เจียเฟย สวมอาภรณ์ชุดขันทีสวมหมวกขันทีเปิดเผยใบหน้าที่จะว่าหล่อเหลา หรืออ่อนหวานก็ไม่อาจแยกแยะในเมื่อคิ้วดกวาดยาวบนใบหน้า ริมฝีปากรูปกระจับหยักสวย กับดวงตาคมพอสวมหมวกขันทีแล้วไม่อาจแยกแยะว่าหญิงหรือชาย อกนุ่มถูกรัดด้วยผ้าฝ้ายดิบจนแบนราบ
เอวกิ่วไม่ได้ดึงสายรัดเอวให้ตึงแน่นยังปล่อยให้ชายอาภรณ์ทิ้งตัวลงมาคลุมทับกางเกงสีเดียวกันนั้น ไม่บอกใครจะรู้ว่าเจียเฟยคือหญิงอายุ18ที่ลักลอบเข้ามาในวังหลวงในตำแหน่งขันทีฝึกหัด แต่ละคนใบหน้าหมดจด เมื่อสวมอาภรณ์ขันทีล้วนมองไม่ต่างกัน เจียเฟยจะทำอย่างไรได้ในเมื่อครอบครัวทุกข์เข็ญ อดมื้อกินมื้อ ขันทีในวังหลวงเองก็ตุ้งติ้งไม่ต่างกันกับหญิงงาม เช่นนั้นปรับท่าทีเสียหน่อยก็พอจะ ถูไถไปได้
“ขันทีฝึกหัดทั้งหลายยยย วันนี้ฝ่าบาทจะทรงคัดเลือกขันทีคนใหม่หลังจากที่กงกงที่ชรายิ่งไม่อาจรับใช้เบื้องยุคลบาทได้อีกแล้ว พวกเจ้าโชคดีเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมมีโอกาสไต่เต้าได้รับตำแหน่งพิเศษ”
“หวังว่าคนที่ได้รับคัดเลือกจะทำหน้าที่ให้ดี เพราะนั่นหมายถึงความสุขสบายชั่วชีวิตของเจ้า และวันนี้พวกเจ้าอาจได้คารวะข้าเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปอาจเป็นข้าที่ต้องพึ่งพาพวกเจ้า"
เจียเฟยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ได้เป็นขันทีข้างกายฝ่าบาทนั่นหมายถึงเงินทองมากมายกองตรงหน้า แต่ก็อดที่จะหันมองข้างหลังเสียไม่ได้รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ จะซวยสักวันไหมเล่า แค่เพียงทำให้ถูกใจฝ่าบาทยังยาก แต่เจียเฟยกับแอบลักลอบเข้ามาผ่านกระบวนการต่างๆ จนได้เข้ามาฝึกหัดในหอฝึกหัดขันที หวั่นว่าจะถูกจับได้
"ฮ่องเต้ เสด็จจจจจจจจ"
ร่างสูงที่สูงเกินหน้าเกินตาคนที่เดินมาด้วยกันใบหน้าเจิดจรัสเปล่งประกาย ราวเทพบนสวรรค์ ของม่อเฉวียนท่วงท่ายามก้าวเดินดังแม่ทัพผู้เกรียงไกร นางกำนัลที่ย่อกายลงถวายพระพร ต่างซุบซิบ
“วันนี้ฝ่าบาทอารมณ์ฉุนเฉียวจะคัดขันที คงไม่ใครก็ใครสักคนที่จะต้องโดน ..เล่นงาน” เจียเฟยลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก
"ลุกขึ้น"
น้ำเสียงเรียบเฉยทว่าทรงพลังไม่มีการทอดเสียงอ่อนโยนในปลายเสียง ครอะไรจะกระด้างเหมือนผ้าที่ไม่ได้ซักป่านนั้น
เสียงสะบัดอาภรณ์ลุกพรึ่บดังขึ้นพร้อมๆ กัน
เจียเฟยเหลือบตามองลอดมือสองข้างของตัวเองที่ประสานกันตรงหน้า ร่างสูงชะลูดใบหน้าขาวสะอาดหล่อเหลาที่สุดในเจ็ดคาบสมุทรที่ได้ยินมาไม่เกินจริงแม้แต่น้อย
"ฝ่าบาทเพฮะ นี่คือเหล่าขันทีในหอฝึกหัดขันทีทั้งหมดรอให้ฝ่าบาทคัดสรรเพียงหนึ่งรับใช้ใกล้ชิด พวกเขาผ่านการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญซ่ำซองอีกทั้งยังดื่มน้ำสาบานว่าจะภักดีต่อฮ่องเต้และราชสำนักตลอดไป"
ผายมือยังขันทีที่ยังหนุ่มแน่นหลายสิบคนที่ประสานมือก้มหน้านิ่งราวกับรูปปั้น
สายตา คมกริบใบหน้าไม่มีรอยยิ้มเพียงนิด กวาดตามองขันที 20กว่านายหนึ่งนางคือเจียเฟยข้างหน้าก่อนจะหยุดตรงหน้าเจียเฟย
“เอามือลง เงยหน้า” เจียเฟยกลืนน้ำลายที่ไม่เหลือให้กลืน
เจียเฟยลดมือลงช้าๆ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะจะโชคดีใช่ไหมเป็นเจียเฟยที่จะโชคดีได้รับใช้ข้างกายใช่ไหม
“ข้าบอกให้เอามือลง”
ตวาดลั่น เจียเฟยรีบเอามือลงเงยหน้าขึ้น ใบหน้าหวานที่ม่อเฉวียนเห็นทำเอาคิ้วคมของเขาขมวดเข้าหากัน เจียเฟยใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“กงกง”
เรียกขันทีข้างกายเข้ามากระซิบเบาๆ
“นำขันทีฝึกหัดผู้นี้ ไปตรวจร่างกายยยยยยย”
เสียงขันทีข้างกายคนเก่าตะโกนดังๆ
เจียเฟยใจหล่นลงไปที่ตาตุ่มคิดถึงลำคอของตนเองที่พาดอยู่บนแท่นประหารหัวหมา อะไรจะดวงดีกว่าคนออื่นเขาแท้ มาวันนี้กับเอาหัวไปพาดไว้บนลานประหารคิดเสียใจที่ไม่น่าปลอมตัวเข้ามาทำเรื่องยิ่งใหญ่เช่นการหลอกลวงเบื้องสูง
“ไทเฮาเสด็จจจจจจ”
ร่างท้วมของไทเฮาก้าวเข้ามาโดยมีนางกำนัลพยุงมาถึงสองคน ม่อเฉวียนยิ้มสดใส
“เสด็จแม่มาถึงนี่”
น้ำเสียงออดอ้อน เจียเฟยมองรอยยิ้ม สดใสนั้นตาไม่กะพริบ
“ตรวจร่างกาย จะให้ยุ่งยากทำไม”
“เสด็จแม่ ใบหน้างดงาม อาจมิใช่ขันทีอาจมีการหลอกลวงเกิดขึ้น”
ไทเฮาเชยคางมนขึ้น เอียงหน้าเจียเฟยไปมาซ้ายขวา ยิ้มอ่อนโยน
“ขันทีที่มีท่าทีเช่นนี้ มีหนึ่งเท่ากับสอง รับใช้ใกล้ชิดแล้วยังสามารถทำงานเรียบร้อยหมดจดเหมือนนางกำนัล เพราะพวกเขามีจิตใจเป็นหญิงแต่กำเนิด งานบางอย่างนางกำนัลบกพร่องงานบางอย่างขันทีละเลย มีคนแบบขันทีน้อยผู้นี้จึงนับว่าโชคสองชั้นเป็นทางนางกำนัลและขันที หากเฉวียนเอ่อร์ไม่รับ แม่เลือกไว้ข้างกายเอง” ไทเฮาพูดยิ้มๆ เจียเฟยก้มหน้าลอบยิ้ม
“ลูกรับไว้เอง” พูดสั้นๆ
ก้าวเดินจากไปเจียเฟยยืนนิ่งหูอือตาลาย หวยออกที่เจียเฟยอีกแล้วหรือ
“ตามไปสิ ตามฮ่องเต้ไป”
เสียงไทเฮากระซิบบอกเบาๆ เจียเฟยผ่อนลมหายใจออกจากปาก ด้วยความโล่งอกดึงชายเสื้อที่รุ่มร่ามวิ่งตามขันทีชราข้างกายม่อเฉวียนไปมองตาแผ่นหลัง ของม่อเฉวียนต่อไปนี้ จะต้องเฝ้ามองแผ่นหลังนั้นไม่ให้คาดสายตา เขาอยู่ที่ไหนเจียเฟยต้องอยู่ที่นั่น ตามที่ขันทีฝึกหัดสั่งสอนมาตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมานี้
"ไม่ต้องตาม"มู่เฉวียนตวาดไล่หานตงยังคงขยับตัวตามทีละนิด"ข้ารู้ดีว่าตำหนักข้าอยู่ที่ไหนไม่จำเป็นต้องให้องครักษ์ต่ำชั้นมาส่งยังตำหนัก""ฝ่าบาทกลัวว่าองค์หญิงจะไม่ยอมกลับไปที่ตำหนัก"อ้างม่อเฉวียน"นั่นมันเรื่องของข้า หานตงท่านไปเสียขอร้อง"หานตงส่ายหน้าไปมา"หานตงอยากจะบอกองค์หญิงว่า ขันทีเสี่ยวเฟยเขาเป็นชายแค่เพียงตัว แต่หัวใจนั่นเล่าเจ้าไม่กลัวว่าจะโดนเขาล่อหลอกเอาหรือ องค์หญิงเคยได้ยินเรื่องเล่าของฝ่าบาทหรือไม่"พยายามจะชี้ให้เห็นว่า เจียเฟยกับม่อเฉวียนมีอะไรบางอย่างที่เหมือนเรื่องเล่าเกินจริงนั้น ก็เขาห่วงมู่เฉวียนนี่ ถึงไม่ไม่เกลียดเจียเฟยและยังถุกชะตาเจียเฟยเสียด้วยซ้ำแต่ถ้าเป็นเรื่องของมู่เฉวียนเขาไม่มีทางยอม"อย่ามาปักปำพี่ใหญ่ข้านะพี่ใหญ่ยังคงชอบหญิงงาม" มู่เฉวียนหันมาจ้องหานตงเต้มตาตั้งใจเอาเรื่องแบบนี้แหละที่หานตงต้องการ ได้ขัดใจนางได้เห็นท่าทีโกรธเกรี้ยวของนางนี่เขาเป็นอะไรมากไปหรือเปล่า"ข้าน้อยเห็นกับตาว่า ฝ่าบาทอุ้มขันทีน้อยผู้นั้น แล้วยามที่ฝ่าบาทมองขันทีน้อยผู้นั้นสายตาของฝ่าบาท.."ยังยังไม่ยอมหยุดมู่เฉวียนเลือดขึ้นหน้าตรงเข้าผลักหานตงอย่างแรงแต่หานตงกับดึงเอาร่างเล็กข
ตำหนักไทเฮา“เป็นอย่างไรบ้างฝ่าบาทกับขันทีคนใหม่”“มีแต่เสียงกรีดร้องเพคะ” หรูหราน เอ่ยปากยิ้มๆไทเฮาวางถุงหอมที่เลือกหยิบมาดูทีละอันลงในถาด ถอนหายใจยาว“เฉวียนเอ่อร์ ที่ข้ากลัวคือเขานิยมบุรุษ มาบัดนี้จึงอยากจะลองใจ หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลคงต้องเปลี่ยนตัวขันทีเสีย”“ยังไม่มีอะไรเพคะ”ก้มหน้าหลบตาจะว่าไปเสี่ยวเฟยก็น่าเอ็นดูหลังจากพูดคุยกันเมื่อวาน จึงรู้ว่าเสี่ยวเฟยเองลำบากไม่น้อย กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้หากจะถูกปลดจากตำแหน่งขันทีข้างกายเพราะความชอบส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ก็คงไม่ยุติธรรมนัก“เอาล่ะเจ้าไปเถิดไปคอยจับตามองฮ่องเต้แทนข้า แล้วอย่าลืมนำเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักของเฉวียนเอ่อร์มาเล่าให้ข้าฟัง”หรูหรานย่อกายจากไป“ควรทำอย่างไร” เอ่ยปากกับนางกำนัลข้างกาย“จะทำสิ่งใดได้ คงต้องคัดสรรหญิงงามมาให้ฝ่าบาทดูตัวเช่นเคยที่ผ่านมา ไทเฮาทรง ลองใจฝ่าบาทโดยการส่งขันทีร่างอ้อนแอ้นหน้าตาหวานละมุนยิ่งจะทำให้ฝ่าบาทจิตใจไหวเอน อีกอย่างหากเป็นอย่างเรื่องเล่าจริง คนที่จะลำบากใจที่สุดก็คือไทเฮา เคยมีเรื่องเล่าขานเมื่อนานมาว่าขันทีมักจะเหนือบัลลังก์ ยามที่ฝ่าบาท ยอมเชื่อใจ ไทเฮาไม่กล้ากดดันฝ่าบาทเรื่องหญิงท
“เจ้าขันทีมานี่หน่อย” เจียเฟยวิ่งพรวดเข้ามาชนเข้ากับร่างสูงของม่อเฉวียนเต็มเปา“ซุ่มซ่าม” คว้าแขนเล้กแต่พอนึกได้ก็ปล่อยให้เจียเฟยล้มลงกับพื้นก้มจ้ำเบ้าแต่เจียเฟยก็ยังลุกขึ้นยืนยิ้ม อยู่ตรงหน้า“ฝะฝะฝ่าบาทมีเรื่องใดให้เสี่ยวเฟยรับใช้ดูแลปกป้องและ ช่วยเหลือ” ม่อเฉวียนถอนหายใจ เจ้านี่พูดมากเสียจริง“นอนที่นั่นนอนตรงนั้นเหมือนที่เฉินกงเคยนอน” ชี้มือไปที่แท่นนอนอีกอันที่ต่ำกว่า ข้างข้างผนังห้องกว้าง“ได้ขอรับ”“ไปขนเอาเครื่องนอนของเจ้ามาเจ้าขันที”"ไม่ต้องบอกหรอกขอรับเรื่องนั้นเจียเฟยจะต้องไปเอาเครื่องนอนมาแน่เพราะฝ่าบาทคงไม่มีน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นยอมมอบเครื่องนอนอันสวยงามและหอมกรุ่นของฝ่าบาทให้กับเสี่ยวเฟยแน่ๆ”“เจ้านี่ รีบไปหัดสงบคำเสียบ้าง”เจียเฟยวิ่งแน่บ“มาแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทเสี่ยวเฟยมาแล้ว” ม่อเฉวียนขมวดคิ้วคม“มาแล้วก็ไปนอน” คลี่ผ้าห่มห่มคลุมร่างบาง แหมแท่นนอนของเฉินกงกงนี่นุ่มเสียจริง“ขอรับแต่เอาเข้าจริงๆ นะขอรับฝ่าบาทก็อายุตั้ง22ปีแล้วทำไมไม่หัดนอนเพียงลำพังหรือหาสนมนางในมานอนร่วมแท่นนอนจะได้ไม่ต้องอ้างว้างลำพังเช่นนี้”“เจ้าหยุดพูดได้แล้ว”“นั่นสินะฝ่าบาทนี่ก็แปลกเป็นถึงฮ่องเต้
"วางตะเกียบได้แล้ว แล้วเตรียมน้ำชา"ม่อเฉวียนหันกลับมาสีหน้าเรียบเฉย เสี่ยวเฟยกุลีกุจอ รินชาใส่จอกยกกระดกรวดเดียวหมดจอก ปากคาบจอกชาไว้แน่น ม่อเฉวียนส่ายหน้า"เครื่องเสวยอร่อยพร้อมชารสดีถูกทดสอบพิษเป็นที่เรียบร้อยเชิญฝ่าบาทเสวยได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"ทำเสียงขึงขังดวงตาเป็นประกายถ้าไม่เกรงใจคงยกมือลูบท้องที่อิ่มแน่น"ข้าให้เจ้าเตรียมชา มิได้ให้สวาปามชาของข้า"น้ำเสียงราบเรียบดังผิวน้ำคราไร้ลมไล่"อ่า ฝ่าบาทคิดว่าคนที่ปองร้ายเปิดกาน้ำชาไม่เป็นหรือไร""ไปยืนตรงนั้น"ไล่เอาเสียดื้อๆ หิวจนไส้กิ่วแต่กลายเป็นว่าเจ้าขันทีหนุ่มหิวเสียกว่า แต่อิ่มก่อนเขาขืนต่อปากต่อคำเจ้าขันทีหนุ่มอยู่แบบนี้เขาคงฟังเสียงท้องไส้ของตัวเองคร่ำครวญเป็นกู้เจิ้งสายขาด หยิบตะเกียบคนไปบนเครื่องสวยที่มักจะเอาของดีดีวางไว้ข้างหน้า แต่บัดนี้เจียเฟยคีบใส่ปากไปจนสิ้น ถอนหายใจยาว อย่างไรก็ต้องกิน"แค่ก ๆ แอ่กๆ "เจียเฟยรินชาส่งให้ม่อเฉวียน"ฝ่าบาทไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เครื่องเสวยไม่ได้มีขาหนีไปไหนไม่ได้อย่างไรก็ได้กิน""ตกลงแล้วเป็นข้าที่ผิดใช่ไหม""เสียเฟยแค่จะบอกว่าอาหารรสดีต้องค่อยๆ ละเลียดชิม จึงจะลิ้มรสอาหารได้อย่าง
“เสี่ยวเฟย เจ้ากำลังจะทำอะไร” ขมวดคิ้วเข้าหากัน สายตาแสดงความสงสัยและไม่พอใจอย่างที่สุด ภาพตรงหน้าคือเจียเฟยที่ กอดเอวหรูหรานไว้แนบแน่นจากด้านหลัง“เจ้าสองคน …” อ้าปากกว้างคิ้วคมขมวดเข้าหากัน เจ้าขันทีนี่มาวันแรกก็สร้างวีรกรรมเลยหรือไร“ฝ่าบาท ในห้องนี้มี แมงมุมตัวใหญ่ขันทีคนใหม่ กลัวเจ้าแมงมุมนั่น”หรูหรานละล่ำละลักอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น เจียเฟยหันกลับมา มองม่อเฉวียนที่มีสีหน้าเข้มดุ“เลยเวลาเสวยเที่ยงของข้าแล้ว” เจียเฟย ประสานมือก้มหน้า“ข้าน้อยจะยกเครื่องเสวยเดี๋ยวนี้” วิ่งออกจากห้องไปในทันที“นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่อยากรับขันทีท่าทีกึ่งหญิงกึ่งชาย เพราะแม้แต่แมงมุมยังกลัว”หรูหรานย่อกายเดินออกจากห้องไป ม่อเฉียนสำรวจหาตัวแมงมุมก่อนจะจับมันไว้ แล้ว โยนออกนอกห้องไป ส่ายหน้าไปมาเจียเฟยยกถาดเครื่องเสวยที่มีเครื่องเสวยมากมาย พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นว่าเครื่องเสวยทั้งหอมทั้งน่าลิ้มรสในนั้น นางกำนัลอีกสองคนก็ยกเครื่องสวยตามมาอีกสองถาดใหญ่ๆวางเครื่องเสวยตรงหน้า นางในห้องเครื่องวางเครื่องสวยก่อนจะย่อกายจากไป“ฝ่าบาทเครื่องสวยมาแล้ว” ม่อเฉวียนยังนิ่ง“ฝะฝ่าบาทเครื่องเสวยมาและพ่ะย่ะค
“กงกงหมดหน้าที่ท่านแล้ว ขอบคุณที่อยู่ร่วมกันมายี่สิบสองปี” ราวกับพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในการกล่าวลาขันทีอาวุโสผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดมาตลอดขันทีชราปาดน้ำตาปรอยๆยี่สิบสองปีกับใบหน้าหล่อเหลา อีกทั้งยังดูอ่อนกว่าวัย เจียเฟยยกท่อนแขนตัวเองขึ้นมาดูผิวคล้ำแดดกับมือหยาบกระด้าง เจียเฟยเป็นหญิงแท้ๆ ยังไม่ขาวสะอาดเรียบเนียนเหมือนผิวกายของม่อเฉวียน เทียบไม่ติดกันเลยทีเดียว“เจ้าชื่อแซ่ว่าอย่างไร” ขันทีอาวุโสถามขึ้นเบาๆ ทำความรู้จักกันไว้ ในเมื่อวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสิ่งเดียวที่อยากทำคือการสั่งเสียขันทีหนุ่มน้อยให้ภักดีต่อม่อเฉวียนที่ขันทีชราดูแลมาตลอด“แซ่เจีย นามว่าเฟย” ม่อเฉวียน เอามือไพล่หลัง มองออกนอกหน้าต่างไม่สนใจว่ากงกงจะพูดอะไรกับเจียเฟย“อาเฟย ไม่สิเสี่ยวเฟย เจ้าต้องดูแลฝ่าบาทให้ดี ฝ่าบาทนิยมนอนตื่นแต่เช้า จิบชาอุ่นๆ และเสวยอาหารที่รสไม่จัดนัก” เจียเฟยประสานมือก้มหน้านิ่งน้อมรับคำสั่งสอนจากผู้ที่ได้ชื่อว่ารุ้ใจนายคนใหม่ของเจียฟยที่สุด“ยี่สิบสองปีข้านอนข้างๆ นั่น”ชี้มือไปที่ผนังห้องเจียเฟยกระแอมเบาๆ ปรับเสียงให้ทุ้ม“ขอรับ” ม่อเฉวียนหันขวับกลับมาทันที“พูดใหม่สิ” น้ำเสียงกระตุก“ขะ
เจียเฟย สวมอาภรณ์ชุดขันทีสวมหมวกขันทีเปิดเผยใบหน้าที่จะว่าหล่อเหลา หรืออ่อนหวานก็ไม่อาจแยกแยะในเมื่อคิ้วดกวาดยาวบนใบหน้า ริมฝีปากรูปกระจับหยักสวย กับดวงตาคมพอสวมหมวกขันทีแล้วไม่อาจแยกแยะว่าหญิงหรือชาย อกนุ่มถูกรัดด้วยผ้าฝ้ายดิบจนแบนราบเอวกิ่วไม่ได้ดึงสายรัดเอวให้ตึงแน่นยังปล่อยให้ชายอาภรณ์ทิ้งตัวลงมาคลุมทับกางเกงสีเดียวกันนั้น ไม่บอกใครจะรู้ว่าเจียเฟยคือหญิงอายุ18ที่ลักลอบเข้ามาในวังหลวงในตำแหน่งขันทีฝึกหัด แต่ละคนใบหน้าหมดจด เมื่อสวมอาภรณ์ขันทีล้วนมองไม่ต่างกัน เจียเฟยจะทำอย่างไรได้ในเมื่อครอบครัวทุกข์เข็ญ อดมื้อกินมื้อ ขันทีในวังหลวงเองก็ตุ้งติ้งไม่ต่างกันกับหญิงงาม เช่นนั้นปรับท่าทีเสียหน่อยก็พอจะ ถูไถไปได้“ขันทีฝึกหัดทั้งหลายยยย วันนี้ฝ่าบาทจะทรงคัดเลือกขันทีคนใหม่หลังจากที่กงกงที่ชรายิ่งไม่อาจรับใช้เบื้องยุคลบาทได้อีกแล้ว พวกเจ้าโชคดีเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมมีโอกาสไต่เต้าได้รับตำแหน่งพิเศษ”“หวังว่าคนที่ได้รับคัดเลือกจะทำหน้าที่ให้ดี เพราะนั่นหมายถึงความสุขสบายชั่วชีวิตของเจ้า และวันนี้พวกเจ้าอาจได้คารวะข้าเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปอาจเป็นข้าที่ต้องพึ่งพาพวกเจ้า"เจียเฟยสูดลมหายใจเข้