Share

ของหวงจอมทมิฬ
ของหวงจอมทมิฬ
Penulis: จ้าวเฉียว / พลอยพันแสง

บทนำ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-05 21:01:04

บทนำ

รัชศกไท่เฉิงที่19ของดินแดนต้าเว่ย ปกครองโดยฮ่องเต้นามว่า'หลีสือซาน'มังกรหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเก้าหนาวโดยไม่มีฮองเฮาเคียงข้างนอกจากกุ้ยเฟยกับเหล่าพระสนมทั้งหลายเท่านั้น นั่นก็เพราะอดีตฮองเฮาจากไปในวัยสาวหลังจากมีบุตรชายให้ฮ่องเต้หนุ่มในวันวานอายุเพียงเจ็ดหนาวนางก็ถึงแก่กรรมไป ทำให้ฮ่องเต้หนุ่มใหญ่นั้นยังรักมั่นคงกับอดีตฮองเฮาที่หวนคืนสวรรค์ไปเร็วไวมาจนถึงในยามนี้และไม่ยอมแต่งตั้งสตรีใดขึ้นมาเป็นฮองเฮาแทนที่อีกเลย

และในวันนี้ก็เป็นวันดีอีกหนึ่งวัน ของเมืองหลวงของดินแดนต้าเว่ย เพราะวันนี้คือวันที่องค์ไท่จื่อ'หลีเซี่ยงหลิ่ว'หรืออดีตองค์ชายสี่ซึ่งเกิดจากอดีตฮองเฮาเช่น ‘ซ่งหลิวอิ๋ง’ที่เพิ่งถูกมอบตำแหน่งไท่จื่อแห่งต้าเว่ยได้เพียงหกเดือนนั้นแต่งพระชายารองหรือเหลียงตี้คนที่หนึ่งและพระชายาเอกหรือไท่จื่อเฟยเข้าตำหนักบูรพาพร้อมกันนั้นเอง ชาวเมืองสองข้างถนนต่างมายืนรอชมขบวนเกี้ยวเจ้าสาว ซึ่งเป็นพี่น้องกันมาจากสกุลหลัวเหมือนกัน อย่างน้อยครั้งที่จะบังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในดินแดนต้าเว่ย

รัชศกไท่เฉิงที่19ของดินแดนต้าเว่ย ปกครองโดยฮ่องเต้นามว่า'หลีสือซาน'มังกรหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเก้าหนาวโดยไม่มีฮองเฮาเคียงข้างนอกจากกุ้ยเฟยกับเหล่าพระสนมทั้งหลายเท่านั้น นั่นก็เพราะอดีตซ่งฮองเฮาจากไปในวัยสาวหลังจากมีบุตรชายให้ฮ่องเต้หนุ่มในวันวานอายุเพียงเจ็ดหนาวนางก็ถึงแก่กรรมไป ทำให้ฮ่องเต้หนุ่มใหญ่นั้นยังรักมั่นคงกับอดีตฮองเฮาที่หวนคืนสวรรค์ไปเร็วไวมาจนถึงในยามนี้และไม่ยอมแต่งตั้งสตรีใดขึ้นมาเป็นฮองเฮาแทนที่อีกเลย

และในวันนี้ก็เป็นวันดีอีกหนึ่งวัน ของเมืองหลวงของดินแดนต้าเว่ย เพราะวันนี้คือวันที่องค์ไท่จื่อ'หลีเซี่ยงหลิ่ว'หรืออดีตองค์ชายสี่ซึ่งเกิดจากอดีตฮองเฮาเช่น ‘ซ่งหลิวอิ๋ง’ ที่เพิ่งถูกมอบตำแหน่งไท่จื่อแห่งต้าเว่ยได้เพียงหกเดือนนั้นแต่งพระชายารองหรือเหลียงตี้คนที่หนึ่งและพระชายาเอกหรือไท่จื่อเฟยเข้าตำหนักบูรพาพร้อมกันนั้นเอง ชาวเมืองสองข้างถนนต่างมายืนรอชมขบวนเกี้ยวเจ้าสาว ซึ่งเป็นพี่น้องกันมาจากสกุลหลัวเหมือนกัน อย่างน้อยครั้งที่จะบังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในดินแดนต้าเว่ย

นั่นอย่างไรหัวขบวนมาโน่นแล้ว”

ท่านป้าท่านหนึ่งชี้มือชี้ไม่ไปยังหัวโค้งถนนที่เห็นหัวขบวนรับตัวเจ้าสาวโผล่มาให้ได้แลเห็น ซึ่งเพียงหัวขบวนก็ยิ่งใหญ่หรูหราให้เป็นบุญตาของชาวบ้านชาวเมืองแล้วจริงๆ

องค์ไท่จื่อช่างรูปงามเสียจริง”

เสียงผู้หนึ่งที่เริ่มแลเห็นหลีเซี่ยงหลิ่ว องค์ไท่จื่อหนุ่มวัยยี่สิบสองหนาวที่อยู่บนอาชาเหงื่อโลหิตสีขาวโดดเด่นที่นำหน้าเกี้ยวหลังโตหรูหราเต็มพิธีการ จนบดบังเกี้ยวหลังน้อยที่อยู่ด้านหลังเอาไว้จนแทบมองไม่เห็น คราวนี้แทนที่ชาวบ้านจะชื่นชมเจ้าบ่าวหรือขบวนสินสอดและเกี้ยวของพระชายาเอก กลับเริ่มกล่าวขวัญนินทาไปถึงเจ้าสาวในเกี้ยวหลังน้อยที่เคลื่อนอยู่ท้ายขบวนซึ่งเป็นพระชายารองทันที

ข้าพอได้ฟังมาบ้างว่าบุตรสาวคนรองของท่านแม่ทัพใหญ่หลัวนั้นไม่เป็นที่รักใคร่ของบิดาทั้งที่นางนั้นก็เกิดร่วมมารดาเดียวกับท่านแม่ทัพน้อยหลัว ที่แท้ก็เป็นจริงหรือนี่?”  ท่านป้าผู้หนึ่งจีบปากจีบคอเจรจา

ก็เห็นๆ กันอยู่ ข้าเพิ่งได้ฟังมาจากบ่าวในจวนท่านแม่ทัพใหญ่หลัว ว่าที่ต้องแต่งคราวนี้เพราะตามธรรมเนียมแล้วหากพี่สาวไม่แต่งออก น้องสาวก็แต่งงานออกไม่ได้เช่นกัน คราวนี้ไท่จื่อไม่เต็มใจแต่งกับคุณหนูรองหลัวแต่เพราะรักใคร่คุณหนูสามมากจึงจำใจต้องแต่งเอาพี่สาวของคนรักมาเป็นตัวแถม”  ท่านป้าอีกคนที่ดูท่าทางแล้วคงรู้ความมากกว่าผู้อื่นกล่าวออกมาอย่างทรงภูมิ

เสียงนินทานั้นลอยมาเข้าหูของคนในเกี้ยวหลังน้อยที่ทั้งเล็กทั้งแคบ ซึ่งรั้งอยู่ท้ายขบวนแทบจะไร้ตัวตน แต่คำนินทาเหล่านั้นกลับไม่ได้ทำให้นางรู้สึกเสียใจหรือไม่พึงใจแม้แต่น้อย นางหลัวเฟยเฟิ่ง’ บุตรสาวคนรองที่เกิดจากอดีตฮูหยินเอกของท่านแม่ทัพใหญ่หลัวนามว่า‘หลัวเหยียนฟ่าน’ แต่กลับมีชีวิตเหมือนไร้ตัวตนอยู่ในจวนใหญ่มาตลอดสิบแปดหนาวเลยแม้แต่น้อย

ก็เห็นๆ กันอยู่ ข้าเพิ่งได้ฟังมาจากบ่าวในจวนท่านแม่ทัพใหญ่หลัว ว่าที่ต้องแต่งคราวนี้เพราะตามธรรมเนียมแล้วหากพี่สาวไม่แต่งออก น้องสาวก็แต่งงานออกไม่ได้เช่นกัน คราวนี้ไท่จื่อไม่เต็มใจแต่งกับคุณหนูรองหลัวแต่เพราะรักใคร่คุณหนูสามมากจึงจำใจต้องแต่งเอาพี่สาวของคนรักมาเป็นตัวแถม” ท่านป้าอีกคนที่ดูท่าทางแล้วคงรู้ความมากกว่าผู้อื่นกล่าวออกมาอย่างทรงภูมิ

โอ๊ย! จริงหรือนี่ แย่จริง หากเป็นเช่นนั้นคุณหนูรองหลัวก็ช่างน่าสงสารเกินไปแล้ว”

เสียงนินทานั้นลอยมาเข้าหูของคนในเกี้ยวหลังน้อยที่ทั้งเล็กทั้งแคบ ซึ่งรั้งอยู่ท้ายขบวนแทบจะไร้ตัวตน แต่คำนินทาเหล่านั้นกลับไม่ได้ทำให้นางรู้สึกเสียใจหรือไม่พึงใจแม้แต่น้อย นางหลัวเฟยเฟิ่ง’ บุตรสาวคนรองที่เกิดจากอดีตฮูหยินเอกของท่านแม่ทัพใหญ่หลัวนามว่าหลัวเหยียนฟ่าน’ แต่กลับมีชีวิตเหมือนไร้ตัวตนอยู่ในจวนใหญ่มาตลอดสิบแปดหนาวเลยแม้แต่น้อย

มือเรียวลูบขนของแมวเหมียวตัวน้อยอายุหกเดือนพลางนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วุ่นวายภายในจวนสกุลหลัวเมื่อสามเดือนก่อน ที่มาที่ไปของการที่นางต้องมานั่งตัวเล็กตัวลีบอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวหลังน้อยที่ทั้งเล็กทั้งแคบ ที่นอกจากคนแบกเกี้ยวทั้งสี่คนราวกับหามโลงศพเอาไปฝังไม่ใช่หามเกี้ยวเจ้าสาวไปส่ง ก็ไม่มีสาวใช้ติดตามแม้แต่คนเดียวในขณะนี้ทันที

...จวนสกุลหลัวเมื่อสามเดือนก่อน...

"ไม่เจ้าค่ะท่านพ่อข้าไม่ยินดีแต่งกับไท่จื่อเซี่ยงหลิ่วเด็ดขาด!"

เผียะ! เผียะ! เผียะ!

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสะท้อนก้องออกมาจากภายในห้องโถงกลางของจวนของสกุลหลัวของท่านแม่ทัพใหญ่หลัวเหยียนฟ่านของดินแดนต้าเว่ยทำเอาสตรีวัยสามสิบห้าหนาวถลาตามติดร่างน้อยของลูกเลี้ยงสาวของนางลงไปก่อนที่นางจะเอากายของตนเองปกป้องหลัวเฟยเฟิ่งที่นางเลี้ยงดูมาราวกับบุตรสาวของตนเองอีกคนทันที

"นายท่านอย่าทำร้ายเสี่ยวเฟิ่งเลยนะเจ้าค่ะ นางก็ผ่ายผอมถึงเพียงนี้ตบตีนางไปประเดี๋ยวก็ช้ำในตายกันพอดี"

นางจางซื่อหรือฮูหยินรองคนปัจจุบันของท่านแม่ทัพใหญ่หลัวหันไปขอร้องผู้เป็นสามีด้วยน้ำตาเต็มใบหน้าหากแต่เด็กสาวผู้ถูกตบจนใบหน้าบวมกลับไม่มีน้ำตาสักเพียงหยดและไม่ปริปากร้องขอความเมตตาจากคนเป็นบิดาโดยแท้ของตนเองอีกด้วย เพราะนางรู้ดีว่าบุรุษผู้นี้ยิ่งนางวิงวอนเขายิ่งเสียสติและคลุ้มคลั่งทุบตีตนเองหนักมือขึ้นไปอีกหลายส่วน

"หลบไปเย่เซียงหากเจ้าไม่หลบข้าจะไม่เกรงใจเจ้าเช่นกัน"

หลัวเหยียนฟ่านตวาดเสียงดังก้อง ใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธขึ้งเพราะนังตัวดีสายเลือดชายชู้มันไม่เจียมตัวเจียมตนเองแต่ดื้อดึงไม่ฟังคำสั่งของเขาแล้วหากไม่ทุบตีมันจะยิ่งเหิมเกริมเท่านั้น

"ไม่เจ้าค่ะ หากข้าหลบท่านก็ตีเสี่ยวเฟิ่งจนตายเท่านั้น"

นางจางซื่อหาได้กล่าวเกินจริงเพราะตลอดมานับจากฮูหยินใหญ่หนีหายทิ้งเอาไว้เพียงบุตรสาวเช่นหลัวเฟยเฟิ่งนายท่านหลัวหรือแม่ทัพใหญ่นั้นก็ไม่เคยปรานีเด็กน้อยไร้เดียงสาแม้เพียงหนึ่งครั้งพบหน้าหากไม่ตบตีก็ด่าทอหากไม่มีเหล่าฮูหยินหลัวและนางคอยปกป้องเกรงว่าเด็กน้อยวัยเพียงยี่สิบเก้าวันในอดีตนั้นก็คงตายไปนานแล้ว

เผียะ!

"บังอาจแข็งข้อกับข้าหรือเย่เซียง!" ดวงตาของบุรุษหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้าหนาวแดงก่ำราวกับดวงตาของปีศาจร้ายมิใช่ดวงตาของคนปกติทั่วไปอีกต่อไป

"นายท่านหลัวปล่อยท่านแม่รองเดี๋ยวนี้นะ!"

เด็กสาวเรือนกายบอบบางวัยสิบแปดหนาวตาลุกวาวทันใดเมื่อเห็นบิดาของตนเองนั้นตบตีนางจางซื่อจนโลหิตไหลออกมาจากมุมปากแดงฉานไปหมด

"นังเลือดชั่วบังอาจแข็งข้อไม่พอเดี๋ยวนี้ถึงกับปีกกล้าขาแข็งคิดต่อสู้ข้าแล้วหรือ" เมื่อหลัวเฟยเฟิ่งพุ่งตัวเข้าไปแยกผู้เป็นบิดาแน่นอนว่านางต้องทุ่มเทกำลังแรงกายทั้งหมดเพื่อผลักดันแม่ทัพใหญ่ออกไปจึงทำให้หนุ่มใหญ่ยิ่งโกรธจนหน้ามืดไปหมด

"คำก็นังเลือดชั่ว อีกคำก็นังลูกชายชู้นับจากจำความได้ข้าหาได้เป็นคนดีเช่นนั้นข้าคิดปกป้องท่านแม่รองปกป้องตนดังนั้นจะถูกท่านด่าทอว่าเลวลงไปอีกขั้นล้วนไม่ติดขัด อันใดทั้งสิ้นเจ้าค่ะ นายท่านหลัว!"

หลัวเฟยเฟิ่งมองคนที่เป็นบิดาแค่เพียงฐานะด้วยดวงตาแข็งกร้าวเพราะภายในใจไร้ความผูกพันกับบุรุษผู้นี้มานานแล้วก็นับจากนางจำความได้เขาผู้นี้ไม่เคยอ่อนโยนรักใคร่เช่นบิดาผู้อื่น นอกจากนางจะเกิดมาเป็นหญิงแล้วนางยังมีมารดาเป็นสตรีแพศยาหนีตามชายชู้ไปทำให้เขาต้องอับอายขายหน้าคนทั่วทั้งเมืองหลวง นางที่ยังเด็กจึงถูกใช้เป็นที่ระบายโทสะและความคับแค้นมาตั้งแต่อายุเพียงไม่กี่หนาว

ยังดีว่ามีท่านแม่รองกับท่านย่าที่คอยคุมศีรษะของนางมาหลายหนาวจนเมื่อหนึ่งหนาวก่อนฮูหยินผู้เฒ่าหลัวจากไปด้วยโรคชรานางที่พยายามหลบหลีกไม่ยอมออกเรือนก็ถึงคราวลำบาก เพราะฮูหยินใหญ่ของท่านแม่ทัพใหญ่หลัวคนปัจจุบันนั้นเริ่มไม่พึงใจแล้วที่นางซึ่งเป็นบุตรสาวที่อาจนับได้ว่าเป็นรองแค่เพียงบุตรชายคนโตที่เป็นพี่ชายใหญ่นั้นไม่ยอมออกเรือน น้องสาวอีกสองคนย่อมไม่อาจแต่งงานออกเรือนก่อนพี่สาวได้นั่นเองซึ่งหลัวเฟยลี่นั้นไม่เดือดร้อนเพราะยังเด็กนักแต่ที่ดูจะเดือดร้อนมากคงเป็นหลัวเฟยเมี่ยวที่อายุน้อยกว่านางอยู่สามเดือนมากกว่า

แต่เพราะตลอดหนึ่งหนาวหลัวเฟยเฟิ่งใช้ข้ออ้างเฝ้าสุสานของฮูหยินผู้เฒ่าหลัวเพื่อไว้ทุกข์จึงยังไม่ได้ตกลงแต่งงานออกไปกับคุณชายตระกูลใด แต่เดิมทีนางก็มองดูลู่ทางเอาไว้แล้วเพราะสิ้นท่านย่าของนางไปท่านแม่รองกับน้องสาวคนเล็กของนางคงลำบากเพราะฮูหยินใหญ่ผู้นี้นั้นไม่ใช่คนดีอันใดบัดนี้สิ้นบุญท่านย่าแล้วนางคงได้แต่หาบุรุษธรรมดาสักคนมาแต่งงานบังหน้าแล้วแอบจ่ายเงินแก้ปัญหา ทว่ามิคาดฮูหยินใหญ่และบิดาของนางจะไม่รอเวลาครบหนึ่งหนาวไว้ทุกข์ก็ยอมรับหนังสือสู่ขอขององค์ไท่จื่อหลีเซี่ยงหลิ่วเสียแล้ว ซึ่งหากรับหนังสือสู่ขออย่างเดียวนางคงไม่ร้อนใจ แต่ที่นางรับไม่ได้และไม่ยินยอมอยู่ในขณะนี้ก็คือบิดากำลังบีบบังคับให้นางแต่งงานไปเป็นตัวแถมของน้องสาวคนที่สามเช่นที่อายุห่างจากนางอยู่สามเดือนแต่กลับอย่างเร่งออกเรือนจนตัวสั่นนะสิ!

ครอบครัวนี้มันช่างวิปริตเสียจริง เพื่ออำนาจวาสนาเรื่องอกตัญญูเช่นนั้นก็ยังทำได้ลง!…

มีอย่างที่ใดพี่กับน้องสาวแต่งงานกับบุรุษคนเดียวกัน มีสามีคนเดียวกัน ผู้อื่นหลัวเฟยเฟิ่งยังอาจจะหลับหูหลับตาแต่งไปก่อนจากนั้นค่อยหาวิธีซื้อหนังสือหย่าจากน้องเขยในภายหลัง แต่คนผู้นั้นเป็นถึงองค์ชาย ไม่สิ เขาเป็นถึงองค์ไท่จื่อไปเมื่อสามเดือนก่อนแล้วเป็นว่าที่ฮ่องเต้พระองค์ต่อไปอย่างแน่นอน แค่เชื้อพระวงศ์หลัวเฟยเฟิ่งก็ไม่คิดจะไปยุ่งเกี่ยวแล้ว นี่เป็นถึงว่าที่ฮ่องเต้องค์ต่อไปเชียวนะนางยิ่งไม่คิดจะเข้าใกล้

ถึงนางจะมีนามที่แปลได้ความว่า'หงส์ทะยานบิน'แต่กลับไม่เคยมีใจคิดใฝ่สูงเช่นนั้นเลย หลัวเฟยเฟิ่งนั้นอยากใช้ชีวิตเรียบง่าย ออกเดินทางท่องไปในใต้หล้าเพื่อนำวิชาแพทย์ของตนเองที่ได้ร่ำเรียนมาไปช่วยเหลือผู้คนเป็นแค่เพียงนกนางแอ่นน้อยโบยบินอย่างอิสระเสรี หากวันใดท่านแม่รองของนางแก่เฒ่าจนมิอาจรับใช้บิดาได้แล้วนางก็จะรับอีกฝ่ายไปเลี้ยงดูเองไม่รบกวนคนสกุลหลัวเด็ดขาด แต่ใครจะคิดว่าความฝันของนางกำลังจะพังทลายเพราะน้องสาวต่างมารดานั้นอยากเป็นใหญ่เป็นโตเกินตัวเช่นนี้อยากเป็นใหญ่ก็แล้วไปเถิดแต่เหตุใดต้องลากนางดิ่งลงขุมนรกไปด้วยเล่า?!

เผียะ! โครม!

เรือนกายอรชรถูกบิดาตบจนปลิวไปกระแทกกับโต๊ะมุมห้องสติของหลัวเฟยเฟิ่งนั้นมืดสนิทไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมารับรู้ถึงอ้อมกอดของมารดาเลี้ยงที่นางอาจรักมากกว่ามารดาแท้จริงที่ทอดทิ้งกันไปโอบกอดตนเองเอาไว้แนบแน่น ปากของนางจางซื่อก็ร้องบอกให้สามีของนางหยุดมือหยุดเท้าอย่าทำร้ายเด็กสาวน่าสงสารอีกเลย

"พอแล้ว พอเถิดเจ้าค่ะนายท่าน ได้โปรดอย่าตบตีเสี่ยวเฟิ่งอีกเลย"

นางจางซื่อพยายามวิงวอนและขอร้องให้สามีของนางนั้นเมตตาคนตัวน้อยในอ้อมแขนของตนเองด้วยน้ำตาเต็มใบหน้าแต่คนจิตใจดำมืดมีหรือจะฟังคำห้ามปรามเหล่านั้น'หลัวเหยียนฟ่าน'ยังคงตรงเข้าไปกระชากลากถูเรือนกายอรชรของบุตรสาวที่บัดนี้ชุ่มโชกไปด้วยโลหินแดงฉานดวงตาของหลัวเฟยเฟิ่งนั้นยังดูลอยคว้างคาดว่าคงยังมีสติไม่ครบถ้วนเลยด้วยซ้ำไป

"ข้าให้เจ้าแต่งเจ้าก็ต้องแต่งออกไปหาไม่ หึ!หากเจ้าไม่ยินยอมแต่งออกไปพร้อมกับเมี่ยวเอ๋อร์ชาตินี้ข้าก็จะไม่ให้เข้าก้าวขาออกไปพ้นจวนสกุลหลัวแน่กิจการโรงหมออะไรนั่นของเจ้าก็อย่าได้หวังทำต่อไปเลย และไม่ใช่เพียงเจ้า ท่านแม่รองกับน้องเล็กของเจ้าข้าก็จะขายพวกนางออกไปยังหอนางโลมที่ชายแดนเสีย! เหล่าซานเอากรรไกรมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!!!"

เสียงเอ็ดอึงของฮูหยินรองหยวนกับนายท่านหลัวดังออกไปถึงหน้าจวน แต่ฮูหยินใหญ่และคุณหนูสามนั้นกลับไม่สนใจพากันนั่งเลือกผ้าและเครื่องประดับราวกับภายในจวนนี้สงบสุขหนักหนา ก็สามีนั้นจัดการแทนแล้วนางจะเดือดร้อนให้ตนเองดูไม่ดีในสายตาของบ่าวไพร่ภายในจวนไปไย ยิ่งอีกไม่นานนางจะเป็นมารดาของไท่จื่อเฟย ภาพลักษณ์ย่อมต้องงดงาม บุตรสาวของนางก็เช่นกัน หลัวเฟยเมี่ยวนั้นราวกับถอดแบบนิสัยของคนเป็นมารดาไม่มีผิดดังนั้นแล้วขณะนี้ใครจะถูกตีจนตายก็ไม่เกี่ยวกับนางแม้แต่น้อยขอเพียงนางได้ดังที่ใจที่ตนเองมุ่งหวังล้วนพอแล้ว

"ยอมแล้ว...ข้ายอมแล้ว..."

และนั่นคือจุดจบที่หลัวเฟยเฟิ่งจำเป็นต้องเลือก เพราะนางใจดำอำมหิตไม่พอ นางเห็นคนที่เลี้ยงดูตนเองและน้องสาวตัวน้อยวัยเพียงสิบสามหนาวถูกขายออกไปให้กับหอนางโลมไม่ได้จริงๆ นางจางซื่อหนาวนี้ถึงยังงดงามอยู่มากแต่การเป็นนางโลมย่อมไม่ได้ดีงาม ยิ่ง'หลัวเฟยลี่'ถึงจะอายุเพียงเท่านั้นแต่กลับเห็นแววความงดงามมาแล้วถึงเจ็ดส่วนปล่อยเวลาผ่านไปอีกสักหนึ่งถึงสองหนาวหลัวเฟยลี่คงงดงามล่มบ้านล่มเมืองเช่นกัน ไปอยู่ในหอนางโลมชีวิตก็คงจบสิ้นลงแล้ว

ยิ่งขณะนี้พี่ชายเช่นหลัวเฟยหรงนั้นอยู่ไกลถึงชายแดนคงไม่มีผู้ใดขัดขวางบิดาได้ หากนางไม่กระโดดลงหลุมก็คงมิอาจช่วยอีกสองชีวิตได้อีกแล้ว

"หากแต่ก่อนข้านั้นจะแต่งงานออกไปพร้อมกับน้องสาม ขอนายท่านหลัวช่วยส่งแม่รองกับน้องเล็กกลับบ้านเดิมของพวกนางด้วย หาไม่ต่อให้ต้องตายข้าก็ไม่ยอมเข้าตำหนักบูรพา!"

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่นางจะปกป้องทั้งสองชีวิตให้ปลอดภัยไปตลอดชีวิต ในเมื่อหลัวเหยียนฟ่านคิดจะขายทั้งสองได้หนึ่งครั้งอนาคตก็ยากจะรับรองได้ว่าบุรุษใจทมิฬผู้นี้จะไม่คิดขายทั้งสองอีก ยังดีว่าสุดท้ายนายท่านหลัวก็ยอมถอยหนึ่งก้าว ดังนั้นหลัวเฟยเฟิ่งจึงไม่นิ่งนอนใจ นางเปลี่ยนแผนส่งมารดาเลี้ยงกับน้องสาวคนเล็กไปอีกทางไม่ยอมส่งกลับบ้านเดิมของนางจางซื่อเพราะไม่วางใจบุรุษเช่นบิดาตนเอง ชีวิตสิบแปดหนาวของนางสอนอะไรมามาก

โดยเฉพาะคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นคนมีศักดิ์เป็นบิดาของนาง ไม่มีอะไรรับรองได้ว่าภายหลังจะไปตลบหลังนางกับนางจางซื่อมีเพียงต้องป้องกันเอาไว้ก่อนเท่านั้น ดังนั้นในวันนี้เมื่อขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไปเป็นตัวแถมให้กับน้องสาวต่างมารดานางจึงหมดกังวล บุญคุณความแค้นหลัวเฟยเฟิ่งตัดมันจบลงนับจากก้าวเท้าขึ้นเกี้ยวทั้งเล็กทั้งคับแคบหลังนี้แล้ว นางกับบุรุษเช่นหลัวเหยียนฟ่านตัดขาดกันจากนี้ตลอดไป

เพราะในคราวนี้นอกจากชุดเจ้าสาวกับเครื่องประดับที่เป็นของพระราชทานไม่ให้ขายหน้าผู้เป็นเจ้าบ่าวแล้วนางก็ไม่มีสิ่งใดติดกายมาอีกนอกจากแมวสีขาวดวงตาสองสีที่หลัวเฟยลี่มอบเอาไว้เป็นสิ่งแทนตัวและแทนใจ ก่อนจากลาระหว่างพี่น้องเท่านั้น...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่16

    บทที่16พอตกบ่ายจางเยี่ยนจื่อก็ตื่นขึ้นมาในสภาพหัวยุ่งหน้าตาบวมปูด จมูกแดงปากจิ้มลิ้มก็เจ่อจนดูตลก คราวนี้ท่านหมอจางคนเกิดก็เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมาแล้ว คราวแรกนางเกือบก้าวเท้าออกจากห้องแล้วยังดีพี่ฉางเอ๋อร์คนงามของนางนั้นร้องทักพร้อมส่งคันฉ่องมาให้ดู จางเยี่ยนจื่อจึงม้วนตัวกลับเข้าห้องมาอย่างว่องไว สภาพตลกเล่นนี้แม้แต่เจอสุนัขล่าเนื้อของชาวบ้านมันยังเห่าดังนั้นอย่าได้คาดหวังเลยว่าผู้คนพบเข้าจะไม่ขบขันนาง"ข้าชิงชังเขายิ่งนัก!"โมโหเดือดขึ้นมาท่านหมอจางคนเก่งจึงระเบิดคำพูดออกมาโดยลืมยั้งคิด พอตั้งสติได้จึงค่อยเหลียวซ้ายแลขวาราวกับหนูกลัวแมว ก็คนบ้าผู้นั้นน่ากลัวเกินไปประเดี๋ยวก็ดีประเดี๋ยวก็ร้ายทำตัวราวกับสตรีวัยใกล้หมดรอบเดือนทั้งที่เขาก็เพิ่งจะอายุเพียงยี่สิบสองเท่านั้น หรือว่า? ..."นี่พี่ฉางเอ๋อร์ข้ามีเรื่องอยากหารือ"จางเยี่ยนจื่อนั้นกระโดดลงจากเตียงลงไปนั่งบนเก้าอี้ข้างฉางเฉี่ยนจนขันทีคนงามต้องผวาถอยห่างออกไปราวกับอีกฝ่ายคือยาพิษ ทำเอาหญิงสาวถึงกับชักสีหน้าใส่อีกฝ่ายด้วยความไม่พึงใจนักที่อีกฝ่ายดูรังเกียจตนเองแปลกๆ"ข้าไม่ใช่หนอนบุ้งสักหน่อยพอเข้าใกล้จะได้คัน"ฉางเฉี่ยนไม่อยากจะกล่าว

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่15

    บทที่15"คนชั่ว! ท่านอย่าเข้ามาอีกนะ!"คนตัวน้อยไม่มีหนทางจะถอยหนีแล้ว แต่เจ้าคนถูก'ผีบ้า'เข้าสิงสู่นั้นกลับยังคงรุกรานคืบคลานไล่ต้อนนางเข้ามาไม่หยุดสองมือเล็กยกขึ้นกำด้ามกระบี่ของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น แต่คงเกร็งมากไปมือน้อยนั้นกลับสั่นไหวไม่หยุด"ก็บอกว่าอย่าเข้ามาเช่นไรเล่า! หากเข้ามาอีกข้าจะจะแทงท่านที่หัวใจ!"มุมปากแกร่งกระตุกด้านขวาของเซียวอู๋เกอค่อยๆ ยกโค้งขึ้นดูน่ากลัวราวกับปีศาจราคะนั้นยิ่งทำให้จางเยี่ยนจื่อนั้นย่อมหวาดกลัวบุรุษตรงหน้าขณะนี้แปลกไปมากจริงๆ นางไม่ทราบว่าอีกฝ่ายโกรธนางด้วยเรื่องอันใดกันแน่ และยิ่งไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอันใดไปจึงดูคล้ายถูกปีศาจราคะสิงสู่เช่นนี้ ซึ่งนางก็เป็นสตรีย่อมหวาดกลัวอยู่มาก"เช่นนั้นก็แทงสิ เจ้าเป็นหมอและยังรู้จุดตายของข้าดีกว่าผู้ใด แทงลงมาเลย แทงตรงนี้"มือแกร่งของเซียวอู๋เกอจับที่กระบี่ของตนเองแล้วลากลงมาจากลำคอตรงมายังตำแหน่งของหัวใจที่ต่างจากผู้อื่นของตน ดวงตาของเขานั้นจับจ้องมองมาที่นางแน่วแน่ เรียวปากแกร่งนั้นแย้มยิ้มแต่รอยยิ้มดังกล่าวกลับไปไม่ถึงดวงตาหงส์คู่นั้นเลยแม้แต่น้อย เขาออกแรงกดมันแทงเข้าเนื้อจนจางเยี่ยนจื่อตาโต นางเป็นท่านหมอในชีว

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่14

    บทที่14ดังนั้นหลายวันมานี้จางเยี่ยนจื่อจึงรู้สึกว่ามีบางสิ่งขาดไป คิดทบทวนจนแน่ใจหญิงสาวก็กระจ่างว่าที่หายไปก็คือ'เจ้ากรรมนายเวร'เช่นเซียวอู๋เกอนี่เอง ถึงจะอยู่เรือนเดียวกันนอนห้องเดียวกัน แต่เดี๋ยวนี้นอกจากเวลาทำแผลใส่ยาเขาก็หายหน้าไปตลอดวันและถึงจะนอนห้องเดียวกันพอนางล้มตัวลงนอนอีกฝ่ายก็ลุกไปกลับมายามใดนางเอกก็ไม่รู้เช่นกัน พอนางตื่นขึ้นมาเขาก็หายไปแล้วกรี๊ด! 'ในที่สุดข้าก็หมดเวรสิ้นกรรมกับเจ้าคนหน้าหนาหน้าทนแล้ว'จางเยี่ยนจื่อไม่สนใจหรอกว่าเกิดอันใดขึ้นกับอีกฝ่าย นางสนใจแต่อีกฝ่ายไม่เป็นดังเงาตามติดก็เพียงพอแล้วเพราะหากมีโอกาสนางจะได้หนีไปสักครา แค่คิดถึงอิสระจางเยี่ยนจื่อก็มีความสุขจนเดินผ่านสุนัขนางก็ยิ้มให้มัน เดินผ่านไก่แจ้ แมวเหมียว แม้แต่วัวหรือกระบือนางก็สามารถยิ้มพร้อมโบกมือทักทายพวกมันอย่างสนิทสนมจน ฉางเฉี่ยนกับหลุนเปียวนั้นชักจะกลุ้มใจแล้วจริงๆอีกคนก็เคร่งขรึมจนน่าหวาดหวั่นอีกคนก็ดูร่าเริงอารมณ์ดียิ้มได้ทั้งวันราวกับไปกินสมุนไพรผิดชนิดจนเมามายแล้วมีอาการตาหวานเยิ้มหนักข้อขึ้นทุกวันจนใกล้วันจะเดินทางไปจากหมู่บ้านถงซานแห่งนี้เข้าไปทุกทีอาการประหลาดของผู้เป็นนายทั้งสองก็ท

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่13

    บทที่13ฝ่ายคนที่ทำให้'ฉางเอ๋อร์เจี่ยเจีย'นั้นเสียกิริยาและฟุ้งซ่านนั้นกลับยังสบายใจตรงไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาดแล้วจึงค่อยไปทำแผลใส่ยาให้กับ'หนี้รักหนี้แค้น'ของตนเองอย่าง'ใส่ใจ'จนค่ำคืนนั้นเสียงร้องโอดโอยดังลอยออกมาจากห้องของสองสามีภรรยาหนุ่มสาวอยู่ครู่ใหญ่เลยทีเดียวแต่ก็ไม่มีผู้ใดก้าวไปยุ่งด้วยแม้แต่ฉางเฉี่ยนหรือสององครักษ์เกาเหิงและหลุนเปียว"เจ้ามันก็ดีแต่รังแกข้า กับท่านหัวหน้าหมู่บ้านผู้นั้นเจ้าไม่เห็นไปเอาความกับเขาบ้างเล่า?"หลังจากถูกท่านหมอจางผู้อำมหิตลงมือทำแผลอย่างไม่ปรานีเสร็จแล้วเซียวอู๋เกอจึงอดจะกล่าวออกมาด้วยความแค้นเคืองเสียมิได้เพราะกับเขานางตามเก็บไม่มีพัก เถียงได้ถึงแอบหลอกด่าได้นางทำ แม้แต่รังแกเขาด้วยการทำแผลหนักมือจางเยี่ยนจื่อนั้นก็ไม่เคยไว้หน้าฐานะ'ฮ่องเต้'ของตนเลยสักครั้งช่างสมควรตายเสียจริง!"คนเช่นเฝิงคุนผู้นั้นไม่ต้องถึงมือของข้าหรอกแค่ฮูหยินเอกของเขาเพียงผู้เดียวช่วงนี้พวกเราก็จะไม่เจอหน้าเขาไปอีกหลายสิบวันเชียวละ ท่านเชื่อข้าเถอะ"กล่าวไปจางเยี่ยนจื่อก็เช็ดทำความสะอาดเครื่องไม้เครื่องมือไป เซียวอู๋เกอรู้สึกว่าตนเองเริ่มจะไม่ปกติแล้วจริงๆ เพราะเห็นจา

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่12

    บทที่12หลังจากผ่านด่านดังกล่าวมาอย่างราบรื่นทุกคนก็ต่างหายใจสะดวกขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เซียวอู๋เกอก็มอบให้หลุนเปียวหาทางส่งข่าวไปหาจงเจิ้งและหย่งเซิ่งเสียก่อน เพราะกังวลว่าทั้งสองอาจขึ้นเขาแล้วไปพบกับทหารชุดดังกล่าวเข้าอาจจะลำบากมิสู้แจ้งข่าวให้อีกฝ่ายทราบแล้วตามไปพบกันยังหมู่บ้านถงซานย่อมดีกว่า หลังจากจัดการทุกสิ่งเรียบร้อยทั้งเจ็ดชีวิตก็ตรงไปยังบ้านของสองผู้เฒ่าแซ่เพ่ยทันทีกว่าจะเดินทางไปถึงหมู่บ้านถงซานก็ดวงอาทิตย์ใกล้ชิงพลบเสียแล้ว ซึ่งทั้งหมดก็เดินตามกลุ่มนายพรานและชาวบ้านที่ออกไปเก็บข้าวสาลีผ่านซุ้มประตูทางเข้าหมู่บ้านไปได้ด้วยดี มีหลายคนที่ทักทายสองผู้เฒ่า แต่พอเห็นหน้าของจางเยี่ยนจื่อพวกเขาก็ไม่ตามต่อ เพราะทราบดีว่าท่านหมอจางนั้นเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของสองผู้เฒ่าแซ่เพ่ยจึงเคารพอีกฝ่ายราวกับเทพธิดา เนื่องจากจางเยี่ยนจื่อเมื่อสามหนาวก่อนนางได้ช่วยชีวิตของบุตรชายคนเดียวของท่านลุงและท่านป้าเพ่ยที่ไปสอบเป็นเสมียนอำเภอหนิงเสวียนจากพิษของงูแมวเซาต่อมาเมื่อหนึ่งหนาวก่อนฮูหยินของบุตรชายของสกุลเพ่ยนั้นคลอดลูกยากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็เป็นท่านหมอจางอีกที่ไปช่วยทำคล

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่11

    บทที่11เซียวอู๋เกอนั้นมองการกระทำของจางเยี่ยนจื่อที่สาดผงบางสิ่งลงไปตามรอยเท้าแล้วจากนั้นนางก็ใช้เข็มเงินแทงลงไปที่รอยเท้าดังกล่าว ก็แปลกใจนักไม่เข้าใจว่านางแยกแยะได้เช่นไรว่ารอยเท้าใดเป็นของสองผู้เฒ่ากับสององครักษ์ของเขา เพราะชายหนุ่มแน่ใจอย่างยิ่งว่าบนเขาแห่งนี้ไม่ใช่มีเพียงพวกเขากับสองผู้เฒ่าเท่านั้น แต่ต้องมีนายพรานและชาวบ้านอีกมากที่ขึ้นเขามาในแต่ละวัน วันนี้ก็คงไม่ต่างกัน ทว่าเซียวอู๋เกอนั้นก็ไร้โอกาสที่จะสอบถามเดินอยู่หนึ่งชั่วยามโดยอาศัยหูที่ดีเป็นพิเศษของฉางเฉี่ยนกับสายตาและจมูกที่ว่องไวของเขาจึงหลบหลีกนายพรานกับชาวบ้านได้โดยตลอด ต่อมาอีกครึ่งชั่วยามก็พบกับทั้งสองผู้เฒ่าแซ่เพ่ยกับสององครักษ์หลุนเปียวและเกาเหิงได้อย่างน่าประหลาดใจสำหรับเซียวอู๋เกอยิ่งนักเพราะถึงเขาจะผ่านการฝึกฝนมีทุกแขนงทุกศาสตร์ทั้งต่อสู้ กลศึกไปจนถึงการเขียนพู่กันและเดินหมากชงชาเขาล้วนถูกเข้มงวดมาตั้งแต่อายุไม่กี่หนาว แต่วิชาสะกดรอยตามบนภูเขานี้สำหรับเขานั้นไม่ง่ายและแปลกใหม่เหลือเกินและคาดว่าในเมืองหลวงสาวน้อยที่ทำได้อาจมีน้อยยิ่งกว่าน้อยเป็นแน่"นายท่าน นายหญิง เกิดอันใดขึ้น?"เป็นเกาเหิงที่ตรงเข้ามาทำค

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status