้าหูของหญิงสาวเข้าจนได้ครั้งแรกจางเยี่ยนจื่อก็เตรียมจะวางมือจากงานตรงหน้าแล้วไปต่อว่าหลีเซี่ยงหลิ่วที่ไม่รักษาสัญญาหกทบทวนจนถี่ถ้วนก็ค่อยกระจ่างเป็นนางที่ไม่รอบคอบเองเพราะนางเพียงถามเขาเท่านั้นว่า ‘ท่านจะไปเอาความหยวนโม่ซินหรือจะอยู่เอาความกับจื่อจื่อดีเล่า? ‘เท่านั้นนางไม่ได้สั่งห้ามเขาอย่างเด็ดขาดและจริงจังว่าห้ามไปเอาความกับหยวนโม่ซินอีก"มือก็ตัดไปแล้ว ดูแล้วก็คงหลายชั่วยามไปช่วยต่อให้ก็คงไม่ได้ผล เฮ้อ คืนนี้ก็ไม่ต้องเข้ามานอนให้ห้องกับข้าก็แล้วกัน!"ซึ่งจางเยี่ยนจื่อนั้นไม่ได้พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นแต่นางจริงจังอย่างยิ่งดังนั้นตกดึกของค่ำคืนนั้นเรือนรับรองฝั่งของมู่หยางอ๋องจึงต้องต้อนรับหลานชายที่เดินหน้าบึ้งตึงราวกับหนังกลองที่แม้แต่อาหารมื้อค่ำก็ยังไม่ได้กิน คิ้วเข้มของหนุ่มใหญ่พลันขมวดไม่เข้าใจว่าเหตุหลีเซี่ยงหลิ่วผู้ไม่

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่39

    บทที่39หลังจากตัดสินคดีความเรียบร้อยจางเยี่ยนจื่อนั้นก็แยกตัวไปรักษาอาการให้กับหยวนโม่ซินส่วนอดีตพระชายาเหลียงก็เป็นหน้าที่ของหมอหลวงประจำตำหนักเหลียงอ๋องไป ส่วนมู่หยางอ๋องนั้นก็มีตัวของซื่อจื่อน้อยไปเป็นภาระอีกหนึ่งคนมีเพียงหลีเซี่ยงหลิ่วที่ว่างแล้วเขาจึงติดตามภรรยาของตนเองไปทว่า..."รักษาด้วยการแช่น้ำสมุนไพรและฝังเข็มต้องปลดอาภรณ์ออกทั้งหมด ท่านจะไปช่วยอยู่หรือไม่?"จางเยี่ยนจื่อนั้นหันกลับมาถามอีกฝ่ายเสียงสงบ ทำเอาบุรุษตัวโตราวกับหมียักษ์ถึงกับยิ้มเจื่อนไม่กล้าขยับขาก้าวตามภรรยาตัวน้อยไปอีก"เช่นนั้นเจ้ารีบกลับนะ ข้าจะรอนอนพร้อมกับเจ้า""ดวงตาของเราใช้ร่วมกันหรือ?""ไม่ได้ใช้ร่วมกัน""เช่นนั้นจะรอหม่อมฉันด้วยเหตุอันใด ไปนอนเพคะ"จางเยี่ยนจื่อกล่าวแล้วก็ไม่ใส่ใจบุรุษผู้เป็นสามีของตนเองอีก ปล่อยให้หลีเซี่ยงหลิ่วหน้าตาบิดเบี้ยวเพราะรู้สึกขัดใจแต่จะทำสิ่งใดได้อยู่อีกนอกจากหันหลังกลับไปยังเรือนรับรองไปนอนดังที่ภรรยาออกคำสั่งด้วยกิริยากระฟัดกระเฟียดชวนขบขันยิ่งนักในสายตาขององครักษ์ทั้งสามชีวิตที่ติดตามองค์ไท่จื่อแห่งต้าเว่ยเช่นจงเจิ้ง หย่งเซิ่งและเกาเหิงยิ่งนัก"ข้าไม่ได้กลัวนางนะ ข้าแค

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่38

    บทที่38ฝ่ายของซ่งฉู่เหอที่รับมอบหมายหน้าที่จากหลานชายให้มาชำระความกับเหลียงอ๋องและพระชายาของอีกฝ่ายบัดนี้เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเหลียงอ๋องนั้นใช้ว่าราชการประจำโดยมีเหลียงอ๋องหยวนโม่เซียวกับพระชายาเอกและคนของเขาถูกทหารองครักษ์ของไท่จื่อกับของมู่หยางอ๋องควบคุมให้นั่งอยู่บนพื้นหน้าโถงทางเดินของท้องพระโรงด้วยใบหน้าสลดหดหู่ ส่วนขุนนางกับซื่อจื่อนั้นยืนร่วมเป็นพยานอยู่สองข้างของท้องพระโรงว่าราชการด้วยสีหน้าแตกตื่นกันถ้วนหน้า"เหลียงอ๋องหยวนโม่เซียวและพระชายาเหลียงคงรู้ความผิดของตนเองดีแล้วใช่หรือไม่"ขุนนางที่แต่เดิมเหลียงอ๋องนั้นตั้งใจเชิญมาเป็นพยานให้ตนเองกับบุตรสาวมิคาดบัดนี้กลับต้องมาเป็นพยานให้ฝ่ายของมู่หยางอ๋องแทนต่างก็เหลียวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ผิดกับซื่อจื่อหยวนโม่หวายวัยสิบห้าหนาวที่พยายามห้ามปรามทั้งพี่สาว มารดาและบิดาแล้วแต่กลับไม่มีผู้ใดหยุดฟังเขาเลยแม้แต่คนเดียวที่ยืนหน้าถอดสีมองตรงไปยังมู่หยางอ๋องด้วยความกังวลใจถึงเก้าส่วนว่าอาจได้รับโทษหนักอย่างแสนสาหัสเพียงใดก็ยากจะรู้แจ้งถึงความคิดของไท่จื่อหนุ่มนั้นจะตัดสินเช่นไร"หรือเหลียงอ๋องยังมีสิ่งใดอยากจะกล่าวแก้ตัวก็กล่าวออกมา

  • ของหวงจอมทมิฬ   บท37

    บทที่37ระหว่างทางที่ต้องเดินกลับเรือนรับรองมีหลายครั้งที่หลีเซี่ยงหลิ่วควบคุมตนเองไม่ได้พยายามจะจับเรือนร่างอรชรของจางเยี่ยนจื่อนั้นกดลงพื้นอยู่หลายครั้งจนจงเจิ้งนั้นต้องพุ่งเข้ามาแยกเขาคนตัวโตออกไปประคับประคองด้วยตนเองแทน จางเยี่ยนจื่อจึงใช้โอกาสนั้นล่วงหน้าไปเตรียมห้องอาบน้ำรอเอาไว้ก่อนเมื่อไท่จื่อหนุ่มไปถึงจะได้เริ่มแช่น้ำสมุนไพรได้เลย"ทรงมีสติก่อนพ่ะย่ะค่ะไท่จื่อ"จงเจิ้งถูกลวนลามหนักเข้าเขาก็จำต้องเอ่ยปากกรามอีกฝ่ายที่เป็นบุรุษตัวโตไม่ต่างจากตนเองเช่นกันให้เขาตั้งสติสักหน่อย หลีเซี่ยงหลิ่วจึงสะดุ้งคืนสติกลับมา ความทรมานที่ตนเองได้รับคราวนี้ชายหนุ่มจะขอจดจำเอาไว้เลยว่าสตรีนั้นอันตรายเพียงใดโดยเฉพาะสตรีสาวน้อยที่ดูบอบบางอ่อนหวานนั้นร้ายกาจกว่าสตรีที่ตรงไปตรงมาเช่นนางเยี่ยนจื่อมากนัก"พาเขามาทางนี้เลยข้าเตรียมทุกสิ่งเสร็จเรียบร้อยพอดี"พอไปถึงเรือนรับรอง จางเยี่ยนจื่อก็ออกมารอรับหลีเซี่ยงหลิ่วด้วยตนเอง ภายในห้องอาบน้ำไร้เงาของนางกำนัล พอจงเจิ้งประคองเรือนกายสูงใหญ่ของผู้เป็นนายมาส่งจนถึงหน้าบ่ออาบน้ำขนาดใหญ่ที่บัดนี้เต็มไปด้วยสมุนไพรหาใช่ดอกไม้หอมเช่นปกติแล้วจึงถอยออกไปรอด้านนอกเช

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status