Share

บทที่ 16 คนประเสริฐ

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-22 22:15:40

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากตื่นแล้วนางก็รีบตรงไปยังโถงกลางเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าในทันที ยามนี้ทุกคนภายในจวนต่างมารอพบนางนานแล้ว แม้ว่าเมื่อวานนี้นางจะบอกว่าจบเรื่องแล้วแต่ทุกคนย่อมรู้ดีว่าเรื่องราวที่เฉินเจียวเจียวต้องเผชิญเมื่อวานไม่น่าจะบอกว่าจบก็จบลงอย่างง่ายดายเช่นนั้น เพียงแต่ตอนที่เฉินเจียวเจียวกลับมาสีหน้าของนางทั้งอ่อนล้าและดูเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก พวกนางจึงพร้อมใจกันไล่ให้เฉินเจียวเจียวไปพักก่อน แน่นอนว่าเมื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่มาทั้งคืนแล้ว เช้านี้พวกนางก็คงอยากจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในวังอย่างเต็มที่แล้ว

เมื่อเดินไปถึงโถงกลางก็เป็นอย่างที่นางคิดไว้ ยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังนั่งจิบน้ำชาเพื่อรอการมาของนางโดยมีเฉียวซื่อ หวงซื่อและโม่ซื่อรออยู่ด้วยเช่นกัน ส่วนเฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่กำลังนั่งเล่นหมากรออยู่อีกด้าน แม้ว่าจะนั่งไกลออกไปแต่แน่นอนว่าเมื่อคนทางนี้เอ่ยอันใดออกมาพวกนางทั้งสองย่อมจะต้องได้ยินทุกถ้อยคำเป็นแน่ เมื่อได้เห็นท่าทีของทุกคนแล้วเฉินเจียวเจียวจึงได้แต่ทอดถอนใจออกมาแล้วนั่งลงข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วเอ่ยออกมาเสียงเบา

“เมื่อวานนี้ฝ่าบาททรงเสด็จมาที่ตำหนักของเต๋อเฟยด้วยพระองค์เองเจ้าค่ะ ทรงตรัสว่าในเมื่อโซ่วอ๋องไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง คุณหนูจากจวนผิงกั๋วกงเช่นข้าไม่ใช่คนที่จะถูกผู้อื่นเชิดไปทางนั้นทีทางนี้ทีได้ แล้วก็ทรงตรัสว่าวันหน้าฝ่าบาทจะเป็นผู้ที่หาคู่ครองให้ข้าเองเจ้าค่ะ” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็แค่นยิ้มออกมา

“สมแล้วที่เป็นฝ่าบาทตรัสออกมาแค่เพียงไม่กี่ประโยคก็สามารถคว้าเอาเรื่องการแต่งงานของเจ้าไปอยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์ได้แล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยพลางส่ายหน้า

“เช่นนั้นหากฝ่าบาททรงเลือกคู่ครองที่ย่ำแย่กว่าโซ่วอ๋องมาให้เจ้า เจ้าก็ต้องยินยอมแต่งด้วยเพราะขัดราชโองการไม่ได้เช่นนั้นหรือ” โม่ซื่อเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับส่ายหน้า

“ฝ่าบาททรงใส่พระทัยในชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีทางที่จะพระราชทานคู่แต่งงานที่ย่ำแย่กว่าโซ่วอ๋องให้เจียวเจียวเป็นแน่ เพียงแต่คนที่ฝ่าบาทเลือกอาจจะต้องเป็นคนที่สามารถทำให้ฝ่าบาททรงสามารถควบคุมกองกำลังสกุลเฉินของพวกเราให้อยู่ภายใต้พระราชอำนาจของพระองค์ได้เพียงเท่านั้น”

“ไม่ว่าอย่างไรกองทัพสกุลเฉินของพวกเราก็ไม่ได้มีจิตคิดเป็นอื่นต่อฝ่าบาทอยู่แล้ว แต่ที่น้องสะใภ้สามเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้นางคงหมายถึงคนที่มีนิสัยใจคอและมีจิตใจย่ำแย่กว่าโซ่วอ๋องมากต่างหากเล่าเจ้าคะ” เมื่อหวงซื่อเอ่ยเช่นนี้เฉียวซื่อก็พลันร้อนใจ

“ไม่ได้การ ข้าคงจะต้องเข้าวังอีกสักครั้งไม่ว่าอย่างไรก็ปล่อยให้ฝ่าบาทเลือกคนไม่เอาไหนมาเป็นคู่ครองของเจียวเจียวไม่ได้” เมื่อเฉียวซื่อเอ่ยเช่นนี้ทั้งฮูหยินผู้เฒ่าและเฉินเจียวเจียวก็เอ่ยปากห้ามปรามนางพร้อมกัน

“ไม่ต้อง/ไม่ต้องเจ้าค่ะ” เมื่อสองย่าหลานเอ่ยพร้อมกันเช่นนี้เฉียวซื่อก็พลันนิ่งไปแล้วหันไปมองคนทั้งสองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

“ในเมื่อโซ่วอ๋องเคยทำผิดต่อเจียวเจียวถึงขั้นนั้น คู่หมายของเจียวเจียวที่ฝ่าบาททรงประทานให้จะต้องทรงเลือกเฟ้นมาอย่างดีเป็นแน่ พวกเจ้าไม่ต้องกังวลหรอกฝ่าบาทไม่มีทางสร้างความบาดหมางกับจวนผิงกั๋วกงเพียงเพราะเรื่องการแต่งงานแน่ ดูจากที่ทรงออกหน้าเรื่องโซ่วอ๋องให้เจียวเจียวแล้ว ดูท่าน่าจะทรงหวาดหวั่นเรื่องกองกำลังของจวนเราอยู่ไม่น้อย เพราะฉะนั้นการแต่งงานของเจียวเจียวน่าจะเป็นการแสดงออกว่าจวนผิงกั๋วกงของพวกเราจงรักภักดีไม่มีจิตคิดเป็นอื่นต่อพระองค์” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็พยักหน้าพลางเอ่ยอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ฝ่าบาททรงไม่คิดจะไว้วางพระทัยต่อผู้ใดง่ายๆ ทุกความเคลื่อนไหวของแต่ละตำหนักน่าจะถูกรายงานให้ฝ่าบาททรงทราบเป็นแน่ หากท่านแม่เข้าไปหาเฉียวกุ้ยเฟยในยามนี้อาจจะเป็นการสร้างปัญหาให้แก่พระนางได้นะเจ้าคะ” เฉินเจียวเจียวเอ่ยพลางคิดทบทวนถึงท่าทีของฝ่าบาทที่ทรงมีต่อหลี่ถังหรูเมื่อวานนี้ ทำให้เฉินเจียวเจียวฉุกคิดได้ว่าหลี่เซียวหลงฮ่องเต้น่าจะทรงมีคนของพระองค์แฝงตัวอยู่ในแต่ละตำหนัก เฉียวกุ้ยเฟยในชาติที่แล้วดีต่อนางมิใช่น้อย แม้ว่านางจะกลายเป็นพระสุณิสาของเต๋อเฟยแล้วแต่พระนางก็ยังคงปฏิบัติต่อเฉินเจียวเจียวประดุจลูกหลาน นางจึงไม่อยากให้เรื่องของนางทำให้เฉียวกุ้ยเฟยพลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วย

“เป็นเช่นนั้นหรือ เช่นนั้นเรื่องที่แม่ไปหาพระนางในคราวนั้น…” เมื่อเฉียวซื่อเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็ส่ายหน้า

“ท่านแม่ไม่ได้ทำอันใดผิดแต่คนที่ผิดก็คือโซ่วอ๋อง ท่านแม่แค่เพียงอยากให้เฉียวกุ้ยเฟยช่วยเป็นสะพานถ่ายทอดความอยุติธรรมที่ข้าได้รับเพียงเท่านั้น” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้เฉียวซื่อก็ลอบปาดเหงื่ออยู่ในใจพลางคิดในใจว่า

‘ยามนั้นข้าชี้แนะพี่สาวอย่างไรบ้างนะ ได้ล่วงเกินฝ่าบาทไปหรือไม่’ เฉินเจียวเจียวไม่ได้สนใจสีหน้าของเฉียวซื่อ เรื่องการแก่งแย่งชิงดีในวังหลังคนอย่างหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ย่อมจะทรงเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว ขอเพียงแค่การกระทำของพวกนางไม่ส่งผลกระทบถึงราชบัลลังก์พระองค์ก็ทรงพร้อมที่จะเพิกเฉยไม่เก็บมาใส่พระทัยและทำให้บรรดาพระสนมที่ทรงโปรดปรานขัดเคืองใจด้วยเรื่องเล็กน้อย

“ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้แล้วข้าก็ทำได้แค่เพียงต้องทำใจเพียงเท่านั้น ขอแค่ฝ่าบาทเลือกคนที่นิสัยไม่ได้ย่ำแย่ข้าก็พร้อมจะสนองรับราชโองการ แต่ถ้าหากเขามีนิสัยแย่กว่าโซ่วอ๋องถึงวันนั้นข้าก็แค่ลองสู้ดูอีกสักครั้ง” คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้สตรีที่นั่งฟังอยู่ทั้งหมดต่างพร้อมใจกันพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“แม้ว่าจะไม่มีสิทธิ์เลือกสามี แต่ก็ควรจะมีสิทธิ์ได้คัดค้าน อย่าทำให้การแต่งงานกลายเป็นขุมนรกของชีวิต หากคู่หมายเป็นคนไม่สู้มิสู้อยู่เป็นสาวเทื้อแก่คาเรือนจะไม่ดีกว่าหรือ ข้าช่างโชคดียิ่งนักที่ได้สามีที่ประเสริฐเช่นนี้ ตัวไม่อยู่ก็ยังหาอนุหน้าตางดงามมาคอยปรนนิบัติพัดวีให้ข้า” โม่ซื่อเอ่ยพลางพยักหน้า ทุกคนต่างหันมองหน้ากันครู่หนึ่งแต่ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยออกมา

“...” ฮูหยินผู้เฒ่าได้แต่มองโม่ซื่อด้วยสายตาปลงตก แต่เมื่อคิดได้ว่าในเมื่อโม่ซื่อคิดได้เช่นนี้ก็ช่างเถิดบางครั้งคนเราก็มีความพึงพอใจที่ไม่เหมือนกัน

“ในเมื่อเรื่องการหมั้นหมายของเจียวเจียวเป็นเช่นนี้แล้วก็ช่างเถิด ส่วนเรื่องการหมั้นหมายของเจียวเหม่ยพวกเราก็อย่าได้วางใจ เฉียวซื่อ หวงซื่อ พวกเจ้าก็คอยช่วยน้องสะใภ้สามคัดเลือกคนที่พร้อมจะเป็นคู่ครองที่ดีให้เจียวเหม่ยก็แล้วกัน” ...คนประเสริฐแบบเจ้าสาม หากมองข้ามได้ก็ให้รีบข้ามไปเลยนะ แน่นอนว่าท้ายประโยคฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้เอ่ยออกมา แต่ทั้งเฉียวซื่อและหวงซื่อต่างเข้าใจดี

ส่วนเฉินเจียวเจียวได้แต่ยิ้มออกมาพลางจ้องมองอาสะใภ้สามของตนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความนับถือ ใช่ว่าอาสะใภ้สามจะพึงพอใจในเรื่องความเจ้าชู้ของสามี แต่เป็นเพราะนางไม่มีสิทธิ์อันใดที่จะไปห้ามปรามเขา มิสู้ตัดสินใจยอมรับไปเลยให้จบเรื่องไป ใช้ความดุดันและความห้าวหาญของตนเองกดข่มพวกนางเอาไว้ โชคดีที่ท่านอาสามไม่ใช่คนลุ่มหลงอนุจนลืมเลือนภรรยาเอก อำนาจการครองเรือนทั้งหมดล้วนยกให้โม่ซื่อทั้งหมด หากมีอนุคนใดกล้าหยามเกียรตินางเขาก็พร้อมจะลงโทษอย่างเด็ดขาดในทันที

หากเทียบกับโซ่วอ๋องผู้เป็นสามีของเฉินเจียวเจียวในชาติที่แล้วและอดีตคู่หมั้นของนางในชาตินี้ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่โม่ซื่อจะยกย่องท่านอาสามของนางว่าเขาเป็นคนประเสริฐ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 72 บทส่งท้าย

    หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉินฮองเฮาจึงได้ปลีกตัวกลับตำหนักอันหนิงไปก่อนเหลือเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่ทรงเรียกน้องชายเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนพระองค์โดยมีองค์ชายทั้งสองประทับอยู่ด้วย“จนถึงยามนี้แล้วเจ้าก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือ น้องรองพระชายาของเจ้าผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้งดงาม รูปร่างก็ใหญ่โตแต่สิ่งที่นางมีเหนือผู้อื่นก็คือความจริงใจ แม้ว่าจะดุดันและไม่ช่างเอาอกเอาใจแต่เจ้าก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวและคอยคาดเดาอารมณ์ของนาง นางโกรธเจ้าก็รู้ นางโมโหเข้าก็แค่ถูกด่าหลังจากถูกโบยตีไม่กี่ทีนางก็กลับไปเป็นปกติแล้ว” หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางถอนพระปัสสาสะออกมา“ในขณะที่คนงามส่วนใหญ่กลับซับซ้อนมากกว่านั้นภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางมีความคิดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางจะคาดเดาความคิดของนางได้แน่ น้องรองเจ้าโชคดีแล้วที่ได้โม่หลันเป็นพระชายา อย่าได้คิดหาเศษหาเลยแล้วทำให้ชีวิตของตนเองต้องตกต่ำอีกเลย” เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้โซ่วอ๋องที่คุกเข่าขอรับผิดอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“เสด็จพี่! แล้วพระองค์ทรงไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือ มีคนงามมาอยู่ตรงห

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

    เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 70 เพลิงโทสะ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกไปเพียงไม่กี่วัน เฉินเจียวเจียวก็ต้องสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่จ้าวไทเฮา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เพลิงพิโรธของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ผู้เป็นราชบิดาของสามีก็ยังทำให้นางอดใจสั่นไม่ได้“เจ้าลูกเลว! หากเจ้าไม่ส่งคนไปบอกยามนี้พระนางก็คงจะยังทรงดำเนินชีวิตได้ตามปกติ” พระสุรเสียงที่ทรงตรัสออกมาทำให้เฉินเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ทางด้านข้างขององค์รัชทายาทไม่กล้าเงยหน้าขึ้น“ลูกก็แค่คิดว่าไม่ควรจะหลอกลวงพระนางอีกต่อไป”“ยังไม่สำนึกอีก! หลี่ไท่หลงนางคือเสด็จย่าของเจ้านะ นางคือแม้แท้ๆ ของข้า และก็เป็นนางที่ผลักดันจนข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จวบจนทุกวันนี้” ถ้อยคำนี้ของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์อันเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว เฉินเจียวเจียวที่ก้มหน้าอยู่อดเหลือบมองสวามีของตนเองที่ยามนี้เงยหน้าขึ้นไปทุ่มเถียงกับพระราชบิดาของตนเองไม่ได้“แต่ก็เป็นพระนางที่วางแผนปลิดชีพพระมารดาของลูก เป็นพระนางที่ยึดครองพระราชอำนาจของเสด็จพ่อไปตั้งนานหลายปี แล้วก็เป็นพระนางที่สนับสนุนสกุลจ้าวให้ทะเยอทะยานและก้าวล้างพระราชอำนาจของเสด็จพ่ออยู่หลายครั้ง ลูกเข้าใจในความรักความผูกพัน

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 69 พระชายาองค์รัชทายาท

    พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บุรุษของจวนผิงกั๋วกงเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกันอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ เฉินเจียวเจียวแต่งกายอย่างดงามสวมมงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้าที่ปักลวดลายอันวิจิตรนั่งเกี้ยวเข้าวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ การแต่งงานในชาตินี้นับว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในชาติที่แล้ว คนที่รอรับนางลงจากเกี้ยวก็ไม่ใช่คนเดิม นางจึงไม่กล้าตั้งความหวังต่อชีวิตการแต่งงานเท่าใดนัก ไม่คาดหวังก็ย่อมจะไม่ผิดหวัง เรื่องนี้นางสามารถเรียนรู้มาจากชาติที่แล้ว ในชาตินี้ชีวิตของนางจึงถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข“ฮู่ว ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันโดยไม่ต้องปีนกำแพงเสียที” องค์รัชทายาทเอ่ยหลังจากที่ใช่คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอันแวววาว แล้วจึงได้เอ่ยถ้อยคำชื่นชมออกมาอย่างที่ควรจะเป็น“เจ้างามมาก” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ฝ่าบาททรงประทานงานเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้มาร่วมงานภายในวัง แต่เพราะเขามีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาทจึงไม่ต้องออกไปคารวะสุรามงคลให้แก่ผู้ใด ยามนี้ภายในห้องหอจึงมีเพียงเขาและนางเพียงเท่านั้น

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 68 ฝันร้ายของโซ่วอ๋อง

    พิธีปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ของจวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ย่อมมีเจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการมาช่วยเหลือในการดำเนินพิธี เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าฮูหยินผู้เต็มไปด้วยโชคลาภทั้งหลายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พวกนางช่วยหวีผมให้พร้อมคำอวยพรอันเป็นมงคลปิ่นแรกที่ปักลงมาบนมวยผมคือปิ่นพระราชทานจากเฉียวกุ้ยเฟย ตามมาด้วยปิ่นของพระนางเต๋อเฟย และบรรดาพระสนมที่เฉินเจียวเจียวเคยพบ ฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลหยวนนำปิ่นมาปักลงบนมวยผมของเฉินเจียวเจียวด้วยตนเอง ต่อมาก็เป็นสตรีอาวุโสในจวนและสตรีอาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันดีกับจวนผิงกั๋วกงเมื่อเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นเฉินเจียวเจียวก็ลูกขึ้นคารวะขอบคุณอย่างเต็มพิธีการสามครั้งแล้วจึงเข้าสู่งานเลี้ยง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ที่ได้รับหน้าที่ถือพานใส่หวีและปิ่น ต่างรีบจับจูงนางกลับเรือนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีคุณหนูจากหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่าคนที่มาย่อมขาดหวังฮุ่ยหลิงและองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูไม่ได้เหตุการณ์ปราบกบฏสกุลเจ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เซียว

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 67 พบหน้า

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุขชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นไปตามยถากรรมของโลก ในเมื่อหลินชิงเหมยไม่สามารถทนรับความบอบช้ำของร่างกายไม่ไหว นางจึงได้ตายจากไปในที่สุด ในตอนที่นางจะตายนางยังเคยอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางไม่ทะเยอทะยาน หากนางไม่คิดจะร่วมมือกับสกุลจ้าวชีวิตของนางจะต้องจบลงเช่นนี้ไหม น่าเสียดายที่ต่อให้นางสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจจะทำอันใดได้แล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า การตายเช่นนี้กลับดีมากแล้ว เพราะในความฝันของนาง นางเคยต้องเผชิญกับความตายที่น่ากลัวกว่านี้ ทั้งถูกทุบตี ทั้งถูกรุมย่ำยีแถมยังถูกทารุณกรรมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน อยากตายก็ไม่ได้ตาย ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันต้องร้องไห้ทุกครั้งที่พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ การถูกโบยจนตายน่าจะเป็นการตายที่สวรรค์ปรานีสำหรับนางมากแล้ว นี่คือความคิดสุดท้ายในห้วงความนึกคิดของนาง ตอนที่โซ่วอ๋องมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของนางจึงได้เห็นว่าแม้ในยามหลับบนใบหน้าของนางก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่หลินชิงเหมยตายแล้ว โซ่วอ๋องจะทุกข์ใจหรือไม่เฉินเจียวเจียวไม่ได้ให้ความสนใจอีกแล้ว เรื่องราวในกาลก่อนราวกับ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status