คำพูดของเหม่ยหลินทำให้ทุกคนในตลาดถึงกับตกตะลึง รวมถึงหัวหน้าหมาและลูกน้องของเขาด้วย
"ประลองฝีมืออย่างนั้นรึ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน!" หัวหน้าหมาหัวเราะเยาะ "เจ้าเป็นแค่แม่ครัวอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น! จะเอาอะไรมาสู้กับพวกข้า!" "ข้าไม่ได้ท้าเจ้าประลองกำลัง" เหม่ยหลินตอบ "ข้าขอท้าเจ้าประลอง...ปัญญา!" คำว่า 'ประลองปัญญา' ยิ่งทำให้ทุกคนงงไปกันใหญ่ "ประลองปัญญาอย่างนั้นรึ! ตลกสิ้นดี!" หัวหน้าหมากล่าวอย่างเยาะเย้ย "เจ้าจะประลองปัญญาอะไรกับข้า!?" "ข้าจะท้าเจ้าให้ตอบคำถามของข้าสามข้อ" เหม่ยหลินตอบอย่างมั่นใจ "หากเจ้าตอบได้ทั้งสามข้อ...ข้าจะยอมออกจากตลาดแห่งนี้ไปตลอดกาล และจะไม่กลับมาค้าขายอีก! แต่หากเจ้าตอบไม่ได้...เจ้าต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของข้า และห้ามมารังแกพวกเราอีกตลอดไป!" ข้อเสนอของเหม่ยหลินทำให้ผู้คนในตลาดต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย พวกเขาไม่เคยเห็นการประลองแบบนี้มาก่อน หัวหน้าหมาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปที่เหม่ยหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก เขาไม่คิดว่าแม่ครัวธรรมดา ๆ คนหนึ่งจะมีความรู้หรือปัญญาอะไรมากมายนัก "ได้! ข้ารับคำท้า!" หัวหน้าหมากล่าวอย่างลำพองใจ "เอาเลย! เจ้าจะถามอะไรก็ถามมา! ข้าจะตอบให้หมดทุกข้อเลย!" เหม่ยหลินยิ้มบาง ๆ เธอหันไปมองลูก ๆ ของเธอที่กำลังมองเธอด้วยความหวัง เธอรู้ว่าเธอต้องชนะการประลองครั้งนี้ให้ได้ เพื่ออนาคตของพวกเขา "คำถามข้อแรก..." เหม่ยหลินเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน "ในยุคสมัยนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านของเราหารายได้หลักมาจากอะไร?" หัวหน้าหมาหัวเราะเยาะ "ฮ่า ๆ ๆ! คำถามง่าย ๆ แบบนี้ใครก็ตอบได้! ก็ทำนาทำไร่ไงเล่า! ปลูกข้าว ปลูกผัก!" "ถูกต้อง" เหม่ยหลินตอบ พลางพยักหน้าเล็กน้อย "แล้วคำถามข้อที่สอง...ในหมู่บ้านของเรา มีใครบ้างที่ประสบปัญหาในการหาอาหารกินในแต่ละวัน?" คราวนี้หัวหน้าหมาเริ่มลังเลเล็กน้อย เขาหันไปมองลูกน้องของเขาที่กำลังสบตากัน เขาคิดว่าคำถามนี้ง่ายเกินไป "ก็คนจนไงเล่า! คนที่ไม่มีที่ดินทำกิน! คนที่ขี้เกียจทำงาน!" หัวหน้าหมาตอบอย่างไม่ใส่ใจ "ถูกต้อง" เหม่ยหลินตอบอีกครั้ง "แล้วคำถามข้อสุดท้าย...ถ้าเจ้าต้องการให้ผู้คนในหมู่บ้านของเรามีชีวิตที่ดีขึ้น มีอาหารกินอย่างเพียงพอ และมีเงินใช้จ่าย...เจ้าจะทำอย่างไร?" คราวนี้หัวหน้าหมาถึงกับนิ่งไป ใบหน้าของเขาเริ่มซีดเผือด เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เขาเป็นเพียงคนใช้กำลังและรีดไถ เขาไม่เคยสนใจความเป็นอยู่ของผู้อื่นเลย เขาพยายามคิด พยายามหาคำตอบ แต่สมองของเขากลับว่างเปล่า "เอ่อ...ข้า...ข้าไม่รู้..." หัวหน้าหมาตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วตลาด ผู้คนต่างมองมาที่หัวหน้าหมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและดูถูก "ท่านตอบไม่ได้อย่างนั้นรึ!" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ท่านเป็นผู้ดูแลตลาดแห่งนี้ แต่ท่านกลับไม่รู้ปัญหาของประชาชน และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้พวกเขาดีขึ้น!" หัวหน้าหมาถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย ลูกน้องของเขาก็พากันก้มหน้าหลบสายตาผู้คน "เจ้า...เจ้ามันเจ้าเล่ห์!" หัวหน้าหมาตะโกนขึ้นอย่างโมโห "เจ้าเล่นไม่ซื่อ!" "ข้าไม่ได้เล่นไม่ซื่อ" เหม่ยหลินตอบอย่างใจเย็น "ข้าเพียงแค่ถามในสิ่งที่ท่านควรจะรู้ และในสิ่งที่ท่านควรจะทำในฐานะผู้ดูแล" หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ ก็เดินเข้ามากลางลานตลาด "ในเมื่อหัวหน้าหมาตอบไม่ได้" หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ก็ถือว่าแม่เจียงเป็นผู้ชนะ! และหัวหน้าหมาต้องทำตามที่ตกลงกันไว้!" หัวหน้าหมาได้แต่กัดฟันแน่น เขาก้มหน้าลงด้วยความอับอาย ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องของเขาเก็บข้าวของที่ทำลายไป และเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ เสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่วตลาด ผู้คนต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับเหม่ยหลิน พวกเขาชื่นชมในความเฉลียวฉลาดและความกล้าหาญของเธอ "ท่านแม่เจียง! ท่านสุดยอดมากเลยขอรับ!" หลี่เฟยหยางตะโกนด้วยความดีใจ เขากระโดดเข้ามากอดเหม่ยหลี่แน่น "ท่านแม่...ท่านแม่เก่งที่สุดเลยขอรับ!" หลี่เฟยหลงและหลี่เฟยหานก็เข้ามาโอบกอดเธอเช่นกัน ชิวลี่ฮวาก็เข้ามาจับมือเธอด้วยความดีใจ เหม่ยหลินยิ้มอย่างมีความสุข เธอรู้ว่าเธอได้ชนะใจผู้คนในตลาดแล้ว และที่สำคัญที่สุดคือ...เธอได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูก ๆ ของเธอรุ่งอรุณหลังคืนแห่งความวุ่นวาย แสงตะวันสาดส่องเข้ามาในเรือนพักของท่านราชครูจ้าว เหม่ยหลินรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา หลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ต่างกอดเธอแน่นด้วยความโล่งใจ การปรากฏตัวของหัวหน้าหมาและท่านราชครูจ้าวราวกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งความมืดมิดท่านราชครูจ้าวนั่งลงตรงข้ามกับเหม่ยหลิน ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยความเมตตาและแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม"ท่านแม่เจียง" ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ข้าต้องขออภัยแทนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงด้วย ที่ทำให้ท่านต้องมาประสบเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้"เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อย "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านราชครู ข้าเข้าใจดีว่าอำนาจมักจะทำให้คนตาบอด""ถูกต้อง" ท่านราชครูจ้าวพยักหน้า "เรื่องของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงนั้น ข้าได้ส่งคนไปสอบสวนแล้ว และข้าเชื่อว่าเขาจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามความผิดที่เขากระทำ"ท่านราชครูจ้าวหันไปมองหัวหน้าหมาที่ยืนอยู่ข้างๆ "หัวหน้าหมา เจ้าทำความดีความชอบในครั้งนี้ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ ให้ท่านได้รับความดีความชอบอย่างที่ควรจะได้รับ"หัวหน้าหมาก้มศีรษะด้
ชัยชนะอันหอมหวานจากการประลองรสชาติสะท้านเมืองหลวง มิได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่เหม่ยหลินและครอบครัวคาดหวัง ตรงกันข้าม มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของพายุลูกใหม่ที่โหมกระหน่ำรุนแรงกว่าเดิม แสงแห่งชื่อเสียงที่เจิดจ้าของ “เชฟเหม่ยหลิน” ส่องสว่างไปทั่วอาณาจักร ทว่าในเงามืดนั้น พลังอำนาจที่มองไม่เห็นกำลังเคลื่อนไหวอย่างลับๆความผันผวนในจวนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิง เจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใคร บัดนี้กลับถูกแม่ครัวสามัญชนหักหน้าอย่างยับเยินกลางที่สาธารณะ ความอัปยศครั้งนี้กัดกินจิตใจของเขาอย่างรุนแรง ทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์และหวาดระแวงยิ่งกว่าเดิม ทุกวันเขาจะสั่งให้คนนำอาหารของเหม่ยหลินมาให้เขากิน แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าอร่อยเลยแม้แต่คำเดียว และมักจะหาเรื่องตำหนิอย่างไม่เป็นเหตุผล“นี่มันอะไรกัน! ข้าวผัดนี่แข็งเกินไป! เจ้าคิดว่าข้าเป็นชาวนาที่กินแต่ข้าวแข็งๆ อย่างนั้นรึ!” หลี่กวงหมิงปาจานข้าวผัดลงพื้นเสียงดังลั่นในห้องอาหารของเขาพ่อครัวประจำจวนและบรรดาคนรับใช้ต่างพากันตัวสั่นงันงก พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองขณะเดียวกัน ในมุมมืดของจวน เจ้าเมืองได้ส่งคนไปสืบเรื่องราวของเหม่ยหลินอย
เช้าตรู่วันประลอง ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงยังคงมืดสลัวด้วยไอหมอกจางๆ แต่ใจกลางเมืองกลับคึกคักไปด้วยผู้คนมหาศาลที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อเป็นสักขีพยานในศึกประลองรสชาติครั้งประวัติศาสตร์นี้ ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันทำอาหารธรรมดา แต่มันคือการปะทะกันระหว่าง อำนาจ และ ความสามารถ ระหว่าง ศักดิ์ศรี ของเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ กับ ความกล้าหาญ ของแม่ครัวสามัญชนเหม่ยหลินและครอบครัวเดินทางมาถึงลานประลองที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีเวทีขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยที่นั่งสำหรับแขกผู้มีเกียรติและประชาชนทั่วไป กลิ่นหอมของเครื่องหอมปะปนกับกลิ่นไอของตลาดสดอบอวลไปทั่วบริเวณ"ท่านแม่! คนเยอะมากเลยขอรับ!" หลี่เฟยหยางเกาะแขนเหม่ยหลินแน่น ดวงตากลมโตสอดส่ายมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้นปนหวาดหวั่น"ไม่ต้องกลัวหรอกลูก" เหม่ยหลินยิ้มให้กำลังใจลูกชาย เธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่ความมุ่งมั่นในใจกลับแข็งแกร่งกว่าสิ่งใดเมื่อเดินไปถึงหลังเวที พวกเขาก็เห็นเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงยืนอยู่พร้อมกับพ่อครัวประจำจวนของเขา และชายชุดดำสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา ใบหน้าของหลี่กวงหมิงเรียบตึง แต่แววตาของเขากลับฉาย
แสงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงฉานเมื่อเหม่ยหลินกลับมาถึงบ้าน ตลอดทางกลับ เธอครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่เธอและครอบครัวต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ คำสั่งของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงเป็นดั่งดาบที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย หากเธอปฏิเสธหรือทำผิดพลาดแม้แต่น้อย ชีวิตของเธอและลูกๆ อาจตกอยู่ในอันตรายเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโถงบ้าน ใบหน้าของหลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ก็ปรากฏแก่สายตา แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและคำถาม"ท่านแม่! เป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ท่านเจ้าเมืองพูดอะไรกับท่าน?" หลี่เฟยหลงเอ่ยถามทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรนเหม่ยหลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนเจ้าเมืองให้ทุกคนฟัง ตั้งแต่คำชมเชยของหลี่กวงหมิง ข้อเสนอให้เป็นพ่อครัวประจำจวน และคำสั่งให้ส่งอาหารทุกวัน รวมถึงการบีบบังคับให้บอกสูตรอาหารบรรยากาศในห้องเงียบสงัดลงทันที ใบหน้าของทุกคนซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหลี่เฟยหลงที่กำมือแน่น ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ"ท่านเจ้าเมืองช่างบีบบังคับกันเกินไปแล้วขอรับ!" หลี่เฟยหลงเอ่ยขึ้นอย
ชัยชนะจากการประลองปัญญาครั้งนั้นส่งให้ชื่อเสียงของ เหม่ยหลิน และ ตระกูลหลี่ ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งตลาด และลามไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพูดถึง "แม่เจียงคนใหม่" ที่ไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อยเลิศ แต่ยังเฉลียวฉลาดและกล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลอย่างหัวหน้าหมาเช้าวันรุ่งขึ้น แผงขายของเหม่ยหลินไม่เพียงแค่คึกคัก แต่กลับแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวยาวเหยียด พวกเขาไม่เพียงมาซื้อ "บะหมี่เจผักรวม" และ "ซุปเห็ดหลินจือดำ" เท่านั้น แต่ยังมาเพื่อชมบารมีของเหม่ยหลินและลูก ๆ ของเธอด้วย"ท่านแม่เจียง! ข้ามาจากหมู่บ้านเจียงเป่ย! ได้ยินว่าอาหารของท่านอร่อยล้ำเลิศนัก ข้าจึงมาขอชิมด้วยตัวเอง!" ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยความเลื่อมใส"ท่านแม่เจียง! ข้าซื้อบะหมี่เจของท่านไปให้ลูกเมียกินแล้ว! พวกเขาชอบมากเลย! ขอบพระคุณท่านแม่เจียงที่ทำอาหารดี ๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้กิน!" ชาวนาอีกคนกล่าวพร้อมรอยยิ้มเหม่ยหลินยิ้มตอบรับคำชมเชยอย่างอ่อนน้อม เธอและลูก ๆ ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น หลี่เฟยหลงกับหลี่เฟยหานทำหน้าที่ตักบะหมี่และซุป ส่วนชิวลี่ฮวากับหลี่เฟยหยางก็ช่วยรับเงินและห่ออาหารด้วยความสนุกสนาน"ท่า
คำพูดของเหม่ยหลินทำให้ทุกคนในตลาดถึงกับตกตะลึง รวมถึงหัวหน้าหมาและลูกน้องของเขาด้วย"ประลองฝีมืออย่างนั้นรึ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน!" หัวหน้าหมาหัวเราะเยาะ "เจ้าเป็นแค่แม่ครัวอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น! จะเอาอะไรมาสู้กับพวกข้า!""ข้าไม่ได้ท้าเจ้าประลองกำลัง" เหม่ยหลินตอบ "ข้าขอท้าเจ้าประลอง...ปัญญา!"คำว่า 'ประลองปัญญา' ยิ่งทำให้ทุกคนงงไปกันใหญ่"ประลองปัญญาอย่างนั้นรึ! ตลกสิ้นดี!" หัวหน้าหมากล่าวอย่างเยาะเย้ย "เจ้าจะประลองปัญญาอะไรกับข้า!?""ข้าจะท้าเจ้าให้ตอบคำถามของข้าสามข้อ" เหม่ยหลินตอบอย่างมั่นใจ "หากเจ้าตอบได้ทั้งสามข้อ...ข้าจะยอมออกจากตลาดแห่งนี้ไปตลอดกาล และจะไม่กลับมาค้าขายอีก! แต่หากเจ้าตอบไม่ได้...เจ้าต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของข้า และห้ามมารังแกพวกเราอีกตลอดไป!"ข้อเสนอของเหม่ยหลินทำให้ผู้คนในตลาดต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย พวกเขาไม่เคยเห็นการประลองแบบนี้มาก่อนหัวหน้าหมาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปที่เหม่ยหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก เขาไม่คิดว่าแม่ครัวธรรมดา ๆ คนหนึ่งจะมีความรู้หรือปัญญาอะไรมากมายนัก"ได้! ข้ารับคำท้า!" หัวหน้าหมากล่าวอย่างลำพองใจ "เอาเลย! เจ