ชัยชนะจากการประลองปัญญาครั้งนั้นส่งให้ชื่อเสียงของ เหม่ยหลิน และ ตระกูลหลี่ ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งตลาด และลามไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพูดถึง "แม่เจียงคนใหม่" ที่ไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อยเลิศ แต่ยังเฉลียวฉลาดและกล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลอย่างหัวหน้าหมา
เช้าวันรุ่งขึ้น แผงขายของเหม่ยหลินไม่เพียงแค่คึกคัก แต่กลับแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวยาวเหยียด พวกเขาไม่เพียงมาซื้อ "บะหมี่เจผักรวม" และ "ซุปเห็ดหลินจือดำ" เท่านั้น แต่ยังมาเพื่อชมบารมีของเหม่ยหลินและลูก ๆ ของเธอด้วย "ท่านแม่เจียง! ข้ามาจากหมู่บ้านเจียงเป่ย! ได้ยินว่าอาหารของท่านอร่อยล้ำเลิศนัก ข้าจึงมาขอชิมด้วยตัวเอง!" ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยความเลื่อมใส "ท่านแม่เจียง! ข้าซื้อบะหมี่เจของท่านไปให้ลูกเมียกินแล้ว! พวกเขาชอบมากเลย! ขอบพระคุณท่านแม่เจียงที่ทำอาหารดี ๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้กิน!" ชาวนาอีกคนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เหม่ยหลินยิ้มตอบรับคำชมเชยอย่างอ่อนน้อม เธอและลูก ๆ ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น หลี่เฟยหลงกับหลี่เฟยหานทำหน้าที่ตักบะหมี่และซุป ส่วนชิวลี่ฮวากับหลี่เฟยหยางก็ช่วยรับเงินและห่ออาหารด้วยความสนุกสนาน "ท่านแม่! วันนี้เราต้องทำเพิ่มเยอะ ๆ เลยนะขอรับ!" หลี่เฟยหยางเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น "ใช่แล้วลูก" เหม่ยหลินตอบ "วันนี้เราจะลองทำเมนูใหม่ด้วยนะ" เธอใช้ความรู้เรื่องวัตถุดิบและประสบการณ์จากโลกปัจจุบัน มาปรับใช้กับสิ่งที่มีในยุค 70 เธอตัดสินใจทำ "ขนมหัวผักกาดทอด" ซึ่งทำจากหัวไชเท้าขูดผสมแป้งข้าวโพดและปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว แล้วนำไปทอดจนกรอบนอกนุ่มใน และ "ข้าวปั้นไส้เต้าเจี้ยว" ซึ่งทำจากข้าวที่หุงผสมมันเทศ บดให้ละเอียดแล้วปั้นเป็นก้อน สอดไส้ด้วยเต้าเจี้ยวผัดหอม ๆ เมนูใหม่ของเหม่ยหลินได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยมเช่นเคย ผู้คนต่างชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์และรสชาติที่แปลกใหม่ของเธอ "นี่มันขนมอะไรกัน! อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ!" "ข้าวปั้นนี่ก็กินง่าย แถมยังอิ่มท้องอีกด้วย!" ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ แผงขายของเหม่ยหลินก็กลายเป็นจุดเด่นของตลาด ชื่อเสียงของ "เชฟเหม่ยหลิน" แพร่สะพัดไปทั่วทุกสารทิศ ผู้คนต่างเดินทางมาจากต่างเมืองเพื่อมาลิ้มลองอาหารของเธอ ตระกูลหลี่พลิกจากครอบครัวยากจนข้นแค้น กลายเป็นครอบครัวที่มีฐานะมั่นคงอย่างรวดเร็ว "ท่านแม่...วันนี้เราได้เงินเยอะมากเลยขอรับ!" หลี่เฟยหลงเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น เขามองถุงเงินในมือด้วยความไม่เชื่อสายตา "ใช่แล้วลูก" เหม่ยหลินตอบ "ตอนนี้เรามีเงินพอที่จะซ่อมแซมบ้าน ซื้อเสื้อผ้าใหม่ และซื้ออาหารดี ๆ กินแล้ว" เธอรู้สึกภูมิใจในตัวลูก ๆ ของเธอ พวกเขาเติบโตขึ้นมาก ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่รวมถึงจิตใจด้วย พวกเขาทำงานหนัก ไม่เกี่ยงงาน และที่สำคัญที่สุดคือพวกเขามีรอยยิ้มและความสุขบนใบหน้าอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนจากเจ้าของร่างเดิม คลื่นใต้น้ำจากอำนาจที่สูงกว่า ความสำเร็จของเหม่ยหลินไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของ จางไห่ และ มาดามหลี่ ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา พวกเขารู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่พอใจที่เห็นเหม่ยหลินก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงโด่งดัง วันหนึ่ง ขณะที่เหม่ยหลินกำลังจัดเตรียมของที่แผงขายของเธอ ก็มีชายชุดดำสองคนเดินเข้ามาใกล้ พวกเขาสวมชุดผ้าไหมเนื้อดี ใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาคมกริบมองมาที่เหม่ยหลินด้วยสายตาที่เย็นชา "ท่านคือแม่เจียงอย่างนั้นรึ?" หนึ่งในชายชุดดำเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห้าวหาญ เหม่ยหลินรู้สึกได้ถึงออร่าที่แผ่ออกมาจากชายสองคนนี้ มันเป็นออร่าของชนชั้นสูงหรือผู้มีอำนาจ เธอก้มศีรษะเล็กน้อย "เจ้าค่ะ ข้าคือเจียงเหมยลี่ มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือเจ้าคะ?" "พวกเรามาจากจวนเจ้าเมือง" ชายชุดดำอีกคนกล่าวขึ้น "เจ้าเมืองต้องการให้เจ้าไปที่จวนเดี๋ยวนี้" คำพูดของชายชุดดำทำให้ผู้คนในตลาดต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าชื่อเสียงของเหม่ยหลินจะไปถึงขั้นเจ้าเมือง "จวนเจ้าเมืองอย่างนั้นรึเจ้าคะ?" เหม่ยหลินถามอย่างไม่แน่ใจ "ข้าไม่ทราบว่าเจ้าเมืองมีธุระอะไรกับข้า" "เจ้าเมืองได้ยินชื่อเสียงของเจ้า" ชายชุดดำตอบ "เขาต้องการให้เจ้าไปทำอาหารให้เขาเป็นการส่วนตัว" คำเชิญชวนของเจ้าเมืองเป็นทั้งโอกาสและกับดัก เหม่ยหลินรู้ดีว่าการเข้าไปในจวนเจ้าเมืองนั้นมีความเสี่ยง แต่ก็เป็นโอกาสที่จะสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น "ข้าขอเวลาเตรียมตัวสักครู่ได้ไหมเจ้าคะ?" เหม่ยหลินขอ "ไม่ได้!" ชายชุดดำตอบอย่างเฉียบขาด "เจ้าเมืองสั่งให้เจ้าไปเดี๋ยวนี้! หากเจ้าไม่ไป...พวกเราก็จะใช้กำลังบังคับ!" เหม่ยหลินมองไปที่ลูก ๆ ของเธอที่กำลังมองเธอด้วยความกังวล หลี่เฟยหลงขยับเข้ามาใกล้เธอเล็กน้อย ราวกับต้องการจะปกป้องเธอ "ท่านแม่...ท่านแม่จะไปได้อย่างไรขอรับ?" หลี่เฟยหลงกระซิบด้วยน้ำเสียงกังวล เหม่ยหลินยิ้มบาง ๆ "ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่จะไป" เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เธอหันไปบอกลูก ๆ "พวกเจ้าดูแลแผงให้ดีนะ แม่จะไปเดี๋ยวเดียวแล้วจะกลับมา" ก่อนจะหันไปหาชายชุดดำ "ข้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ" ในจวนเจ้าเมือง จวนเจ้าเมืองเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่โอ่อ่าสง่างาม ตัวอาคารสร้างจากไม้เนื้อแข็งแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง มีสวนหย่อมขนาดใหญ่และบ่อน้ำพุที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เหม่ยหลินถูกนำตัวมายังห้องโถงรับรองขนาดใหญ่ ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สลักลวดลายงดงาม มีโคมไฟกระดาษประดับประดาอย่างหรูหรา เมื่อเหม่ยหลินเข้ามาในห้อง เธอก็เห็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดผ้าไหมสีเขียวเข้ม ใบหน้าของเขาดูภูมิฐานและเต็มไปด้วยอำนาจ เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สลักลายมังกร เขาคือ หลี่กวงหมิง เจ้าเมืองแห่งนี้ "ท่านแม่เจียง" หลี่กวงหมิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามานานแล้วว่าเจ้าทำอาหารได้อร่อยเลิศนัก ข้าจึงอยากจะลองชิมด้วยตัวเอง" เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อย "เป็นเกียรติอย่างยิ่งเจ้าค่ะท่านเจ้าเมือง" "หึ! ไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก" หลี่กวงหมิงกล่าว "ข้าได้ยินว่าเจ้าทำอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ได้อร่อยกว่าบะหมี่เนื้อตุ๋นของมาดามหลี่เสียอีก! เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถมากขนาดนั้นเชียวรึ?" น้ำเสียงของหลี่กวงหมิงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและไม่เชื่อในฝีมือของเธอ เหม่ยหลินรู้ดีว่านี่คือการทดสอบ และเธอต้องแสดงฝีมือให้เขาเห็น "ข้าไม่ได้โอ้อวดเจ้าค่ะท่านเจ้าเมือง" เหม่ยหลินตอบอย่างมั่นใจ "ข้าเพียงแค่ทำอาหารด้วยใจ และใช้ความรู้ที่ข้ามีสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ออกมา" "ดี!" หลี่กวงหมิงกล่าว "ถ้าอย่างนั้น...ข้าจะให้เจ้าเข้าครัวของข้า! ทำอาหารอะไรก็ได้! แต่ต้องเป็นอาหารที่อร้าอร่อยที่สุดเท่าที่เจ้าเคยทำมา! หากทำได้ไม่ถูกใจข้า...เจ้าจะต้องรับโทษ!" เหม่ยหลินรับคำท้า เธอเดินเข้าครัวของจวนเจ้าเมือง ซึ่งใหญ่โตและเต็มไปด้วยวัตถุดิบมากมายที่ไม่เคยเห็นในตลาดท้องถิ่น ทั้งเนื้อสัตว์หายาก ผักแปลกตา และเครื่องเทศนานาชนิด เธอสำรวจวัตถุดิบด้วยดวงตาที่เป็นประกาย นี่คือโอกาสที่จะได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ "ท่านแม่เจียงต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่?" พ่อครัวประจำจวนเจ้าเมืองถามด้วยความสงสัย เขาไม่เคยเห็นใครมีท่าทีมั่นใจเช่นนี้มาก่อน เหม่ยหลินยิ้ม "ข้าต้องการเนื้อปลาหิมะสด ๆ และเห็ดหลินจือสีทองเจ้าค่ะ" คำขอของเหม่ยหลินทำให้พ่อครัวถึงกับตกตะลึง เห็ดหลินจือสีทองเป็นเห็ดที่หายากยิ่งกว่าเห็ดหลินจือดำหลายเท่า และมีราคาสูงลิบลิ่ว "ท่านแม่เจียง...ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะ? เห็ดหลินจือสีทองหายากมากนะเจ้าคะ" พ่อครัวกล่าว "ข้าแน่ใจ" เหม่ยหลินตอบอย่างมั่นใจ เมื่อได้วัตถุดิบครบถ้วน เหม่ยหลินก็เริ่มลงมือปรุงอาหาร เธอตัดสินใจทำเมนู "ปลาหิมะนึ่งซุปเห็ดหลินจือทองคำ" และ "ข้าวผัดจักรพรรดิ" เธอเริ่มต้นด้วยการนึ่งปลาหิมะด้วยความพิถีพิถัน โดยใช้สมุนไพรจีนบางชนิดเพื่อดับกลิ่นคาวและเพิ่มความหอม จากนั้นเธอก็นำเห็ดหลินจือสีทองมาตุ๋นกับน้ำซุปกระดูกไก่ที่เคี่ยวจนได้ที่ ปรุงรสด้วยเกลือและเครื่องเทศเล็กน้อย เพื่อให้ได้ซุปที่หอมหวานและมีรสชาติล้ำลึกอย่างแท้จริง ส่วนข้าวผัดจักรพรรดิ เธอใช้ข้าวที่หุงอย่างดี นำมาผัดกับไข่ เนื้อหมูสับ ผักต่าง ๆ และเต้าเจี้ยวปรุงรสพิเศษ เติมกลิ่นหอมด้วยน้ำมันงา และโรยหน้าด้วยต้นหอมซอยอย่างประณีต กลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้งไปทั่วทั้งจวนเจ้าเมือง ทำให้หลี่กวงหมิงถึงกับอดทนรอไม่ไหว "กลิ่นอะไรกัน! ทำไมมันถึงได้หอมขนาดนี้!" หลี่กวงหมิงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่ออาหารทั้งสองเมนูถูกยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร หลี่กวงหมิงถึงกับตาโตด้วยความทึ่ง ปลาหิมะนึ่งดูน่ากิน ซุปเห็ดหลินจือทองคำมีสีทองอร่าม ส่วนข้าวผัดจักรพรรดิก็มีสีสันสวยงาม หลี่กวงหมิงตักปลาหิมะนึ่งเข้าปากคำแรก ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ รสชาติเนื้อปลาที่นุ่มละมุนลิ้น ผสานกับความหอมของสมุนไพรและน้ำซุปเห็ดหลินจือทองคำที่เข้มข้น ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ "อร่อย! อร่อยอย่างเหลือเชื่อ!" หลี่กวงหมิงเอ่ยชมอย่างจริงใจ "นี่มันอาหารของเทพเจ้าชัดๆ!" เขาตามด้วยซุปเห็ดหลินจือทองคำ และข้าวผัดจักรพรรดิ ทุกเมนูล้วนสร้างความประทับใจให้แก่เขาอย่างมาก "ท่านแม่เจียง! เจ้ามันอัจฉริยะชัดๆ!" หลี่กวงหมิงกล่าวด้วยความชื่นชม "ข้าไม่เคยลิ้มรสอาหารที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต! แม้แต่พ่อครัวหลวงในวังหลวงก็ยังเทียบเจ้าไม่ได้!" เหม่ยหลินยิ้มอย่างอ่อนน้อม "ท่านเจ้าเมืองกล่าวเกินไปแล้วเจ้าค่ะ" "ไม่เลย! ข้าไม่ได้กล่าวเกินจริงแม้แต่น้อย!" หลี่กวงหมิงกล่าวอย่างหนักแน่น "ข้าตัดสินใจแล้ว! ข้าต้องการให้เจ้ามาเป็นพ่อครัวประจำจวนของข้า!" คำประกาศของหลี่กวงหมิงสร้างความตกใจให้แก่เหม่ยหลิน เธอไม่คิดว่าเขาจะยื่นข้อเสนอเช่นนี้ "ข้า...ข้าเกรงว่าข้าจะรับตำแหน่งนั้นไม่ได้เจ้าค่ะท่านเจ้าเมือง" เหม่ยหลินตอบอย่างลังเล "ทำไมจะไม่ได้!" หลี่กวงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "เจ้าไม่อยากได้เกียรติยศและเงินทองอย่างนั้นรึ!?" "ข้ามีครอบครัวที่ต้องดูแลเจ้าค่ะท่านเจ้าเมือง" เหม่ยหลินตอบ "ข้าไม่สามารถทิ้งพวกเขามาอยู่กับท่านได้" หลี่กวงหมิงเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะถอนหายใจ "เอาเถอะ...ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการตำแหน่งพ่อครัวประจำจวนของข้า...ข้าก็จะไม่บังคับ" เหม่ยหลินรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย "แต่!" หลี่กวงหมิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง "ข้าต้องการให้เจ้าส่งอาหารของเจ้ามาให้ข้ากินทุกวัน! และเจ้าต้องบอกสูตรอาหารของเจ้าให้ข้าด้วย!" ข้อเสนอของหลี่กวงหมิงทำให้เหม่ยหลินถึงกับอึ้ง การบอกสูตรอาหารเป็นสิ่งที่เชฟทุกคนหวงแหนที่สุด "ท่านเจ้าเมือง..." เหม่ยหลินกล่าวอย่างลังเล "สูตรอาหารของข้าเป็นสิ่งที่ข้าคิดค้นขึ้นมาด้วยตัวเอง...และข้าไม่สามารถบอกใครได้เจ้าค่ะ" "เจ้ากล้าปฏิเสธคำสั่งของข้าอย่างนั้นรึ!" หลี่กวงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เจ้าต้องการให้ข้าสั่งปิดแผงของเจ้าอย่างนั้นรึ!?" เหม่ยหลินเงียบไป เธอรู้ว่าเธออยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หากเธอปฏิเสธ เจ้าเมืองก็จะใช้กำลังอำนาจเล่นงานเธอและครอบครัวของเธอ ต้องหาทางออกที่ชาญฉลาดที่สุด... "ข้าจะยอมส่งอาหารให้ท่านเจ้าเมืองกินทุกวันเจ้าค่ะ" เหม่ยหลินตอบในที่สุด "แต่เรื่องสูตรอาหาร...ข้าคงต้องขอเวลาคิดสักครู่เจ้าค่ะ" หลี่กวงหมิงมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก "เอาล่ะ...ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะปฏิเสธเกียรติยศและเงินทอง" หลี่กวงหมิงกล่าว "ก็กลับไปได้แล้ว! และอย่าลืมส่งอาหารมาให้ข้ากินทุกวันด้วย! ไม่เช่นนั้น...เจ้าจะต้องเจอดีแน่!" เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากจวนเจ้าเมืองด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในใจ เธอรู้ดีว่าการเข้าไปในจวนเจ้าเมืองครั้งนี้ได้สร้างปัญหาใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมให้กับเธอและครอบครัวความรู้สึกของเหม่ยหลินพังทลายลงในพริบตาเมื่อได้ยินคำสารภาพของขันทีจาง และเห็นผงสีดำในมือของหลี่เฟยหาน โลกทั้งใบราวกับหมุนคว้าง ภาพความฝันที่เธอสร้างขึ้นเพื่อครอบครัว กำลังจะพังทลายลงเพราะการทรยศหักหลังครั้งนี้"ไม่จริง... เจ้าโกหก!" เหม่ยหลินตะโกน ดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด "หลี่เฟยหาน! ลูกบอกแม่มา! ลูกทำอะไรลงไป!?"หลี่เฟยหานตัวสั่นงันงก ใบหน้าเล็กๆ ของเขาซีดเผือด น้ำตาไหลพราก "ท่านแม่... ลูก... ลูกถูกบังคับขอรับ! ขันทีจาง... เขา... เขายื่นเงินให้ลูก... บอกว่าจะให้ลูกกับพี่ๆ สบาย... แล้ว... แล้วถ้าลูกไม่ทำ... เขาจะฆ่าท่านแม่... ฆ่าพี่ใหญ่... ฆ่าท่านชิวลี่ฮวา..." เสียงของเขาขาดหายไป พร้อมกับร่างที่ทรุดลงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นขันทีจางหัวเราะอย่างชั่วร้าย "ฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างเป็นภาพที่น่ารันทดใจนัก! เจ้าแม่เจียงผู้ยิ่งใหญ่ กำลังจะถูกลูกชายของตัวเองฆ่า!" เขาก้าวเข้ามาใกล้ ยกผงสีดำในมือของหลี่เฟยหานขึ้นดู "ดูสิ! ผงพิษ 'ฝุ่นมรณะ' ชนิดรุนแรงที่สุด! แม้แต่เซียนก็ยากจะรอด! องค์จักรพรรดิจะได้สวรรคตอย่างสงบในวันนี้ และเจ้า... จะต้องเป็นแพะรับบาป! ฮ่าฮ่าฮ่า!""เจ้ามันปีศาจ!" เหม่ยหลินกัดฟันแน่น ควา
รุ่งอรุณหลังคืนแห่งความวุ่นวาย แสงตะวันสาดส่องเข้ามาในเรือนพักของท่านราชครูจ้าว เหม่ยหลินรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา หลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ต่างกอดเธอแน่นด้วยความโล่งใจ การปรากฏตัวของหัวหน้าหมาและท่านราชครูจ้าวราวกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งความมืดมิดท่านราชครูจ้าวนั่งลงตรงข้ามกับเหม่ยหลิน ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยความเมตตาและแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม"ท่านแม่เจียง" ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ข้าต้องขออภัยแทนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงด้วย ที่ทำให้ท่านต้องมาประสบเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้"เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อย "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านราชครู ข้าเข้าใจดีว่าอำนาจมักจะทำให้คนตาบอด""ถูกต้อง" ท่านราชครูจ้าวพยักหน้า "เรื่องของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงนั้น ข้าได้ส่งคนไปสอบสวนแล้ว และข้าเชื่อว่าเขาจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามความผิดที่เขากระทำ"ท่านราชครูจ้าวหันไปมองหัวหน้าหมาที่ยืนอยู่ข้างๆ "หัวหน้าหมา เจ้าทำความดีความชอบในครั้งนี้ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ ให้ท่านได้รับความดีความชอบอย่างที่ควรจะได้รับ"หัวหน้าหมาก้มศีรษะด้
ชัยชนะอันหอมหวานจากการประลองรสชาติสะท้านเมืองหลวง มิได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่เหม่ยหลินและครอบครัวคาดหวัง ตรงกันข้าม มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของพายุลูกใหม่ที่โหมกระหน่ำรุนแรงกว่าเดิม แสงแห่งชื่อเสียงที่เจิดจ้าของ “เชฟเหม่ยหลิน” ส่องสว่างไปทั่วอาณาจักร ทว่าในเงามืดนั้น พลังอำนาจที่มองไม่เห็นกำลังเคลื่อนไหวอย่างลับๆความผันผวนในจวนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิง เจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใคร บัดนี้กลับถูกแม่ครัวสามัญชนหักหน้าอย่างยับเยินกลางที่สาธารณะ ความอัปยศครั้งนี้กัดกินจิตใจของเขาอย่างรุนแรง ทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์และหวาดระแวงยิ่งกว่าเดิม ทุกวันเขาจะสั่งให้คนนำอาหารของเหม่ยหลินมาให้เขากิน แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าอร่อยเลยแม้แต่คำเดียว และมักจะหาเรื่องตำหนิอย่างไม่เป็นเหตุผล“นี่มันอะไรกัน! ข้าวผัดนี่แข็งเกินไป! เจ้าคิดว่าข้าเป็นชาวนาที่กินแต่ข้าวแข็งๆ อย่างนั้นรึ!” หลี่กวงหมิงปาจานข้าวผัดลงพื้นเสียงดังลั่นในห้องอาหารของเขาพ่อครัวประจำจวนและบรรดาคนรับใช้ต่างพากันตัวสั่นงันงก พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองขณะเดียวกัน ในมุมมืดของจวน เจ้าเมืองได้ส่งคนไปสืบเรื่องราวของเหม่ยหลินอย
เช้าตรู่วันประลอง ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงยังคงมืดสลัวด้วยไอหมอกจางๆ แต่ใจกลางเมืองกลับคึกคักไปด้วยผู้คนมหาศาลที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อเป็นสักขีพยานในศึกประลองรสชาติครั้งประวัติศาสตร์นี้ ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันทำอาหารธรรมดา แต่มันคือการปะทะกันระหว่าง อำนาจ และ ความสามารถ ระหว่าง ศักดิ์ศรี ของเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ กับ ความกล้าหาญ ของแม่ครัวสามัญชนเหม่ยหลินและครอบครัวเดินทางมาถึงลานประลองที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีเวทีขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยที่นั่งสำหรับแขกผู้มีเกียรติและประชาชนทั่วไป กลิ่นหอมของเครื่องหอมปะปนกับกลิ่นไอของตลาดสดอบอวลไปทั่วบริเวณ"ท่านแม่! คนเยอะมากเลยขอรับ!" หลี่เฟยหยางเกาะแขนเหม่ยหลินแน่น ดวงตากลมโตสอดส่ายมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้นปนหวาดหวั่น"ไม่ต้องกลัวหรอกลูก" เหม่ยหลินยิ้มให้กำลังใจลูกชาย เธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่ความมุ่งมั่นในใจกลับแข็งแกร่งกว่าสิ่งใดเมื่อเดินไปถึงหลังเวที พวกเขาก็เห็นเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงยืนอยู่พร้อมกับพ่อครัวประจำจวนของเขา และชายชุดดำสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา ใบหน้าของหลี่กวงหมิงเรียบตึง แต่แววตาของเขากลับฉาย
แสงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงฉานเมื่อเหม่ยหลินกลับมาถึงบ้าน ตลอดทางกลับ เธอครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่เธอและครอบครัวต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ คำสั่งของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงเป็นดั่งดาบที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย หากเธอปฏิเสธหรือทำผิดพลาดแม้แต่น้อย ชีวิตของเธอและลูกๆ อาจตกอยู่ในอันตรายเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโถงบ้าน ใบหน้าของหลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ก็ปรากฏแก่สายตา แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและคำถาม"ท่านแม่! เป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ท่านเจ้าเมืองพูดอะไรกับท่าน?" หลี่เฟยหลงเอ่ยถามทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรนเหม่ยหลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนเจ้าเมืองให้ทุกคนฟัง ตั้งแต่คำชมเชยของหลี่กวงหมิง ข้อเสนอให้เป็นพ่อครัวประจำจวน และคำสั่งให้ส่งอาหารทุกวัน รวมถึงการบีบบังคับให้บอกสูตรอาหารบรรยากาศในห้องเงียบสงัดลงทันที ใบหน้าของทุกคนซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหลี่เฟยหลงที่กำมือแน่น ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ"ท่านเจ้าเมืองช่างบีบบังคับกันเกินไปแล้วขอรับ!" หลี่เฟยหลงเอ่ยขึ้นอย
ชัยชนะจากการประลองปัญญาครั้งนั้นส่งให้ชื่อเสียงของ เหม่ยหลิน และ ตระกูลหลี่ ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งตลาด และลามไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพูดถึง "แม่เจียงคนใหม่" ที่ไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อยเลิศ แต่ยังเฉลียวฉลาดและกล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลอย่างหัวหน้าหมาเช้าวันรุ่งขึ้น แผงขายของเหม่ยหลินไม่เพียงแค่คึกคัก แต่กลับแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวยาวเหยียด พวกเขาไม่เพียงมาซื้อ "บะหมี่เจผักรวม" และ "ซุปเห็ดหลินจือดำ" เท่านั้น แต่ยังมาเพื่อชมบารมีของเหม่ยหลินและลูก ๆ ของเธอด้วย"ท่านแม่เจียง! ข้ามาจากหมู่บ้านเจียงเป่ย! ได้ยินว่าอาหารของท่านอร่อยล้ำเลิศนัก ข้าจึงมาขอชิมด้วยตัวเอง!" ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยความเลื่อมใส"ท่านแม่เจียง! ข้าซื้อบะหมี่เจของท่านไปให้ลูกเมียกินแล้ว! พวกเขาชอบมากเลย! ขอบพระคุณท่านแม่เจียงที่ทำอาหารดี ๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้กิน!" ชาวนาอีกคนกล่าวพร้อมรอยยิ้มเหม่ยหลินยิ้มตอบรับคำชมเชยอย่างอ่อนน้อม เธอและลูก ๆ ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น หลี่เฟยหลงกับหลี่เฟยหานทำหน้าที่ตักบะหมี่และซุป ส่วนชิวลี่ฮวากับหลี่เฟยหยางก็ช่วยรับเงินและห่ออาหารด้วยความสนุกสนาน"ท่า