หลังจากวันก่อนทำเงินจากการขายเครื่องสำอางได้ไม่น้อย คราวนี้ก็ได้เวลาต้องไปเก็บสมุนไพรส่งเถ้าแก่ป่าย ไป๋เหลียนเตรียมตัวเข้าป่าแต่เช้าตรู่ เวลาเหลือน้อยเข้าทุกทีนางจำต้องรีบหาเงินให้ได้มากที่สุด ร่างบางสะพายกระบุงขึ้นหลัง ปิดประตูรั้วบ้านให้แน่นหนา แล้วออกจากบ้านเดินทางเข้าป่าอย่างอารมณ์ดี
ไม่ให้อารมณ์ดีได้อย่างไร ในเมื่อนางสามารถทำให้คู่รักบ้านแตกได้สำเร็จ ข่าวเรื่องซูหนี่อึราดเหม็นหึ่งแพร่ไปทั่วหมู่บ้าน ผลจากการถูกล้อเลียนไม่หยุดหย่อน ทำให้วันต่อมาติงเฉิงประกาศขอยกเลิกการหมั้นทันที ด้วยรู้สึกอับอายเกินกว่าจะทนคบหาต่อไปได้อีก สองครอบครัวจึงแตกหักกันอย่างไม่สามารถต่อได้ติด ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียนี่กระไร
ทว่าอารมณ์ดีได้ไม่นานก็ต้องพบกับเรื่องน่ารำคาญใจ เมื่อนางเหลียงซูตั้งใจเข้ามาหาเรื่อง พาลใส่ทั้งที่ไป๋เหลียนยังไม่ทันจะได้ทำอะไรด้วยซ้ำ
“ก็เหมาะสมกันดีนี่ มิน่าเล่าถึงได้ตัดกันไม่ขาดเสียที ที่แท้ก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ดีนะลูกข้าเป็นคนดีสวรรค์ถึงได้คุ้มครองช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป ส่วนสิ่งอัปมงคลก็สมควรแล้วที่จะอยู่ด้วยกัน เอ๊ะ! อะไรของเจ้าแม่พูดความจริง” นางเหลียงซูหิ้วตะกร้าสานห้อยศอก พร้อมกับชำเลืองมองคู่กรณี แต่ก็ต้องฮึดฮัดขัดใจเมื่อบุตรสาวเพียงคนเดียวเอาแต่กระตุกแขนยิก ๆ
“ท่านแม่พอเถอะเจ้าค่ะ” เรื่องเพิ่งซาไปคนจะลืมอยู่แล้ว ทว่ามารดากับเอาแต่พูดไม่หยุดน่าอายเกินไปแล้ว
“จะอายทำไมเป็นเจ้าที่ถูกมันรังแก พวกนั้นสิสมควรต้องอาย แม่ว่าต้องเป็นแผนของพวกมันเป็นแน่ หวังทำให้เจ้าต้องอับอาย” นางยังคงผูกใจเจ็บกับเรื่องฉาวที่เกิดขึ้น สหายแต่ละคนต่างก็หลีกหนีหาย แม้แต่สามีบัดนี้ยังมาบึ้งตึงใส่ ทั้งหมดนี้คงเป็นแผนของนังไป๋เหลียนตั้งใจทำให้ซูหนี่ถูกยกเลิกการหมั้น บุตรสาวตนต้องกลายเป็นสตรีมีเรื่องด่างพร้อยจนได้ เช่นนี้แล้วจะแต่งออกก็คงยากสินสอดที่ตั้งไว้ไม่พ้นถูกลดราคา
“กลิ่นอะไรเนี่ย แค่เดินผ่านก็โชยมาเชียว กลิ่นตุ ๆ เหมือนมีใครอึราดไม่มีผิดเลย” ไป๋เหลียนแสร้งทำทีปิดจมูกพร้อมกันนั้นทำหน้าล้อเลียนอีกฝ่าย ครั้นจะไม่ตอบโต้ก็สุดจะทนกับคำค่อนแคะของนางเหลียงซู ข้าไม่ใช่ไป๋เหลียนคนเดิมที่เอาแต่ก้มหน้ารับคำด่า อย่าหวังว่าจะยืนเฉย ๆ ให้เอาความไม่พอใจมาลงที่นางเด็ดขาด
“นี่เจ้า... เจ้า ท่านแม่ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ให้รีบไป เช่นนั้นท่านก็ไปซื้อของคนเดียวเถอะข้าจะกลับบ้าน” ซูหนี่กระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ รีบเดินหนีกลับบ้านไม่สนใจมารดา
“คอยดูเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าถูกขับออกจากหมู่บ้านให้ได้ ดูซิยังจะจองหองเช่นนี้ได้อีกหรือไม่” ก่อนแยกย้ายนางเหลียงซูยังมิวายหันมาคาดโทษเอากับสตรีรุ่นลูก ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวตามบุตรสาวไปอย่างทุลักทุเล
ไป๋เหลียนไม่เข้าใจเลยว่าครอบครัวนี้มีความแค้นอะไรต่อกัน ถึงได้เอาแต่จ้องจะทำร้ายถึงเพียงนี้ถึงขั้นคิดจะขับไล่ออกจากหมู่บ้าน จะญาติดีต่อกันไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรือไร
กระนั้นว่าด้วยเรื่องความน่าหมั่นไส้ของตัวละครอย่างนางเหลียงซูและบุตรสาว นอกจากสองคนนั้นแล้วยังมีคนในหมู่บ้านที่ไม่ค่อยจะชอบไป๋เหลียนสักเท่าไรนัก จากที่ได้อ่านมาทั้งหมดไม่เท่ากับได้มาเจอเองกับตัว เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเจ้าของร่างถึงได้ลงมือข่มขืนแม่ทัพหลี่มู่กวา นั่นคงเพราะที่นี่ไม่มีที่ยืนให้ไป๋เหลียนแล้วนั่นเอง
หลังจากสองแม่ลูกจอมหาเรื่องจากไปแล้ว ไป๋เหลียนจึงมุ่งหน้าเข้าป่าเพื่อเก็บสมุนไพร จุดหมายปลายทางคือแถวลำธารที่นางเคยไปเมื่อคราวก่อน จำได้ว่ามีหญ้าสมุนไพรเกิดแถวนั้นเต็มไปหมด คาดว่าเก็บแค่ที่เดียวก็คงมากพอจะนำไปขายได้
หญิงสาวใช้เวลาเดินทางกว่าสองก้านธูป (30 นาที) ระหว่างทางก็เก็บของป่ากลับไปด้วย เรื่องอะไรนางจะปล่อยให้ของเหล่านี้เน่าเปื่อยไปโดยไร้ประโยชน์ แต่ละอย่างมีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้น กว่าจะถึงลำธารกระบุงเล็กที่นำมาด้วยก็เต็มไปด้วยผักและเห็ดนานาชนิด
กว่าจะมาถึงเขตลำธารก็เสียเวลาไปมากโข ด้วยบังเอิญพบกับหน่อไม้อ่อนที่กำลังขึ้นเต็มผืนป่าไปหมด ครั้นจะไม่เก็บก็เสียดายจึงเสียเวลากับการเก็บหน่อไม้ไปไม่น้อย
“โอ้โห! ที่นี่หน่อไม้เกิดขึ้นเช่นนี้หรอกหรือ ข้าก็หลงคิดว่าจะขึ้นติดกอไผ่เสียอีก”
“ท่าน ท่านแม่ทัพเป็นอะไรหรือไม่” หญิงสาวจับร่างแม่ทัพหนุ่มเขย่าเพื่อให้รู้สึกตัว ทว่าเขากลับนอนนิ่งไม่ไหวติง นางจึงดันกายหนาออกให้พ้นกาย ก่อนที่ร่างคนไม่ได้สติจะร่วงลงไปนอนอีกทางหญิงสาวถึงกับถอนหายใจ เมื่อชุดที่เขาใส่มานั้นมีรอยเลือดซึมออกมา หากให้เดาก็คงจะแค้นกันมากถึงกับไม่รอให้ร่างกายหายดี ดั้นด้นตามสืบเสาะหานางเจอจนได้สินาคราแรกก็ตั้งใจจะไม่เหลียวแลหันหลังหนี ทว่าเห็นสภาพเขาแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ทั้งยังเป็นคนที่นางตั้งใจจะมาหาเขาถึงที่นี่ ติ่งอย่างนางจะปล่อยไว้เช่นนั้นได้อย่างไร“เอาวะ ช่วยก็ช่วย”เมื่อสมองพ่ายแพ้ให้กับความต้องการก็จำต้องหันหลังกลับ จัดแจงให้คนเจ็บได้นอนในท่วงท่าที่สบาย จึงพบว่าอีกฝ่ายกำลังมีไข้อ่อน ๆ รวมไปถึงบาดแผลบางส่วนได้ปริแตกมีเลือดซึมออกมาไม่น้อยร่างบางออกไปตักน้ำใส่กะละมังเล็ก จากนั้นได้กลับมาพร้อมกับกะละมังและผ้าเช็ดตัวผืนน้อย แล้วจัดถอดชุดของหลี่มู่กวาออกเพื่อจะได้เช็ดตัวและทำแผลเสียใหม่ แผลของเขายังไม่หายดีนักนั่นจึงเป็นสาเหตุให้เขายังคงมีไข้เพราะพิษบาดแผล การทำแผลและทายานั้นไม่ใช่ปัญหาในตอนนี้ ทว่าปัญหาใหญ่ก็คือจะทำอย่างไรถึงจะป้อนยาให้คนที่ไม่มีสติได
ไป๋เหลียนถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อวิ่งมาถึงสะพานข้ามลำธาร เหลือแค่ข้ามสะพานนี้ไปก็เท่ากับนางเข้าเขตหมู่บ้าน ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายจากความกลัวได้ไม่น้อย ระหว่างเดินกลับบ้านก็เอาแต่คำนวณเงินค่าสมุนไพร จะดีแค่ไหนถ้าหาเงินได้หลายสิบตำลึงภายในหนึ่งวันหญ้าสมุนไพรเก็บได้มาประมาณหนึ่งกระสอบเห็นจะได้ น้ำหนักก็คงจะประมาณสิบชั่ง ชั่งละห้าร้อยอีแปะก็เท่ากับนางจะได้ห้าตำลึงเงินเชียวนะ เช่นนั้นหากนางเก็บมาขายอีกเรื่อย ๆ ก็มีเงินเก็บพอย้ายที่อยู่ได้โดยที่ไม่ต้องรอให้ถึงสามเดือนเมื่อพูดถึงเรื่องเงินที่จะได้ก็ทำเอาหญิงสาวอารมณ์ดียิ้มไม่หุบ ไป๋เหลียนกระโดดโลดเต้นพร้อมกับร้องเพลงเพิ่มจังหวะไปด้วย ไม่สนใจสายตาชาวบ้านที่ผ่านไปมาดูแคลนมองราวกับนางเป็นตัวประหลาด ต่อไปก็ไม่ต้องรอความตายแล้ว อย่าว่าแต่มีเงินหนีเลยในอนาคตนางก็จะร่ำรวยอยู่อย่างสุขสบายไปทั้งชาติบางช่วงบางตอนไป๋เหลียนหยุดออกวาดลวดลายเต้นไปกับบทเพลง ทั้งโยกทั้งเลื้อยอย่างไม่รู้จักเหนียมอาย กลับมาถึงบ้านได้ก็รีบวางกระบุงเก็บเข้าที่ก่อนจะฮัมเพลงเดินเข้าห้องนอน นางเหนียวตัวจะแย่อยากจะรีบหยิบผ้าเช็ดตัว ได้อาบน้ำแล้วนอนหลับสักงีบก็คงจะดี“เลิกกั๊
หญิงสาวมองรอบป่าไผ่ไปสุดลูกหูลูกตา หน่อไม้ที่นี่มิได้เกิดขึ้นใกล้กอของมันเลย ทว่ามันกลับผุดขึ้นบนพื้นดินแพร่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณยามเห็นของกินก็ดันอดใจไม่ได้เป็นต้องปรี่เข้าไปเก็บ ถึงตอนนี้คิดไม่ออกจะเอาไปทำอะไรมากมาย ทว่านิสัยเสียดายของแก้ไม่หายสักที เก็บไว้ก่อนอย่างไรอยู่ในมิติวิเศษก็ไม่มีเน่าเสียมันต้องได้ใช้ประโยชน์ได้สักวัน“เงินทั้งนั้นเก็บไปก่อนดีกว่า”ทว่ายิ่งเก็บก็ยิ่งสนุกหน่อไม้ทั้งอ่อนและกรอบ ครู่เดียวก็ได้หน่อไม้กองโต หญิงสาวจัดการเก็บหน่อไม้ทั้งหมดเข้ามิติวิเศษ ก่อนจะออกเดินทางไปที่ลำธารหาสมุนไพรต่อเมื่อมาถึงจุดหมายไป๋เหลียนจึงได้มองหาหญ้าสมุนไพร กวาดตามองเพียงครู่ก็พบเข้ากับกลุ่มหญ้าเป้าหมาย ร่างบางนั่งลงพร้อมกับบรรจงถอนสมุนไพรที่เกิดปะปนกับหญ้าพิษและหญ้าชนิดอื่น ๆ โชคดีนักที่นางมีความสามารถพิเศษสามารถแยกแยะได้ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่แคล้วจะถอนผิดต้นเช่นกัน ด้วยหน้าตาสมุนไพรมิได้ต่างจากหญ้าทั่วไปมากนัก“เอ๊ะ ต้นอะไรน่ะ อย่างไรก็เป็นสมุนไพร เก็บไปก่อนประเดี๋ยวค่อยไปถามเถ้าแก่ป่าย” ตนหรือก็นึกว่าเป็นต้นผักชีล้อม คราแรกนึกว่าเป็นผักธรรมดาเสียอีกพอเห็นใกล้ ๆ กลับเป็นสมุนไพรเสี
หลังจากวันก่อนทำเงินจากการขายเครื่องสำอางได้ไม่น้อย คราวนี้ก็ได้เวลาต้องไปเก็บสมุนไพรส่งเถ้าแก่ป่าย ไป๋เหลียนเตรียมตัวเข้าป่าแต่เช้าตรู่ เวลาเหลือน้อยเข้าทุกทีนางจำต้องรีบหาเงินให้ได้มากที่สุด ร่างบางสะพายกระบุงขึ้นหลัง ปิดประตูรั้วบ้านให้แน่นหนา แล้วออกจากบ้านเดินทางเข้าป่าอย่างอารมณ์ดีไม่ให้อารมณ์ดีได้อย่างไร ในเมื่อนางสามารถทำให้คู่รักบ้านแตกได้สำเร็จ ข่าวเรื่องซูหนี่อึราดเหม็นหึ่งแพร่ไปทั่วหมู่บ้าน ผลจากการถูกล้อเลียนไม่หยุดหย่อน ทำให้วันต่อมาติงเฉิงประกาศขอยกเลิกการหมั้นทันที ด้วยรู้สึกอับอายเกินกว่าจะทนคบหาต่อไปได้อีก สองครอบครัวจึงแตกหักกันอย่างไม่สามารถต่อได้ติด ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียนี่กระไรทว่าอารมณ์ดีได้ไม่นานก็ต้องพบกับเรื่องน่ารำคาญใจ เมื่อนางเหลียงซูตั้งใจเข้ามาหาเรื่อง พาลใส่ทั้งที่ไป๋เหลียนยังไม่ทันจะได้ทำอะไรด้วยซ้ำ“ก็เหมาะสมกันดีนี่ มิน่าเล่าถึงได้ตัดกันไม่ขาดเสียที ที่แท้ก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ดีนะลูกข้าเป็นคนดีสวรรค์ถึงได้คุ้มครองช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป ส่วนสิ่งอัปมงคลก็สมควรแล้วที่จะอยู่ด้วยกัน เอ๊ะ! อะไรของเจ้าแม่พูดความจริง” นางเหลียงซูหิ้วตะกร้า
“แม่ค้าเจ้าชื่ออะไรหรือ ข้านามอวิ๋นซี แล้วเครื่องประทินผิวพวกนั้นเจ้าขายชิ้นละเท่าไร ไอ้ชอบข้าก็ชอบแต่เงินข้าไม่มีเยอะน่ะสิ” สตรีชุดแดงลดความหยิ่งยโสไปกว่าครึ่งพร้อมกับแนะนำตัวก่อนใคร ความจริงแล้วนางอยากได้ไว้ทั้งหมด ทว่าตำลึงเงินที่มีก็มิได้มากนัก เสียดายคงไม่สามารถซื้อได้ตามต้องการ“ข้านามจูถิง” สตรีชุดเขียวแนะนำตัวเป็นคนต่อไป นางติดใจแป้งผัดหน้ายิ่งนัก เนื้อละเอียดถูกใจเมื่อทาบนใบหน้ากลับดูกลืนไปกับผิว ไม่วอกไม่ลอกเหมือนอันเดิมที่เคยใช้“ส่วนข้านามลู่ฮวา” สตรีชุดส้มแนะนำตัวเป็นคนสุดท้าย ส่วนนางนั้นชอบดินสอเขียนคิ้ว ทั้งยังเพิ่งจะรู้ว่าของสิ่งนี้มิได้มีเพียงแค่สีดำเพียงอย่างเดียว ยังมีสีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม หากเลือกใช้สีที่เข้ากับตัวเพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้ใบหน้าเปลี่ยนได้อย่างน่าเหลือเชื่อ“ข้าชื่อไป๋เหลียนเจ้าค่ะ ข้าขายให้พวกท่านไม่แพง ถือเสียว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราซื้อขายกัน ของทุกอย่างข้าขายให้พี่สาวชิ้นละร้อยอีแปะ นี่ข้าก็ขายขาดทุนมากแล้วนะเจ้าคะ ความจริงแล้วราคาเครื่องประทินผิวพวกนี้ข้าต้องขายชิ้นละหนึ่งตำลึง พี่สาวทั้งสามเป็นลูกค้าคนแรกข้าขายให้ถูกกว่าราคาทุน แต่ครั้งหน้าไ
“เจ้าเนี่ยนะ จะมาสอนพวกข้าแต่งหน้า” สตรีชุดเขียวมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะเดินสำรวจสตรีตรงหน้าอย่างตั้งใจ หน้าตาหรือก็จืดชืดแทบจะไม่แต่งแต้มอันใดบนใบหน้าเช่นนี้ จะสอนแต่งหน้าเป็นหรือ“ข้าว่ามีอะไรมาขายก็รีบ ๆ เอาออกมาเถอะ ประเดี๋ยวต้องไปทำงานแล้วไม่มีเวลามาฟังเจ้าพูดได้ทั้งวันหรอกนะ” สตรีชุดส้มกล่าวเตือนไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ นางไม่ได้ลูกค้าสามวันติดแล้ว หากวันนี้พลาดอีกเบี้ยเดือนนี้ไม่พอใช้เป็นแน่คนทั้งสามต่างก็เห็นพ้องต้องกัน พวกนางจะมาเสียเวลาไปด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ยังแต่งหน้าแต่งตัวไม่เสร็จเสียด้วยซ้ำ ออกไปรับแขกไม่ทันกันพอดีหญิงสาวเห็นดังนั้นจึงล้วงเอาเครื่องสำอางในกระเป๋าออกมาวางเรียงรายบนโต๊ะ ของที่นำมาขายวันนี้ก็มีหลายอย่างเช่น ดินสอเขียนคิ้ว รองพื้น แป้งพับ แป้งฝุ่น ลิปสติก มาสคาร่า อายแชโดว์ แต่ละอย่างมิใช่แค่แบบเดียว ไป๋เหลียนนำออกมานำเสนอแทบจะทุกเฉดสีที่คิดว่าเข้ากับสตรีทั้งสาม“วันนี้เห็นว่าพวกพี่สาวรีบ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาข้าจะแต่งหน้าให้พวกท่านทุกคนและสอนไปด้วยเจ้าค่ะ ผู้ใดจะลองก่อนเจ้าคะ”“เช่นนั้นข้าขอก่อนแล้วกัน อย่างไรเสียข้าทำผ