Beranda / วาย / ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด / บทที่ 5 (3/3) : ขอเป็นเพียงอดีตสหาย (3)

Share

บทที่ 5 (3/3) : ขอเป็นเพียงอดีตสหาย (3)

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-04 01:04:43

     จินเฟยหลงเมื่อเดินทางมาถึงบริเวณงานเลี้ยง เขาก็เห็นจิงเสี่ยวเจี้ยนและจิงเสี่ยวจางที่ยามนี้คนทั้งสองได้เริ่มร่ำสุรากันไปบ้างแล้ว เนื่องจากงานนี้ท่านอาจารย์ใหญ่อนุญาตให้พวกเขาสามารถนำสุราเข้ามาดื่มร่วมกันได้

     เมื่อเห็นสหายจินเฟยหลงจึงเดินตรงเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับคนทั้งสองทันที จากนั้นเขาจึงมองหาเหรินเหยียนชิง แต่เขากลับไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในบริเวณงาน

     “มาแล้วหรือ?” จิงเสี่ยวเจี้ยนเอ่ยทักสหายที่เพิ่งมาถึง

     จินเฟยหลงพยักหน้าตอบคำถามของอีกฝ่าย ก่อนจะถามหาคนที่เขากำลังมองหาอยู่

     “เหยียนชิงไม่อยู่กับพวกเจ้าหรือ?”

     “ตอนแรกก็นั่งอยู่กับพวกข้านี่ล่ะ แต่พอดีมีศิษย์น้องเข้ามาขอคุยด้วย เหยียนชิงจึงพาศิษย์น้องเดินออกไปคุยกันที่ศาลาข้างสระบัว แต่ก็คุยกันมาได้สักพักแล้วนะ” จิงเสี่ยวจางตอบพร้อมกับชี้ไปยังศาลาที่เหรินเหยียนชิงกำลังยืนคุยอยู่กับศิษย์น้อง

     จินเฟยหลงมองไปทางศาลาที่จิงเสี่ยวจางบอก ก่อนจะยกจอกสุราที่จิงเสี่ยวเจี้ยนรินวางเอาไว้ให้เขาขึ้นมาดื่ม

     “หิวหรือ?” จิงเสี่ยวเจี้ยนเอ่ยทักจินเฟยหลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายยกจอกสุราติดต่อกันไปแล้วถึงห้าจอก

     “อืม” จินเฟยหลงตอบรับคำของสหายตรงหน้า แต่สายตาของเขาก็ยังคงมองไปทางศาลาที่เหรินเหยียนชิงกำลังยืนพูดคุยอยู่กับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง แล้วเมื่อเขาเห็นว่าเหรินเหยียนชิงกำลังจะเอื้อมมือไปจับแขนของเด็กหนุ่มคนนั้น เขาก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ศาลาหลังนั้นทันที

     “เฟยหลงเจ้าจะไปไหน?” จิงเสี่ยวเจี้ยนถามขึ้น เพราะอยู่ ๆ สหายของเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทันที และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาถามด้วยซ้ำ

     “เฟยหลง” เหรินเหยียนชิงหันมาทักสหายที่เดินตรงเข้ามาหาเขาในศาลา

     “คุยกันจบหรือยัง?” จินเฟยหลงเอ่ยถามเหรินเหยียนชิง

     เด็กหนุ่มที่ขอคุยกับเหรินเหยียนชิง เมื่อเห็นจินเฟยหลงเดินเข้ามาในศาลาพร้อมกับบรรยากาศกดดัน เขาก็รีบคำนับให้กับคนทั้งคู่ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวแล้วถอยออกจากศาลาทันที

             

     “เฟยหลงเจ้ามีอะไรกับข้าหรือ?” เหรินเหยียนชิงหันกลับมาคุยกับสหาย เมื่อเห็นว่าศิษย์น้องที่เข้ามาขอแสดงความยินดีกับเขาเดินออกไปจากศาลาแล้ว

     “วันนี้เป็นงานเลี้ยงของสหาย”

     “อืม...ใช่” เหรินเหยียนชิงตอบรับคำของคนตรงหน้า

     “ข้าอยากดื่มสุรา”

     “เจ้าอยากดื่มสุรา? อาจางกับอาเจี้ยนก็นั่งดื่มกันอยู่ตรงนั้นอย่างไรล่ะ” เหรินเหยียนชิงพูดพร้อมกับชี้ไปยังโต๊ะที่สหายแฝดของพวกเขากำลังนั่งร่ำสุรากันอยู่ให้จินเฟยหลงดู แต่คนตรงหน้าก็ได้พูดขยายความในสิ่งที่เจ้าตัวต้องการจะบอกกับเขาต่อทันที

     “กับเจ้า” จินเฟยหลงพูดพร้อมกับจดจำใบหน้าของเหรินเหยียนชิง เพราะไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้เขาจะได้มีโอกาสอยู่กับคนตรงหน้าแบบนี้อีกหรือไม่

     “อยากดื่มสุรากับข้า...ได้! แต่ข้าคออ่อนนะคงดื่มกับเจ้าได้ไม่มากนัก”

     “อืม เหยียนชิงแล้วเมื่อครู่เจ้า...” จินเฟยหลงที่คิดจะถามว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายพูดคุยอะไรกับเด็กหนุ่มคนนั้น แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาไม่มีสิทธิถาม เขาจึงเงียบปากของตัวเองลงทันที

     เหรินเหยียนชิงที่กำลังเดินลงจากศาลา ก็ต้องหันกลับไปมองหน้าจินเฟยหลงเพราะเจ้าตัวเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับเขาแต่ก็ไม่ยอมพูดให้จบประโยค แล้วเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขาหันกลับไปมอง เจ้าตัวก็เร่งเดินนำเขาออกไปจากศาลาเสียอย่างนั้น จนเขาต้องรีบเดินตามอีกฝ่ายไป

     จากนั้นพวกเขาทั้งสี่คนก็นั่งร่ำสุราร่วมกับสหายคนอื่น ๆ ยาวไปจนเกือบครึ่งค่อนคืน และด้วยเพราะจิงเสี่ยวเจี้ยนกับจิงเสี่ยวจางไม่ได้พักอยู่ในสำนักศึกษาหลวง แล้วสหายแฝดคู่นี้ก็มักจะแอบหนีออกจากจวนไปนั่งร่ำสุราร่วมกับสหายด้านนอกอยู่บ่อยครั้ง เหรินเหยียนชิงจึงคิดจะปล่อยให้คนทั้งคู่นั่งร่ำสุรากับสหายคนอื่น ๆ ต่ออย่างเต็มที่ เนื่องจากวันนี้จินเฟยหลงที่ไม่รู้ว่านึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงได้ยกสุราขึ้นดื่มจอกต่อจอกอย่างไม่กลัวเมา และผลที่ได้ก็คือยามนี้เจ้าตัวเมาถึงขั้นฟุบใบหน้าลงไปแนบกับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

     เหรินเหยียนชิงจึงหันไปเอ่ยขอตัวกับสหายคนอื่น ๆ ก่อนจะเข้าไปประคองคนเมาเพื่อพากลับเรือนพักของพวกเขา

     “เฟยหลง ทำไมเจ้าต้องดื่มสุราจนเมาหนักขนาดนี้ด้วยเนี่ย” เหรินเหยียนชิงบ่นพร้อมกับเอื้อมมือไปโอบกระชับรอบเอวและจับแขนคนตัวโตให้คล้องคอของเขาเอาไว้ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะไหลลงไปกองกับพื้น ก่อนที่เขาจะพยายามลากคนเมาเดินโซเซกลับไปยังเรือนพัก

     จินเฟยหลงไม่อยากทิ้งน้ำหนักของตนเองลงไปที่คนตัวเล็กมากจนเกินไป จึงพยายามเกรงตัวเอาไว้ เพราะความจริงแล้วเขาไม่ได้เมา แต่เพราะว่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายแล้วที่ตัวเขากับเหรินเหยียนชิงจะได้พักอยู่ด้วยกัน เขาจึงอยากให้อีกฝ่ายจะหันมาดูแลและหันมาใส่ใจเขาอีกสักครั้ง ก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะต้องแยกจากกัน แล้วก็อาจจะไม่ได้เจอ ไม่ได้ใกล้ชิดกัน แบบที่ใจของเขาต้องการได้อีกต่อไป

                                           .......................................................................

     ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 8 (2/2) : หาใช่โรงเตี๊ยม! (2)

    จิงเสี่ยวจางที่รับฟังเหรินเหยียนชิงเล่าเรื่องร้านฝากขายมาได้สักพัก ในระหว่างนั้นเขาก็สังเกตได้ว่าอีกฝ่ายดูจะมีความสุขเมื่อได้พูดถึงเรื่องกิจการภายในครอบครัว จนเมื่อเขาเห็นว่าสหายน่าจะเล่าจบแล้ว เขาจึงคิดที่จะถามเรื่องครอบครัวของเจ้าตัวบ้าง เพราะเมื่อครู่เขาได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยถึงผู้เป็นบิดา แต่เมื่อวานเหรินเหยียนชิงบอกกับพวกเขาว่าเจ้าตัวอาศัยอยู่กับผู้เป็นตาในจวนตระกูลเหรินเพียงแค่สองคน แล้วก็ด้วยเพราะตอนที่อยู่ในสำนักศึกษาหลวง เจ้าตัวก็ไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวของตนเองให้พวกเขาฟังเลยสักครั้ง “เหยียนชิงข้าขอถามได้หรือไม่? แล้วตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้า...” “ได้ ท่านพ่อของข้าได้จากข้าไปแล้ว ส่วนท่านแม่...เท่าที่ข้ารู้ ยามนี้นางก็ดูมีความสุขดี เดี๋ยวก่อนกลับจวนข้าพาเจ้าแวะไปชิมขนมร้านดังในเมืองซือโฉวดีกว่า ว่าแต่ช่วงบ่ายเจ้าจะไปตรวจโรงเตี๊ยมที่ไหน? หากข้าตรวจบัญชีร้านเสร็จทันข้าอาจจะไปกับเจ้าด้วยก็ได้” เหรินเหยียนชิงตอบคำถามของสหายเท่าที่เขาพอจะตอบได้ เพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากพูดถึงเรื่

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 8 (1/2) : หาใช่โรงเตี๊ยม! (1)

    “เฟยหลงไม่ใช่ว่าเจ้าออกมาจากเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนหรอกหรือ? แล้วเหตุใดเจ้าเพิ่งจะมาถึงล่ะ?” ชิงหลวนคุนเอ่ยทักจินเฟยหลงทันที เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้องสั่งการ ซงหยวนที่เห็นจินเฟยหลงเดินเข้ามาในห้อง เขาจึงก้มลงไปคำนับให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะถอยออกไปเฝ้าหน้าห้องพร้อมกับหยงหมิน “ข้าแวะไปพักที่จวนของสหายในเมืองซือโฉวก่อนมาที่นี่” จินเฟยหลงตอบกลับอีกฝ่ายพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ “เจ้าไปพักที่จวนสหาย!” ชิงหลวนคุนแปลกใจกับคำตอบของจินเฟยหลง เพราะตั้งแต่ที่เขารู้จักกับอีกฝ่ายมา หากไม่ใช่ค่ายทหารจินเฟยหลงก็จะกลับไปพักที่จวนของตัวเอง จะมีก็เพียงแค่ในวัยเยาว์ที่อีกฝ่ายได้เข้าไปพักที่สำนักศึกษาหลวง เพราะจินเฟยหลงจะไม่ยอมเข้าพักในที่ที่เจ้าตัวไม่วางใจ แม้แต่ในยามที่พวกเขาต้องออกไปทำงานนอกเมืองด้วยกัน อีกฝ่ายก็ยังเลือกนั่งร่ำสุราแทนการหาที่พักเลย นั่นก็ด้วยเพราะตำแหน่งและอำนาจในมือของจินเฟยหลง ยิ่งในยามนี้หากไม่ระวังตัว...ก็มีแต่จะต้องแลกด้วยชีวิตของเจ้า

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 7 (2/2) : ต้องการอะไร (2)

    จินเฟยหลงเมื่อเดินเข้าไปในเรือนพักรับรอง เขาก็รีบเลือกห้องพักของตนเอง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะลอบออกมา...แล้วแอบสะกดรอยตามเหรินเหยียนชิงไปจนถึงหน้าเรือนพักของอีกฝ่าย จินเฟยหลงแปลกใจที่เหรินเหยียนชิงไม่ได้พักอยู่ที่เรือนใหญ่ แต่เจ้าตัวกลับพักอยู่ที่เรือนหลังเล็กท้ายจวน และหากเขาจำไม่ผิด...ตอนที่พวกเขามาถึงที่นี่ เหรินเหยียนชิงบอกกับพวกเขาว่าอีกฝ่ายอาศัยอยู่กับผู้เป็นตาในจวนแห่งนี้เพียงแค่สองคน แล้วคนอื่น ๆ ในครอบครัวของเหรินเหยียนชิงล่ะ? แล้วเหตุใด? ในเมื่อมีกันแค่สองคน อีกฝ่ายถึงเลือกมาพักอยู่ที่เรือนหลังนี้ผู้เดียว ยามนี้จินเฟยหลงเกิดคำถามเรื่องครอบครัวของเหรินเหยียนชิงขึ้นมาไม่น้อย เพราะตอนที่พวกเขาพักอยู่ด้วยกันที่เรือนพักในสำนักศึกษา อีกฝ่ายก็ไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวของเจ้าตัวให้เขาฟังเลยสักครั้ง และก็คงจะด้วยเพราะตัวเขาเองที่เป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยชอบซักถาม สงสัย...หลังจากนี้เขาคงต้องให้คนไปสืบเรื่องของเหรินเหยียนชิงมาให้เขาเสียแล้ว

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 7 (1/2) : ต้องการอะไร (1)

    เช้าวันรุ่งขึ้นขบวนเดินทางขนาดย่อมที่นำโดยเหรินเหยียนชิงก็ได้เดินทางมาถึงจวนคหบดีเหริน... จินเฟยหลงมองไปที่จวนขนาดใหญ่ตรงหน้า สี่ปีที่ผ่านมายามใดที่เขาเดินทางผ่านมายังเมืองซือโฉว เขาก็มักจะคอยมองหาเหรินเหยียนชิงเพราะเขาไม่รู้ว่าจวนของอีกฝ่ายอยู่ที่ใด และที่จวนแห่งนี้เขาก็เคยมาแอบมองอยู่บ่อยครั้ง แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเลยสักครั้ง หากในตอนนั้นเขาไม่ทำเพียงแค่คอยมองหา ยามนี้พวกเขาก็คง... “เหยียนชิง ที่นี่คือจวนเจ้าหรือ?” จิงเสี่ยวจางถามขึ้นเมื่อพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้าจวนขนาดใหญ่หลังหนึ่ง “ใช่...ที่นี่คือจวนตระกูลเหริน ข้าอาศัยอยู่กับท่านตาที่นี่แค่สองคน พวกเราเข้าไปหาท่านตาของข้ากันเถิด” เหรินเหยียนชิงตอบรับคำพูดของสหายพร้อมกับชวนอีกฝ่ายเข้าไปในจวน “คุณชายเหรินขอรับ...พวกข้าคงต้องขอตัวกลับสำนักก่อนนะขอรับ” เพ่ยฉีพูดพร้อมกับก้มลงไปคำนับให้กับพวกเหรินเหยียนชิง

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 6 (2/2) : ขอเลือกใหม่อีกครั้ง (2)

    เช้าวันรุ่งขึ้นจินเฟยหลงต้องรีบออกไปทำข้อสอบอีกหนึ่งวิชาที่เหลืออยู่ แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากเรือน เขาได้แวะเข้าไปดูเหรินเหยียนชิงในห้องพักของเจ้าตัว แล้วเขาก็ได้เห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง สงสัยว่าเมื่อคืนคนตรงหน้าคงนอนไม่หลับเหมือนกันกับเขา เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าจิงเสี่ยวจางจะเข้ามาเห็นในสิ่งที่เขาทำเมื่อคืน หลังจากที่จินเฟยหลงทำข้อสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ เขาก็รีบตรงไปยังบริเวณที่กลุ่มของพวกเขาได้นัดหมายเอาไว้ว่าจะมากล่าวลากัน ก่อนที่พวกเขาทั้งสี่คนจะต้องแยกย้ายกันไปในวันนี้ แล้วเมื่อจินเฟยหลงเดินมาถึงบริเวณที่นัดหมาย เขาก็เห็นเหรินเหยียนชิงกำลังถูกคู่แฝดสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่ และก็ดูเหมือนว่าจิงเสี่ยวจางน่าจะเล่าเรื่องที่ได้เห็นให้กับแฝดผู้พี่ของเจ้าตัวฟังหมดแล้ว “เหยียนชิง เรื่องเมื่อคืน...” จิงเสี่ยวจางที่คิดจะถามเรื่องเมื่อคืนกับสหายตรงหน้า แต่เขาก็ยังไม่ทันได้เอ่ยคำถามจนจบประโยค อีกฝ่ายก็ชิงตอบคำถามของเขากลับมาเสียก่อน “ที่เจ้าเห็นมันไม่ใช่แบบที่พวกเจ้าคิด คือ...เมื่อคืนพวกเจ้าก็เห็นว่าเฟยหลงค่อนข้างที่จะเมาหนัก” “อืม...

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 6 (1/2) : ขอเลือกใหม่อีกครั้ง (1)

    “โอ้ย...ถึงสักที” เหรินเหยียนชิงเอ่ยออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเขาแบกสหายตัวโตกลับมาถึงเรือนพักของพวกเขาได้สำเร็จ จินเฟยหลงไม่รู้ว่าด้วยเพราะฤทธิ์สุราที่เขากินเข้าไปหรือด้วยเพราะอะไร ยามนี้เขาถึงได้อยากกอดคนตรงหน้าเหลือเกิน และก็อาจจะเพราะความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันทำให้เขาคิดไปถึงความรู้สึกในคืนนั้น...คืนที่เขาพยายามจะลืม แต่ทำอย่างไรเขาก็ไม่สามารถลืมมันได้สักที ถึงแม้ว่าในยามนั้นจินเฟยหลงจะทำมันลงไปเพราะไม่สามารถคุมสติของตัวเองเอาไว้ได้ก็ตาม และหากในคืนนั้นเขาจะเรียกมันว่าความผิดพลาด เขาก็คงจะพลาด...ที่เลือกทำตามใจของตัวเอง แล้วก็เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้น มันได้ทำให้เขารู้ว่าที่จริงแล้วเขารู้สึกกับคนตรงหน้าเช่นไร ตั้งแต่จำความได้คนที่จินเฟยหลงเคยกอดมีเพียงแค่สองคนเท่านั้น นั่นก็คือท่านแม่ใหญ่และพี่ใหญ่ของเขา นอกเหนือจากนั้นเขาไม่เคยคิดอยากจะกอดหรือไม่เคยคิดอยากจะสัมผัส แม้แต่กับสตรีที่เข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตเขาตอนนี้ก็ตาม และในยามนี้จินเฟยหลงได้รู้แล้วว่ากลิ่นที่เขาชื่นชอบก็คือกลิ่นกระดาษและกลิ่นน้ำหมึกที่มักจะติดมากับตัวของเหรินเหยียนชิง หาใช่กลิ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status