Share

บทที่4

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-06 19:28:26

บทที่4

ฝ่ายของคนที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีจนไม่เหลือความดีเช่นหลีเซี่ยงหลิ่วหรือบัดนี้คือ'เซียวอู๋เกอ'แล้วนั้นกำลังถูกจูอิงหรือจงเจิ้งแบกขึ้นหลังโดยมีจางเยี่ยนจื่อนำหน้าและฉางเฉี่ยน ปิดท้ายคอยคุ้มกันเดินลัดเลาะอยู่บนเขาเพราะต้องหลบทหารของหลีซือหลางทำให้จนป่านนี้เยี่ยนจื่อก็มิอาจลงไปยังชายเขาได้ทั้งที่แดดเริ่มแรงมากขึ้นทุกขณะดูอย่างไรก็คงเลยยามอู่ไปแล้วเป็นแน่

"หลัวเหลียงตี้เอ่อ...ท่านหมอจางคุณชายเซียวของข้าเหมือนจะอาการไม่ดีแล้วเราสมควรพักก่อนเถอะ"

เป็นฉางเฉี่ยนที่เดินอยู่ด้านหลังสุดเขาจึงสังเกตเห็นว่าผู้เป็นนายนั้นอาการมิสู้ดี แต่คงเพราะไม่อยากถ้วงเวลาอู๋เกอจึงไม่ยอมเปิดปากบอกว่าตนเองกำลังจะไม่ไหวแล้ว จางเยี่ยนจื่อเองเมื่อได้ฟังคำเตือนของฉางเฉี่ยนจึงคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองนั้นเดินอ้อมขึ้นเขามาไกลมากแล้วไม่พอบัดนี้ยังมีคนบาดเจ็บรั้งท้ายมาอีกผู้หนึ่งอีกด้วย ยาสมุนไพรยังไม่ได้ใส่แผลให้อีกฝ่ายคาดว่าเขาน่าจะแทบทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้วเป็นแน่

"ด้านหน้าเดินอีกสักราวสองเค่อจะมีกระท่อมนายพรานอยู่ อย่างไรพี่จงเจิ้งพาคุณชายเซียวของท่านไปพักรอข้ากับพี่ฉางเฉี่ยนก่อนก็แล้วกัน"

"ท่านหมอจางจะไปที่ใด" จงเจิ้งถามเสียงขรึมดูเช่นไรก็ไม่วางใจหญิงสาวอยู่เป็นแน่ จางเยี่ยนจื่อไม่ได้ตาบอดสักหน่อยจึงจะมองไม่ออก

"ข้ากับพี่ฉางเฉี่ยนจะไปเก็บสมุนไพรกับหาผลไม้กับน้ำสะอาดมาสำหรับกินและดื่มของพวกเราสี่ชีวิตเพราะข้าเคยขึ้นเขามาเก็บสมุนไพรอยู่หลายครั้งกระท่อมนายพรานเหล่านั้นไม่มีอาหารและน้ำดื่มที่สะอาดพออยู่ภายในกระท่อม หรือพี่จงเจิ้งวางใจให้ข้าไปผู้เดียวเล่า?"

จงเจิ้งฟังแล้วคิดตาม แต่กลับเป็นเซียวอู๋เกอที่เป็นผู้โบกมือไล่ให้จางเยี่ยนจื่อและฉางเฉี่ยนไปหาสิ่งที่ต้องการเสีย จากนั้นเขาจึงหันมาสั่งให้จงเจิ้งแบกตนเองตรงไปตามทิศทางที่จางเยี่ยนจื่อนั้นชี้บอกเอาไว้ ซึ่งก็ไม่นาน ประมาณเวลาก็คงราวสองเค่อดังที่หญิงสาวผู้นั้นบอกเอาไว้ไม่ผิดไป

"หาทางติดต่อคนของเสด็จลุงของข้าที่จิ้งโจวให้ได้ ส่วนผู้อื่นอย่าได้วางใจ บัดนี้นอกจากเจ้าและฉางเฉี่ยน กับไฉ่หมิงและเสด็จลุงฉู่เหอข้าก็ไม่วางใจผู้ใดทั้งสิ้น"

เซียวอู๋เกอที่คิดบางสิ่งอยู่ตลอดเวลานับจากหลบหนีออกมาจากตำหนักบูรพาได้ออกคำสั่งให้คนสนิทเร่งหาทางติดต่อไปยังมู่หยางอ๋องผู้เป็นเสด็จลุงเพราะขณะนี้มีเพียงต้องไปตั้งหลังยังแคว้นที่เป็นบ้านเดิมของมารดาเท่านั้นเขาจึงจะสามารถรวบรวมกำลังทหารมาต่อกรกับหลีซือหลางได้

"พ่ะย่ะค่ะ เอ่อ ขอรับคุณชายเซียว"

จงเจิ้งยังไม่คุ้นชินจึงเผลอพลั้งปากไปแต่ เมื่อถูกดวงตาเรียวราวกับดวงตาของนางพญาหงส์ตวัดมองเตือนสติองครักษ์หนุ่มวัยยี่สิบหกหนาวเขาจึงเปลี่ยนประโยคตอบรับเป็นชาวบ้านปกติทั่วไปได้ทัน

"ตรงนี้มีเสื้อผ้าสะอาดอยู่เอ่อ คุณชายเซียวจะทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนหรือไม่"

จงเจิ้งสำรวจรอบกระท่อมด้วยความละเอียดรอบขอบไม่นานก็พบถังน้ำที่คาดว่าคงเป็นนายพรานตักเอาไว้ใช้อยู่หนึ่งถังกับเสื้อผ้าทั้งของบุรุษและสตรีอย่างละสองชุด จึงพอจะคาดเดาได้ว่ากระท่อมนี้คงมีเจ้าของและอาจจะมาพักอาศัยบ่อยครั้งเป็นแน่

"ก็ดี"

ในยามนี้ต้องเร่งทำความสะอาดบาดแผลและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปให้เร็วที่สุดเพราะชุดของพวกเขาโดดเด่นเกินไปต่อให้ชาวบ้านมาพบก็ต้องสงสัย และคาดว่าป่านนี้หลีซือหลางก็คงใส่ร้ายป้ายสีเขาจนไม่มีชิ้นดีแล้วเป็นแน่ ขณะที่จงเจิ้งเช็ดตัวและช่วยเปลี่ยนอาภรณ์ให้นั้นอู๋เกอก็คิดไปถึงบิดา ถึงฮ่องเต้จะไม่นับว่าเป็นบิดาที่ดีที่สุด แต่ฮ่องเต้ก็รักลูกทุกคนไม่เคยลำเอียง

แต่สุดท้ายบุรุษผู้นั้นก็ต้องมาตายลงเพราะบุตรชายที่เขาวางใจที่สุดสังหารอย่างโหดเหี้ยม แววตาของบิดาในถุงผ้านั้นติดตาของเซียวอู๋เกอมาจนถึงบัดนี้ ใครไม่ซาบซึ้งแต่เขาซาบซึ้งจนถึงแก่น เพราะเขาเองก็ไม่ต่างจากบิดาหลายหนาวถูกหลีซือหลางและหลัวเฟยเมี่ยวตบตาและปั่นหัวมานานโง่เขลาจนไม่รู้จะโง่เขลาได้อย่างไรอีกแล้ว

"เสร็จแล้วขอรับคุณชายเซียวก็นอนพักสักครู่เถอะ ประเดี๋ยวข้าน้อยจะไปต้มน้ำมาให้ดื่มขอรับ"

"ได้ ท่านเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียด้วย อ๋อ อย่าลืมทำลายเสื้อผ้าทั้งของท่านและของข้าทิ้งให้หมดด้วยเล่าท่านจงเจิ้ง"

"พ่ะย่ะค่ะ เอ่อ ได้รอรับคุณชายเซียว ข้าน้อยจะจัดการให้เรียบร้อยขอรับ"

จงเจิ้งแยกไปจัดการทุกสิ่ง ฝ่ายของเซียวอู๋เกอถึงจะทอดกายลงนอนแต่กลับนอนไม่หลับแม้แต่น้อย ทุกสิ่งเกิดขึ้นรวดเร็ว และเกิดขึ้นจากคนที่เขาไม่คาดฝันว่าจะทรยศ ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพหลัว อัครมหาเสนาบดีเหวิน เหวินกุ้ยเฟย หรือแม้แต่หลีซือหลาง หากเป็นองค์ชายรองหลีถงกวน กับองค์ชายสามหลีสือซาน เขาจะไม่แปลกใจเลย ทว่านี่เป็นคนที่ดีกับเขาจนตายใจสนิทจึงเจ็บแค้นยากจะบรรยาย

เขายังมีแม่ทัพซ่งไฉ่หมิง ที่ควบคุมกองกำลังทหารม้าเกราะเหล็กของตนเอง แต่เพราะอำเภอเจียงซานของแคว้นปิ้งโจวเกิดฝนตกหนักภูเขาถล่มปิดถนน ตัดเส้นทางทำให้ชาวบ้านและพ่อค้าเดือดร้อน เขาที่เป็นไท่จื่อแต่ติดงานพิธีแต่งตั้งไท่จื่อเฟยจึงส่งแม่ทัพไฉ่หมิงนำกำลังทหารสามหมื่นเจ็ดพันนายให้ไปช่วยท่านนายอำเภอจ้าวเจียงซานที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงอยู่หกร้อยลี้เมื่อสิบแปดวันก่อน

หรือจุดหมายแรกที่เขาจะเดินทางไปสมควรเป็นอำเภอเจียงซานที่แคว้นปิ้งโจว คิดทบทวนอีกครู่อู๋เกอก็มั่นใจที่จะมุ่งหน้าไปพบกับกองทัพทหารม้าเกราะเหล็กของตนเองถึงกำลังทหารสามหมื่นเจ็ดพันนายจะไม่อาจต่อกรกับกองทัพหลวงที่หลีซือหลางยึดไปซึ่งมีกำลังคนถึงสองแสนนายก็ตาม ทว่าสามหมื่นเจ็ดพันนายก็ยังพอที่จะคุ้มกันเขาไปจนถึงจิ้งโจวที่เสด็จลุงกับเสด็จตาของเขาปกครองอยู่มิใช่หรือ

และหากเขาเป็นหลีซือหลาง เซียวอู๋เกอหลับตาคิดว่าขณะนี้เขาคือพี่ชายคนโตหากคิดจะกำจัดเขาจะต้องพุ่งเป้าหมายไปทางใด ครู่หนึ่งเซียวอู๋เกอจึงลืมตาขึ้นแล้วเหยียดยิ้มร้ายกาจออกมาหนึ่งสาย เพราะแน่นานว่าขณะนี้หลีเซี่ยงหลิ่วเป็นยิ่งกว่าพยัคฆ์ลำบากบาดเจ็บสาหัสไม่พอยังไร้กำลังทหารและองครักษ์ติดตามจะไปที่ใดได้ หากไม่มุ่งหน้าไปแคว้นจิ้งโจวของความช่วยเหลือจากญาติสนิทฝ่ายมารดากันเล่า

เทียบกับระหว่างแม่ทัพไฉ่หมิงและมู่หยางอ๋องแน่นอนว่าคนที่หลีเซี่ยงหลิ่วต้องเลือกตรงไปหามู่หยางอ๋องถึงสิบส่วน แต่บังเอิญว่าขณะนี้เขาคือเซียวอู๋เกอที่ผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้งกับไฉ่หมิงย่อมต้องเลือกทางปลอดภัยแน่นอนกว่าด้วยการหลีกเส้นทางไปแคว้นจิ้งโจวที่ป่านนี้หลีซือหลางกับตาเฒ่าเหวินและหลัวเหยียนฟ่านนั้นคงกระจายกำลังทหารฝีมือดีไปซุ่มรอเขาอยู่แล้วเป็นแน่

"หาทางส่งข่าวไปแจ้งกับมู่หยางอ๋องว่าข้ายังปลอดภัยอยู่ กับหาทางติดต่อไฉ่หมิงให้ได้ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไปหาเขา"

เมื่อจงเจิ้งนั้นเดินกลับมาพร้อมกาต้มน้ำและถ้วยน้ำดื่ม เซียวอู๋เกอก็สั่งการทันที ซึ่งจงเจิ้งก็ไม่สอบถามหรือสงสัยอันใดทั้งสิ้น เขารอให้จางเยี่ยนจื่อกับฉางเฉี่ยนกลับมาเขาจึงจะวางใจลงเขาไปจัดการเรื่องที่ผู้เป็นนายมอบหมายให้ได้ แต่เมื่อทั้งสองคนกลับมาพร้อมสมุนไพร หลายชนิด กับผลไม้ น้ำดื่มสะอาด กับไก่และกระต่ายป่าที่ฉางเฉี่ยนล่ามาได้ ฝนที่อึมครึมมาครู่ใหญ่ก็เทกระหน่ำลงมาราวกับท้องฟ้ารั่ว

"ยังดีว่าข้าเตรียมฟืนเอาไว้ไม่เช่นนั้นคงลำบอกแล้วจริงๆ"

จงเจิ้งกล่าวกับฉางเฉี่ยน ในขณะที่มองออกไปด้านนอกกระท่อมด้วยสีหน้าไม่สบายใจนักเพราะฝนตกเช่นนี้ลงเขาไปย่อมไม่ได้เป็นแน่ และยิ่งรอนานมู่หยางอ๋องกับแม่ทัพไฉ่หมิงคงยิ่งคิดไม่ดีเป็นแน่

"ข้าจะไปต้มยาให้คุณชายเซียว รบกวนพี่ฉางเฉี่ยนและท่านจงเจิ้งจัดการกับไก่และกระต่ายให้ข้าด้วย กระท่อมนี้เป็นของท่านลุงเพ่ยและท่านป้าเพ่ยข้าเคยพบหน้าเขามักมีข้าวสารติดเอาไว้ ประเดี๋ยวจะดูผักดองว่ายังมีหรือไม่จะได้กินกับข้าวต้มได้"

หลังตรวจบาดแผลของเซียวอู๋เกอแล้วจางเยี่ยนจื่อนั้นก็ถือโอกาสแบ่งหน้าที่เพราะนางไม่ยอมรับใช้บุรุษสามคนนี้เป็นแน่ทุกคนต่างลำบากก็ต้องช่วยกัน ซึ่งจงเจิ้งกับฉางเฉี่ยนเองก็ไม่วางใจให้หญิงสาวเพียงคนเดียวปรุงอาหารให้พวกเขากินอยู่แล้วจึงไม่โต้แย้ง เห็นเช่นนั้นจางเยี่ยนจื่อจึงค่อยยิ้มออก นางจัดการแยกสมุนไพรด้วยกิริยาว่องไวคล้ายกับนางทำเช่นนี้มานานมากๆ ทีเดียว

"เจ้าสมควรเปลี่ยนอาภรณ์แล้วให้จงเจิ้งไปทำลายทิ้งเสีย"

เซียวอู๋เกอเอ่ยเตือนเมื่อเห็นว่านางแยกสมุนไพรลงหม้อต้มเรียบร้อยแล้ว จางเยี่ยนจื่อก้มลงมองตนเองจึงค่อยนึกได้ หญิงสาวไม่ได้กล่าวอันใด เหลียวซ้ายแลขวาจนหามุมลับตาคนได้จึงถือเสื้อผ้าที่เป็นของท่านป้าเพ่ยหายเข้าไปครู่หนึ่งก็ออกมาแล้วนำเสื้อผ้านางกำนัลที่สวมมาตั้งแต่เมื่อคืนมอบให้กับจงเจิ้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็มองออกไปด้านนอกคราวนี้ทำสีหน้ายุ่งยากเพราะฝนยังตกหนักไม่หยุด

"เจ้าเองก็ไปเปลี่ยนเถอะฉางเฉี่ยน ประเดี๋ยวฝนหยุดดินแห้งข้าจะได้นำไปเผาทำลายเสียพร้อมกัน"

แต่ปัญหาก็มันไม่ได้อยู่ตรงฝนตกแล้วยังเผาทำลายอาภรณ์ไม่ได้แต่ปัญหามันอยู่เสื้อผ้าของบุรุษหมดแล้วบัดนี้มีเพียงเสื้อผ้าของท่านป้าเพ่ยอีกสุดเดียวเท่านั้น!

"ก็แค่เพียงเสื้อผ้ามิใช่หรือไรสวมไปเถอะผู้ใดมาพบก็อ้างได้ว่าฝนตกหนัก"

จงเจิ้งกล่าว ออกมาอย่างเย็นชา ไม่มองหน้าขันทีคนงามแม้แต่น้อย

"เจ้าไม่ใช่ผู้สวมนี่จงเจิ้ง"

ฉางเฉี่ยนกล่าวออกมาด้วยใบหน้าโมโหอยู่หลายส่วน

"ไปเปลี่ยนเถอะ พี่เฉี่ยนขายหน้าหรือจะสู้ชีวิตอยู่รอดปลอดภัย"

จางเยี่ยนจื่อออกความเห็นพร้อมส่งเสื้อผ้าให้ฉางเฉี่ยน ขันทีหนุ่มสะบัดหน้าเดินเข้าไปเปลี่ยนในท้ายที่สุด จากนั้นทุกคนจึงมาร่วมกินข้าวมื้อแรกด้วยกัน คราวแรกจางเยี่ยนจื่อคิดว่าเซียวอู๋เกอจะต้องกินอาหารชาวบ้านไม่ได้เป็นแน่ แต่กลับผิดคาดเพราะอีกฝ่ายกินได้และกินได้มากอีกด้วย หญิงสาวแอบมองอยู่หลายครั้ง ทว่าเซียวอู๋เกอกลับวางกิริยาไม่ใส่ใจ

เขาอยู่ในตำหนักเย็นจนอายุเจ็ดเกือบแปดหนาวข้าวบูดเน่าหรืออาหารของสุนัขก็ยังเคยกินมาแล้ว อาหารตรงหน้าที่มีข้าวต้มอย่างดี มีกระต่าย มีน้ำแกงไก่ป่าไขจะผักดองนี่อีก นับว่าเป็นอาหารชั้นยอด ยังไม่นับเมื่อเขาไปฝึกทหารอยู่ชายแดนอีกหลายหนาว การกินการอยู่ของทหารไม่ได้ดิบดีอันใดมีแต่แป้งแผ่นขึ้นราก็ยังเคยกินรักษาชีวิตกันมาแล้ว

"ดื่มยาเจ้าค่ะ"

จางเยี่ยนจื่อส่งยาให้อีกฝ่ายแต่มือแกร่งกับยังเฉยไม่ยื่นมารับ หญิงสาวจึงคิดว่าอีกฝ่ายคงต้องการคนป้อน จึงเตรียมจะลุกแล้วหันไปเรียกฉางเฉี่ยนมาดูแลป้อนคนเรื่องมาก ทว่าเซียวอู๋เกอนั้นกลับไวกว่า เขาคว้าข้อมือเล็กจับตรึงเอาไว้แน่น

"ดื่มให้ข้าดูก่อน"

คราวนี้เยี่ยนจื่อจึงค่อยร้อง'อ๋อ'จากนั้นจึงค่อยทรุดลงนั่งเช่นเดิมจากนั้นก็ยกถ้วยยาดื่มไปหนึ่งอึก แล้วจึงค่อยส่งให้เซียวอู๋เกอ คราวนี้ชายหนุ่มจึงรับไปดื่มไปลีลาท่ามากอีก

"จริงสิเจ้าไม่สงสัยหรือว่าเหตุใดข้าจึงไม่ตายทั้งที่ถูกแทงจุดสำคัญ"

ความลับที่เขามีหัวใจอยู่ด้านขวานอกจากบิดา มารดากับท่านตาท่านยายและเสด็จลุงก็ไม่มีผู้ใดรู้แจ้งอีกแม้แต่เหล่าหมอหลวงในวังยังไม่กระจ่างต่อความจริงนี้ของเขาแม้แต่คนเดียว

"ข้านั้นเป็นท่านหมอผู้หนึ่งซึ่งศึกษาวิชาแพทย์มาตั้งแต่อายุไม่กี่หนาว ย่อมทราบดีว่าหัวใจของคุณชายรองไม่ได้อยู่ด้านซ้าย"

"เจ้าเก่งถึงเพียงนั้น"

"ข้านั้นเคยเป็นศิษย์หลานคนเล็กของเซียนโอสถถังเย่น่ะ"

คราวนี้ทุกคนหันมาจับจ้องร่างเล็กซึ่งเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่ไม่เชื่อเซียวอู๋เกอเองก็ไม่รู้จะเอาสิ่งใดมาเถียงเมื่อนางบอกถึงตำแหน่งหัวใจของเขาได้อย่างถูกต้อง

"แล้วเจ้าจะจากไปมีจุดหมายแล้วกระมัง"

เซียวอู๋เกอเปลี่ยนเรื่องหลังจากดื่มยาถ้วยสุดท้ายหมด จางเยี่ยนจื่อนั้นนิ่งไปครู่หนึ่งเพราะตัดสินใจว่าจะบอกหรือไม่บอกอีกฝ่ายดี แต่สุดท้ายบัดนี้นางเองยังมองไม่เห็นถึงหนทางที่จะออกจากเมืองหลวงไปได้ในสถานการณ์เช่นนี้เลย บางทีบอกออกไปอาจเกิดประโยชน์ขึ้นมาบ้างก็ได้

“ไปไห่โจวเจ้าค่ะ ที่นั่นมีท่าเรือ พ่อค้าก็มาก คนก็มาก ข้าเป็นหมอ คนมากย่อมหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ง่าย..."

กล่าวเพียงเท่านั้นจางเยี่ยนจื่อนั้นก็เงียบไป ชีวิตของนางยังรู้ว่าจะเป็นอย่างไร หากหลบหนีออกไปจากเมืองหลวงได้ แต่มารดาเลี้ยงกับน้องสาวที่ส่งไปหาพี่ชายยังชายแดนแคว้นซินเจี๋ยติดกับแคว้นปิ้งโจว เล่าป่านนี้จะเป็นอย่างไร บิดาของนางทรยศฮ่องเต้กับไท่จื่อแล้ว พี่ชายของนางจะไม่รู้เห็นเป็นใจเชียวหรือ นางไม่เชื่อเด็ดขาด ในจวนสกุลหลัวหากจะมีใครที่เป็นคนนอกไม่ค่อยรู้สิ่งใด

ก็คงมีเพียงนาง ท่านย่า ท่านแม่รอง กับเสี่ยวลี่น้องสาวคนเล็กเท่านั้นส่วนที่เหลือนางเชื่อว่าต้องรู้ทุกสิ่งเป็นแน่น้องสาวของนางยังเด็ก ท่านแม่รองก็เป็นสตรีอ่อนโยน ถึงพี่ชายจะเคยช่วยปกป้องนางจากบิดา แต่สุดท้ายหากไม่เต็มที่ฝ่ายนั้นก็ไม่ค่อยเข้ามายุ่ง ถึงจะมีมารดาคนเดียวกันแต่หลัวเฟยหรงกลับเชื่อฟังบิดาเช่นหลัวเหยียนฟ่านมาก

"หากข้าจะร่วมเดินทางไปไห่โจวกับเจ้าด้วย เจ้ายังพอจะหาใบผ่านทางให้ข้ากับพี่น้องทั้งสองของข้าได้หรือไม่?"

"!?"

จางเยี่ยนจื่อหันขวับกลับมามองหน้าของ เซียวอู๋เกอด้วยความกังขา เพราะถึงนางจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องของอีกฝ่ายมากนักหากแต่อีกฝ่ายมีญาติฝ่ายมารดาเป็นอ๋องต่างแซ่ปกครองแคว้นจิ้งโจวนั้นนางย่อมทราบดี แต่อีกฝ่ายกลับจะไปไห่โจวที่อยู่อ้อมไปคนละทางกับจิ้งโจวแล้วเช่นนี้จะไม่ให้นางกังขาได้อย่างไร

"หากเจ้าช่วยข้าในคราวนี้ ภายภาคหน้าเจ้ามีเรื่องให้ข้าช่วย ข้าย่อมไม่ปฏิเสธเป็นแน่"

ข้อเสนอนี้ช่างยั่วยวนใจของจางเยี่ยนจื่ออยู่ไม่น้อยถึงไม่รู้ว่าต่อไปอีกฝ่ายจะสามารถทวงคืนฐานะเดิมของเขาได้หรือไม่แต่อีกฝ่ายก็คงไม่สิ้นไร้ไม้ตอกจนพึ่งพาไม่ได้เป็นแน่ นางยังอยากพบท่านแม่รองกับน้องสาวคนเล็กอีกครั้ง หากเขาติดค้างนางต่อไปอาจให้เขาช่วยก็ได้

"ได้!"

สุดท้ายจางเยี่ยนจื่อก็รับปากออกไปเพราะเรื่องหนังสือผ่านทางนางคิดว่าตนเองสามารถหามาให้ทั้งสามคนได้อย่างแน่นอนนั่นเอง…

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่16

    บทที่16พอตกบ่ายจางเยี่ยนจื่อก็ตื่นขึ้นมาในสภาพหัวยุ่งหน้าตาบวมปูด จมูกแดงปากจิ้มลิ้มก็เจ่อจนดูตลก คราวนี้ท่านหมอจางคนเกิดก็เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมาแล้ว คราวแรกนางเกือบก้าวเท้าออกจากห้องแล้วยังดีพี่ฉางเอ๋อร์คนงามของนางนั้นร้องทักพร้อมส่งคันฉ่องมาให้ดู จางเยี่ยนจื่อจึงม้วนตัวกลับเข้าห้องมาอย่างว่องไว สภาพตลกเล่นนี้แม้แต่เจอสุนัขล่าเนื้อของชาวบ้านมันยังเห่าดังนั้นอย่าได้คาดหวังเลยว่าผู้คนพบเข้าจะไม่ขบขันนาง"ข้าชิงชังเขายิ่งนัก!"โมโหเดือดขึ้นมาท่านหมอจางคนเก่งจึงระเบิดคำพูดออกมาโดยลืมยั้งคิด พอตั้งสติได้จึงค่อยเหลียวซ้ายแลขวาราวกับหนูกลัวแมว ก็คนบ้าผู้นั้นน่ากลัวเกินไปประเดี๋ยวก็ดีประเดี๋ยวก็ร้ายทำตัวราวกับสตรีวัยใกล้หมดรอบเดือนทั้งที่เขาก็เพิ่งจะอายุเพียงยี่สิบสองเท่านั้น หรือว่า? ..."นี่พี่ฉางเอ๋อร์ข้ามีเรื่องอยากหารือ"จางเยี่ยนจื่อนั้นกระโดดลงจากเตียงลงไปนั่งบนเก้าอี้ข้างฉางเฉี่ยนจนขันทีคนงามต้องผวาถอยห่างออกไปราวกับอีกฝ่ายคือยาพิษ ทำเอาหญิงสาวถึงกับชักสีหน้าใส่อีกฝ่ายด้วยความไม่พึงใจนักที่อีกฝ่ายดูรังเกียจตนเองแปลกๆ"ข้าไม่ใช่หนอนบุ้งสักหน่อยพอเข้าใกล้จะได้คัน"ฉางเฉี่ยนไม่อยากจะกล่าว

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่15

    บทที่15"คนชั่ว! ท่านอย่าเข้ามาอีกนะ!"คนตัวน้อยไม่มีหนทางจะถอยหนีแล้ว แต่เจ้าคนถูก'ผีบ้า'เข้าสิงสู่นั้นกลับยังคงรุกรานคืบคลานไล่ต้อนนางเข้ามาไม่หยุดสองมือเล็กยกขึ้นกำด้ามกระบี่ของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น แต่คงเกร็งมากไปมือน้อยนั้นกลับสั่นไหวไม่หยุด"ก็บอกว่าอย่าเข้ามาเช่นไรเล่า! หากเข้ามาอีกข้าจะจะแทงท่านที่หัวใจ!"มุมปากแกร่งกระตุกด้านขวาของเซียวอู๋เกอค่อยๆ ยกโค้งขึ้นดูน่ากลัวราวกับปีศาจราคะนั้นยิ่งทำให้จางเยี่ยนจื่อนั้นย่อมหวาดกลัวบุรุษตรงหน้าขณะนี้แปลกไปมากจริงๆ นางไม่ทราบว่าอีกฝ่ายโกรธนางด้วยเรื่องอันใดกันแน่ และยิ่งไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอันใดไปจึงดูคล้ายถูกปีศาจราคะสิงสู่เช่นนี้ ซึ่งนางก็เป็นสตรีย่อมหวาดกลัวอยู่มาก"เช่นนั้นก็แทงสิ เจ้าเป็นหมอและยังรู้จุดตายของข้าดีกว่าผู้ใด แทงลงมาเลย แทงตรงนี้"มือแกร่งของเซียวอู๋เกอจับที่กระบี่ของตนเองแล้วลากลงมาจากลำคอตรงมายังตำแหน่งของหัวใจที่ต่างจากผู้อื่นของตน ดวงตาของเขานั้นจับจ้องมองมาที่นางแน่วแน่ เรียวปากแกร่งนั้นแย้มยิ้มแต่รอยยิ้มดังกล่าวกลับไปไม่ถึงดวงตาหงส์คู่นั้นเลยแม้แต่น้อย เขาออกแรงกดมันแทงเข้าเนื้อจนจางเยี่ยนจื่อตาโต นางเป็นท่านหมอในชีว

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่14

    บทที่14ดังนั้นหลายวันมานี้จางเยี่ยนจื่อจึงรู้สึกว่ามีบางสิ่งขาดไป คิดทบทวนจนแน่ใจหญิงสาวก็กระจ่างว่าที่หายไปก็คือ'เจ้ากรรมนายเวร'เช่นเซียวอู๋เกอนี่เอง ถึงจะอยู่เรือนเดียวกันนอนห้องเดียวกัน แต่เดี๋ยวนี้นอกจากเวลาทำแผลใส่ยาเขาก็หายหน้าไปตลอดวันและถึงจะนอนห้องเดียวกันพอนางล้มตัวลงนอนอีกฝ่ายก็ลุกไปกลับมายามใดนางเอกก็ไม่รู้เช่นกัน พอนางตื่นขึ้นมาเขาก็หายไปแล้วกรี๊ด! 'ในที่สุดข้าก็หมดเวรสิ้นกรรมกับเจ้าคนหน้าหนาหน้าทนแล้ว'จางเยี่ยนจื่อไม่สนใจหรอกว่าเกิดอันใดขึ้นกับอีกฝ่าย นางสนใจแต่อีกฝ่ายไม่เป็นดังเงาตามติดก็เพียงพอแล้วเพราะหากมีโอกาสนางจะได้หนีไปสักครา แค่คิดถึงอิสระจางเยี่ยนจื่อก็มีความสุขจนเดินผ่านสุนัขนางก็ยิ้มให้มัน เดินผ่านไก่แจ้ แมวเหมียว แม้แต่วัวหรือกระบือนางก็สามารถยิ้มพร้อมโบกมือทักทายพวกมันอย่างสนิทสนมจน ฉางเฉี่ยนกับหลุนเปียวนั้นชักจะกลุ้มใจแล้วจริงๆอีกคนก็เคร่งขรึมจนน่าหวาดหวั่นอีกคนก็ดูร่าเริงอารมณ์ดียิ้มได้ทั้งวันราวกับไปกินสมุนไพรผิดชนิดจนเมามายแล้วมีอาการตาหวานเยิ้มหนักข้อขึ้นทุกวันจนใกล้วันจะเดินทางไปจากหมู่บ้านถงซานแห่งนี้เข้าไปทุกทีอาการประหลาดของผู้เป็นนายทั้งสองก็ท

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่13

    บทที่13ฝ่ายคนที่ทำให้'ฉางเอ๋อร์เจี่ยเจีย'นั้นเสียกิริยาและฟุ้งซ่านนั้นกลับยังสบายใจตรงไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาดแล้วจึงค่อยไปทำแผลใส่ยาให้กับ'หนี้รักหนี้แค้น'ของตนเองอย่าง'ใส่ใจ'จนค่ำคืนนั้นเสียงร้องโอดโอยดังลอยออกมาจากห้องของสองสามีภรรยาหนุ่มสาวอยู่ครู่ใหญ่เลยทีเดียวแต่ก็ไม่มีผู้ใดก้าวไปยุ่งด้วยแม้แต่ฉางเฉี่ยนหรือสององครักษ์เกาเหิงและหลุนเปียว"เจ้ามันก็ดีแต่รังแกข้า กับท่านหัวหน้าหมู่บ้านผู้นั้นเจ้าไม่เห็นไปเอาความกับเขาบ้างเล่า?"หลังจากถูกท่านหมอจางผู้อำมหิตลงมือทำแผลอย่างไม่ปรานีเสร็จแล้วเซียวอู๋เกอจึงอดจะกล่าวออกมาด้วยความแค้นเคืองเสียมิได้เพราะกับเขานางตามเก็บไม่มีพัก เถียงได้ถึงแอบหลอกด่าได้นางทำ แม้แต่รังแกเขาด้วยการทำแผลหนักมือจางเยี่ยนจื่อนั้นก็ไม่เคยไว้หน้าฐานะ'ฮ่องเต้'ของตนเลยสักครั้งช่างสมควรตายเสียจริง!"คนเช่นเฝิงคุนผู้นั้นไม่ต้องถึงมือของข้าหรอกแค่ฮูหยินเอกของเขาเพียงผู้เดียวช่วงนี้พวกเราก็จะไม่เจอหน้าเขาไปอีกหลายสิบวันเชียวละ ท่านเชื่อข้าเถอะ"กล่าวไปจางเยี่ยนจื่อก็เช็ดทำความสะอาดเครื่องไม้เครื่องมือไป เซียวอู๋เกอรู้สึกว่าตนเองเริ่มจะไม่ปกติแล้วจริงๆ เพราะเห็นจา

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่12

    บทที่12หลังจากผ่านด่านดังกล่าวมาอย่างราบรื่นทุกคนก็ต่างหายใจสะดวกขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เซียวอู๋เกอก็มอบให้หลุนเปียวหาทางส่งข่าวไปหาจงเจิ้งและหย่งเซิ่งเสียก่อน เพราะกังวลว่าทั้งสองอาจขึ้นเขาแล้วไปพบกับทหารชุดดังกล่าวเข้าอาจจะลำบากมิสู้แจ้งข่าวให้อีกฝ่ายทราบแล้วตามไปพบกันยังหมู่บ้านถงซานย่อมดีกว่า หลังจากจัดการทุกสิ่งเรียบร้อยทั้งเจ็ดชีวิตก็ตรงไปยังบ้านของสองผู้เฒ่าแซ่เพ่ยทันทีกว่าจะเดินทางไปถึงหมู่บ้านถงซานก็ดวงอาทิตย์ใกล้ชิงพลบเสียแล้ว ซึ่งทั้งหมดก็เดินตามกลุ่มนายพรานและชาวบ้านที่ออกไปเก็บข้าวสาลีผ่านซุ้มประตูทางเข้าหมู่บ้านไปได้ด้วยดี มีหลายคนที่ทักทายสองผู้เฒ่า แต่พอเห็นหน้าของจางเยี่ยนจื่อพวกเขาก็ไม่ตามต่อ เพราะทราบดีว่าท่านหมอจางนั้นเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของสองผู้เฒ่าแซ่เพ่ยจึงเคารพอีกฝ่ายราวกับเทพธิดา เนื่องจากจางเยี่ยนจื่อเมื่อสามหนาวก่อนนางได้ช่วยชีวิตของบุตรชายคนเดียวของท่านลุงและท่านป้าเพ่ยที่ไปสอบเป็นเสมียนอำเภอหนิงเสวียนจากพิษของงูแมวเซาต่อมาเมื่อหนึ่งหนาวก่อนฮูหยินของบุตรชายของสกุลเพ่ยนั้นคลอดลูกยากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็เป็นท่านหมอจางอีกที่ไปช่วยทำคล

  • ของหวงจอมทมิฬ   บทที่11

    บทที่11เซียวอู๋เกอนั้นมองการกระทำของจางเยี่ยนจื่อที่สาดผงบางสิ่งลงไปตามรอยเท้าแล้วจากนั้นนางก็ใช้เข็มเงินแทงลงไปที่รอยเท้าดังกล่าว ก็แปลกใจนักไม่เข้าใจว่านางแยกแยะได้เช่นไรว่ารอยเท้าใดเป็นของสองผู้เฒ่ากับสององครักษ์ของเขา เพราะชายหนุ่มแน่ใจอย่างยิ่งว่าบนเขาแห่งนี้ไม่ใช่มีเพียงพวกเขากับสองผู้เฒ่าเท่านั้น แต่ต้องมีนายพรานและชาวบ้านอีกมากที่ขึ้นเขามาในแต่ละวัน วันนี้ก็คงไม่ต่างกัน ทว่าเซียวอู๋เกอนั้นก็ไร้โอกาสที่จะสอบถามเดินอยู่หนึ่งชั่วยามโดยอาศัยหูที่ดีเป็นพิเศษของฉางเฉี่ยนกับสายตาและจมูกที่ว่องไวของเขาจึงหลบหลีกนายพรานกับชาวบ้านได้โดยตลอด ต่อมาอีกครึ่งชั่วยามก็พบกับทั้งสองผู้เฒ่าแซ่เพ่ยกับสององครักษ์หลุนเปียวและเกาเหิงได้อย่างน่าประหลาดใจสำหรับเซียวอู๋เกอยิ่งนักเพราะถึงเขาจะผ่านการฝึกฝนมีทุกแขนงทุกศาสตร์ทั้งต่อสู้ กลศึกไปจนถึงการเขียนพู่กันและเดินหมากชงชาเขาล้วนถูกเข้มงวดมาตั้งแต่อายุไม่กี่หนาว แต่วิชาสะกดรอยตามบนภูเขานี้สำหรับเขานั้นไม่ง่ายและแปลกใหม่เหลือเกินและคาดว่าในเมืองหลวงสาวน้อยที่ทำได้อาจมีน้อยยิ่งกว่าน้อยเป็นแน่"นายท่าน นายหญิง เกิดอันใดขึ้น?"เป็นเกาเหิงที่ตรงเข้ามาทำค

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status