LOGINผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้วที่เจโรมพยายามจะทำให้บิดาและศศิภัทรยกเลิกงานแต่งงานแต่ดูเหมือนแผนของขามันจะดำเนินไปค่อนข้างช้า
ตอนนี้เหมือนแพรเข้าไปทำงานที่บริษัทของคุณอนันต์แต่ความสัมพันธ์ของบิดาและว่าที่เจ้าสาวยังไม่สั่นคลอนเลย คนของชายหนุ่มรายงานว่าศศิภัทรกับบิดาของเขาไม่ค่อยออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ส่วนใหญ่ก็จะมาทานข้าวที่บ้าน
วันนี้ก็เหมือนเช่นเดิมสาธิตโทรศัพท์มาบอกเขาว่าเย็นนี้บิดานัดศศิภัทรมาที่บ้านเพื่อคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งที่เหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งเดือนเท่านั้น
เจโรมรีบเคลียร์งานและขับรถไปยังบ้านของบิดาโดยไม่สนว่าจะได้รับเชิญหรือไม่
“ทำอะไรอยู่เหรอครับพ่อ”
“เจโรม นึกยังไงมาหาพ่อได้ล่ะ พ่อนึกว่ากลับสิงคโปร์ไปแล้วนะ”
“รู้สึกว่าพ่ออยากให้ผมรีบกลับจังเลยนะครับ ไม่อยากให้ผมอยู่ร่วมงานแต่งงานเหรอ”
“ปกติพ่อเห็นมาทำงานไม่กี่วันก็กลับ”
“อย่าเพิ่งเบื่อผมเลย ผมคงอยู่อีกไม่กี่วันหรอกครับ ที่มาวันนี้ก็แค่อยากจะมากินข้าวกับพ่อสักมื้อ” เขาคุยกับบิดาขณะที่สายตาก็มองไปรอบๆ บ้านและยังไม่เห็นแม้แต่เงาของศศิภัทร
“แกหิวหรือยังล่ะเจโรม”
“ไม่เท่าไหร่ครับ พ่อล่ะ”
“ถ้ายังไม่หิวก็รออีกหน่อยนะ”
“ได้สิ ว่าแต่รออะไรครับพ่อนัดใครมาหรือเปล่าถ้าเป็นนัดสำคัญจะให้ผมกลับก่อนก็ได้นะครับ ผมไม่อยากให้พ่อเสียงาน” เขาทำทีเป็นเกรงใจ
“พ่อมีนัดสำคัญแต่ไม่ใช่เรื่องงานหรอก”
“สำหรับพ่อแล้วเรื่องงานสำคัญที่สุดไม่ใช่เหรอครับ หรือตอนนี้มีอะไรที่สำคัญกว่างาน”
“ความสุขในบั้นปลายของชีวิตคือสิ่งที่สำคัญสำหรับพ่อในตอนนี้”
“แล้วความสุขที่ว่าคืออะไรเหรอ”
“หนูซีซีไงล่ะ นั่นไงพูดถึงก็มาเลย” คุณอนันต์ยิ้มเมื่อเห็นว่าที่ภรรยาเดินเข้ามาในห้องรับแขก
“สวัสดีค่ะคุณอา อ้าว...คุณเจโรมก็อยู่ด้วยเหรอคะ สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มหวานทักทายชายสองคนในห้องรับแขก
“สวัสดีครับคุณซีซี คุณคงไม่ว่าอะไรนะครับถ้าเย็นนี้ผมจะทานข้าวกับคุณและพ่อด้วย”
“ฉันจะว่าอะไรล่ะคะ”
“หนูซีซีหิวหรือยังล่ะ”
“หิวแล้วค่ะ คุณอาล่ะคะ ซีซีขอโทษนะคะที่ให้รอนาน” ศศิภัทรเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ คุณอนันต์แล้วทำเสียงอ้อน
“ไม่เป็นไร วันนี้เหนื่อยไหม”
“นิดหน่อยค่ะ”
“อาไม่อยากให้ซีซีไปทำงานเลย”
“ซีซียังสนุกกับงานค่ะ มันเหนื่อยก็จริงแต่พอได้พักก็หายเหนื่อย”
“แต่หลังแต่งงานอาอยากให้ซีซีลาออกมาเป็นดูแลอา มาเป็นแม่บ้าน อาจะให้เงินเดือนมากกว่าโรงพยาบาลห้าเท่าตกลงไหม”
“ไม่ต้องให้เงินเดือนซีซีหรอกค่ะ ซีซีเต็มใจดูแลคุณอาอยู่แล้ว”
“ผมหิวแล้วไปทานข้าวก่อนดีไหมครับ” เจโรมพูดแทรกขึ้นเพราะรู้สึกขัดใจกับการแสดงออกของบิดา
ทุกคนย้ายไปที่โต๊ะอาหาร เจโรมจงใจเลือกนั่งตรงข้ามศศิภัทรเพื่อจะสังเกตการณ์ได้อย่างเต็มที่ อาหารอร่อยถูกปากแต่เจโรมไม่ได้สนใจเท่าไหร่
“พ่อครับช่วงนี้งานยุ่งไหม”
คำถามของลูกชายทำให้คุณอนันต์มองด้วยความแปลกใจเพราะปกติเจโรมไม่ค่อยสนใจงานของเขาเท่าไหร่
“ก็เรื่อยๆ นะ”
“คุณเหมือนแพรล่ะครับ เธอทำงานดีไหม”
“แกรู้ได้ยังไงว่าเหมือนแพรไปทำงานกับฉัน”
“ผมรู้ก็แล้วกันน่า ผมยังได้ยินมาด้วยว่าพ่อกับเธอสนิทกันมากและไปทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ” เจโรมพูดแล้วสังเกตท่าทางของศศิภัทรที่ดูไม่ทุกข์ร้อน ท่าทางเธอเย็นชาและอ่านยาก
“พ่อก็แค่ไปทานข้าวไม่มีอะไรมากกว่านั้น แกอย่าพูดให้ซีซีเข้าใจผิดสิเจโรม”
“คุณอาไปทานข้าวกับเธอเหรอคะ”
“ใช้จ้ะ อาไปทานข้าวกลางวันกับเธอเพราะอาเป็นคนชวนเธอมาทำงานช่วงแรกเธอยังไม่ค่อยมีเพื่อนร่วมงาน อาขอโทษนะที่ไม่เล่าเรื่องนี้ให้ซีซีฟัง อาคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่สำคัญ” คุณอนันต์รีบแก้ตัว
“ถ้าคุณอาบอกว่าไม่สำคัญซีซีเชื่อคุณอาค่ะ ถึงแม้ซีซีจะไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนอยู่ใกล้คุณอาแต่ก็เชื่อใจคุณอาค่ะ”
คำพูดของศศิภัทรทำให้เจโรมรู้สึกว่าแผนของเขามันคงไม่เข้าท่า ถึงแม้เหมือนแพรจะสนิทกับบิดาของตนมากแต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ท่านเปลี่ยนใจ แต่มันกลับทำให้บิดามองผู้หญิงคนนี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมหลงใหล
“อาได้ยินแบบนี้ก็สบายใจ ถึงอาจะสนิทกับผู้หญิงคนอื่นบ้างแต่สุดท้ายแล้วอาก็จะแต่งงานกับซีซี”
เจโรมมองไปที่ศศิภัทรเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของหญิงสาวแต่ ไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงยิ้มและทำตัวปกติ
“คุณซีซีไม่หึงบ้างเหรอครับ”
“ทำไมฉันต้องหึงด้วยคะ”
“ก็ผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานกับผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างพ่อของผมก็ต้องหึงเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าฉันเชื่อใจคุณอาค่ะ คุณอาคงไม่ทำให้ซีซีเสียใจใช่ไหมคะ” ศศิภัทรพูดพลางหันไปอ้อนคุณอนันต์ต่อ
“แน่นอน อาจะไม่ทำให้ซีซีเสียใจและงานแต่งของเราจะเป็นงานที่คนพูดถึงมากที่สุดงานหนึ่งเลยทีเดียว”
คำพูดของคุณอนันต์ทำให้ศศิภัทรยิ้มอย่างพอใจที่แผนของเธอกำลังจะสำเร็จ
“ซีซีดีใจที่ได้ยินแบบนี้ค่ะ ซีซีก็อยากให้คนพูดถึงงานแต่งของเรา เสาร์นี้คุณอาว่างไหมคะ ซีซีอยากชวนคุณอาไปลองชุดค่ะ ทางร้านแจ้งว่าเขาแก้เขาเรียบร้อยแล้ว”
“สำหรับซีซีอาว่างเสมอแล้วพรีเวดดิ้งล่ะซีซีเลือกหรือยัง”
“ซีซีว่าถ่ายในสตูก็ได้ค่ะ คุณอาจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” ศศิภัทรไม่อยากออกไปถ่ายที่อื่นเพราะกลัวเพื่อร่วมงานของเธอจะรู้เรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงานมีแค่ตัวเธอและพิมพ์ดาวรู้กันแค่สองคน แม้กระทั่งมารดาของตนเองศศิภัทรก็ไม่ได้บอก และคุณอนันต์รู้แค่ว่าเธออยู่ตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน
ศศิภัทรและคุณอนันต์พูดคุยกันราวกับว่าไม่เจโรมนั่งอยู่ด้วย ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดมากแต่ก็ทนนั่งจนมื้ออาหารจบลง
ทั้งสามคนย้ายกลับมานั่งที่ห้องรับแขกอีกพักใหญ่ศศิภัทรก็ขอตัวกลัว
คุณอนันต์บอกเด็กรับใช้ให้ไปเรียกคนขับรถแต่เจโรมกลับอาสาจะไปส่งศศิภัทรเอง
“ให้ผมไปส่งว่าที่เจ้าสาวของพ่อดีไหมครับ”
“แกไม่มีนัดที่ไหนเหรอ”
“ผมนัดเพื่อนกินเหล้าไว้ครับ แต่คิดว่าไปส่งว่าที่แม่เลี้ยงก็คงไม่เสียเวลาเท่าไหร่ นอกเสียจากว่าเธอกลัวที่จะไปกับผม”
“มีอะไรต้องกลัวล่ะคะคุณเจโรม อีกไม่นานคุณก็จะเป็นลูกเลี้ยงของฉันแล้ว สนิทกันไว้ก็ดีค่ะ”
“พ่อฝากส่งเธอให้ถึงหอด้วยนะ”
“ได้ครับพ่อ”
“ซีซีไปก่อนนะคะคุณอาแล้วเจอกันวันเสาร์ค่ะ” หญิงสาวบอกลาคุณอนันต์แล้วเดินตามเจโรมมาที่รถทั้งที่ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
“ฉันเดาว่าคุณคงอยากคุยอะไรกับฉันคะ” ศศิภัทรถามเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากรั้วบ้านคุณอนันต์
“ผมก็แค่เป็นห่วงว่าที่แม่เลี้ยงของผม เลยอยากจะเตือนไว้”
“เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องพ่อกับเหมือนแพร ผมเป็นผู้ชายด้วยกันผมดูออกนะ ระวังไว้หน่อยก็ดีนะ”
“ขอบคุณที่เตือนนะคะ”
หลังจากทานอาหารกลางวันร่วมกันเสร็จแล้วเจโรมก็เป็นคนเริ่มต้นเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้กับมารดาของหญิงสาวฟัง แต่เขาไม่ได้บอกว่านอนกับศศิภัทรไปแล้วเพราะรู้ว่าเรื่องนี้เธอไม่ต้องการให้ทางบ้านรู้คุณยุภาพรนั่งฟังอย่างตั้งใจเธอไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่ชายหนุ่มพูดเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นหลักฐานที่ได้มาจากร้านจัดงานแต่งงานรวมถึงบัญชีเงินสดของน้องสาวที่เธอเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนคุณยุภาพรก็เชื่อในสิ่งที่เขาพูดทั้งหมด“พ่อผมฝากผมมาขอโทษคุณน้าและน้องสาวที่ทำให้ต้องอยู่กับความทุกข์ใจมานานหลายปี อันที่จริงพ่อผมก็อยากมาเจอคุณน้าดีนะ ครับแต่ผมห้ามไว้เพราะกลัวว่าท่านอาจจะทำให้อาการของคุณน้าทรุดลง” เจโรมพุดอย่างจริงใจ เขารู้สึกเห็นใจครอบครัวของศศิภัทรมากที่ต้องดูแลน้ายุวดีหลังจากท่านผิดหวังจากบิดาของเขาจนต้องเข้ารีบการรักษาในโรงพยาบาล“คุณทำถูกแล้วล่ะคุณเจโรมตอนนี้น้องสาวของน้าก็ทำใจได้แล้วน้าคิดว่าไม่ให้เธอเจอกับคุณอนันต์น่าจะดีกว่า แล้วคุณก็ไม่ต้องไปพูดนะคะว่าเป็นลูกชายของคุณอนันต์น้าอยากให้วดีเธอลืมเรื่องราวทุกอย่าง ตอนนี้แค่อาการทางกายของเธอก็แย่มากแล้ว”“ผมเข้าใจครับคุณน้าถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ผมจะช่วยส่วนเ
เช้าวันเสาร์ศศิภัทรกับมารดาช่วยกันดูแลยุวดีให้ทานอาหารจากนั้นหญิงสาวก็ขอตัวมารดามายังร้านกาแฟ เธอเดินเข้ามาในร้านตอนนี้มีลูกค้าอยู่ไม่กี่โต๊ะ หญิงสาวเลือกโต๊ะที่ติดริมหน้าต่างเพราะคิดว่าถ้าพิมพ์ดาวเดินเข้ามาจะเห็นเธอได้ทันทีขณะที่กำลังก้มหน้าดูโทรศัพท์มือถือก็มีคนเดินเข้ามาในร้านแล้วมาหยุดตรงหน้าเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นเธอก็ต้องตกใจเพราะคนที่ยืนอยู่ตอนนี้ไม่ใช่พิมพ์ดาวหากแต่เขาคือคนที่เธอคิดถึงมาตลอดหนึ่งเดือน“คุณเจโรม”“สวัสดีซีซีขอนั่งด้วยคนนะ”“ค่ะ” หญิงสาวตอบพลางพยักหน้า“สบายดีไหมซีซี”“สบายดีค่ะ คุณล่ะ”“ร่างกายผมสบายใจดีแต่ไม่สบายใจเท่าไหร่ คิดถึงคุณอยากเจอคุณมากรู้ไหม คุณล่ะ”“ก็เรื่อยๆ ค่ะ” ศศิภัทรตอบพลางก้มหน้า เธอไม่กล้าจะสบตาของเจโรมเพราะกลัวเขาจะเห็นความดีใจในแววตานั้น“ผมถามว่าคิดถึงผมหรือเปล่า”“ถ้าบอกว่าไม่คิดถึงก็คงจะเป็นการโกหก ซีซีก็คิดถึงคุณค่ะ”“คิดถึงแล้วจะบล็อกเบอร์โทรผมล่ะ”“ซีซีคิดว่าเราไม่จำเป็นจะต้องติดต่อกันอีก”“แต่เราคุยกันแล้วนะซีซี ตอนนี้ก็ครบหนึ่งเดือนผมจะมาฟังคำตอบว่าระหว่างเราจะเป็นยังไงต่อและผมก็ตัดสินใจได้แล้วว่า ผมเจ้าขอคบกับคุณเป็นแฟน”“อะไรนะ”
“พ่อรู้มั้ยการแต่งงานไม่ได้ถูกยกเลิก เธอยังคงเดินหน้าจัดงานแต่งงานต่อแล้วก็เสียใจมากที่วันงานไม่มีเจ้าบ่าว เธอเสียใจและอายมากถึงขั้นฆ่าตัวตาย”“อะไรนะนี่วดีฆ่าตัวตายอย่างงั้นเหรอ”“ครับ แต่เธอฆ่าตัวตายไม่สำเร็จจากนั้นก็เกิดอาการซึมเศร้าสุดท้ายก็ไปจบลงที่โรงพยาบาลจิตเวช”“มันจะเป็นไปได้ยังไง พ่อว่าเขาคุยกับเธอแล้วนะเราตกลงกันด้วยดี เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอยังจะเดินหน้าจัดงานแต่งงานต่อ แกลองไปถามหนูซีซีอีกทีนะว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ถ้าได้เจอกับเธอพ่อฝากขอโทษเธอด้วย พ่อไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้นแต่พ่อคิดว่าพ่อกับเธอคุยกันจบแล้วจึงไม่ได้ติดตามข่าวสารของเธออีกเลยเธอ คงเสียใจมาก ตอนนั้นพ่อเองก็เสียใจเหมือนกันที่เลิกกับเธอ เป็นเพราะเหตุผลนี้หรือเปล่าที่หนูซีซีถึงอยากจะแต่งงานกับพ่อ”“พอเดาถูกแล้วครับ ซีซีอยากจัดงานแต่งงานใหญ่โตกับพ่อให้พ่อเชิญแขกอีกมาเยอะๆ แล้วเธอจะทำให้พ่ออับอายเหมือนอย่างน้าสาวของเธอครับ แต่แผนของเธอก็ไม่สำเร็จเพราะผมเข้ามาแทรก”“เพราะแบบนี้เองหนูซีซีถึงยอมแต่งงานกับพ่อทั้งที่อายุห่างกันมากขนาดนี้ เธอมีแผนนี่เอง ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าหน้าตาใสซื่ออย่างนั้นจะคิดทำเรื่องใ
เมื่อครบหนึ่งเดือนเจโรมก็รีบบินมาเมืองไทย เขาลงจากเครื่องก็รีบให้คนขับรถพามาส่งที่หอพักของศศิภัทรทันที แต่เมื่อมาถึงก็ต้องผิดหวังคนดูแลหอพักแจ้งว่าหญิงสาวย้ายออกไปจากที่นี่นานแล้วชายหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์กดโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติดเขาไม่รู้ว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวเพราะไม่ได้ตามสืบเรื่องราวของเธอต่อ เขาจึงโทรศัพท์ไปหาคุณสาธิตเพื่อขอที่อยู่ที่บ้านของหญิงสาวขณะที่เจโรมผมกำลังจะกลับขึ้นรถก็บังเอิญว่าเพื่อนของศศิภัทรเดินมาพอดี เขาจำเธอได้เพราะเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง“สวัสดีครับคุณพิมพ์ดาว”“สวัสดีค่ะ”“ผมชื่อเจโรม ผมเคยเจอตอนที่คุณมากับซีซี”“สวัสดีค่ะมีธุระอะไรเหรอคะ”“ผมมาหาซีซีแต่คนดูแลหอพักบอกว่าซีซีย้ายออกไปแล้ว คุณพอจะรู้มั้ยว่าซีซีย้ายไปอยู่ที่ไหน”“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ซีซีไม่ได้บอกที่อยู่ใหม่”“แต่คุณกับเธอเป็นเพื่อนสนิทกันนะครับ แปลกจังที่เธอไม่บอกคุณ”“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าทำไมซีซีถึงไม่บอก”“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปตามเธอที่บ้านก็ได้แม่ของเธอน่าจะรู้ว่าเธอย้ายไปอยู่ที่ไหน”“ไม่ได้นะคะคุณจะไปบ้านซีซีไม่ได้เด็ดขาด” พิมพ์ดาวรีบร้องห้าม“ทำไมล่ะ
ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ศศิภัทรกลับมาอยู่ที่บ้านเธอเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านและโรงพยาบาลเพื่อคอยดูแลน้าสาวซึ่งตอนนี้เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่แผนกอายุรกรรมของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งแม้จะได้รับยานอกบัญชีที่มีราคาแสนแพงแต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยตอนนี้สภาพจิตใจของน้าสาวเธอดีขึ้นมากและไม่พูดถึงคุณอนันต์อีกนั่นก็ทำให้ศศิภัทรและมารดาของเธอสบายใจมาก แต่สิ่งที่เป็นกังวลตอนนี้ก็เป็นสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมไปเรื่อยๆ คุณหมอบอกให้ทั้งสองคนทำใจว่าอีกไม่นานคนไข้ก็คงจะต้องจากไป“ซีซีพรุ่งนี้วันหยุดของแม่ แม่จะมาดูแลน้าวดีเองนะ หนูพักผ่อนอยู่บ้านเถอะ”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ หนูไม่ได้เหนื่อยอะไรมากเรามาอยู่กับน้าสองคนก็ได้นะคะ น้าวดีจะได้ไม่เหงา ดีมั้ยคะน้า” หญิงสาวหันไปถามยุวดีที่นอนอ่อนแรงอยู่บนเตียง“ขอบใจนะซีซี” ยุวดีพยายามฝืนยิ้ม“ซีซีแล้วเมื่อไหร่หนูจะกลับไปทำงานน่ะลูก ลางานมานานเป็นเดือนแบบนี้ทางโรงพยาบาลเขาจะไม่ว่าเอาเหรอ”“แม่คะอันที่จริงหนูลาออกแล้ว”“อะไรนะลูก ทำไมถึงลาออกล่ะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”“เปล่าหรอกค่ะแม่ที่หนูลาออกเพราะหนูจะไปสมัครทำงานที่โรงพยาบาลแห่งใหม่ แต่พอดีแม่บอกว่าน้าป่วยหนูก็เลยยังไม่เป
“คุณไปไหนมาเหรอซีซี” เจโรมเริ่มถามเมื่อศศิภัทรขึ้นมานั่งบนรถ“ออกไปกินข้าวกับเพื่อนค่ะ แล้วคุณล่ะ”“ผมตั้งใจมาหาคุณ อันที่จริงอยากจะมาหาตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่เคลียร์งานอยู่”“แล้ววันนี้งานเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ”“เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมคิดถึงคุณมากนะซีซี” ชายหนุ่มจับมือถือไว้อยากจะกอดเธอมาก่อนแต่ก็รู้สึกเกรงใจเพราะกลัวคนอื่นจะมาเห็น“คุณมาที่นี่เพื่อที่จะบอกว่าคิดถึงแค่นั้นเหรอคะ”“เปล่าผมอยากมาเห็นหน้าคุณด้วย ผมนอนไม่หลับเลยนะซีซีตั้งแต่ไม่มีคุณอยู่ด้วยมันทรมานมากๆ”“คุณเจโรมคะเราคุยกันแล้ว ซีซีเชื่อว่าเวลาจะทำให้เราสองคนลืมเรื่องทุกอย่างได้”“คุณคิดว่าจะลืมมันได้จริงๆ เหรอ”“ซีซีก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่ก็จะพยายามให้มาก เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ คุณเข้าใจใช่ไหม”“ผมเข้าใจแต่ผมอยากให้เวลาซีซีลองทบทวนความรู้สึกของตัวเองนะ ว่าที่ผ่านมาเราสองคนรู้สึกยังไงแล้วผมจะมาฟังคำตอบหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน”“เอางั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบไปอย่างมั่นใจเพราะคิดว่าระยะเวลาหนึ่งเดือนเธอน่าจะลืมเขาได้“ขอบคุณครับที่ให้โอกาส”“แต่ระหว่างนี้คุณอย่าติดต่อซีซีมาได้ไหม ถ้าครบหนึ่งเดือนซีซีจะให้คำตอบกับ







