Share

บทที่9

last update Huling Na-update: 2025-11-06 19:34:39

บทที่9

ผ่านไปอีกสองวันอาการของคุณชายเซียวก็ดีขึ้นเป็นลำดับจน หย่งเซิ่ง หยุนเปียว กวนเหิง จงเจิ้ง และฉางเฉี่ยนนั้นอดจะยอมรับจากใจเสียมิได้ว่า จางฮองเฮามีฝีมือแพทย์ไม่ธรรมดาจริงๆ ส่วนสองผู้เฒ่าเจ้าสองกระท่อมนั้นรู้แจ้งมาสักพักแล้ว จึงไม่แปลกใจ พอห้าวันคุณชายเซียวของทุกคนก็ลุกออกมาเดินรอบข้างกระท่อมเป็นการออกกำลังกายได้แล้ว

"คนของท่านมีตั้งมากหากเอาตามากองรวมกันก็ได้เป็นกอบได้แล้วกระมัง เหตุใดท่านจึงไม่เรียกใช้ เอาแต่เรียกให้ข้าไม่หยุดเช่นนี้"

อดรนทนไม่ไหว ที่ถูก'คุณชายเซียว'เรียกใช้และให้นางตามติดเขาราวกับเป็นเนื้องอกส่วนหนึ่งในร่างกายมาหลายวัน จางเยี่ยนจื่อจึงกล่าวออกมาหลังจากพาอีกฝ่ายกลับมาส่งจนถึงเตียงนอนเรียบร้อยแล้ว เพราะหญิงสาวแทบไม่มีเวลาเป็นของตนเองคล้ายกับนางและเขาใช้จมูกอันเดียวกัน ปากอันเดียวกัน จะกิน หายใจ นอนนั่ง ยืนและเดินก็ต้องทำร่วมกันนางทนไม่ไหวแล้วนะ!

"พวกนั้นเป็นภรรยาของข้าหรือ?"

เซียวอู๋เกอถามออกมาด้วยใบหน้าสงบน้ำเสียงเข้มแข็ง ฉางเฉี่ยนเห็น เช่นนั้นก็หันไปสะกิดสีข้างของจงเจิ้งและหย่งเซิ่ง ส่วนหลุนเปียวกับกวนเหิงนั้นไปล่าสัตว์และหาเสบียงมาเพิ่มกับสองผู้เฒ่าแซ่เพ่ยไม่ได้อยู่ร่วมดูชมฉากสามีภรรยา'ถกเถียง'เช่นพวกตนซึ่งนับว่าโชคดียิ่งนักไม่เหมือนพวกเขาทั้งสามที่โชคร้ายหูอยู่ทุกวันและวันละหลายเวลาเช่นนี้

"ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว แต่ข้าก็ไม่ใช่ภรรยาของท่านเช่นกันท่านสมควรคิดได้สิคุณชายเซียว!"

หลังจากเห็นแล้วว่าสองสามีภรรยาหนุ่มสาววัยเลือดร้อนกำลังตั้งอกตั้งใจ'ถกเถียง'กันอย่างจริงจังเช่นนั้นฉางเฉี่ยนและหย่งเซิ่งหันมาพยักหน้าให้แก่กัน จากนั้นก็ต่างก้าวเท้าออกจากภายในกระท่อมอย่างฝีเท้าบางเบาย่องกริบ แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีท่อนไม้หนึ่งต้นยืนไม่สนฟ้าสูงแผ่นดินต่ำรั้งอยู่อีก สองบุรุษหนึ่งกล้าแกร่งและอีกหนึ่งอ่อนหวานโฉมงามล่มแคว้นจึงต้องหันกลับมา'หิ้ว'เจ้าขอนไม้ไม่รู้ความจงเจิ้งติดมือออกไปด้วยทันทีพร้อมปิดประตูกระท่อมอย่างระมัดระวังปล่อยให้สามีและภรรยาค่อยๆ เจรจากันไปเพียงสองคน

"เจ้าบ้าเอ๊ย อยากตายหรือไร สองคนนั้นก็ถกเถียงกันพวกเราไม่ควรไปเสนอหน้าร่วมฟังด้วยนะ"

หย่งเซิ่งที่นับเป็นผู้อาวุโสที่สุดในคณะสี่องครักษ์กับหนึ่งขันทีกล่าวขึ้นด้วยเสียงเบาราวกระซิบแต่เป็นการกระซิบที่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันที่องครักษ์รุ่นน้องเอาแต่ทึ่มทื่อเช่นนี้ ซึ่งฉางเฉี่ยนที่นับว่าเป็นคนอายุน้อยที่สุดในกลุ่มห้าคนก็ยังพยักหน้าว่าเห็นจริงด้วยกับท่านหัวหน้าหย่งจากใจจริง ฝ่ายจงเจิ้งเขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะมองหน้าทั้งสองสลับกันไปมาแล้วถอนหายใจพลางส่ายหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจสหายต่างวัยทั้งสองนัก

"สุดท้ายพวกเจ้าทั้งสองคนก็จะชวนข้าไปแอบฟังพวกเขาถกเถียงกันต่อที่ข้างฝากระท่อมฝั่งนั้นอยู่ดีไม่ใช่หรือไร ในเมื่ออยากรู้อยากเห็นถึงเพียงนั้นเหตุใดยังต้องเสแสร้งให้ตนเองลำบากด้วยเล่า อยากรู้อยากเห็นก็เพียงอยู่ร่วมฟังตั้งแต่ต้นจนจบก็เท่านั้น เช่นไรในยามพวกเขาสองคนทะเลาะกันก็ไม่เคยสนใจคนนอกอยู่แล้วมิใช่หรือ?"

"..." ฉางเฉี่ยน

"..."หย่งเซิ่ง

ทั้งสองร่างหนึ่งขันทีโฉมงามล่มแคว้นกับองครักษ์เดนตายเรือนกายแกร่ง ต่างยืนนิ่งค้างเพราะมิคาดว่า'เจ้าทึ่มจูอิง'นั้นเวลาไม่พูดประดุจก้อนศิลาหนึ่งก้อนไร้ความรู้สึกทั้งทึ่มทั้งโง่ ทว่าพอขยับแย้มเรียวปากสดสีสวยแดงฉ่ำแวววาวราวกับผลอิงเถานั้นกลับจับพวกเขาทั้งสองแช่ลงในธารน้ำแข็งของทะเลสาบไป๋ซ่างแค่ไม่กี่ประโยคเช่นนี้ได้

"ตกลงพวกเจ้าจะย้อนไปกลับเข้าไปร่วมฟังเป็นพยานให้พวกเขาทั้งสองภายในกระท่อม หรือจะเดินอ้อมค้อมไปฟังที่ฝั่งนั้นกันแน่ประเดี๋ยวจะฟังไม่ครบถ้วนนะหากเอาไปเล่าให้กวนเหิงหลุนเปียวฟังไม่หมดจะไม่นับว่าเป็นสหายที่จริงใจนะ"

มิคาดทั้งสองยังไม่ทันปีนขึ้นมาจากธารน้ำแข็งไป๋ซ่างกลับถูก'เจ้าทึ่ม'จงเจิ้งนั้นถีบตกลงไปใหม่เสียได้ นี่หรือไม่จึงกล่าวว่าอย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคนเจ้าทึ่มทื่อ!

"ไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดจึงกล้าเอ่ยปากว่าข้ากับเจ้าไม่ใช่สามีภรรยากันน่ะ หลัวเฟยเฟิ่ง"

ฝ่ายคนในกระท่อมนั้นก็เป็นเช่นที่จงเจิ้งกล่าว เพราะต่อให้คนสามคนที่ตัวโตราวกับหมีควายหายไปจากภายในกระท่อมได้ครู่หนึ่งแล้ว พวกเขาก็หาได้ใส่ใจไม่ต่างยังคงถกเถียงต่อปากต่อคำกันหน้าแดงหน้าดำไม่พัก

"บัดนี้ข้าคือท่านหมอจาง จางเยี่ยนจื่อ ส่วนท่านคือคุณชายเซียว เซียวอู๋เกอท่านอย่าได้ลืมสิ้นไปสิ"

"แต่ความจริงเจ้าคือหลัวเฟยเฟิ่ง ที่แต่งงานกับข้า หลีเซี่ยงหลิ่วไปแล้ว จนตายเจ้าก็ยังเป็นผีของราชวงศ์หลีนี้ยากจะเปลี่ยนไปได้"

"ท่าน!"

"พูดไม่ออกเลยหรือ? หึ! ถึงวันนั้นกราบไหว้ฟ้าดินและบรรพชนเจ้าและข้าล้วนไม่เต็มใจ แต่ทุกพิธีการก็ทำขึ้นต่อหน้าอดีตฮ่องเต้ ต่อหน้าป้ายบรรพชนสกุลหลี หากจะเถียงว่าเจ้าไม่ใช่ภรรยาของข้าก็ไม่ใช่เพ้อฝันเกินไปหรอกหรือหลัวเฟยเฟิ่ง อ๋อไม่สิ จางฮองเฮา ต่อให้เจ้าเปลี่ยนชื่อแซ่อีกหมื่นอีกพันครั้งนั้นย่อมได้ แต่เจ้าเปลี่ยนความจริงที่เรากราบไหว้ฟ้าดิน ดื่มสุรามงคลและร่วมผูกผมในค่ำคืนเข้าหอไปไม่ได้จงจำไว้!"

ดวงตาหงส์คู่นั้นจับจ้องมาที่นางอย่างแน่วแน่ แน่วแน่เสียจนจางเยี่ยนจื่อหายใจลำบาก แต่ถึงเช่นนั้นภายในใจของนางก็ไม่อยากจะยอมรับอันใดทั้งสิ้น จางฮองเฮาอันใดกัน หลัวเฟยเฟิ่งผู้นั้นไม่อยู่แล้ว ฐานะบ้าบอนั้นนางอยากได้ที่ใดกันเล่าลือเขาเองก็ใช่ว่าจะพึงใจต่อนางเช่นกันมิใช่หรือ?

"ฝ่าบาท ไม่สิคุณชายเซียว ไหนๆ บัดนี้เราก็เปิดใจคุยกันแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่อ้อมค้อม ชีวิตข้านับจากจำความได้ก็รู้มาตลาดว่าตนเองเป็นโลหิตต่างสีของคนสกุลหลัว เป็นเพียงบุตรที่อาจเกิดจากคนเลี้ยงม้าหรือทาสสักคนในสกุลหลัวที่มารดาของข้ามีสัมพันธ์ด้วยในขณะที่แม่ทัพหลัวไปออกรบอยู่ชายแดนที่ห่างไกลเป็นพันลี้ ข่าวลือนี้ข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านจะไม่เคยรับรู้รับฟังมาก่อนน่ะ"

จางเยี่ยนจื่อตัดสินใจเปิดเผยความจริงที่นางเองก็เพิ่งรู้เมื่อคนเองอายุได้เก้าหนาวเริ่มศึกษาวิชาการแพทย์อย่างจริงจังและรู้สึกไม่เป็นธรรมที่ตนเองถูกบิดากล่าวหาว่าเป็น'ลูกชายชู้'ซึ่งด้วยเพราะนางยังอายุน้อยจึงวู่วามแอบลักลอบเอาโลหิตของตนเองและบิดาไปให้ท่านอาจารย์ตรวจสอบแล้วความจริงก็ประจักษ์ก็คราวนั้นว่านางกับหลัวเหยียนฟ่านไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆ!

ในวันนั้นเมื่อทราบนางจึงวิ่งไปร้องไห้ไป ตรงไปหา'ท่านย่า'หรือเหล่าฮูหยินหลัวเพื่อต้องการรู้ความจริงว่าคือสิ่งใดกันแน่ จึงได้รู้ความจริงว่าในอดีตนั้นฮูหยินรองเผิงเผยจินนั้นร้ายกาจนักคิดกำจัดมารดาของนางที่เป็นฮูหยินเอกจนถึงขนาดลอบวางยาปลุกกำหนัดแล้วให้ทาสเลี้ยงม้าข่มเหงมารดาของนางในราตรีหนึ่งของเมื่อสิบเก้าหนาวก่อน

ซึ่งราตรีนั้นบิดาของนางก็อยู่ในจวนด้วยยังไม่ได้ออกไปยังชายแดนแม้แต่น้อยดังข่าวลือที่กระจายออกไปแต่เขานั้นกลับมัวลุ่มหลงในมารยาร้อยเล่มเกวียนของนางปีศาจจิ้งจอกเผยจินที่เพิ่งแต่งงานเข้ามาเป็นฮูหยินรองของเขาจึงไม่ได้ออกจากเรือนฮูหยินรองตลอดทั้งคืนนั้นทั้งที่สาวใช้ของมารดานางไปแจ้งแล้วว่ามารดาของนางหายตัวไป แล้วพอความจริงเปิดเผยแทนที่หลัวเหยียนฟ่านจะลงโทษภรรยารองของตนเองกลับทำเพียงสังหารทาสเลี้ยงม้าผู้นั้นไปแล้วปล่อยให้ภรรยาเอกของตนจมอยู่กับความอัปยศอดสูจนเกือบปลิดชีพตนเองอยู่หลายครั้งจนเมื่อนางทราบว่าตนเองตั้งครรภ์จึงฝืนใจมีชีวิตต่อไปแต่ก็แค่เพียงรอคลอดนางออกมาเท่านั้นหลังจากเห็นว่านางปลอดภัยแล้วและเห็นว่าพอจะฝากนางกับอนุจาง ในอดีตมารดาของนางจึงปลิดชีพตนเองแต่เรื่องนี้กลับถูกบิดเบือนเหลือเพียงมารดาของนางหลบหนีตามชายคนรักในอดีตไป หึ!หลัวเหยียนฟ่านมันไม่ใช่คน!

ยังดีที่เหล่าฮูหยินหลัวนั้นยังมีคุณธรรมอยู่บ้างรู้ว่าคนใครผิดใครถูกแต่เพราะชื่อเสียงของสกุลหลัวก็สำคัญจึงจำใจต้องปิดทุกสิ่งให้ตายไปพร้อมกับทาสเลี้ยงม้าผู้นั้นและมารดาของนาง ซึ่งความจริงที่เกิดขึ้นนี้นางตั้งใจไม่เปิดเผยให้ผู้ใดรู้อีกนอกจากตนเองและคนสกุลหลัว ทว่าวันนี้นางมิอาจปกปิดมันกับบุรุษที่คิดจะให้ตนเองเป็นฮองเฮาอนาคตไม่แน่นอน แต่หากเขากอบกู้บ้านเมืองสำเร็จ อีกฝ่ายก็สมควรได้รู้กระจ่างว่าที่แท้นางมีบิดาแท้จริงเป็นเพียงทาสเลี้ยงม้าต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นไม่คู่ควรเป็นหงส์เคียงข้างมังกรเช่นเขาจริงๆ

"ความจริงแล้วท่านแม่ของข้าไม่ได้คบชู้สู่ชาย แต่เป็นสตรีสมควรตายแซ่เผิงที่ทำร้ายมารดาของข้า แต่ที่สมควรตายกว่ากลับเป็นชายชั่วแซ่หลัวผู้นั้น ถึงกับเมินเฉยไม่ใส่ใจความถูกผิดเพราะหลงมารยานางจิ้งจอกเผยจิน แถมเขายังทำให้คนภายนอกสงสัยมาตลอดว่าข้าไม่ใช่บุตรสาวของเขาเพื่อสนองความพึงใจให้ตนเองไม่ให้สกุลเดิมท่านแม่ของข้ามาเอาความผิดที่เขามีต่อท่านแม่ของข้าได้ ซึ่งก็ดียิ่ง ข้ายินดีมากนะ ถึงแท้จริงบิดาของข้าจะเป็นเพียงทาสเลี้ยงม้าไม่ใช่แม่ทัพใหญ่เช่นเขาก็ตาม"

เรื่องราวซับซ้อนภายหลังจวนเช่นนี้ไม่ใช่จะไม่เคยเกิดขึ้น ยิ่งเป็นเรื่องอิจฉาริษยาของสตรีล้วนมีแทบทุกจวน ยิ่งภายในวังหลวงยิ่งมีมากจนเขาเองก็ขี้เกียจจะนับว่าผู้ใดริษยาผู้ใดบ้างแต่เรื่องที่บุรุษผู้เป็นสามีลำเอียงถึงเพียงนี้เซียวอู๋เกอเพิ่งเคยได้ฟังเป็นครั้งแรก แต่พอได้ฟังความจริงนี้แทนที่จะไม่พึงใจ เขากลับสบายใจอย่างประหลาด สบายใจที่นางไม่เกี่ยวข้องอันใดกันคนสกุลหลัวนะหรือ?

...น่าแปลกเสียจริง เหตุเขาต้องสบายใจด้วย...

"ที่เจ้ากล่าวมาตั้งมากมายคงเพราะต้องการจะบอกข้าว่าตนเองไม่เหมาะสมจะเป็นฮองเฮาใช่หรือไม่ เพราะเจ้ามีบิดาเป็นเพียงทาสเลี้ยงม้าเท่านั้น หรือตั้งใจจะบอกข้าว่าตนเองไม่คู่ควรกับฐานะฮองเฮาเพราะตนเองถูกสงสัยว่ามารดามากชู้หลายชายกันแน่"

"ก็ทั้งสองสิ่ง จะไปทิศทางใด ข้าก็ไม่เหมาะสมจะเป็นฮองเฮา"

"เหมาะสมหรือไม่ ไม่ใช่เจ้าหรือใครจะตัดสิน หากแต่เป็นข้าที่ตัดสิน"

จางเยี่ยนจื่อถึงกับกำหมดแน่น มิคาดว่าตนเองทนนั่งเปลืองน้ำลายอธิบายกับเขาไปตั้งมาก แต่เขากลับคืนสนองนางด้วยการกล่าววาจาขวานบิ่นตัดความหวังของนางไปเสียสิ้นเช่นนี้ นางทนเหนื่อยไปเสียเปล่าแล้วจริงๆ

"นั่นเจ้าจะไปที่ใด"

เมื่อเซียวอู๋เกอเห็นคนร่างเล็กลุกขึ้นไม่พูดไม่จาก้าวเท้าตรงไปยังประตูกระท่อมไม่ถกเถียงเอาเป็นเอาตายกับตนเองเช่นนิสัยไม่ยอมลงให้คนโดยง่ายของนางก็อดจะตะโกนถามออกไปเสียมิได้

"ไปที่ชอบเจ้าค่ะ!"

"..."

มิคาดนางจะตะโกนตอบกลับมาห้าคำแล้วปิดประตูกระท่อมกระแทกหน้าเขาเสียงดังปังใหญ่ ความแรงนั้นทำเอากระท่อมโยกไหวสะท้านสะเทือนเลยทีเดียว ไม่นานสามชีวิต จงเจิ้ง ฉางเฉี่ยน และหย่งเซิ่งก็ก้าวเข้ามาแทนที่ เห็นแล้วเซียวอู๋เกอก็รู้สึกว่าคนสนิททั้งสามนี้ช่างขวางหูขวางตาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!!!

"ไส-หัว-ไป!"

"..." จงเจิ้ง

"..."หย่งเซิ่ง

"..." ฉางเฉี่ยน

ทั้งสามจำใจต้องก้าวออกจากกระท่อมและปิดประตูอีกครั้ง จากนั้นจึงค่อยเหลียวมองหน้ากัน อย่างไม่เข้าใจว่าพวกตนทำผิดอันใดจึงถูกขับไล่ออกมาเช่นนี้ ไม่นานสองบุรุษเรือนกายแกร่งก็กระจ่างซึ่งต่างจากขันทีเรือนกายอรชรที่ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

"ก็ไม่ใช่ว่านายท่านเอาชนะท่านหมอจางได้หรอกหรือ เหตุใดยังอารมณ์ไม่ดี"

ฉางเฉี่ยนหันไปกล่าวกับสหายต่างวัยทั้งสองด้วยความไม่เข้าใจจริงๆ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าต่อปากต่อถกเถียงกันคราวนี้เป็นท่านหมอจางที่พ่ายแพ้ก่อนจะฉุนเฉียวตึงตังจากไปเหตุใด 'คุณชายเซียว'จึงไม่มีความสุขอีกเล่า?

"ไร้เดียงสา"หย่งเซิ่งกล่าว

"คนโง่"จงเจิ้งกล่าวปิดท้าย

ฉางเฉี่ยนถึงกับเกาศีรษะ ขันทีโฉมงามวัยสิบเก้าหนาวไม่เข้าใจว่าตนเองผิดพลาดที่ตรงใด นอกจากถูกผู้เป็นนายโมโหขับไล่ออกมาจากภายในแล้วเหตุใดจึงถูกสหายร่วมตายต่างวัยต่อว่าอีกด้วย แต่คิดเช่นไรก็คิดไม่ออก ดังนั้นเขาไปหาท่านหมอจางน่าจะเข้าท่ากว่า สองคนเมื่อครู่นับเป็นสหายที่จริงใจไม่ลงจริงๆ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ของหวงจอมทมิฬ   ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษหลังจากผ่านเรื่องราววุ่นวายทั้งร้ายและดีร่วมกันมาถึงสิบเอ็ดเดือนนับจากวันที่บุกเข้าจู่โจมและยึดคืนราชบัลลังก์ บัดนี้ต้าเว่ยกลับมาสงบสุขอีกครั้งหลังจากเสร็จสิ้นพิธีครองราชย์หลีเซี่ยงหลิ่วก็ขึ้นเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ โดยมีนามว่าเซียวอู๋ตี้ฮ่องเต้และมีจางเยี่ยนจื่อเป็นฮองเฮาเคียงข้างที่ชาวต้าเว่ยและขุนนางทั้งหลายมิได้คัดค้านหรือไม่พึงใจเพราะเซียวอู๋ตี้ฮ่องเต้นั้นประกาศถึงคุณงามความดีของจางฮองเฮาว่านางคือสตรีเดียวที่อยู่เคียงข้างเขาในยามยากช่วยชีวิตจนเขาผ่านพ้นปรโลกมาได้ฝ่ายของจางเยี่ยนจื่อนั้นที่นางเลือกจะใช้แซ่จางต่อไปไม่เปลี่ยนกลับไปใช้แซ่เดิมของมารดาก็เพราะนางอยากจะยกย่องนางจางซื่อที่เลี้ยงดูตนเองมาแต่สุดท้ายกลับต้องมาจบชีวิตลงเพราะพี่ชายของตนเองซึ่งแน่นอนว่าหลีเซี่ยงหลิ่วนั้นตามใจนางอยู่แล้วและวันนี้นางก็มายืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพขนาดเล็กที่สลักคำว่า'ไป๋ลู่'เอาไว้ด้วยแผ่นหินอย่างดี ซึ่งมันตั้งอยู่ที่ท้ายตำหนักหนิงเฟิ่งของและสามีด้วยฝีมือการขนย้ายของฉางเฉี่ยนกับจงเจิ้งที่จัดการมาให้ตามคำสั่งของเซียวอู๋ตี้ผู้เป็นนาย"ความจริงข้าอยากจะย้ายเอาไปไว้ที่สุสานของนางจางซื่อและหลัวเฟยล

  • ของหวงจอมทมิฬ   ตอนจบ

    ตอนจบและอีกหนึ่งเดือนต่อมากองทัพของไท่จื่อหลีเซี่ยงหลิ่วก็มาถึงตำบลฝูซานที่ตั้งอยู่นอกประตูเมืองอยู่หนึ่งร้อยลี้ด้วยกำลังทหารที่มากถึงสองแสนเจ็ดหมื่นสามพันคน เรียกว่าเพียงแค่ได้ข่าวถึงจะแค้นแสนแค้นหลัวเหยียนฟ่านก็ยังไม่กล้าเคลื่อนทัพออกมาเอาชีวิตของหลีเซี่ยงหลิ่วเช่นที่เขานั้นเคยลั่นวาจาเอาไว้แม้แต่น้อยภายในเมืองนั้นวุ่นวายไปด้วยครอบครัวขุนนางกังฉินที่ยืนอยู่ฝ่ายหลีซือหลางที่ต่างพากันเคลื่อนย้ายทรัพย์สินและผู้คนเนื่องจากคราวนี้แน่นอนว่าผู้ใดจะชนะแล้วต่อให้ทหารของไท่จื่อหลีเซี่ยงหลิ่วยังไม่ได้เข้าประตูเมืองมา เพราะชาวบ้านชาวเมืองนั้นแค่เพียงทราบข่าวว่าไท่จื่อเคลื่อนทัพมาทวงราชบัลลังก์คืนพวกเขาล้วนต่างยินดีปรีดาเตรียมพร้อมที่จะเปิดประตูเมืองต้อนรับฮ่องเต้ที่พวกเขาพึงใจมากกว่าหลีซือหลางที่เป็นเพียงกบฏอำมหิตสังหารบิดาและพี่น้องจนหมดสิ้นแต่เพียงขบวนหลบหนีของเหล่าขุนนางกังฉินและทหารหนีกองเคลื่อนออกพ้นประตูเมืองก็ถูกคนของหลีเซี่ยงหลิ่วจับกุมเอาไว้ได้ทั้งหมด บุรุษหากเป็นสายรองก็จะถูกส่งไปใช้แรงงานในเหมือง ส่วนสตรีนั้นจะถูกส่งไปทำนาเกลือรวมทั้งเด็กและคนชราส่วนบุรุษสายตรงล้วนถูกตัดสินประหารท

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่40

    บทที่40ดังนั้นในยามสายของอีกวันต่อมาขณะที่จางเยี่ยนจื่อนั้นเตรียมตัวเก็บข้าวของเพื่อจะติดตามสามีของนางไปทำศึกใหญ่ในฐานะหมอหลวงประจำตัวของแม่ทัพใหญ่เช่นไท่จื่อหลีเซี่ยงหลิ่วอยู่นั่นเอง'ข่าว'ที่ท่านหญิงหยวนข้อมือขวาหายไปในยามถูกควบคุมตัวไปยังวัดบนเขาก็ลอยมาเข้าหูของหญิงสาวเข้าจนได้ครั้งแรกจางเยี่ยนจื่อก็เตรียมจะวางมือจากงานตรงหน้าแล้วไปต่อว่าหลีเซี่ยงหลิ่วที่ไม่รักษาสัญญาหกทบทวนจนถี่ถ้วนก็ค่อยกระจ่างเป็นนางที่ไม่รอบคอบเองเพราะนางเพียงถามเขาเท่านั้นว่า ‘ท่านจะไปเอาความหยวนโม่ซินหรือจะอยู่เอาความกับจื่อจื่อดีเล่า? ‘เท่านั้นนางไม่ได้สั่งห้ามเขาอย่างเด็ดขาดและจริงจังว่าห้ามไปเอาความกับหยวนโม่ซินอีก"มือก็ตัดไปแล้ว ดูแล้วก็คงหลายชั่วยามไปช่วยต่อให้ก็คงไม่ได้ผล เฮ้อ คืนนี้ก็ไม่ต้องเข้ามานอนให้ห้องกับข้าก็แล้วกัน!"ซึ่งจางเยี่ยนจื่อนั้นไม่ได้พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นแต่นางจริงจังอย่างยิ่งดังนั้นตกดึกของค่ำคืนนั้นเรือนรับรองฝั่งของมู่หยางอ๋องจึงต้องต้อนรับหลานชายที่เดินหน้าบึ้งตึงราวกับหนังกลองที่แม้แต่อาหารมื้อค่ำก็ยังไม่ได้กิน คิ้วเข้มของหนุ่มใหญ่พลันขมวดไม่เข้าใจว่าเหตุหลีเซี่ยงหลิ่วผู้ไม่

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่39

    บทที่39หลังจากตัดสินคดีความเรียบร้อยจางเยี่ยนจื่อนั้นก็แยกตัวไปรักษาอาการให้กับหยวนโม่ซินส่วนอดีตพระชายาเหลียงก็เป็นหน้าที่ของหมอหลวงประจำตำหนักเหลียงอ๋องไป ส่วนมู่หยางอ๋องนั้นก็มีตัวของซื่อจื่อน้อยไปเป็นภาระอีกหนึ่งคนมีเพียงหลีเซี่ยงหลิ่วที่ว่างแล้วเขาจึงติดตามภรรยาของตนเองไปทว่า..."รักษาด้วยการแช่น้ำสมุนไพรและฝังเข็มต้องปลดอาภรณ์ออกทั้งหมด ท่านจะไปช่วยอยู่หรือไม่?"จางเยี่ยนจื่อนั้นหันกลับมาถามอีกฝ่ายเสียงสงบ ทำเอาบุรุษตัวโตราวกับหมียักษ์ถึงกับยิ้มเจื่อนไม่กล้าขยับขาก้าวตามภรรยาตัวน้อยไปอีก"เช่นนั้นเจ้ารีบกลับนะ ข้าจะรอนอนพร้อมกับเจ้า""ดวงตาของเราใช้ร่วมกันหรือ?""ไม่ได้ใช้ร่วมกัน""เช่นนั้นจะรอหม่อมฉันด้วยเหตุอันใด ไปนอนเพคะ"จางเยี่ยนจื่อกล่าวแล้วก็ไม่ใส่ใจบุรุษผู้เป็นสามีของตนเองอีก ปล่อยให้หลีเซี่ยงหลิ่วหน้าตาบิดเบี้ยวเพราะรู้สึกขัดใจแต่จะทำสิ่งใดได้อยู่อีกนอกจากหันหลังกลับไปยังเรือนรับรองไปนอนดังที่ภรรยาออกคำสั่งด้วยกิริยากระฟัดกระเฟียดชวนขบขันยิ่งนักในสายตาขององครักษ์ทั้งสามชีวิตที่ติดตามองค์ไท่จื่อแห่งต้าเว่ยเช่นจงเจิ้ง หย่งเซิ่งและเกาเหิงยิ่งนัก"ข้าไม่ได้กลัวนางนะ ข้าแค

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่38

    บทที่38ฝ่ายของซ่งฉู่เหอที่รับมอบหมายหน้าที่จากหลานชายให้มาชำระความกับเหลียงอ๋องและพระชายาของอีกฝ่ายบัดนี้เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเหลียงอ๋องนั้นใช้ว่าราชการประจำโดยมีเหลียงอ๋องหยวนโม่เซียวกับพระชายาเอกและคนของเขาถูกทหารองครักษ์ของไท่จื่อกับของมู่หยางอ๋องควบคุมให้นั่งอยู่บนพื้นหน้าโถงทางเดินของท้องพระโรงด้วยใบหน้าสลดหดหู่ ส่วนขุนนางกับซื่อจื่อนั้นยืนร่วมเป็นพยานอยู่สองข้างของท้องพระโรงว่าราชการด้วยสีหน้าแตกตื่นกันถ้วนหน้า"เหลียงอ๋องหยวนโม่เซียวและพระชายาเหลียงคงรู้ความผิดของตนเองดีแล้วใช่หรือไม่"ขุนนางที่แต่เดิมเหลียงอ๋องนั้นตั้งใจเชิญมาเป็นพยานให้ตนเองกับบุตรสาวมิคาดบัดนี้กลับต้องมาเป็นพยานให้ฝ่ายของมู่หยางอ๋องแทนต่างก็เหลียวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ผิดกับซื่อจื่อหยวนโม่หวายวัยสิบห้าหนาวที่พยายามห้ามปรามทั้งพี่สาว มารดาและบิดาแล้วแต่กลับไม่มีผู้ใดหยุดฟังเขาเลยแม้แต่คนเดียวที่ยืนหน้าถอดสีมองตรงไปยังมู่หยางอ๋องด้วยความกังวลใจถึงเก้าส่วนว่าอาจได้รับโทษหนักอย่างแสนสาหัสเพียงใดก็ยากจะรู้แจ้งถึงความคิดของไท่จื่อหนุ่มนั้นจะตัดสินเช่นไร"หรือเหลียงอ๋องยังมีสิ่งใดอยากจะกล่าวแก้ตัวก็กล่าวออกมา

  • ของหวงจอมทมิฬ   บท37

    บทที่37ระหว่างทางที่ต้องเดินกลับเรือนรับรองมีหลายครั้งที่หลีเซี่ยงหลิ่วควบคุมตนเองไม่ได้พยายามจะจับเรือนร่างอรชรของจางเยี่ยนจื่อนั้นกดลงพื้นอยู่หลายครั้งจนจงเจิ้งนั้นต้องพุ่งเข้ามาแยกเขาคนตัวโตออกไปประคับประคองด้วยตนเองแทน จางเยี่ยนจื่อจึงใช้โอกาสนั้นล่วงหน้าไปเตรียมห้องอาบน้ำรอเอาไว้ก่อนเมื่อไท่จื่อหนุ่มไปถึงจะได้เริ่มแช่น้ำสมุนไพรได้เลย"ทรงมีสติก่อนพ่ะย่ะค่ะไท่จื่อ"จงเจิ้งถูกลวนลามหนักเข้าเขาก็จำต้องเอ่ยปากกรามอีกฝ่ายที่เป็นบุรุษตัวโตไม่ต่างจากตนเองเช่นกันให้เขาตั้งสติสักหน่อย หลีเซี่ยงหลิ่วจึงสะดุ้งคืนสติกลับมา ความทรมานที่ตนเองได้รับคราวนี้ชายหนุ่มจะขอจดจำเอาไว้เลยว่าสตรีนั้นอันตรายเพียงใดโดยเฉพาะสตรีสาวน้อยที่ดูบอบบางอ่อนหวานนั้นร้ายกาจกว่าสตรีที่ตรงไปตรงมาเช่นนางเยี่ยนจื่อมากนัก"พาเขามาทางนี้เลยข้าเตรียมทุกสิ่งเสร็จเรียบร้อยพอดี"พอไปถึงเรือนรับรอง จางเยี่ยนจื่อก็ออกมารอรับหลีเซี่ยงหลิ่วด้วยตนเอง ภายในห้องอาบน้ำไร้เงาของนางกำนัล พอจงเจิ้งประคองเรือนกายสูงใหญ่ของผู้เป็นนายมาส่งจนถึงหน้าบ่ออาบน้ำขนาดใหญ่ที่บัดนี้เต็มไปด้วยสมุนไพรหาใช่ดอกไม้หอมเช่นปกติแล้วจึงถอยออกไปรอด้านนอกเช

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status