LOGIN
แคว้นต้าเป่ย
หมู่บ้านชาวประมง
ซูเว่ยหรานที่ตอนนี้พยายามลืมเปลือกตาที่หนักอึ้ง กำลังจะลุกก็รู้สึกแปลกไป ลุกไม่ไหวราวกับมีอะไรมาฉุดเอาไว้ ก่อนเอามือกุมขมับสองข้าง ความทรงจำบางอย่างไหลเข้ามาราวกับเธอกำลังดาวโหลดข้อมูลใส่เมมโมรี่การ์ด
ในความทรงจำภาพสตรีโบราณอ้วนฉุคนหนึ่งที่ถูกวางยาให้หลับนอนผู้ชายคนหนึ่งและหลับนอนกับเขา จากนั้นเขาก็แต่งงานกับเธอ ต่อมาไม่นานก็คลอดลูกฝาแฝดชายหญิงออกมา แต่ยายอ้วนนี่ร้ายกาจมากนัก ชอบตบตีขโมยของจนเป็นที่รังเกียจและเอือมระอาแก่ชาวบ้านในหมู่บ้าน แต่ว่าความร้ายกาจของยายนี่ก็มีสาเหตุมีที่มา
เมื่อรวมรวมทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาสำรวจตัวเอง เธอหยิบกระจกทองเหลือที่เหลือเพียงเศษมาส่องดูใบหน้าถึงรู้ว่า เธอได้ตื่นขึ้นมาในร่างที่อ้วนฉุ ผิวพรรณหยาบกร้าน และใบหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำของสตรีคนนั้น
จากการประมวลผล นี่คือร่างของ ซูเว่ยหรานที่มีชื่อแซ่เดียวกับเธอ สตรีอ้วนอัปลักษณ์และร้ายกาจแห่งหมู่บ้านชาวประมง เธอทะลุมิติมายังโลกอดีต ซูเว่ยหรานหมดแรงจะถือกระจก แขนสองข้างทิ้งลงข้างลำตัวอย่างท้อแท้เอ่ยรำพึงรำพัน
"ฮือๆ..พระเจ้าท่านทอดทิ้งลูกช้างหรือเจ้าคะ ทำไมไม่ไปอยู่จวนขุนนางหรือบ้านเศรษฐี ทำไมต้องมาอยู่บ้านชาวประมงยากจนที่แทบไม่มีอะไรกินด้วย อีกทั้งยายนี่อ้วนจนเกือบจะร้อยโลได้กระมัง ฮือๆๆ สวรรค์ไม่มีจริง ฉันทำดีมาตลอดเลยนะ ฮือๆๆๆ"
ซูเว่ยหรานโอดครวญอยู่พักใหญ่ก่อนจะพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ของตน เธอค้นพบว่าร่างเดิมของซูเว่ยหรานคนนี้นั้นไม่ได้เป็นที่รักของใครเลย นอกจากความอัปลักษณ์และนิสัยเกเรแล้ว ซูเว่ยหรานคนนี้ยังก่อเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่า
นางกับสามีร่างเดิมมีสัมพันธ์กันเพียงคืนนั้นคืนเดียวกลับมำให้นางกับเขามีบุตรด้วยกันถึงสองคน ซึ่งเด็กทั้งสองคนนี้กลับถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมและใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
"โอ๊ย....เจ๊ อยากตายอีกรอบ ยายหมูตอนเธอนี่มันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ แล้วทำไมฉันต้องมารับกรรมด้วย แต่ก่อนยายนี่ก็พอดูได้อยู่หรอก แต่พอคลอดลูกก็เอาแต่ขี้เกียจกินกับนอนเลยอ้วนยังหมูรอเชือดตอนตรุษจีน"
เมื่อนึกถึงสาเหตที่ทำให้ร่างเดิมตาย เมื่อวานฝนตกลมแรง ชาวบ้านออกไปเก็บอวนและทิ้งสมอเรือเพราะกลัวว่าเรือจะลอยออกทะเลไปไกล เรือคือสมบัติล้ำค่าของชาวประมง ทุกคนช่วยกันแต่สามีนางยังไม่กลับมา ทุกคนจึงออกไปตามทว่าซูเว่ยหรานคนนี้กลับขี้เกียจไม่ยอมไปช่วย
ยายแก่หลิวย่าเลี้ยงของหลลี่จื่อหานเลยเอามาเป็นข้ออ้างหาว่านางเป็นตัวซวยทำให้สามีตายจึงลงมือทุบตีจนนางสลบไป เพราะน้ำหนักมากจึงทำให้วิ่งหนีไม่ทัน ร่างเดิมจากไปเพราะถูกตีเข้าจุดสำคัญจนเธอได้เข้ามาอยู่แทน
"ยายหมูตอน เธอควรตอบแทนอะไรฉันบ้างนะที่ฉันต้องมาลำบากในร่างที่วีรกรรมร้ายกาจสุดแสนจะบรรยายอย่างเธอเนี่ย"
ซูเว่ยหรานยกกระจกทองเหลืองขึ้มาดูตัวเองอีกครั้ง สายตายังคงจ้องมองภาพสะท้อนในกระจกทองเหลืองด้วยความไม่เชื่อ ร่างอ้วนฉุและใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยด่างดำนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกแยกอย่างรุนแรง เธอพยายามนึกถึงความทรงจำของ ซูเว่ยหราน ร่างเดิมที่เธอเข้ามาสวมรอย
ซูเว่ยหรานคนเก่าเป็นสตรีที่เอาแต่ใจและเกียจคร้าน มักจะสร้างเรื่องเดือดร้อนอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับครอบครัวของสามีขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิด เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ครืดดดด....ร่างอวบอ้วนหันขวับไปมอง นางพบกับหญิงวัยประมาณห้าสิบปีคนๆหนึ่งที่ส่งเสียงมาก่อนตัวเสียอีก
"ตื่นแล้วหรือนางหมูตอน....เจ้ายังไม่ตายอีกรึ!"
เสียงแหลมสูงของนางหลิวดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ ซูเว่ยหรานเดาได้ทันทีว่านี่คือนางหลิวซื่อย่าเลี้ยงของสามีร่างเดิม เสียงแหลมบาดหูนั่นช่างน่ารำคาญยิ่งนัก นางหลิวยังคงตวาดใส่หลานสะใภ้ไม่หยุด
"ยังจะมานอนเหมือนหมูตายอยู่อีก ไม่ไปหุงหาอาหาร คิดว่านอนอืดอยู่บนเตียงแล้วจะมีข้าวกินเองรึ!"
นางหลิวส่งเสียงตวาดลั่นบ้าน ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโมโห สายตาที่มองมาที่ซูเว่ยหรานเต็มไปด้วย ความรังเกียจอย่างชัดเจน ซูเว่ยหรานอึ้งไปชั่วขณะ เธอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิตอยู่ๆมีคนมาตวาดใส่ด่าหยาบคาย และการถูกด่าทอด้วยคำพูดที่รุนแรงเช่นนี้ แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมคน อีกทั้งยังมีประสบการณ์จากการเป็นเจ้าของมินิมาร์ทที่ต้องรับมือกับลูกค้าสารพัดแบบมาก่อน ทำให้เธอตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
ร่างเดิมตอนที่แต่งงานมาใหม่ๆก็ไม่ได้ร้ายกาจ จนกระทั่งนางคลอดคู่แฝดนางหลิวอาศัยตอนที่หลี่จื่อหานไม่อยู่บังคับให้นางออกเดือนมาทำงานบ้าน ซูเว่ยหรานที่แต่เดิมบิดารัดดุจแก้วตาดวงใจ ถูกวางยาจนเสื่อมเสียและต้องมาแต่งงานกับชาวประมง จนวันหนึ่งบังเอิญได้เห็นหลี่ถงหรือหลิวถงลูกติดนางหลิวพูดคยกับบัณฑิตคนหนึ่งซูเว่ยหรานจึงรู้ว่าคนที่วางยาหลี่จื่อไหานทำให้นางต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้คือหลิวถง
ใบหน้าที่อัปลักษณ์อาจเพราะนางไม่ได้อยู่เดือนเต็มที่ คลอดบุตรออกมาได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ถูกยายแก่นี่ลากออกมาบังคับให้ทำงาน ซูเว่ยหรานจึงเริ่มต่อต้านและร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ นางร้ายกาจจนไม่มีใครกล้าเข้าใหล้ บางครั้งก็ตบตีกับหลี่ถงที่ชอบยั่วยุและถากถาง บางครั้งก็ตบตีกับแม่เฒ่าหลิวแต่นยางไม่ค่อยชนะเท่าไหร่เพราะอ้วนเกินไปมักเสียเปรียบ
ซูเว่ยหรานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความไม่พอใจ ดวงตาเรียวเล็กภายใต้ใบหน้าอวบอ้วนจ้องกลับไปที่ย่าสามีอย่างไม่ยอมแพ้ ร้ายมาร้ายกลับสิไหนๆยายเจ้าของร่างนี่ก็ไม่ใช่คนดีแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนยายแก่นี้ก็แค่ย่าเลี้ยงไม่ใช่ย่าจริงๆเสียหน่อย เธอจึงเอ่ยตอกกลับไปอีกอย่างไม่หวั่นเกรง
"เจ้าไม่เห็นรึว่าข้ากำลังป่วยอยู่ เงินที่สามีข้าหามาก็ถูกยายแก่อย่างเจ้ายึดเอาไป แม้แต่จะซื้อยาให้ข้ายังไม่มี นี่ยายเฒ่าจะใช้งานคนอื่นก็หัดใช้คำพูดกับน้ำเสียงให้มันดีๆ”
"นางขี้ครอก แต่งากินอยู่บ้านคนอื่นมือไม่พาย งานการไม่ขยับสักนิด แกมันนางตัวไร้ค่า"
ซูเว่ยหรานที่ไม่จำเป็นต้องทำดีกับยายแก่นี่แต่อย่างใด เพราะปกติร่างเดิมก็ไม่ได้เคาระยายแก่นี่อยู่แล้วจึงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงความรำคาญ
"ยายแก่หลิว...คนป่วยน่ะนะ ควรจะได้พักผ่อนนอนให้เพียงพอ ไม่ใช่มานั่งฟังคนแก่ไม่มีมารยาทคอยโหวกเหวกโวยวายข้างหูน่ารำคาญ"
ฮ่องเต้ประกาศสละราชสมบัติเรียบร้อยแล้ว ทรงให้รัชทายาทครองราชย์ต่อจากพระองค์ในอีกสามปีข้างหน้า แม้ว่ารัชทายาทและขุนนางจะคัดค้านเพราะฮ่องเต้ยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงแต่ทว่าทรงมีพระปณิธานแน่วแน่ทุกคนจึงไม่อาจเปลี่ยนพระทัยได้ทรงประกาศสละราชย์ทันทีที่รัชทายาทและพระชายากลับมาจากไปท่องเที่ยวและแวะไปขอบคุณใต้ซือหยวนคงได้เดือนกว่า ขณะนี้ผ่านมาสองปีแล้ว คู่แฝดอายุเก้าขวบย่างสิบขวบ แฝดสามได้สองขวบกว่า พระชายาทรงคลอดท่านหญิงหลังจากกลับมาจากไปเที่ยว และยามนี้ท่านหญิงสามอายุหนึ่งขวบสิบเดือนส่วนพระชายากำลังทรงพระครรภ์อีกครั้งได้สองเดือนแล้วเหลือเวลาอีกไม่กี่วันรัชทายาทจะต้องขึ้นครองราชย์แทนฮ่องเต้ เซียวฉู่หรานก็ขึ้นเป็นฮองเฮา เนื่องจากรัชทายาทมีพระทัยตั้งมั่นไม่รับสตรีเพิ่ม วังหลังจึงสงบสุขเสมอมาไม่มีเรื่องให้กวนใจแม้ว่าจะมีขุนนางบางคนที่ไม่ยอมแพ้บ้างก็ส่งบุตรสาวหลานสาวเข้ามาเป็นนางใน บางวคนก้ใช้เล่ห์เพื่อที่จะได้ขึ้นเตียงกับองค์รัชทายาท แต่กลับไม่เคยทำสำเร็จ สองสามีภรรยามีบทเรียนจากตอนที่หลิวถงร่วมมือกับนางหลิววางยาพวกเขามาแล้ว วิธีการต่ำช้าเหล่านั้นจึงไม่สามารถทำได้ครั้งที่สองยามนี้รัชทายาทไ
ภายในห้องหอเซียวฉู่หรานอาบน้ำผลัดอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว ยามนี้ภายใต้ผ้าห่มนวมผืนหนา นางอยู่ภายใต้อาภรณ์บางเบาที่สวมแล้วให้แลเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งและเรือนร่างเย้ายวน เรือนผมถูกปล่อยสยายเซียวฉู่หรานนอนตะแคงอยู่บนเตียงรอเจ้าบ่าวกลับมาเสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา เจ้าสาวหมาดๆเฝ้ามองไปยังประตู ได้ยินเสียงเขาสั่งให้บ่าวไพร่ถอยออกไปให้ห่าง กระทั่งประตูเปิดออก ร่างสูงในชุดเจ้าบ่าวเดินเข้ามา แสงตะเกียงส่องกระทบราวกับเซียนหนุ่มกำลังเยื้องกรายแปะ แปะ แปะ เซียวฉู่หรานตบลงข้างๆ ตัวเป็นเชิงสัญลักษณ์ให้เจ้าบ่าวของนางมานั่งลงข้างๆ นางลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอามือเท้าไปด้านหลัง ชันขาขึ้นมาหนึ่งข้าง ชายกระโปรงร่นลงมาจนเห็นโคนขาขาวผ่องเสื่อตัวบางที่ปิดอะไรแทบไม่มิดนั้นสาบเสื้อเป็นเพียงไส้ไก่เส้นเล็กๆ ผูกเอาไว้ ปทุมถันสองข้างอวบอัดเพราะนางเพิ่งผ่านการคลอดบุตรมา จ้าวจื่อหานที่ดื่มมาพอควรเลือดหนุ่มสูบฉีดเมื่อเห็นภาพเย้วยวนตรงหน้าเขาเดินมานั่งลงบนเตียง โน้มตัวไปด้านหน้าเท้าแขนคร่อมนางเอาไว้ มือหนาอีกข้างลูบตั้งแต่ข้อเท้าเล็กเลื่อนขึ้นมาจนถึงโคนขาอ่อนนุ่ม เซียวฉู่หรานครางออกมา ก่อนที่คนตัวโตจะกอบกุมความอวบอิ่มเคล้น
เสียงบรรเลงมโหรีดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง ขบวนรับเจ้าสาวยิ่งใหญ่ตัวเกี้ยวทำจาก ไม้จันทน์หอม เนื้อดีที่หายาก หรือไม้เนื้อแข็งชั้นเลิศ ตัวเกี้ยวมีขนาดใหญ่โอ่อ่ากว่าเกี้ยวทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด พื้นผิวถูกเคลือบด้วย สีแดงชาดเข้ม ซึ่งเป็นสีมงคลสูงสุดสำหรับงานอภิเษกสมรสและประดับตกแต่งด้วย ทองคำเปลวบริสุทธิ์ จนเปล่งประกายทั่วทั้งเกี้ยว ตัวเกี้ยวแกะสลักเป็นรูปดอกโบตั๋นที่หมายถึงราชินีแห่งดอกไม้ ม่านของเกี้ยวเลือกใช้ผ้าไหมสีแดง ปักด้วยลวดลายสีทอง ใช้คนหามถึงสิบหกคนนับเป็นพิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนองค์รัชทายาทจ้าวจื่อหานในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดปักลวดลายมังกรด้วยด้ายสีทองอร่าม ยามเมื่ออยู่บนหลังของอาชาสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะต้องแสงพระอาทิตย์ ยิ่งทำให้รัชทายาทแห่งต้าเหยียนดูงดงามและสูงส่งราวเทพเซียน นางกำนัลในขบวนช่วยกันโปรยเหรียญอีแปะและลูกกวาดตามทางเดิน เด็กๆ และชาวบ้านแย่งกันเก็บไว้เพื่อเป็นมงคล ขบวนเคลื่อนไปตามท้องถนนจนมาถึงหน้าจวนสกุลเซียวจวนสกุลเซียวเมื่อมาถึงสกุลเซียวแล้วขันทีที่เดินนำขบวนมาก็ประกาศ"ได้ฤกษ์อันเป็นมงคลแล้ว! ขอเชิญองค์พระชายา ก้าวเข้าสู่เกี้ยวเพื่อเสด็จสู่พระราชว
จ้าวจื่อหานมองแฝดคนพี่ที่ยามนี้ใช้แซ่เซียวของท่านตาก่อนจะยิ้ม เขาเอานิ้วเขี่ยแก้มบุตรชาย สกุลเซียวไร้ผู้สืบทอดฝ่าบาททรงเห็นใจในชะตาและทอดพระเนตรเห็นความจงรักภักดีของสกุลเซียวมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จึงพระราชทานบุตรชายคนที่สองของเขาให้ใช้แซ่เซียวสืบทอดสกุลมารดา เซียวอี้ให้ยินดีอย่างมาก อย่างน้อยสกุลเซียวก็ไม่สิ้นไร้ผู้สืบสกุลในยุคของเขาช่างเป็นพระเมตตายิ่งนัก เขาจำได้ดีถึงพระเมตตาในวันนั้น"เซียวอี้..สกุลเซียวของเจ้าจงรักภักดีมาตลอด ปกป้องราชวงศ์จนกระทั่งสกุลล่มสลายเราจึงอยากตอบแทนเจ้าสักครั้ง""ฝ่าบาท...กระหม่อมมิได้หวังอันใด ขอแค่พระองค์ทรงอยู่รอดปลอดภัยกลับมาปกครองแว่นแคว้นได้อย่างที่อดีตฮ่องเต้ทรงตั้งพระทัยก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ""เอาล่ะ ท่านกลับไปรอฟังข่าวที่บ้านเถอะ"จากที่ทรงรับสั่งในวันนั้นวันต่อมาฉางกงกงก็มาประกาศราชโองการแต่งตั้งท่านชายรองจ้าวจื่อหลิงเป็นผู้สืบทอดสกุลเซียวของพระมารดา เซียวอี้ยังจำได้ดีตอนที่เขายื่นมือไปรับราชโองการ เขาถึงกับหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมา ฝ่าบาททรงมีพระเมตตายิ่งนัก รัชทายาทเองก็ยินดีที่จะให้สายพระโลหิตสืบทอดสกุลเซียวของเขาอย่างไม่เกี่ยงงอน เมื่อเซียวจื่อ
หลังจากประชุมเรียบร้อยจ้าวจื่อหานก็ตรงกลับจวนนอกเมือง ส่วนซูหานนั้นกลับไปรับหลี่เย่าฟางเพื่อจะไปเยี่ยมบุตรสาวเช่นกัน พ่อตากับบุตรเขยจึงไปทางเดียวกัน ขุนนางหลายๆ คนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้สตรีเรียนหนังสือยังไม่รู้ว่ายามนี้ที่บ้านของพวกเขากำลังมีการเปลี่ยนแปลงสองเดือนก่อนหน้าพระชายาได้ส่งคนไปสอบถามความสมัครใจว่ามีคุณหนูบ้านใดหรือบุตรสาวบ้านไหนต้องการเรียนหนังสือบ้าง และมีหลายครอบครัวที่บรรดาฮูหยินและคุณหนูเหล่านั้นตอบรับและได้ทดลองเรียนไปกว่าเดือนครึ่งแล้วบทความที่ถวายฝ่าบาทเมื่อสิบวันก่อนบางบทความก็เป็นของคุณหนูเหล่านั้น บางคนมีความสามารถไม่แพ้บุรุษที่เป็นบัณฑิต บางคนมีความสามารถเหนือขุนนางด้วยซ้ำ ทั้งแนวคิดและการวางแผนเมื่อพวกเขากลับถึงบ้านก็โมโหยกใหญ่ต่อว่าต่อขานเรื่องการเปิดสำนักศึกษาหญิง ต่างวิจารณ์อย่างไม่กลัวเกรง ใต้เท้าทั้งหลายมารวมอยู่ที่จวนอำมาตย์ซ้ายกว่าสิบคน"พวกท่านว่าเราควรถวายฎีกาให้ฝ่าบาททรงพิจารณาอีกครั้งดีหรือไม่""นั่นน่ะสิขอรับท่านอำมาตย์ ไท่จื่อเฟยทรงมีความคิดอันตรายต่อบ้านเมืองเช่นนี้ได้อย่างไร มีที่ไหนให้สตรีสามารถเข้าศึกษาและเข้าสอบขุนนางได้ แค่
**ท้องพระโรง**ในท้องพระโรงยามนี้บรรดาขุนนางกำลังรอฝ่าบาทเข้าประชุมอยู่ ทรงตรัสว่าวันนี้มีเรื่องจะประกาศโดยทั่วกัน ซูหานและหลี่ต้าหยางมาด้วยกัน ซูหานจะไปรับพ่อตามาเข้าวังด้วยตนเองทุกวัน ขุนนางกำลังถกเถียงกันถึงเรื่องที่ฮ่องเต้จะประกาศวันนี้"ใต้เท้าหาน ท่านว่าฝ่าบาทจะทรงประกาศเรื่องสำคัญอันใดหรือ""ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ใต้เท้าซ่งแต่ข้าว่าน่าจะเรื่องสำคัญมาก ท่านคิดว่าวันนี้จะโต้แย้งเรื่องใดหรือไม่"ใต้เท้ากัวส่ายหน้าให้กับเขา ขุนนางอีกคนจึงมาตอบแทน"ใต้เท้าหาน...ท่านอยากจะกลับไปเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านหรือ อีกอย่างบุตรสาวบุตรชายท่านเพิ่งจะอายุสิบสอง สิบสามจะมีหลานที่ไหนให้ท่านเลี้ยงกัน"เมื่อใต้เท้าอีกคนเอ่ยจบใต้เท้ากัวจึงเอ่ยเบาๆ"พวกท่านเบาๆ หน่อย หากเรื่องวันนี้เป็นแนวคิดของไท่จื่อ หรือไท่จื่อเฟย แล้วพวกเราต่อต้าน ยังจะได้ทำงานรับใช้ราชสำนักกันอยู่หรือไม่"ขุนนางทั้งหมดพยักหน้าให้กันก่อนที่ใต้เท้าซ่งจะเอ่ย"ครั้งก่อนที่ถกเถียงกันเรื่องให้ไท่จื่อรับชายารองและสนมก็ถูกกวาดออกไปเกือบยี่สิบคน หากครั้งนี้ยังหาเรื่องคัดค้านอีก ไม่แน่ว่าอาจจะถูกกวาดออกไปได้""ก็จริงอย่างที่ท่านพูด ส่วนเร







