หญิงสาวยืนอยู่หน้าเตียงฉ่ำเลือดที่เมื่อครู่มีศพของเจ้านายอันเป็นที่รักอยู่ สายตาเลื่อนลอยมองเหม่อเอื่อยเฉื่อยไปที่ผืนผ้าบิดเบี้ยวบนคานหลังคา
ผ้าผืนนี้ เมื่อห้าวันก่อนหน้า ยังเป็นสิ่งที่เฮ่อเหลียนใช้ยึดเหนี่ยวเพื่อเบ่งคลอดคุณชายน้อยออกมา
แต่ยามนี้ ซือจิงจะใช้มันเพื่อปลดปล่อยตนเองไป
พี่ซือจิง ข้าหิวข้าว
พี่ซือจิง ข้าเก่งหรือไม่
พี่ซือจิง ข้ารักพี่ที่สุดเลย
พี่ซือจิง ข้า...ไม่ไหวแล้ว ทรมานเหลือเกิน
เส้นเสียงกังวานใสในวันวาน สุดท้ายคงเหลือเพียงน้ำเสียงสั่นเครือร่ำไห้ในวันนี้
โธ่เอ๋ย! เด็กดีของพี่ซือจิง...
สาวใช้ผู้ภักดีไม่คิดจะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างเดียวดาย นางคิดจะตามไปดูแลนายสาวยังที่ไกลแสนไกล ไม่แม้แต่จะคิดใคร่ครวญ
บ้านหลังน้อยเก่าคร่ำ พลันปรากฏศพของหญิงสาวผู้หนึ่ง ตายในสภาพแขวนคอที่ขื่อเรือน…
.
.
.
บนเส้นทางทอดยาว สองข้างทางรกร้างว่างเปล่า มีเพียงทุ้งหญ้าเหี่ยวเฉา แห้งแล้งอ้างว้าง ไร้ชีวิตชีวา
ร่างสูงรู้สึกชาหนึบครั้งแล้วครั้งเล่า และยิ่งโศกเศร้าเมื่อครั้งนี้เขาตามภรรยากลับมาได้สำเร็จ
หากแต่นางกลับไร้ลมหายใจ
ไม่คิดอยู่กับเขาเหมือนเช่นวันวาน
การเดินทางผ่านไปไม่กี่วัน หลี่ชางก็นำศพของเฮ่อเหลียนเข้าคฤหาสน์หลี่ พร้อมบุตรชายตัวน้อยที่หลับสนิทในอ้อมกอดอุ่น
สองผู้เฒ่าที่รอคอยอยู่ก่อนนานแล้ว พลันถลาขึ้นหน้ามาหาอย่างรวดเร็ว
นายท่านผู้เฒ่ารีบมารับตัวหลานชายออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มพร้อมหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ
ในขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับปล่อยโฮร้องไห้เสียงดัง เมื่อเห็นเจ้าของดวงหน้าซีดขาวที่นอนแน่นิ่งของเฮ่อเหลียน นางรีบเข้าหาแล้วลูบคลำด้วยมือสั่นเทาไปบนลำตัวเย็นเยียบนั้นปากก็ร่ำร้องว่า
“เหลียนเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าไม่อดทน แม่รู้ว่าเจ้าเจ็บ ไม่ว่าหญิงใด ย่อมไม่ยินดี หากสามีมากภรรยา แต่เราเหล่าสตรี ไม่มีทางเลือกมากนัก เหตุใดเจ้าไม่เข้าใจ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงเพ้อพร่ำคล้ายเสียสติ
เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ ว่าเฮ่อเหลียนเป็นสะใภ้ที่ดีมาก และแม่สามีคนนี้ก็รักนางเหลือเกิน แต่ทว่าด้วยหน้าที่ต่อวงศ์ตระกูล นางจึงพยายามสอนสั่งแล้ว แต่ก็ได้เท่านี้
หลี่ชางได้ฟังคำนั้นหัวใจพลันปวดแปลบ เขามองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ภายในอกรู้สึกเจ็บร้าวรุนแรงอย่างลึกซึ้งเสียดเข้าไปถึงกระดูกดำ
ความเจ็บช้ำใดๆ ที่เฮ่อเหลียนเคยแบกรับเอาไว้ วันนี้กำลังตีวนกลับมาที่เขาอย่างช้าๆ
คืนวันไหลเวียนไม่เคยหยุดนิ่ง และทุกๆ สิ่งไม่เคยหวนคืน
พิธีศพของเฮ่อเหลียนถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติภายใต้บรรยากาศขรึมเครียดเศร้าสลดสุดจะหยั่ง
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพ ทุกชีวิตก็กลับมาใช้ชีวิตปกติ บุตรชายตัวน้อยกลายเป็นขวัญใจของคนบ้านหลี่ ทั้งคฤหาสน์นี้ ไม่มีใครสำคัญไปกว่าทารกผู้นี้อีกแล้ว
หลี่ชางทุ่มเทเวลาทั้งหมดอยู่กับบุตรชายที่หญิงคนรักทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า เขาโอบอุ้มบุตรชายด้วยหัวใจของเขาที่ไม่เคยด้านชา
มีเพียงความเจ็บปวดรวดร้าวคล้ายถูกคมมีดเฉือนแทงตลอดเวลา
ไม่ว่าชายหนุ่มจะมองไปทางใด ล้วนไม่เจอคนคุ้นตาที่มองมาอีกเลย
ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มละมุนละไม ไม่มีอีกแล้วสายตาอ่อนโยนใส่ใจ ไม่มีอีกแล้วเสียงหัวเราะสดใส ไม่มีอีกแล้วเสียงแว่วหวานออดอ้อน ไม่มีอีกแล้วสตรีที่รักได้อยู่เคียงข้าง
ไม่มีอีกแล้วสตรีที่เขารักนางดั่งดวงใจ
เฮ่อเหลียนตายไปแล้ว...
ภายในห้องหนังสือ
ร่างสูงซูบผอมนั่งนิ่งที่โต๊ะตัวใหญ่ ใบหน้าซูบตอบเผยเพียงความหมองเศร้าภายในจิตใจ สายตาโศกสลดมองเหม่อออกไปไกลยังทิศทางของเรือนหลังหนึ่ง
เรือนหลังนั้นคือเรือนของอดีตภรรยาผู้ล่วงลับ
หลี่ชางนั่งมองทุกสิ่งอย่างเลื่อนลอย นึกถึงเฮ่อเหลียนทุกเช้าค่ำ ย้อนระลึกถึงความหลังทุกโมงยาม ตั้งแต่เจอแล้วรัก กระทั่งแต่งงานกับนางในดวงใจ
หนึ่งปีที่แต่งงานกัน ทุกวันล้วนมีความสุข ทว่าบิดาของเขาเริ่มถามหาทายาทเป็นครั้งคราว
สองปีต่อมาภรรยาของเขายังคงน่ารัก นางช่างออดอ้อน มอบรอยยิ้มหวานล้ำละมุนละไมให้เขาไม่เคยขาด ต่อมาบิดาก็เริ่มถามอีกคราถึงทายาทที่ควรมีด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม
และเมื่อเข้าปีที่สาม บิดาก็ชี้ชะตาเด็ดขาดว่าเฮ่อเหลียนต้องตั้งครรภ์เท่านั้น แต่ทว่ายังคงเงียบงัน ในท้องของนางยังคงว่างเปล่า ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามมากเพียงใด
การร่วมรักกับเฮ่อเหลียน เขากระทำอย่างลึกซึ้ง หวานล้ำ กระทำจากความรู้สึกรักแห่งก้นบึ้งของหัวใจไม่เคยเปลี่ยนนางไร้ทายาทแล้วอย่างไร?ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ยังรักนาง…ทว่าบิดาของเขากลับเห็นต่าง เนื่องจากบ้านหลี่มีเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียว ท่านเป็นห่วงเหลือเกินว่าสกุลหลี่จะดับสูญ ไร้บุตรหลานสืบสาน ผสานสองสิ่งที่ยึดถือ หนึ่งกตัญญู สองไม่เนรคุณ คำสั่งเด็ดขาดจากบิดาจึงเกิดขึ้นในที่สุด พร้อมเหตุผลที่พึงมีต่อบุพการีและบรรพชนอีกประโยคที่เสมือนฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเขา บิดาจะปลดเฮ่อเหลียนจากการเป็นภรรยา ให้เป็นเพียงอนุของเขา ในข้อหาไร้ความสามารถ ไม่มีทายาทสืบสกุล และจะให้เขาแต่งภรรยาคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนนั่นจึงทำให้เขายอมตามใจบิดาทุกสิ่ง ด้วยเงื่อนไขว่าขอให้เฮ่อเหลียนยังอยู่ตำแหน่งเดิม เขาขอแค่รับอนุให้ก็เท่านั้นบิดาพาเขาไปเฟ้นหาสตรีที่ดีพร้อม อันเหมาะสมกับตำแหน่งแม่ของลูกเขาจนกระทั่งได้เจอกับฟางเอ๋อร์ นางเป็นบุตรสาวของญาติฝ่ายบิดา มีสายสัมพันธ์อันดีต่อกัน นับเป็นญาติผู้น้องของเขา บ้านนี้มีลูกหลานหลายคน จึงลงตัวยิ่งนักเขามองออกว่าฟางเอ๋อร์ตกหลุมรักเขาเมื่อแรกเห็น ทว่าเขากลับมิได้ใส่ใจ แต่กระ
หญิงสาวยืนอยู่หน้าเตียงฉ่ำเลือดที่เมื่อครู่มีศพของเจ้านายอันเป็นที่รักอยู่ สายตาเลื่อนลอยมองเหม่อเอื่อยเฉื่อยไปที่ผืนผ้าบิดเบี้ยวบนคานหลังคาผ้าผืนนี้ เมื่อห้าวันก่อนหน้า ยังเป็นสิ่งที่เฮ่อเหลียนใช้ยึดเหนี่ยวเพื่อเบ่งคลอดคุณชายน้อยออกมาแต่ยามนี้ ซือจิงจะใช้มันเพื่อปลดปล่อยตนเองไปพี่ซือจิง ข้าหิวข้าวพี่ซือจิง ข้าเก่งหรือไม่พี่ซือจิง ข้ารักพี่ที่สุดเลยพี่ซือจิง ข้า...ไม่ไหวแล้ว ทรมานเหลือเกินเส้นเสียงกังวานใสในวันวาน สุดท้ายคงเหลือเพียงน้ำเสียงสั่นเครือร่ำไห้ในวันนี้โธ่เอ๋ย! เด็กดีของพี่ซือจิง...สาวใช้ผู้ภักดีไม่คิดจะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างเดียวดาย นางคิดจะตามไปดูแลนายสาวยังที่ไกลแสนไกล ไม่แม้แต่จะคิดใคร่ครวญบ้านหลังน้อยเก่าคร่ำ พลันปรากฏศพของหญิงสาวผู้หนึ่ง ตายในสภาพแขวนคอที่ขื่อเรือน…...บนเส้นทางทอดยาว สองข้างทางรกร้างว่างเปล่า มีเพียงทุ้งหญ้าเหี่ยวเฉา แห้งแล้งอ้างว้าง ไร้ชีวิตชีวาร่างสูงรู้สึกชาหนึบครั้งแล้วครั้งเล่า และยิ่งโศกเศร้าเมื่อครั้งนี้เขาตามภรรยากลับมาได้สำเร็จหากแต่นางกลับไร้ลมหายใจไม่คิดอยู่กับเขาเหมือนเช่นวันวานการเดินทางผ่านไปไม่กี่วัน หลี่ชางก็นำศพของเฮ่
สายตาคมเข้มของหลี่ชางยังคงไม่อาจละออกจากร่างขาวซีดที่มีเลือดสีแดงฉานเปื้อนเปรอะแต่อย่างใดชายหนุ่มยังคงจ้องนิ่งที่ร่างไร้ลมหายใจของเฮ่อเหลียนสตรีที่เขารักเพียงหนึ่งเดียวไม่เปลี่ยนแปลง“เหลียนเอ๋อร์” หลี่ชางทรุดตัวลงข้างกายภรรยา พยายามเรียกนางอีกครา หวังเพียงว่านางจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตื่นขึ้นมามองเขา...จะมองด้วยสายตาอย่างไรก็ช่าง ขอเพียงนางตื่นขึ้นมาจะด่าจะว่าหรือจะเย็นชา เขาล้วนยินดี ขอแค่ชีวิตนี้ยังมีนางอยู่ ไม่หายไปหากนางแค่หนีเขาไป เขาแค่ตามกลับมา จากนั้นก็ได้อยู่ด้วยกัน นางควรเข้าใจเขา ควรเข้าใจเรื่องจารีตประเพณีพึงปฏิบัติ มิใช่ทำกับเขาเช่นนี้เหตุใดต้องทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี เหตุใดไม่เข้าใจเขาหลี่ชางปิดเปลือกตาลง พยายามซ่อนหยดน้ำตาร้อนผ่าวที่หางตา ข่มความรู้สึกแตกสลายในอกอย่างยากลำบากเพราะบางที...อาจเป็นตัวเขาเองที่ไม่เข้าใจอะไรชั่วขณะที่รอบด้านเงียบงันคล้ายวังเวง เสียงร่ำไห้พลันดังขึ้นอย่างเดือดดาล“เจ้าพอใจแล้วหรือยัง เจ้าคนชั่ว!”เสียงนั้นเป็นของซือจิง นางชี้นิ้วกราดมาทางหลี่ชาง พลางอุ้มทารกน้อยในห่อผ้าส่งให้เขา“เจ้าอยากได้นักมิใช่หรือไร? นี่ปะไร ลูกชายของเจ้า”ชา
หลายเดือนทีเดียวที่หลี่ชางออกตามหาเฮ่อเหลียนอย่างบ้าคลั่งไม่กินไม่นอนเขากลับมาจากสะสางปัญหาร้านค้า ก็มาเจออนุภรรยากับมารดาของเขาทะเลาะกัน ด้วยเรื่องราวบานปลาย บุตรสาวตัวน้อยเจ็บป่วย และภรรยาเอกของเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในยามนั้น หลังเรือนของเขาจะวุ่นวายปานใด ชายหนุ่มหาได้ใส่ใจ เพราะสตรีอันเป็นที่รักได้หายตัวไปหลังจากที่นางตั้งครรภ์ลูกของเขาเศษซากยาบำรุงครรภ์ถูกพบในห้องของนาง มันถูกซุกซ่อนเอาไว้อย่างดีในมุมลับตา หากเขาไม่เข้ามาตามหาตัวนางทุกซอกทุกมุมในเรือนก็คงไม่มีทางได้ล่วงรู้จากนั้นเขาก็ออกตามหานางทั้งวันทั้งคืน ไปหานางที่บ้านเฮ่อ ที่นั่นไม่มีผู้ใดล่วงรู้ พวกเขาต่างพากันตกใจ ด้วยคาดไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนจะกระทำการเช่นนี้ และหนีไปทั้งที่ตั้งท้องเช่นนั้น ได้อย่างไร ทุกคนล้วนไม่เข้าใจหลี่ชางเองก็ไม่เข้าใจ เขาจึงออกตามหาภรรยาอย่างต่อเนื่อง รู้เพียงว่าซือจิงก็หายตัวไป ไม่ต้องคาดเดาก็คิดได้ ว่าเฮ่อเหลียนย่อมหนีไปกับซือจิงสาวใช้ผู้นี้ร้ายกาจไม่เบา ทำเอาเขาตามแกะร่องรอยของเฮ่อเหลียนอย่างยากลำบาก เขาตามหานางนานมาก จนเวลาผ่านไปหลายเดือน การค้าใดๆ เขาล้วนไม่ใส่ใจ คฤหาสน์จักวุ่นวายปานใด
สถานที่ลับตาจากหมู่บ้านในตัวเมืองซือจิงซุกซ่อนเฮ่อเหลียนเอาไว้ที่บ้านหลังน้อย เพื่อมิให้ชายผู้นั้นมาตามเจ้านายกลับไปได้อีก นางดูแลนายสาวอย่างยากลำบาก บางครายังต้องปลอมตัวออกไปหาซื้อยาบำรุงและอาหารมากักตุนร่างบอบบางของเฮ่อเหลียนแม้กำลังตั้งครรภ์ ทว่ากลับอ่อนแอลงเรื่อยๆซือจิงพยายามหายาบำรุงพร้อมอาหารอย่างดีมาให้เสมอ ด้วยเงินทั้งหมดทั้งของตัวเองและของคุณหนู กระทั่งขายเครื่องประดับทั้งหลายแต่ดูเหมือนว่าไม่ได้ผลแต่อย่างใดหลายเดือนผ่านไป...ในที่สุดเฮ่อเหลียนก็เจ็บท้องคลอด ร่างกายของนางอ่อนแอมาก นางนอนกรีดร้องครวญครางทั้งวันทั้งคืน ใบหน้างามมีเหงื่อผุดพรายไม่ขาดสายจวบจนย่างเข้าวันที่สี่ สีหน้าของเฮ่อเหลียนเขียวคล้ำจนน่าตกใจ กระทั่งหมอตำแยยังต้องลอบปาดเหงื่อตนเองเบาๆล่วงเข้าวันที่ห้า หญิงสาวทนทรมานแทบจะไม่ไหว ร่างกายของนางนี้บอบบางจนเกินไป หากแต่บุตรในครรภ์กลับตัวใหญ่โตเหลือเกินเส้นเสียงแหบแห้งกรีดร้องสั่นพร่า เฮ่อเหลียนทำได้เพียงหลั่งน้ำตาอย่างเจ็บปวด ร้องร่ำด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ทุกคำล้วนเรียกเพียงนามของชายในดวงใจหญิงสาวรอเพียงเขา หลี่ชาง...เฮ่อเหลียนเริ่มหมดเรี่ยวแรงลงทุกที แต่กระ
วันเวลาช่างประจวบเหมาะ ในที่สุดวันที่เฮ่อเหลียนรอคอยก็มาถึงหลี่ชางกับนายท่านผู้เฒ่าได้รับข่าวว่าหอการค้าต่างเมืองประสบปัญหา ต้องเร่งเดินทางไปกู้หน้าและช่วยกันแก้ไขโดยเร็วส่วนภายในบ้านก็มีอนุคนงามช่างเอาแต่ใจ พวกนางยังคงมีปากเสียงกันเสมอมา เดือดร้อนถึงฮูหยินผู้เฒ่าต้องคลี่คลายด้วยตนเอง เพราะเฮ่อเหลียนปิดประตูเรือนเงียบเชียบอย่างดื้อดึงไม่สนใจใครเพียงไม่นานก็ได้ยินข่าวสะเทือนขวัญ ว่าธิดาตัวน้อยของฟางเอ๋อร์เจ็บป่วยยากรักษาเมื่อภายในบ้านวุ่นวายจนบ่าวรับใช้ไม่เป็นอันทำงาน อีกทั้งมีบ่าวไพร่ถูกนายท่านพาไปนอกบ้านเสียส่วนใหญ่ นับได้ว่าหนทางช่างปลอดโปร่งโล่งสบายยิ่งนักเฮ่อเหลียนไม่คิดว่าจะมีโอกาสงามๆ เช่นนี้อีกแล้วนางจึงไม่คิดจะเสียเวลาไตร่ตรองอันใด วันนี้นับได้ว่าเป็นวันดีที่นางจะหนีออกไปจากนรกในใจแห่งนี้เสียทีก่อนหน้าเมื่อไม่นาน หญิงสาวแอบหาโอกาสส่งจดหมายไปหาซือจิง และก็ได้รับการตอบกลับมาแล้วเป็นอย่างดีไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนบ้านเฮ่อ หรือคนบ้านหลี่ นางล้วนไม่ยินดีให้ผู้ใดรู้ทั้งสิ้นเฮ่อเหลียนพาร่างระหงที่หน้าท้องเริ่มกลมนูนออกมาจากคฤหาสน์ด้วยประตูเล็กทางด้านหลังได้ส