LOGINอีกด้าน
ทันทีที่ขึ้นมาบนห้อง ไมเนอร์รีบพาตัวเองไปยืนตรงระเบียงพร้อมกับแง้มม่านมองลงไปยังโต๊ะที่หญิงสาวนั่งอยู่ นั่นก็คือคนที่เข้ามาทักเขาก่อนหน้านี้ ทำไมเขาจะจำเธอไม่ได้ จำได้แม่นเลยแหละ ไมเนอร์ ชายหนุ่มอายุ 39 ปีเจ้าของความสูง 190 เซนติเมตร เขาเป็นเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้ และยังเป็นเจ้าของสนามแข่งรถที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทางด้านสถานะหัวใจตอนนี้ปิดสนิท ไม่เปิดรับให้ใครเข้ามา สำหรับผู้หญิงแล้วเขาให้ได้แค่ในฐานะคู่นอนเท่านั้น แล้วจะไม่มีกินรอบสองเด็ดขาด ส่วนเรื่องครอบครัวเขาขอไม่เปิดเผยก็แล้วกันเพราะไม่อยากพูดถึง รู้แค่ว่าครอบครัวของเขาตอนนี้มีแค่น้องชายก็พอแล้ว "นายครับ" อคิน ลูกน้องคนสนิทของไมเนอร์เข้ามาหาผู้เป็นนายหลังจากได้รับข้อความ "ไปเรียกเดซี่มาหากู" เขาสั่งโดยที่สายตายังจับจ้องไปยังหญิงสาว ทั้งสองที่นั่งอยู่โต๊ะโซนล่าง "ครับ" อคินออกไปแล้วทว่าไมเนอร์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ในจังหวะนั้นเอง.. ฝันดีดันเงยหน้าขึ้นมาทำให้เขารีบเอาตัวหลบอย่างไว ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง ที่เขาสั่งให้ลูกน้องไปเรียกเดซี่มาก็เพราะว่าเขามีบางอย่างที่อยากจะคุยกับอีกคน.. “ค่ะคุณไมเนอร์” ไม่นานเดซี่ก็เข้าห้องมาหลังจากที่ไมเนอร์ให้ลูกน้องไปตามเธอมาพบ “ฉันอยากรู้ประวัติเธอคนนั้น” “ใครเหรอคะ” “คนที่มาแทนเธอ” เขาหมายถึงฝันดีสินะ เพราะมีแค่ฝันดีที่มาทำงานแทนเดซี่ในช่วงที่เธอลา “คุณไมเนอร์จะเอาไปทำไมเหรอคะ” “ฉันแค่อยากรู้” นั่นหมายความว่าทำตามที่เขาสั่งก็พอ “ได้ค่ะ” “ขอภายในวันนี้” “ค่ะ” จากนั้นเดซี่ก็ออกจากห้องไป ไมเนอร์นั่งนิ่งเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ ขณะนั้นเอง.. แอดด “แม่งโคตรสวย” ครูซเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้อง เขาเลือกที่จะไม่นั่งแต่ตรงไปที่กระจกพร้อมกับมองลงไปยังชั้นล่างแทน “อะไรของมึง” อยู่ ๆ ก็พูดขึ้นแล้วเดินไปดูอะไรก็ไม่รู้ “ตอนกูเดินเข้าร้านมา กูเห็นผู้หญิงสองคนแม่งโคตรสวย” “ไหนวะ” แล้วคิดว่าเสืออย่างเขาจะยอมอยู่นิ่งอย่างนั้นเหรอ ไมเนอร์ลุกพรวดพราดตามเพื่อนไปดูทันที ทว่า.. “เป็นไง สวยสัส ๆ” เพราะผู้หญิงที่เพื่อนเขาหมายถึงนั่นก็คือฝันดีและเพื่อนของเธอยังไงล่ะ “สวยตรงไหน” “สเปคมึงหนิ” “ไร้สาระ” “กูคิดอะไรออกละ” ครูซยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะลากเพื่อนให้ตามลงไป “มึงจะพากูไปไหนไอ้เหี้xครูซ” “เถอะหน่า” ตึกตึก.. กึก! “.../...” สองสาวที่กำลังนั่งคุยกันอยู่อย่างสนุกสนานเป็นต้องเงียบเสียงลงเมื่อมีคนเดินมาหยุดข้างโต๊ะที่พวกเธอนั่ง ฝันดีและใยไหมมองไปยังสองหนุ่งที่ยืนทำหน้านิ่งหนึ่งคน ยิ้มตาหยีอยู่หนึ่งคน “มีอะไรหรือเปล่าคะ” เป็นใยไหมที่ถาม ส่วนฝันดีเธอมองถัดไปที่อีกคน ไมเนอร์เบือนหน้าหนีไปมองอย่างอื่นทันที “ขอพวกฉันนั่งด้วยได้ไหมพอดีโต๊ะมันเต็ม” “ฮะ?” ทั้งสามอุทานออกมาพร้อมกันทันทีเมื่อครูซพูดจบประโยค ก่อนจะพากันหันมองไปรอบ ๆ ร้านที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพียงประปรายเนื่องจากยังไม่ดึกมากคนเลยไม่เยอะ “มึงพูดอะไรก็ให้มันเนียน ๆ หน่อยไอ้เวร” ไมเนอร์กัดฟันกรอดกระซิบข้างหูเพื่อนให้ได้ยินกันแค่สองคน เขาอยากเอาหัวโขกโต๊ะแรง ๆ สักทีตอนที่เพื่อนเอ่ยคำนั้นออกมา ขายขี้หน้าชะมัด “กูรีบ” “เอากูมาขายขี้หน้าจริง ๆ” “สรุปขอนั่งด้วยได้ไหม” “เชิญค่ะ” เป็นใยไหมอีกเช่นเคยที่อนุญาตให้สองหนุ่มนั่ง ฝันดีหันขวับไปมองยัยเพื่อนตัวดีทันที “ขอบคุณ” ครูซเอ่ยขอบคุณพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งทว่ามีอยู่หนึ่งคนที่ไม่ยอมนั่งลง ไมเนอร์ทำเป็นมองไปทั่วร้านเหมือนกำลังตรวจงาน “ยืนหาพ่อมึงเหรอ นั่งสิวะ” “เอ่อ..” “มันคือการคุยกันแบบเพื่อนรักอย่างพวกเราน่ะ” “อ่า..” ฝันดีทำหน้าพยายามเข้าใจ “ว่าแต่พวกเธอชื่ออะไรกันบ้าง” และก็ยังเป็นครูซที่ชวนสองสาวคุยไม่หยุด โดยข้างกายก็เป็นไมเนอร์ที่เอาแต่เงียบฟังพวกเขาคุยกัน “ฉันใยไหมค่ะ” “ฉัน..” “ฝันดี ยัยนี่ชื่อฝันดี” ยังไม่ทันที่ฝันดีจะได้แนะนำตัวเอง ใครบางคนก็แทรกขึ้นซะก่อน ทั้งสามหันไปมองที่เขาเป็นตาเดียวโดยเฉพาะเจ้าของชื่อ “มึงรู้ได้ยังไง” “เรื่องของกู” “สัส” “ค่ะ ฉันชื่อฝันดี” “จริงจัง?” “ค่ะ” “มึงรู้จักเธอทำไมไม่บอกกู” “ไม่รู้จัก” “ตอแหล” “มึงต้องการอะไรจากกูไอ้ครูซ” “ยอมรับสิว่ามึงกินแล้ว” “ปากมึงนี่น่าเอาตีนยัดไว้จริง ๆ” ต่อให้ได้หรือไม่ได้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดให้คนฟัง อีกอย่างเธอก็นั่งอยู่ตรงนี้ มันไม่ควรพูดเพราะถือว่าไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินก็ตาม “ทำเป็นเข้มนะ” “เข้มพ่อมึงสิ” “กูฟ้องพ่อกูนะ” “ไปตายที่ไหนก็ไป” “นี่ พวกเธอรู้หรือเปล่าว่าบ้านมันมีสวนสัตว์ด้วยนะ” “ไม่รู้ค่ะ ไม่ใช่ญาติ” เป็นใยไหมที่ตอบกลับไปทำเอาฝันดีและไมเนอร์หัวเราะออกมาพร้อมกัน “เธอ..เคยวูบไหม?” “หยอกค่ะ” “อยากไปดูกวางบ้านมันไหม” ครูซยังคงหลอกล่อสาวให้เพื่อนไม่หยุด ฝันดีตรงสเปคเพื่อนเขาทุกอย่าง ใยไหมยังห่างมาก แต่ฝันดีคือใช่เลย “เขาเลี้ยงกวางด้วยเหรอ” “ตัวใหญ่เลยล่ะ” “จริงเหรอคุณ” ฝันดีหันไปถามอีกคน “....” ไมเนอร์ขยับตามองมาที่หญิงสาวนิ่ง ฝันดีก็จ้องเขากลับไปเช่นกัน กลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งสองกำลังนั่งจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใครกระทั่ง “สงสัยจะได้ไปดูกวางบ้านมันจริง ๆ”คอนโดไมเนอร์ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถ พร้อมกับเดินอ้อมไปเปิดฝั่งที่หญิงสาวนั่งอยู่ ฝันดีนั่งกอดอกตัวเองไม่ยอมลงแต่อย่างใด ทำให้ไมเนอร์เริ่มหงุดหงิดกระชากตัวเธอลงจากรถอย่างแรง หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงไปที่พื้นจนเข่าเธอกระแทกไปกับพื้นปูนทำให้ถลอกแล้วมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย“อ๊ะ!” ปากเล็กร้องออกมาด้วยความรู้เจ็บจี๊ดบริเวณหัวเข่า เธอเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่เอาแต่นิ่งมองมายังเธอเช่นเดียวกันก่อนที่เขาจะเอ่ย“จะเลิกอวดดีได้หรือยัง” เขาถามโดยไม่สนว่าตอนนี้เธอกำลังเจ็บอยู่หรือเปล่า“แล้วคุณเป็นบ้าอะไรลากฉันมาด้วย!” ฝันดีเองก็เริ่มจะหมดความอดทนกับผู้ชายคนนี้แล้วเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าเขาจะลากเธอมาด้วยทำไม“ลากมาสั่งสอนไง สั่งสอนให้รู้ว่าอย่าอวดเก่งกับฉัน” เขาเอ่ยเสียงเย็น เธอพยศใส่เขาเกินไป อายุเขาและเธอก็ห่างกันพอสมควรแต่หญิงสาวกลับทำตัวปีนเกลียวไม่เลิก“อย่าลืมสิว่าคุณกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างเรื่องคืนนั้นฉันก็แค่อยากลองเฉย ๆ ไม่ได้อยากจริงจังด้วยสักหน่อย การที่คุณทำแบบนี้ มันเหมือนว่าคุณนั่นแหละที่ติดใจฉัน” แม้จะเจ็บสักแค่ไหนแต่เธอก็จะไม่ทำตัวอ่อนแอต่อหน้าผู้ชายคนนี้เด็ดขาด คนอย่างเ
คนตัวเล็กเดินตรงไปยังสถานที่หนึ่ง ในมือมีช่อดอกไม้ที่เธอมักซื้อติดมือมาทุกครั้งที่มาที่นี่ เดินไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงเจดีย์ใส่อัฐิพ่อของเธอ..“เป็นยังไงบ้างคะ สบายดีไหม” เอ่ยถามเสียงเบาหวิวพลางยื่นมือสัมผัสรูปที่แปะติดอยู่หน้าเจดีย์อัฐิอย่างเบามือ ดวงตาสองข้างเริ่มแดงก่ำ ฝันดีจะลางานมาหาพ่อของเธอในทุก ๆ ปี จนมันกลายเป็นวันหยุดประจำตัวของเธอไปแล้ว“...”“คิดถึงหนูกับแม่ไหม”“...”“ทำไมหนูคิดถึงพ่อจังเลย ฮึก~” เธอก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา แม้จะเข้มแข็งสักแค่ไหนก็ใช่ว่าเธอจะไม่มีมุมอ่อนแอเหมือนคนอื่น เธอมันพวกแข็งนอกอ่อนในต่างหาก“....”“ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะ” คิดถึงรอยยิ้มของพ่อที่เคยยิ้มให้ คิดถึงอ้อมกอดที่เคยได้รับ คิดถึงคำสอนที่พ่อเคยบอกเอาไว้ คิดถึงทุกอย่างที่เป็นท่าน“...”“หนูกลัว~ ฮึก!” ตั้งแต่สูญเสียพ่อไปฝันดีก็กลายเป็นคนขี้กลัวโดยไปเลย ไม่ใช้กลัวอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่เธอกลัวการสูญเสียคนที่รักไปอีกครั้ง เธอคงทำใจไม่ได้หากแม่ต้องจากไปอีกคน ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอนาคตชีวิตจะเป็นยังไง วันนี้อาจนั่งคุยกันอย่างมีความสุข พรุ่งนี้เขาอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้ใครจะรู้ ทุกคนมองว่าเธอเป็นผู้
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา“แกนะแก ถ้าเป็นแบบนี้อีกฉันจะทุบให้หลังหักเลยคอยดู” ใยไหมบ่นให้เพื่อนตัวดีที่หายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว เธอก็เป็นห่วงแทบตายกลัวคนจะหลอกเพื่อนไปฆ่า ฝันดีเพิ่งติดต่อเธอกลับวันที่ไปเที่ยวทะเล แล้วนี่ก็เป็นวันแรกที่หญิงสาวกลับมาทำงานตามปกติ เลยต้องมานั่งฟังเพื่อนใยไหมบ่นอยู่แบบนี้กลางศูนย์อาหารในบริษัท“ขอโทษ”“ต่อไปนี้จะไม่พาไปเที่ยวอีกแล้วถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันก็เป็นห่วงแทบตาย” ถ้าแม่ฝันดีไม่บอกก่อนว่าเจอเพื่อนแล้วเธอจะไปแจ้งความจริง ๆ“ฉันก็กลับมาแล้วไง ไม่เป็นอะไรด้วยเห็นไหม”“ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก”“อย่าบ่นเยอะสิตีนกาขึ้นเลยเห็นไหมน่ะ” ตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน ทั้งสองไม่ได้ออกไปทานข้าวข้างนอกแต่ลงมานั่งทานที่ศูนย์อาหาร วันนี้รู้สึกว่าคนเยอะแปลก ๆ ทั้งที่ปกติคนชอบออกไปข้างนอกกันมากกว่าเพราะอาหารที่บริษัทรู้สึกว่าจะไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ คนเลยไม่นิยมมาทานกัน แต่วันนี้เหมือนว่าทุกคนจะอยู่กันเยอะกว่าทุกวันซึ่งไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่แล้วทั้งสองก็ต้องเงียบแล้วหันมองไปยังเสียงเอะอะโวยวายที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ“เขามุงดูอะไรกัน” ใยไหมหรี่ตามองกลุ่มสาว ๆ ที่ยืนชะเง้อเหมือนกำล
เขากระชากคนตัวเล็กเข้าหาอย่างแรง ไมเนอร์ไม่พอใจอย่างยิ่งที่เธอปากเก่งกล้าพยศใส่เขา ผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนไม่มีใครกล้าเดินหนี ถือว่าเธอกล้ามากที่ทำมัน แบบนี้ต้องสั่งสอนให้หลาบจำ ทั้งที่ได้เขาเป็นผัวแต่เธอยังกล้าทำตัวกระหายผู้ชายไม่เลิก“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน”“ทำไม หรือฉันทำให้ไม่ถึงใจถึงได้วิ่งตามผู้ชายมาถึงที่นี่”“ทุเรศ” เธอพ่นคำด่าหยาบคายใส่หน้าเข้าเต็ม ๆ“ว่าไงนะ?”“คุณมันทุเรศที่สุด”“จะด่าอะไรก็ระวังปากหน่อย อีกอย่างเรื่องเมื่อคืนฉันก็ไม่ได้เป็นคนร้องขอนะอย่าลืม” เธออนุญาตให้เขาทำเอง เขาไม่ผิดสักหน่อย ไหน ๆ ก็เคยได้แล้วถ้าได้อีกครั้งคงไม่เป็นไรหรอกมั้งว่าไหม?“ฉันไม่น่าพลาดให้คุณเลย”“อันนั้นฉันก็ช่วยไม่ได้” เขาตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ เธอเสนอเขาก็แค่สนอง วิน ๆ กันทั้งคู่“ปล่อย” ฝันดีพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของอีกคน“ไหน ๆ ก็เจอแล้วฉันว่าเรา..”“ไปตายซะ”“เหอะ!” ไมเนอร์ดันลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มด้วยความหงุดหงิด เธอกำลังทำให้เขาหมดความอดทน ไปตายงั้นเหรอ..“ปล่อย”“....”“ฉันบอกให้ปล่อยไง!”“เพ้อเจ้ออะไรอยู่”“จะไม่ปล่อยใช่ไหม”“เธอเป็นใครทำไมฉันต้องเชื่อฟัง” ไมเนอร์ลอยห
ขวับ! ทั้งไมเนอร์และฝันดีหันขวับไปมองยังที่มาของเสียงอย่างพร้อมเพรียง ร่างสูงของใครบางคนเดินยิ้มมาหยุดตรงหน้าคนตัวเล็ก ซึ่งเป็นคนที่เธอนั้นรู้จักเป็นอย่างดี ส่วนไมเนอร์นั้น...มันเป็นใคร?“คุณแผ่นดิน?” เสียงหวานเอ่ยเรียกคนมาใหม่ด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจออีกคนที่นี่ แม้จะอดสงสัยไม่ได้แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป“มาคุณอะไรกัน” แผ่นดินดีดนิ้วลงที่หน้าผากมนเบา ๆ อย่างไม่แรงนัก บอกหลายครั้งแล้วแต่เธอก็ไม่เคยจำว่าอยู่ข้างนอกให้เรียกเขายังไง“แหะ~ พี่แผ่นดิน” แผ่นดินเคยบอกกับเธอไว้ตั้งเจอกันช่วงแรก ๆ เขาขอให้เธอเรียกพี่แทนเรียกคุณ ฝันดีได้ยินแบบนั้นก็ปฏิเสธทันที แผ่นดินคือเพื่อนสนิทของฟินิกซ์ คนที่เป็นถึงประธานบริษัทเจ้านายเธอเลยนะ จะให้มาเรียกเหมือนคนสนิทกันมันคงจะเป็นไปไม่ได้ แผ่นดินเห็นหญิงสาวมีท่าทีลำบากใจจึงยื่นข้อเสนอใหม่ให้นั่นก็คือ.. เวลาอยู่ข้างนอกให้เรียกเขาพี่ตามที่บอกไปตอนแรก ส่วนคุณให้เรียกเฉพาะตอนที่อยู่ในที่ทำงานเท่านั้น ฝันดีคิดจะค้านแต่สุดท้ายก็ต้องรับปากในที่สุดเมื่อเขาใช้ไม้เด็ด“แล้วนี่มาเที่ยวเหรอ” เขามองดูเธอก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับรอยแดงบริเวณลำคอหญิงสาว แม้มัน
วันต่อมา “นี่ค่ารถค่ะ” ฉันยื่นค่าโดยสารให้ลุงคนขับ “ไม่เป็นไรยัยหนู ลุงไม่คิดเงิน” ได้ไงอะ จุดที่ฉันลงรถมาถึงที่พักไม่ใช่ใกล้ ๆ เลยนะ ฉันเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน ฉันพยายามยัดเงินใส่มือคุณลุงทว่าลุงแกก็ยังปฏิเสธเหมือนเดิม “ไม่ได้นะคะ” ค่าน้ำมันค่าเสียเวลาอีก แบบนี้ฉันไม่โอเคหรอกนะถ้าจะให้ฉันนั่งมาฟรี ๆ รู้แหละว่าคุณลุงคงไม่คิดอะไรมากแต่ฉันไม่ไง มันรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ "ลุงเห็นว่าเราเป็นลูกกตัญญูพาแม่มาเที่ยว เอาไปเถอะบ้านลุงอยู่แถวนี้พอดี" "แต่คุณลุงคะ.." ทำไมถึงใจดีขนาดนี้ล่ะ "ลุงไปละ เที่ยวให้สนุกนะยัยหนู" ว่าจบลุงสามล้อก็ขับรถออกไปทันที ฉันกับแม่มองตามรถลุงไปจนสุดสายตาก่อนจะหันสบตากันนิ่ง "คุณลุงใจดีมากเลย" ฉันพูดขึ้นพลางเก็บเงินไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม "นั่นสิ" "เราเข้าไปเช็คอินกันเถอะ" ทุกอย่างมันปุ๊บปั๊บไปหมด แล้วโรมแรมนี้ว่างพอดีฉันเลยทำการจองทันที ฉันเข้าไปติดต่อพนักงานเพื่อเข้าพัก หลังจากชำระค่าอะไรเรียบร้อยก็เดินไปหาแม่ที่นั่งรออยู่ "ปะ" รับกระเป๋ามาถือพร้อมกับเดินไปขึ้นลิฟต์ โรมแรมที่ฉันมาพักมันก็ไม่ได้แย่นะทุกคนถือว่าดีเลยแหละ ทั้งวิวทั้งราคาทุกอย่างโอเคหมดเลย ระหว่างที