Home / รักโบราณ / ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว / บทที่ 14 ยกเลิกสัญญาหมั้น

Share

บทที่ 14 ยกเลิกสัญญาหมั้น

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-22 22:14:13

ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดการณ์ของเฉินเจียวเจียว เมื่อนางไปถึงจวนก็มีนางข้าหลวงของเต๋อเฟยมารอนางอยู่แล้ว คนทั้งจวนก็ต่างมารอนางเช่นกัน ทั้งฮูหยินผู้เฒ่าและทุกคนในครอบครัวต่างมองนางด้วยความเป็นห่วง

“เจ้าไม่ต้องกังวล แม่จะเข้าวังไปกับเจ้า” เฉียวซื่อก้าวเท้าออกมากุมมือของเฉินเจียวเจียวเอาไว้ แต่เฉินเจียวเจียวกลับส่ายหน้าแล้วเอ่ยกระซิบเสียงเบา

“เรื่องนี้ลูกจัดการเองเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ ลูกจะต้องทวงความเป็นธรรมให้แก่ตนเองได้อย่างแน่นอน” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้เฉียวซื่อก็จ้องมองนางครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้า

“เจียวเจียว…” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก

“ท่านย่าได้โปรดวางใจนะเจ้าคะ หลานไปเพียงครู่เดียวเดี๋ยวก็กลับมาแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็พยักหน้า เฉินเจียวเหม่ยเดินนำเฉินเจียวมี่เดินตรงมาหานางด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยวแล้วเอ่ยกับเฉินเจียวเจียวด้วยสีหน้าจริงจัง

“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องชื่อเสียง และไม่ต้องกังวลเรื่องพวกข้าสองคน ไม่ได้แต่งงานไม่ถึงกับตาย แต่หากต้องใช้ชีวิตกับบุรุษที่มองเห็นว่าเจ้าเป็นของตายสำหรับเขาต่างหากที่อาจจะทำให้เจ้าทุกข์ใจจนตายได้นะ” คำพูดของเฉินเจียวเหม่ยทำให้เฉินเจียวเจียวอดหันไปมองนางด้วยดวงตาที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาจนเต็มเบ้าตา

“ข้าย่อมจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเหม่ยก็พยักหน้า ส่วนเฉินเจียวมี่เพียงแค่ส่งรอยยิ้มปลอบประโลมมาให้ นางเป็นเพียงเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งเห็นพี่สาวได้รับความไม่เป็นธรรมแม้ว่าจะแค้นใจแทนแต่ก็ไม่อาจจะทำอันใดได้นอกจากพยายามปลอบโยนพี่สาวเพียงเท่านั้น

“พวกข้าจะรอพี่หญิงกลับมานะเจ้าคะ” เฉินเจียวเจียวพยักหน้าพลางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนแล้วจึงได้หันไปทางนางข้าหลวงแล้วเอ่ยเสียงเบา

“พวกเราไปกันเถิด อย่าทำให้พระนางต้องทรงรอเลย”

“เชิญคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ” นางข้าหลวงเอ่ยด้วยสีหน้านอบน้อมแล้วเดินนำเฉินเจียวเจียวไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่หน้าจวนผิงกั๋วกง

ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นานก็ถึงวังหลวง เฉินเจียวเจียถูกเชิญให้ไปที่ตำหนักของเต๋อเฟย เมื่อเดินเข้าไปในตำหนักก็พบว่าทั้งหลี่ไท่หยางและฟางเจียอีผู้เป็นป้าสะใภ้สกุลหลินของนางกำลังยืนรอนางอยู่ก่อนแล้ว

“ถวายพระพรเต๋อเฟยเพคะ” เฉินเจียวเจียวตรงเข้าไปถวายคำนับต่อหน้าเต๋อเฟยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นางเหลือสายตาไปมองหลี่ไท่หยางครู่หนึ่งย่อกายคารวะเขาและจึงได้หันไปคารวะผู้อาวุโสอย่างฟางเจียอี

“ได้ยินว่าวันนี้เจ้าประกาศขอถอนหมั้นโซ่วอ๋องต่อหน้าผู้อื่น” เมื่อเต๋อเฟยเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็พยักหน้า

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ในเมื่อโซ่วอ๋องหมิ่นเกียรติหม่อมฉันเพื่อสตรีอื่นต่อหน้าผู้คนหม่อมฉันก็ย่อมจะตอบโต้เพคะ” คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้เต๋อเฟยปรายสายพระเนตรมองนางอย่างไม่พอพระทัย

“เจียวเจียว เรื่องในครั้งนี้เป็นป้าสะใภ้ของเจ้าผู้นี้ต่างหากที่ทำผิดต่อเจ้า ป้าดูแลคนใต้อาณัติไม่ดีทำให้ท่านอ๋องทรงไขว้เขว แต่แท้จริงแล้วท่านอ๋องนั้นยังไม่ได้ทำผิดอันใดต่อเจ้าเลย เรื่องนี้ยังไปไม่ถึงจุดที่จะนำไปสู่การแตกหักได้ เจ้าอย่าได้วู่วามทำสิ่งใดที่ทำร้ายทั้งตนเองและท่านอ๋องเลยนะ” เมื่อฟางเจียอีเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็หลุบตาลง จริงอยู่ที่ในยามนี้ยังไม่ถึงจุดแตกหักแต่ในชาติที่แล้วของนางเรื่องนี้กับดำเนินไปถึงจุดแตกหักที่ไม่อาจจะลบเลือนไปจากใจของนางได้แล้ว

“ท่านอ๋องทำจนถึงนี้แล้วท่านป้าสะใภ้ยังคิดว่าหลานวู่วามอีกหรือเจ้าคะ ท่านป้าสะใภ้รู้หรือไม่ว่าวันนี้ท่านอ๋องทำอย่างไรกับข้าบ้าง แค่เพียงได้ฟังคำพูดเพียงไม่กี่คำของชิงเหมย ท่านอ๋องก็รุดหน้าตามหาข้าเสียให้วุ่น พอรู้ว่าข้าอยู่ที่โรงน้ำชาหลิงฟางก็ทรงติดตามไปว่ากล่าวข้าต่อหน้าผู้อื่นอย่างไม่ไว้ไมตรี จริงอยู่ว่าการแต่งงานครั้งนี้ล้วนเป็นข้าที่ปีนขึ้นสู่ที่สูง แต่หากฝืนแต่งกันไปคนที่ตกจากที่สูงจนได้รับบาดเจ็บก็คงจะต้องเป็นข้า”

คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้ฟางเจียอีทอดถอนใจออกมาอย่างสะท้อนใจพลางหันไปมองเต๋อเฟยด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนัก ส่วนเต๋อเฟยที่ก่อนหน้านี้ยังคงรู้สึกขุ่นเคืองเฉินเจียวเจียวอยู่ แต่ตอนนี้คนที่ได้รับความขุ่นเคืองอย่างเต็มที่จากพระนางกลับพุ่งเป้าไปอยู่ที่โซ่วอ๋องหลี่ไท่หยาง ส่วนหลี่ถังหรูที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้างก็รีบก้มหน้าลงแล้วชื่นชมสหายของตนเองอยู่ในใจที่ประโยคเมื่อครู่นี้เฉินเจียวเจียวเลือกใช้คำพูดได้ดี

“หยางเอ๋อ แม่เคยบอกเจ้าแล้วว่าด้วยฐานะของเจ้าทำสิ่งใดให้ระมัดระวัง อย่าวู่วามอย่าหูเบา เจียวเจียวทำเช่นนี้ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะความผิดของเจ้า เจ้ารีบไปขอโทษนางเสียเรื่องในวันนี้ก็ถือว่าแล้วกันไปเถิดไม่ว่าอย่างไรสัญญาหมั้นหมายนี้เจ้าเองก็ยึดถือมาตลอด แม่เองก็มองว่าเจียวเจียวคือลูกสะใภ้ของแม่มานานแล้ว อย่าให้การหมั้นหมายในครั้งนี้ต้องยกเลิกกันไปเพียงเพราะความไม่เข้าใจกันเลย” เมื่อเต๋อเฟยทรงตรัสเช่นนี้หลี่ไท่หยางก็หันไปมองเต๋อเฟยด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“เหตุใดลูกต้องขอโทษนางด้วย คนที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอถอนหมั้นก่อนก็คือนางมิใช่หรือ ยามนี้หากจะยังอยากคงสถานะคู่หมั้นของลูกอยู่ก็ควรจะเป็นนางที่จะต้องมาขอโทษลูก” คำพูดของหลี่ไท่หยางทำให้เต๋อเฟยทรงรู้สึกปวดขมับในทันที ส่วนหลี่ถังหรูและเฉินเจียวเจียวต่างลอบสบตากันด้วยความไม่สบายใจ จนป่านนี้แล้วทางตำหนักคังหมิงยังไม่มีความเคลื่อนไหว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฮ่องเต้ไม่ได้ทรงใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หรือว่าเป็นเพราะหลี่ไท่หลงไม่คิดจะลงมือช่วยเหลือพวกนางกันแน่

“เจ้ายังกล้าพูดออกมาเช่นนี้ หยางเอ๋อเจ้ารีบขอโทษเจียวเจียวเสีย หรือจะให้แม่กำจัดสตรีที่เป็นต้นเหตุจนทำให้การหมั้นหมายของเจ้าต้องถูกยกเลิกไป” ประโยคนี้ของเต๋อเฟยทำให้หลี่ไท่หยางพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เขาหันไปมองเฉินเจียวเจียวด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อคิดว่าหากวันนี้เขาไม่ยอมทำตามความต้องการของเต๋อเฟย หลินชิงเหมยจะต้องตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่

“เจียวเจียว ข้าขอโทษ เรื่องในวันนี้เป็นข้าเองที่ผิด ข้าไม่น่าต่อว่าเจ้าต่อหน้าธารกำนัลเช่นนั้น” คำพูดของหลี่ไท่หยางทำให้เฉินเจียวเจียวรีบก้มหน้าลง ในใจก็ลอบด่าองค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงอยู่ในใจ

‘แผนของข้าจะล้มเหลวไม่เป็นท่าก็เพราะข้าคาดหวังในตัวท่านมากจนเกินไปนี่แหละ เห็นทีว่ายามนี้ข้าคงจะพึ่งพาได้แต่ตนเองเท่านั้น’ เฉินเจียวเจียวคิดพลางพยายามบีบน้ำตาออกมา แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองหลี่ไท่หยาง เขาขยับกายถอยไปก้าวหนึ่งแล้วจ้องมองดวงหน้าอันงดงามที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาด้วยความรู้สึกสับสน

“หากหม่อมฉันจะบอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจจะแต่งกับโซ่วอ๋องได้แล้วเล่าเพคะ ในเมื่อท่านอ๋องไม่มีใจ อนาคตข้างหน้าของหม่อมฉันก็คงจะต้องมีน้ำตาอาบหน้าทุกวันเป็นแน่ ขนาดยังไม่ได้แต่งก็ยังเกิดเรื่องเช่นนี้หากแต่งไปแล้วจะไม่ยิ่งย่ำแย่มากกว่านี้หรือเพคะ” ประโยคนี้เฉินเจียวเจียวเอ่ยกับเต๋อเฟยด้วยน้ำเสียงอันน่าสงสาร พระนางเพียงถอนพระปัสสาสะออกมาแล้วตรัสกับนางด้วยพระสุรเสียงอ่อนโยน

“เจ้าไม่ต้องกลัว มีข้าหนุนหลังอยู่เขาไม่มีทางรังแกเจ้าแน่ ส่วนเด็กสาวคนนั้นข้าจะจัดการนางให้เจ้าเอง” เมื่อเต๋อเฟยทรงตรัสเช่นนี้หลี่ไท่หยางก็พลันหันไปจ้องมองพระนางด้วยสายตาไม่พอใจในทันที

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับชิงเหมย เสด็จแม่หากชิงเหมยเป็นอะไรไป พิธีมงคลของลูกกับเจียวเจียวไม่มีทางเกิดขึ้นแน่” คำพูดของหลี่ไท่หยางทำให้เต๋อเฟยทรงไม่พอพระทัยจนถึงกับปาถ้วยน้ำชาตกลงไปตรงหน้าเขาในทันที

“เจ้าลูกไม่รักดี แม่ช่วยเจ้าจนถึงขั้นนี้เจ้ายังโง่เขลาจนไม่เข้าใจอีกหรือ” โทสะของพระนางทำให้คนทั้งตำหนักรีบก้มหน้าลงในทันที

“ในเมื่อเขาไม่อยากแต่งก็อย่าได้ฝืนใจเขาเลย แตงที่ฝืนเด็ดมักจะไม่หวานนะ” ฮ่องเต้หลี่เซียวหลงตรัสพลางเสด็จเข้ามาด้านในตำหนักของเต๋อเฟยโดยมีองค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงเดินติดตามเข้ามาด้วย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 72 บทส่งท้าย

    หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉินฮองเฮาจึงได้ปลีกตัวกลับตำหนักอันหนิงไปก่อนเหลือเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่ทรงเรียกน้องชายเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนพระองค์โดยมีองค์ชายทั้งสองประทับอยู่ด้วย“จนถึงยามนี้แล้วเจ้าก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือ น้องรองพระชายาของเจ้าผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้งดงาม รูปร่างก็ใหญ่โตแต่สิ่งที่นางมีเหนือผู้อื่นก็คือความจริงใจ แม้ว่าจะดุดันและไม่ช่างเอาอกเอาใจแต่เจ้าก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวและคอยคาดเดาอารมณ์ของนาง นางโกรธเจ้าก็รู้ นางโมโหเข้าก็แค่ถูกด่าหลังจากถูกโบยตีไม่กี่ทีนางก็กลับไปเป็นปกติแล้ว” หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางถอนพระปัสสาสะออกมา“ในขณะที่คนงามส่วนใหญ่กลับซับซ้อนมากกว่านั้นภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางมีความคิดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางจะคาดเดาความคิดของนางได้แน่ น้องรองเจ้าโชคดีแล้วที่ได้โม่หลันเป็นพระชายา อย่าได้คิดหาเศษหาเลยแล้วทำให้ชีวิตของตนเองต้องตกต่ำอีกเลย” เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้โซ่วอ๋องที่คุกเข่าขอรับผิดอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“เสด็จพี่! แล้วพระองค์ทรงไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือ มีคนงามมาอยู่ตรงห

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

    เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 70 เพลิงโทสะ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกไปเพียงไม่กี่วัน เฉินเจียวเจียวก็ต้องสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่จ้าวไทเฮา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เพลิงพิโรธของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ผู้เป็นราชบิดาของสามีก็ยังทำให้นางอดใจสั่นไม่ได้“เจ้าลูกเลว! หากเจ้าไม่ส่งคนไปบอกยามนี้พระนางก็คงจะยังทรงดำเนินชีวิตได้ตามปกติ” พระสุรเสียงที่ทรงตรัสออกมาทำให้เฉินเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ทางด้านข้างขององค์รัชทายาทไม่กล้าเงยหน้าขึ้น“ลูกก็แค่คิดว่าไม่ควรจะหลอกลวงพระนางอีกต่อไป”“ยังไม่สำนึกอีก! หลี่ไท่หลงนางคือเสด็จย่าของเจ้านะ นางคือแม้แท้ๆ ของข้า และก็เป็นนางที่ผลักดันจนข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จวบจนทุกวันนี้” ถ้อยคำนี้ของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์อันเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว เฉินเจียวเจียวที่ก้มหน้าอยู่อดเหลือบมองสวามีของตนเองที่ยามนี้เงยหน้าขึ้นไปทุ่มเถียงกับพระราชบิดาของตนเองไม่ได้“แต่ก็เป็นพระนางที่วางแผนปลิดชีพพระมารดาของลูก เป็นพระนางที่ยึดครองพระราชอำนาจของเสด็จพ่อไปตั้งนานหลายปี แล้วก็เป็นพระนางที่สนับสนุนสกุลจ้าวให้ทะเยอทะยานและก้าวล้างพระราชอำนาจของเสด็จพ่ออยู่หลายครั้ง ลูกเข้าใจในความรักความผูกพัน

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 69 พระชายาองค์รัชทายาท

    พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บุรุษของจวนผิงกั๋วกงเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกันอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ เฉินเจียวเจียวแต่งกายอย่างดงามสวมมงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้าที่ปักลวดลายอันวิจิตรนั่งเกี้ยวเข้าวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ การแต่งงานในชาตินี้นับว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในชาติที่แล้ว คนที่รอรับนางลงจากเกี้ยวก็ไม่ใช่คนเดิม นางจึงไม่กล้าตั้งความหวังต่อชีวิตการแต่งงานเท่าใดนัก ไม่คาดหวังก็ย่อมจะไม่ผิดหวัง เรื่องนี้นางสามารถเรียนรู้มาจากชาติที่แล้ว ในชาตินี้ชีวิตของนางจึงถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข“ฮู่ว ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันโดยไม่ต้องปีนกำแพงเสียที” องค์รัชทายาทเอ่ยหลังจากที่ใช่คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอันแวววาว แล้วจึงได้เอ่ยถ้อยคำชื่นชมออกมาอย่างที่ควรจะเป็น“เจ้างามมาก” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ฝ่าบาททรงประทานงานเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้มาร่วมงานภายในวัง แต่เพราะเขามีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาทจึงไม่ต้องออกไปคารวะสุรามงคลให้แก่ผู้ใด ยามนี้ภายในห้องหอจึงมีเพียงเขาและนางเพียงเท่านั้น

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 68 ฝันร้ายของโซ่วอ๋อง

    พิธีปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ของจวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ย่อมมีเจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการมาช่วยเหลือในการดำเนินพิธี เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าฮูหยินผู้เต็มไปด้วยโชคลาภทั้งหลายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พวกนางช่วยหวีผมให้พร้อมคำอวยพรอันเป็นมงคลปิ่นแรกที่ปักลงมาบนมวยผมคือปิ่นพระราชทานจากเฉียวกุ้ยเฟย ตามมาด้วยปิ่นของพระนางเต๋อเฟย และบรรดาพระสนมที่เฉินเจียวเจียวเคยพบ ฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลหยวนนำปิ่นมาปักลงบนมวยผมของเฉินเจียวเจียวด้วยตนเอง ต่อมาก็เป็นสตรีอาวุโสในจวนและสตรีอาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันดีกับจวนผิงกั๋วกงเมื่อเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นเฉินเจียวเจียวก็ลูกขึ้นคารวะขอบคุณอย่างเต็มพิธีการสามครั้งแล้วจึงเข้าสู่งานเลี้ยง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ที่ได้รับหน้าที่ถือพานใส่หวีและปิ่น ต่างรีบจับจูงนางกลับเรือนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีคุณหนูจากหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่าคนที่มาย่อมขาดหวังฮุ่ยหลิงและองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูไม่ได้เหตุการณ์ปราบกบฏสกุลเจ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เซียว

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 67 พบหน้า

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุขชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นไปตามยถากรรมของโลก ในเมื่อหลินชิงเหมยไม่สามารถทนรับความบอบช้ำของร่างกายไม่ไหว นางจึงได้ตายจากไปในที่สุด ในตอนที่นางจะตายนางยังเคยอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางไม่ทะเยอทะยาน หากนางไม่คิดจะร่วมมือกับสกุลจ้าวชีวิตของนางจะต้องจบลงเช่นนี้ไหม น่าเสียดายที่ต่อให้นางสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจจะทำอันใดได้แล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า การตายเช่นนี้กลับดีมากแล้ว เพราะในความฝันของนาง นางเคยต้องเผชิญกับความตายที่น่ากลัวกว่านี้ ทั้งถูกทุบตี ทั้งถูกรุมย่ำยีแถมยังถูกทารุณกรรมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน อยากตายก็ไม่ได้ตาย ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันต้องร้องไห้ทุกครั้งที่พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ การถูกโบยจนตายน่าจะเป็นการตายที่สวรรค์ปรานีสำหรับนางมากแล้ว นี่คือความคิดสุดท้ายในห้วงความนึกคิดของนาง ตอนที่โซ่วอ๋องมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของนางจึงได้เห็นว่าแม้ในยามหลับบนใบหน้าของนางก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่หลินชิงเหมยตายแล้ว โซ่วอ๋องจะทุกข์ใจหรือไม่เฉินเจียวเจียวไม่ได้ให้ความสนใจอีกแล้ว เรื่องราวในกาลก่อนราวกับ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status