ซูเว่ยหรานเดินออกไปไม่สนใจทั้งคู่ นางกำลังคิดว่าหากเข้าเมืองตอนนี้น่าจะกลับมามืด อีกอย่างกว่าจะไปถึงร้านค้าก็คงเก็บหมดแล้ว หลินเซียงเซียงที่เห็นร่างอวบอ้วนของซูเว่ยหรานเดินมาก็ยิ้มเยาะเย้ยก่อนจะแสร้งทำเป็นกล่าวด้วยถ้อยคำที่ดูมีคุณธรรมสูงส่ง ตำหนินางเรื่องที่นางทำให้นางหลิวถูกปลดและถูกขับไล่
"แม่นางซู...ข้าได้ยินมาว่าวันนี้เจ้าก่อเรื่องถึงขั้นทำให้ท่านย่าหลี่ถูกท่านปู่หลี่ปลดภรรยา อย่างไรเจ้าก็เป็นสะใภ้ เรื่องเช่นนี้สมควรทำหรือ พี่จื่อหานท่านย่าหลี่นางเองก็แก่มากแล้ว ไปอยู่สาลเจ้าร้างเช่นนั้นเกรงว่า ว่า ฮึกๆๆ ช่างน่าสงสารจริง"
ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูถูกยกขึ้นมาซับที่หางตาเบาๆ ซูเว่ยหรานมองหน้าหลินเซียงเซียงที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน มีนางคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันน่าคลื่นไส้มากกว่าน่าฟัง ชาวบ้านที่เดินผ่านมาเห็นเข้าก็คิดว่าซูเว่ยหรานหาเรื่องนางอีกแล้ว ก่อนจะเอ่ยต่อว่า
"นี่นางอ้วน เจ้าทำอะไรแม่หนูบ้านหลินอีก จื่อหานดูแลเมียเจ้าหน่อยนะ ร่างกายอ้วนเพียงนี้ยังทำตัวร้ายกาจ"
"ใช่ๆๆ ..จื่อหานอ่า...ไหนๆ ปู่เจ้าก็ปลดนางหลิวไปแล้ว เจ้าก็หย่านางอ้วนนี่เสียอีกคน บ้านเจ้าจะได้น่าอยู่ นางหนูหลินนิสัยดีเช่นนี้ย่อมต้องเป็นมารดาที่ดีแน่นอน"
"ใช่ๆๆ หย่าซูเว่ยหรานแล้วมาแต่งกับเซียงเซียงแทนเถอะ"
บรรดาชาวบ้านที่เดินผ่านต่างก็สนับสนุนให้หลี่จื่อหานหย่าร้างกับนางและไปแต่งงานกับหลินเซียงเซียงแทน ซูเว่ยหรานเจ็บแปล๊บอีกครั้ง ยายอ้วนนี้จะรักใคร่อะไรไอ้หน้าศพหิมะนี่นักหนานะ มาที่นี่ยังไม่ถึงวันเลยมีแต่เรื่องให้ปวดหัวก่อนจะ หลับตาแล้วปรับสมาธิ เมื่อปรับลมหายใจได้ก็ยิ้มให้กับชาวบ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
"แม่นางหลินเจ้าอยากแต่งงานกับสามีข้าจริงๆ หรือ มิน่าที่ผ่านมาเจ้าทั้งส่งข้าวส่งน้ำให้กับเขา บางวันก็ไปดักรอที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ช่างเถอะๆ ถ้าเจ้าอยากได้สามีคนอื่นถึงเพียงนี้ข้ายอมแพ้เจ้าก็ได้ แต่เสียดายที่ข้าไม่อาจปลดสามีได้เช่นท่านปู่หลี่ปลดนางหลิว ถ้าเช่นนั้นหลี่จื่อหานท่านก็เขียนหนังสือหย่าแล้วลงนามมาเถอะ"
"ข้ากลัวคนบางคนจะทนไม่ไหว ท่านคงไม่อยากลืมตาขึ้นมาแล้วมีคนนอนแก้ผ้าอยู่ข้างท่านอีกเป็นครั้งที่สองหรอกนะ ส่วนเรื่องลูกข้าบอกเลยว่าไม่ให้ เจ้าสองคนก็ไปทำกันเอาใหม่ ส่วนเจ้าหลินเซียวเซียงหากรอไม่ไหวอยากคบชู้ก่อนแต่งข้าก็ไม่ว่าหรอก อย่างไรชาวบ้านที่นี่ก็สนับสนุนเรื่องผิดศิลธรรมกันถึงเพียงนี้ กรงหมูคงใช้ไม่ได้กับสตรีอย่างเจ้า ใช่หรือไม่ป้าหก"
"....................."
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ชาวบ้านที่สนับสนุนให้หลี่จื่อหานหย่าซูเว่ยหรานก็ถึงกับพูดไม่ออกเป็นใบ้ในทันที ซูเว่ยหรานเดินผ่านพวกเขาไปอย่างไม่ใส่ใจ เดิมกะว่าจะไปอุดหนุนร้านป้าหกสักหน่อย ปากดีขนาดนี้อย่าได้กินเงินเจ๊เลย ยายป้าหกเป็นคนเริ่มออกความคิดให้หลี่จื่อหานหย่านาง หึ..อยู่ติดทะเลอุดมสมบูรณ์เพียงนี้ยังยากจน คอยดูเถอะแม่จะรวยอยู่คนเดียวจนพวกเจ้าได้แต่แหงนคอมองเลย ทางด้านหลินเซียงเซียงบิดผ้าเช็ดหน้าก่อนที่จะแสร้งน้ำตาหล่น นางเอ่ยน้ำเสียงสะอื้นให้ชาวบ้านเห็นใจ
"ทุกท่าน...ข้ารู้ดีว่าทุกท่านห่วงใยข้า แต่ว่าอย่างไรพี่จื่อหานก็ยังมิได้หย่าร้าง หากข้าเข้าไปแทรกกลางคงไม่ดี พี่จื่อหานข้า...ข้ารอท่านได้.."
ร่างสูงยิ้มให้นางก่อนจะเอ่ยเสียงดังฟังชัด
"หลินเซียงเซียงขอโทษนะที่ทำเจ้าเข้าใจผิด แต่ว่าข้าหลี่จื่อหานคนนี้มีภรรยาแล้ว และไม่ว่านางจะอัปลักษณ์หรืองดงาม ไม่ว่านางจะมีรูปลักษณ์เช่นไร นางก็ก็คือภรรยาของข้าหลี่จื่อหาน ส่วนเจ้าเซียงเซียง ข้าคิดว่าเจ้าเป็นน้องสาวเสมอมามิเคยเห็นเจ้าเป็นมากกว่านั้น เจ้าจงไปหาบุรุษที่ดีกว่าข้าแล้วแต่งงานออกเรือนเถอะ"
หลี่จื่อหานเอ่ยจบก็เดินตามไปทางด้านที่ซูเว่ยหรานเดินไปทันที นางไม่ใส่ใจเขาพูดเรื่องหย่าหน้าตาเฉย อีกทั้งยังคิดจะเอาลูกไปเอง เขาจำได้นางบอกว่านางจะมีสามีใหม่ หึ อ้วนก็อ้วน หน้าก็มีแต่รอบด่างดำ เขายอมรับนางก็ดีเท่าไหร่แล้ว จะมีสามีใหม่ฝันไม่ตื่นหรือไง
ซูเว่ยหรานไม่ไปซื้อของแล้ว นางเดินไปหากิ่งไม้แห้งมาเพื่อก่อไฟในห้อง นางต้องการเอาที่นอนและผ้าห่มมาผิงไฟ กว่าตะวันจะตกดินก็น่าจะหมาดจนเกือบแห้งคืนนี้อย่าน้อยก้มีห่ม พรุ่งนี้เข้าเมืองแต่เช้าไปหาซื้อก็พอ เมื่อได้ฟืนครบก็ขนไปเก็บในบ้านจากนั้นก็คว้าตะกร้าเดินขึ้นเขา ปลายยามเซินเท่านั้น หากรีบขึ้นรีบลงน่าจะคงไม่มืดเท่าไหร่ เพราะหินที่เก็บกองเอาไว้ไม่ได้ไกลบ้านมากนัก
ร่างสูงมายืนอยู่ด้านหลัง ซูเว่ยหรานกำลังก้มๆ เงยเก็บบางอย่างบนภูเขา กระทั่งเขาเดินมาใกล้แล้วนางยังไม่รู้ตัว จนเขาต้องเอ่ยเรียก
"ซูเว่ยหรานเจ้าทำอะไรอยู่ เหตุใดถึงไม่รู้ว่าข้ามา"
"เก็บดินประสิวอยู่ อย่าพูดมากถ้าว่างก็มาช่วยหน่อย เฮ้อ...ร่างนี้ก็จะอ้วนไปไหนวะ เดินสามก้าวก็หอบ เวรกรรมเจ๊หรานจริงๆ เลย" ซูเว่ยหรานนั่งลงบนโขดหินก่อนจะจับคอเสื้อตนเองกระพือไปมาเพื่อคลายร้อน หลี่จื่อหานมองดูกิริยาท่าทางที่ไม่สำรวมของนางจึงเอ่ยตำหนิ
"เจ้าทำกิริยาอันใดกัน อีกอย่างนะ มิใช่ว่าเจ้าเอาแต่ขี้เกียจกินกับนอนหรือจึงได้อ้วนเพียงนี้"
"นี่ไอ้คนแซ่หลี่ ข้าอยากตกลงกับเจ้าหน่อย บ้านเจ้ามีผู้ใหญ่มากมายแต่กลับให้ลูกข้าอายุแค่สีขวบไปรับจ้างหาเงินมาเลี้ยงดูคนแก่ซ้อมพิการ ข้าว่านะตาเฒ่าหลี่เราหย่ากันเถอะ ส่วนลูกๆ ของข้าๆ จะเอาไปด้วย"
"เจ้าต้องการหย่า อย่ามาเรียกร้องความสนใจแบบใหม่จากข้า ที่สำคัญไม่มีญาติที่ไหน และยังขี้เกียจถึงเพียงนี้ จะเอาลูกข้าไปลำบากกับเจ้าหรือ ข้าไม่ให้"
"โฮะ โฮะ โฮะ ไอ้คนแซ่หลี่ ถ้ามีญาติประสาทแดกและเห็นแก่ตัวแบบบ้านหลี่เจ้า ข้ายอมโดดเดี่ยวดีกว่า"
"นางก็ไม่อยู่แล้วเจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก"
"อย่างไรก็ยังอยู่ในหมู่บ้านมิใช่หรือ อีกอย่างมีคนอยากได้เจ้าสายตัวแทบขาดจะไม่สนองนางสักหน่อยหรือ หากนางทนคันไม่ไหว ระวังนางจะไปหาคนเกาใหม่เจ้าจะอดได้แต่งงานกับสาวงามที่สุดแห่งหมู่บ้านชาวประมงเชียวนะ งามจนข้ากินข้าวไม่ลง เหอะ..เรื่องหย่าข้าจริงจังมากนะ"
ซูเว่ยหรานเดินลงเขาไม่สนใจเขาอีก หลี่จื่อหานยืนงง เป็นนางที่วางยาเขาเพื่อได้แต่งงานเข้ามาสกุลหลี่ อยู่ๆ นึกอยากจะหย่าก็บอกหย่างั้นหรือ ส่วนซูเว่ยหรานที่ตอนนี้ไม่สนใจเขาอีกแล้ว ตอนแรกคิดว่าหย่าสามีแล้วคงลำบาก แต่หลังจากที่นับตั๋วเงินที่มีและแกะหมอนใบนั้นดูแล้ว ยายอ้วนนี่มีเงินเก็บถึงแสนตำลึง เลี้ยงเด็กสองคนคงไม่ลำบาก
ไหนๆ ก็ได้ร่างนี้มาแล้ว ถึงจะไม่ได้อยากได้นักก็เถอะ รับปากนาไปแล้วด้วยว่าจะเลี้ยงดูบุตรมั้งสองให้ แต่ที่ไม่เข้าใจคือมีเงินมากขนาดนี้แต่กลับไปลักเล็กขโมยน้อยชาวบ้าน ยายแก่หลิวนั่นเอาไปก็เข้าใจอยู่หรอก แต่มันน่าแปลกที่ร่างเดิมจำอะไรไม่ได้เลยกับเหตุการณ์ก่อนหน้า
เด็กดีใจที่ได้ชุดใหม่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ แต่เพราะเล่นจนเพลียในที่สุดก็หลับไป หลี่จื่อหานเคาะประตูเรียกคนด้านใน ซูเว่ยหรานที่กำลังคำนวณสัดส่วนของดินประสิวและเกลืออยู่ก็เงยหน้า ก่อนจะลงจากเตียงไปเปิดประตูให้เขา ร่างสูงก้าวเข้ามาก่อนจะมิงไปที่เตียงไม้ไผ่ที่ท่านปู่ของเขาทำให้นาง"เตียงเป็นอย่างไรแข็งแรงพอหรือไม่""ท่านพี่...ข้าแค่อวบไม่ได้อ้วน อีกอย่างไอ้ที่หักเมื่อวานเพราะกันเก่าและผุ ถ้าจะมาบลูลี่กันโน่นประตู""เจ้ามีคำแปลกๆมาอีกแล้ว อย่างเช่นนางชาเขียวที่วันนี้เจ้าเรียกหลินเซียงเซียงมันแปลว่าอะไรกัน""แปลว่าใช้เรียกผู้หญิงที่ชอบแสดงมารยาและโกหกให้คนเชื่อ หรือดอกบัวขาวน่ะ""นี่มัน...เป็นคำด่าที่แรงมากนะ คราวหลังอย่าเอ่ยอีก เจ้าต้องสำรวมกว่านี้ หรานหรานเรามีลูกสาวนะอย่าลืมสิ""โอ่ว...ถ้าไม่ด่าต่อหน้าลูกก็แปลว่าได้ใช่หรือไม่""เจ้านี่มัน....ช่างเถอะว่าแต่ทำอะไรอยู่""คำนวณสัดส่วนทำน้ำแข็งอยู่ว่าแต่ท่านมีอะไรหรือเปล่า ปกติหวงเนื้อหวงตัว วันนี้เข้าห้องข้าได้หรือว่าอยากทำอะไรกับข้าขึ้นมา บอกก่อนนะว่าข้าไม่ได้ใจง่าย""วันนี้เจ้าดูหงุดหงิด""อืม..ปกติน่ะเลือดจะไปลมจะมา ถ้ามา
หลี่จื่อหยางหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดที่หน้าผากนาง โชคดีที่หินก้อนไม่ใหญ่และจูต้าเป่าก็ไม่ได้แรงมากนัก เขามองใบหน้านางก่อนจะเอ่ยถาม"เจ็บมากไหมหรานหราน ขอโทษที่ไม่ได้ปกป้องเจ้า ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนั่นจะกล้าลงมือ""ถูกเลี้ยงมาแบบผิดๆตามใจจนเสียคน วันนี้ยังกล้าทำร้ายคนวันหน้าคงหยิบดาบฆ่าคน ที่รู้ๆคงเป็นข้าคนแรกที่เจ้าเด็กนั่นอยากฆ่าล่ะมั้ง จริงสิท่านพี่ ท่านว่าข้าเฉือนเจ้าเด็กนั่นก่อนเลยดีไหมจะได้ไม่ต้องให้ศัตรูเติบโต เฮ้อ..ข้าเตือนนางแล้วว่าอย่าให้ข้าหมดความอดทนเรื่องของนางข้ารู้มากกว่าที่นางคิดเสียอีก แต่นางโคมเขียวนั่นไม่ฟังคำเตือนข้าเอง""ต้าเป่าหากไม่มีคนรับเลี้ยงคงถูกส่งไปบ้านหลิวอ้าวนั่นแหละ อย่างไรก็เป็นบิดา""ข้าจะเขียนคำร้องฟ้องว่าเขาเป็นโจรถ่อย หลิวอ้าวเป็นโจรคอยปล้นบ้านคนอื่น ข้าต้องการให้มันชดใช้ ส่วนจูต้าเป่าคนนั้นไม่ได้อยู่บ้านหลินอ้าวหรอกเชื่อข้าเถอะ ที่สำคัญอยู่ให้ถึงตอนโตก็แล้วกัน หากยังไม่แก้นิสัยเสียๆอาจไม่ได้อยู่จนเติบใหญ่ ข้าจะทำให้ยายแก่นั่นถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน หลิวเหอไม่มีคนคอยดูแล ต้าเป่าอย่างน้อยก็ตักน้ำตัดฟืนได้ยายแก่ไม่ยอมตายนั่
เกวียนวัวค่อยๆเคลื่อนเข้ามาตามทางกลับหมู่บ้าน ซูเว่ยหรานที่หลับไม่ลงเพราะเกวียนตกหลุมบ้าง สะดุดก้อนหินบ้าง สายตาของนางมองตามสองข้างทางที่นี่สวยงามมากนัก ตอนไปท้องฟ้ายังมืดเลยไม่เป็นทิวทัศน์ข้างทาง มีดอกผักบุ้งสีม่วงและขาวเลื้อยตามทาง แม้ว่าจะกินไม่ได้แต่ให้ความสวยงาม นางนั่งชันเข่าข้อศอกเท้าอยู่ที่หัวเข่าสองข้าง สองมือประคองใบหน้าทอดสายตามองไป ก่อนจะถอนหายใจเอ่ยเบาๆ"ชีวิตคนเราจะว่าไปก็ตลกดี...ใครจะคิดว่าแค่เหยียบเบรกจะพลิกผันขนาดนี้ เฮ้อ ซูเว่ยหรานหล่อนก็ใจบุญนี่นา ทำไมเวรกรรมถึงยังทำงานมาเจอหล่อนได้กันนะ"หลี่จื่อหานหันมามองคนข้างๆ นางแนบใบหน้าไปกับฝ่ามือ สายตาทอดมองไร้จุดหมาย ดูเหมือนนางจะมีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก คำพูดบางคำเขาไม่เข้าใจ แต่ได้ยินว่านางป่วยหนักอยู่ครั้งหนึ่งเกือบไม่รอด ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมานางก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง เขากำลังจะเอ่ยถามนางแต่กลับเป็นนางเอ่ยถามมาเสียก่อน"นี่..คนแซ่หลี่..ข้าอยากรู้เรื่องตัวเองท่านเล่าให้ฟังหน่อยได้หรือไม่""ซู เว่ย หราน" หลี่จื่อหานเอ่ยเรียวเสียงเข้ม นางรู้ตัวทันทีว่าพลาดอีกแล้วจึงเรียกขานเขาเสียใหม่"ห๊า อ่ะ เอ่อ....ท่าน
ซูเว่ยหรานกับหลี่จือหานมาจนถึงร้านตีเหล็ก เมื่อเห็นเกวียนมาจากหน้าร้านเถ้าแก่ก็ทักทายเขาทันทีเพราะว่าคุ้นเคยกันมา"จื่อหานมาแล้วหรือ วันนี้จะสั่งทำอะไรดีล่ะ""ข้าอยากสั่งทำถังเหล็กขอรับกับถาดเหล็ก""หืม ถังเหล็กหรือ นั่นต้องใช้แร่เหล็กไม่น้อย ราคาแพงน่าดูเลยเชียวนะ""ท่านบอกราคามาเถอะ ข้ายินดีจ่าย"ถังเปียวพยักหน้าให้เขาก่อนจะเอ่ยถามหาแบบร่าง"มีแบบร่างมาหรือไม่""อ้อ..สักครู่นะขอรับท่านพี่ถัง หรานหรานเถ้าแก่ถังถามว่าเจ้ามีแบบร่างหรือไม่"ซูเว่ยหรานที่กำลังมองไปยังตรอกเล็กตรอกน้อยเพื่อดูลู่ทางทำกินเมื่อได้ยินเขาเอ่ยเรียก็หันกลับมาก่อจะพยักหน้าแล้วลงจากเกวียน"ท่านมีกระดาษกับปากกาหรือไม่ข้าจะวาดให้""เอ่อ น้องจื่อหานนางคือ....""นางชื่อเว่ยหรานเป็นภรรยาของข้าน่ะพี่ถัง""ห๊ะ ห๊า อ่ะ อ้อๆๆ เอ่อ น้องสะใภ้กระดาษเรามีแต่ว่าปากกาคืออะไรหรือ ข้ามิรู้จักและมิเคยได้ยิน""แล้วดินสอเล่ามีไหม"เถ้าแก่ส่ายหน้ารวมถึงลูกน้องในโรงตีเหล็กก็มองหน้ากัน นางอ้วนขนาดนี้แต่สามีกลับรูปงามหล่อเหลา ดูอย่างไรก็ไม่สมกันเอาเสียเลย แต่หลี่จื่อหานก้ไม่ได้รังเกียจนาง ดูแล้วเขาคงชอบของแปลก เมื่อ
หลี่จื่อหานจูงมือซูเว่ยหรานเดินกลับบ้าน นิ้วมือของทั้งคู่ประสานกัน ฝ่ามือของเขาอบอุ่นมากนัก ซูเว่ยหรานรู้สึกอุ่นใจ แต่อีกจิตสำนึกนางเพิ่งมาที่นี่วันแรก ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเขาทำอย่างไรกับร่างเดิมบ้างความทรงจำของซูเว่ยหรานคนเดิมมีบางช่วงหายไป ซูเว่ยหรานค่อยๆ บิดมือออกจากมือเขาช้าๆ หลี่จื่อหานหยุดเดินหันไปมองคนข้างๆ ก่อนจะเอ่ยถามนาง"ทำไม....เจ้ารังเกียจข้ามากนักหรือ""คือ..ไม่ใช่แต่ว่าข้า...ข้าไม่ชินน่ะ ปกติท่านไม่เคยสนิทกับข้า เอ่อ ถึงบ้านแล้วข้าไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมืองข้าไม่มีผ้าห่มกับที่นอน เอ่อ..ฝันดี กุ๊ดไนท์นะตาทึ่ม"ร่างหนาเดินเข้าบ้านไปแล้ว หลี่จื่อหานยืนงง กู๊ดไนท์หรือมันแปลว่าอะไร ตาทึ่มหรือ นี่นางหลอกด่าเขาอีกแล้วใช่ไหม ซูเว่ยหรานสตรีอัปลักษณ์น่าตายนี่ เมื่อโมโหคนที่เดินจากไปแต่ทำอะไรนางไม่ได้หลี่จื่อหานก็ปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้าบ้านซูเว่ยหรานจุดไฟเพื่อเอาที่นอนมาผิง พื้นที่ใช้ไม้ไผ่ทั้งลำมาเรียงต่อๆ กันนั้นมันเป็นคลื่นๆ จะสับฟากปูทับก็เวลาไม่พอ ซูเว่ยหรานนำหมอนใบเดียวที่ไม่ได้ซักมาหนุน กองไฟลุกโชนแต่ก็ไม่อาจอุ่นได้เท่ากับผ้าห่มก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังมา น
เมื่อชาวบ้านหันหัวเรือไปที่นางหลิวซูเว่ยหรานก็ยิ้มพอใจแต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น มืออวบอ้วนปล่อยร่างหญิงชราลงไปกอง หลี่จื่อหานที่เดินตามมาถึงกับไปไม่เป็น เมียเขาฉลาดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกว่าตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมาเมื่อเช้าจนถึงตอนนี้ราวกับเขาได้เมียใหม่อย่างไรอย่างนั้นเลยเชียว เสียวของซูเว่ยหรานยังคงร้องไห้รำพันต่อเนื่อง นางหันไปทางป้าหกก่อนจะคลานเข่าไปอย่างยากลำบากจับชายผ้านางเอาไว้แล้วเริ่มขอความเห็นใจ"ป้าหก..ข้ามิได้เลวร้าย ข้าไม่เคยหยิกหรือตีลูกตนเองสักครั้งลูกใครๆ ก็รัก เป็นนางที่ตบตีลูกๆ ของข้าแล้วมาใส่ร้ายกับท่าน เพราะว่าท่านนั่นเป็นสตรีปากมาก จุ้นจ้านเรื่องชาวบ้านงานการไม่ทำ เมื่อออกจากปากท่านมันก็แพร่วงกว้าง ทั้งที่จริงๆ แล้วยายแก่ใจร้ายกับบุตรสาวนางหลิวถงเป็นคนตบตีลูกๆ ของข้า ฮือๆๆๆ ท่านปู่เฉียว ป้าหกมักจะแอบมาขอเสบียงที่บ้านข้าบ่อยๆ หรือว่านางกับนางหลิวจะร่วมมือกันเพื่อให้ข้าถูกหย่า วันนี้นางยังยุยงให้ท่านพี่หย่าข้าเพื่อไปแต่งงานกับหลินเซียงเซียง ให้แม่นางน้อยหลินมาเป็นแม่เลี้ยงลูกๆ ข้า ฮือๆๆๆ""ทุกคนที่นี่รังเกียจที่ข้าแต่งกับท่านพี่โดยวิธีการมิชอบ แต่กลับยอมให้สตรีคน