เสียงนกร้อง ดังมาจากด้านนอกหน้าต่าง เช้าแล้วเหรอเนี้ย น้ำอบลืมตาขึ้น หญิงสาวหันมามองย่าที่นอนข้าง ย่ายังไม่ตื่น น้ำอบลุกขึ้นลงจากเตียงเดินไปเปิดหน้าต่าง แค่เปิดหน้าต่าง ลมเย็นก็พัดเข้ามาปะทะร่างของน้ำอบ หน้าต่างบ้านย่ามีเหล็กดัดขนาดใหญ่มาก ไม่ได้ทำเป็นแบบสวยงาม เป็นเหล็กดัดแบบโบราณ คือใช้เหล็กกลมยาว เรียงกันถี่ๆ เหมือนกั้นรั้วบ้าน แค่นั้นเอง ซึ่งมันจะแข็งแรงมากๆ
“เป็นไงหลาน ลมเย็นดีไหม” เสียงย่าดังมาจากด้านหลัง
“น้ำอบหันมาตามเสียง ย่าขาน้ำอบทำย่าตื่นไหมคะ”
“ไม่หรอกลูก ปกติย่าก็ตื่นเวลานี้แหละ
น้ำอบพาย่าเข้าห้องน้ำ เตรียมเสื้อผ้า ย่าแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวปลีกตัวไปเตรียมอาหาร เสร็จแล้วยกสำรับมาให้ปู่กับย่า สามคนกินข้าวเช้า พร้อมหน้ากัน น้ำอบชอบแบบนี้ เธอรู้สึกว่าอบอุ่นมากที่สุด มันเป็นชีวิตที่เธอโหยหาตลอด ไม่มีที่ไหนอบอุ่นและเย็นใจเท่าบ้านหลังนี้อีกแล้ว เธอคุ้นเคยกว่าบ้านพ่อแม่ของตัวเองเสียอีก
“น้ำอบจะไปตลาดยังไงล่ะลูก ปั่นจักรยานไหวไหม “ปู่เปลวหันมาถามหลานสาว
“ไหวค่ะปู่ น้ำอบว่าจะไปดูที่ตลาดในหมู่บ้านก่อนค่ะ ถ้าได้ของครบก็จะกลับเลย ไม่ต้องห่วงนะคะ น้ำอบจำทางได้ค่ะ”
“งั้นปู่วานหน่อยนะลูก แวะที่ร้านซ่อมรถในตลาดให้ปู่ที ร้านประจำ บอกเขาว่าให้มาลากรถที่บ้านปู่หน่อย เขารู้ลูก อีกไม่กี่วันช่างคงเอารถมอเตอร์ไซค์มาส่ง เวลาหลานไปตลาดจะได้ไม่ลำบาก”
“ได้เลยค่ะปู่ งั้นน้ำอบไปก่อนนะคะ ข้าวกลางวันน้ำอบเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ อาจกลับมาถึงบ้านบ่ายๆ นะคะ “
“เตรียมร่มกับเสื้อกันฝนไปด้วยนะลูก บ้านเราฝนยิ่งตกไม่เป็นเวลา นึกจะตกก็ตก” ย่ากาญเตือนหลานสาว
“เรียบร้อยแล้วค่ะย่า อยู่ในกระเป๋าผ้านี้แล้วค่ะ น้ำอบไปก่อนนะคะ จะรีบกลับค่ะ”
กรรณญาวีร์ ใส่กางเกงยีนตัวโปรด เสื้อเชิ้ตเข้ารูปแขนยาว รองเท้าแตะหูหนีบนันยาง ผมยาวนั่นเธอรัดรวบไว้ สอดใส่ไว้ในช่องหมวกแก๊ปสีขาว สะพายถูงผ้าใบย่อม มีซิป มีกระเป๋าเงิน ร่มพับได้ เสื้อกันฝน และถุงกันน้ำอีก 2 ใบ สำหรับไว้ใส่ของต่างๆ
จักรยานแม่บ้านสีขาวคันนี้สภาพยังดีมาก น้ำอบใช้เป็นประจำ เวลามาอยู่บ้านปู่กับย่า ตะกร้าข้างหน้าปู่เปลี่ยใหม่ให้แล้ว ที่นั่งซ้อน ปู่เอาตะกร้าหวายใบใหญ่มาติดไว้ สำหรับใส่ของต่างๆ ทำให้สะดวกเวลาไปตลาด หรือไปวัด เธอก็ใช้จักรยานตลอด จอดไว้ไม่กลัวหาย ปู่ติดกระดิ่งให้ใหม่ แถมกลางคืนก็มีไฟให้ด้วย สมัยก่อนที่เรียนมัธยมแล้วปิดเทอม น้ำอบขี่ไปทำบุญที่วัดบ่อยๆ กลางคืนที่มีเวียนเทียนที่วัด เธอก็ใช้คันนี้ปั่นเวียนเทียน ส่วนปู่กับย่าก็ใช้มอเตอร์ไซค์ ไปพร้อมกัน กลับพร้อมกัน ไม่อันตรายเลย
จากบ้านไปตลาดเกือบ 4 กิโลเมตร เหมือนจะไกลแต่ไม่ไกลเลย เพราะมีบ้านคนตลอด บ้านคนอยู่บ้านใครบ้านมัน แต่ก็ไม่เปลี่ยว ข้างทางเป็นบางระยะเป็นทุ่งนา สลับกับสวนผักที่ชาวบ้านปลูกไว้ ก่อนถึงตลาดประมาณกิโลเมตรที่ 3 ข้างทางเป็นถนนสูง ข้างล่างลงไปน่าจะเป็นนาข้าว ไหล่ทางไม่มีที่กั้นเลย น้ำอบนึกถึงสมัยเด็กๆ
มีคนเมาขับรถหล่นลงไปข้างล่าง แล้วขึ้นไม่ได้ เขาตกลงไปตอนดึก เช้าขึ้นมาชาวบ้านออกมาเจอ คนเมาก็นอนอยู่ตรงนั้น เพราะลุกไม่ไหว เช้ามาถึงรู้ว่าตัวเองขับรถตกถนน ดีที่ไม่แขนขาหัก ที่ตกใจตื่นเพราะมีชาวบ้านมามุงดู น้ำอบก็ออกมาดูกับเขาเหมือนกัน ชาวบ้านพากันขำ แต่ภรรยาของคนเมาไม่ขำด้วย โกรธที่สามีหายไปทั้งคืน ทั้งภรรยาและลูกต่างก็ร้องไห้ระงม พร่ำบ่นว่าสามี นึกและเป็นห่วงกลัวว่าสามีจะเกิดอุบัติเหตุ หรืออาจเสียชีวิตไปแล้ว เพราะหายไปทั้งคืน แต่สุดท้าย เห็นสามีปลอดภัยดีก็ดีใจ เป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว พอผ่านตรงนี้น้ำอบก็นึกขึ้นมาได้ อดขำไม่ได้ คงเมามากถึงขนาดรถลงข้างทางก็ไม่รู้สึกตัว กลับนอนต่อซะงั้น
ตลาดที่นี่มีครบแทบทุกอย่าง แทบไม่ต้องเข้าไปในเมืองเลย เสียแต่ว่าไม่มีห้างสรรพสินค้าแค่นั้น แต่ถ้าจะคือต้องนั่งรถสองแถวเข้าไป ดูก่อนล่ะกัน ไว้อะไรไม่มีค่อยเข้าไปวันหลัง น้ำอบจอดรถจักรยานไว้ในที่จอดที่ทางเทศบาลทำไว้ให้ น้ำอบชอบมาเดินตลาด ชอบผักเยอะๆ ของถูกมาก ส่วนมากก็เป็นชาวบ้านมาขายเอง ผักปลอดสารทั้งนั้น สมัยก่อนเวลามากับย่า ใช้เวลานานมาก เพราะย่าเจอเพื่อน แวะคุยตลอดทาง กว่าจะได้ของครบ ก็เลยครึ่งวันไปแล้ว
เดินไปเดินมาหญิงสาวได้ของเต็มสองไม้สองมือ ยังเหลือพวกเครื่องปรุงต่างๆ เธอออกจากบ้านมาตั้งแต่ 9 โมงเช้า ใช้เวลาเดินในตลาด ชมโน้นนี่นั้น ซื้อของด้วยก็เกือบได้เวลาข้าวกลางวัน น้ำอบได้ผ้าถุงปาเต๊ะ และเสื้อลูกไม้มา 2ชุด เอาไว้ใส่ไปวัด วันพระ ดีที่เธอเตรียมข้าวกลางวันไว้ให้ปู่กับย่าแล้ว เลยไม่ห่วงมาก อากาศดี ฝนไม่น่าตกหรอก แต่ถ้าตกก็ไม่เป็นไร เธอมีเสื้อกันฝน พวกของที่ซื้อก็เปียกฝนได้ ไม่เป็นไร
กรรณญาวีร์จัดของใส่ตะกร้าหลัง และตะกร้าหน้ารถ พอดิบพอดีจริง กระเป๋าผ้าใบใหญ่ของเธอสามารถยัดชุดที่ซื้อ 2 ชุดลงไปได้ ขนาดนั้นก็ยังหลวม ใส่ของได้อีกนิดหน่อย ท้องเริ่มร้อง หาข้าวกินเสียเลยดีกว่า ลังเลอยู่ว่าจะกินขนมจีน หรือก๋วยเตี๋ยวดี หญิงสาวชอบขนมจีนแกงใต้ ผักสดๆ เยอะดี เห็นอะไรก็น่ากินไปหมด ข้าวต้มมัด โรตี อีกหลายอย่างมากมาย เห็นแล้วอยากกินทุกอย่าง สุดท้ายเธอก็จอดจักรยานหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น กลิ่นมันลอยมาแตะจมูกจนอดแวะไม่ได้ กลิ่นนี่สำคัญจริงๆ นะ ต้องชิมดูซิว่า หอมแล้วจะอร่อยไหม
หญิงสาวเลือกนั่งด้านในแต่ติดถนน เป็นโต๊ะที่มีที่นั่ง 4 คน เธอเลือกนั่งที่ใกล้จักรยานจอดอยู่ ดูจากคนในร้านแล้ว น่าจะอร่อย เต็มเกือบทุกโต๊ะเลย
“ขอเป็นเส้นเล็กไก่ตุ๋น 1 ชาม โอเลี้ยง 1 แก้วค่ะ” พนักงานในร้านมารับออเดอร์
น้ำอบเขี่ยโทรศัพท์ สองจิตสองใจว่าจะโทรหาเจษฎาดีไหม แต่ถ้าโทรตอนนี้ก็ไม่สดวกอีกเพราะคนในร้านเยอะเกินไป ไม่เหมาะ แต่เธอก็ไม่อยากโทรที่บ้าน ไม่อยากให้ปู่กับย่า ไม่สบายใจ เอาไว้ก่อนล่ะกัน พรุ่งนี้ไปวัด ค่อยคุยกับเจษ ป่านนี้เขาคงมีความสุขกับเด็กคนนั้น คงไม่ได้คิดถึงเธอหรอก แต่ที่เธออยากบอกเขา เพราะจะได้ไม่ค้างคาใจต่อกัน กรรณญาวีร์ถอนหายใจ เจษเป็นคนที่ไม่ค่อยฟังอะไรง่ายๆ เป็นพวกที่ไม่ค่อยยอมรับความจริง เธอต้องคิดคำพูดดีๆ เพื่อไม่ให้เป็นการน่าเกลียด ถ้าจะบอกเลิกก็ต้องบอกดีๆ เธออยากไม่อยากรังเกียจเขามากไปกว่านี้
การันต์ พาน้ำอบ และพุดกรอง ออกจากคอนโดแต่เช้า เขามุ่งหน้าไปร้านเพชร ที่เขาอยากซื้อให้น้ำอบและพุดกรอง “น้ำอบ กับพุดกรอง ชอบแบบไหนเลือกเลยครับ “พ่อบุญทุ่ม น้ำอบพูดเบาๆ หันไปยิ้มหวานให้เขา แค่นั้นก็ทำให้เขาใจแทบละลาย กว่าน้ำอบจะยอมมา เขาก็เหนื่อยเหมือนกัน อ้างว่าไม่อยากได้ ไม่ชอบเพชร ไม่รู้จะใส่ไปไหน ต้องให้พุดกรองช่วยพูด ถึงยอมสองสาวเลือกแหวนคนละวง ไม่ใหญ่มาก“เรียบร้อยนะครับ พุดกรองถูกใจไหม เอาอะไรอีกไหม พี่ใจปั้มนะ”“พอแล้วค่ะพี่การันต์ น้องไม่อยากได้แล้ว กลับกันเถอะค่ะ เดี๋ยวไม่ทันขึ้นเครื่อง” ทั้งสามคนตัดสินใจกลับบ้านวันนี้ เพราะปู่กับย่าไม่อยู่ ปล่อยบ้านไว้ไม่มีคนอยู่ ส่วนบ้านของเขา ยังมีแม่บ้าน พ่อบ้าน คนเก่าแก่อยู่หลายคน ไม่น่าห่วงมากนัก กรุงเทพฯ – นครศรีธรรมราช นี่มันใกล้กันจริงๆ แป๊ปเดียวก็ถึงบ้าน“เดี๋ยวแวะบ้านพี่ก่อนนะครับ พี่กับพุดกรองยังไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าเลย อยากให้น้ำอบช่วยเก็บเสื้อผ้าให้พี่ด้วย พี่เก็บไม่ถูก” กินข้าวก่อนแล้วค่อยไปบ้านน้ำอบ นะ“ได้ค่ะได้ น้ำอบได้ยินแ
พุด วันนี้ขอได้ไหม ช่วยออกไปดูงานให้พี่หน่อย อยากอยู่กับน้ำอบทั้งวันได้ไหม ส่งบัญชีมา พรุ่งนี้พี่จะไปซื้อแหวนหมั้น ให้น้องเลือกแหวนได้หนึ่งวง ราคาเท่าของหมั้นพี่เลย ส่งบัญชีมา พี่โอนค่าข้าวให้ ไม่ทำอะไรเสียหายหรอก แค่อยากอยู่ตามลำพัง พี่ 36 แล้วนะ พุดกรอง ต้องมีครอบครัวได้แล้ว ตามนี้นะ พี่ส่งรายละเอียดของงานให้แล้ว ตรวจเช็คเสร็จแล้วก็แจ้งรายละเอียดราคามา เดี๋ยวพี่โอนให้ ขอบใจมากตลอดเลยพี่การันต์ พุดกรองเปิดไลน์อ่าน โชคดีที่เธอตื่นก่อนน้ำอบ พุดกรองรีบอาบน้ำแต่งตัว ไม่ลืมที่จะเรียกบอกเพื่อน“น้ำอบ พุดออกไปธุระก่อนนะ จะไปดูงานของร้าน แล้วเดี๋ยวพุดกรองรีบกลับ ไม่ต้องรอกินข้าวนะ” พุดกรองไม่ลืมที่จะล็อคประตูให้น้ำอบ ถึงเป็นพี่ก็เถอะ เธอก็ไม่ไว้ใจสักเท่าไหร่หรอก ยิ่งคลั่งรักขนาดนั้นน้ำอบออกจากห้องน้ำ แปลกเมื่อวานอยู่ด้วยกันทั้งวันไม่เห็นพุดกรองบอก ว่าจะไปดูงาน แล้วพี่การันต์ล่ะ ไปด้วยกันหรือเปล่า หญิงสาวรีบแต่งตัว คณะที่เดินทางไปอินเดีย คงเริ่มออกเดินทางกันแล้ว ปู่กับย่าของเธอ มีความสุขมาก ย่ากับปู่ดูแลรักษาสุขภาพของตัวเอง เพื่อการเดินทางไกลครั้งนี้ อีกหน
............หลังอาหารเย็นของบ้านสุนทรธรรม พ่อเฒ่าแม่เฒ่าเจ้าของบ้าน พักผ่อนแล้ว แต่การันต์ พุดกรอง และน้ำอบ ยังคงนั่งคุยกันต่อที่ห้องรับแขก คุยเรื่องความฝันของน้ำอบต่อทุกคนรู้ไหมคะว่า ขุนศึกคือผู้ชายคนนั้นที่น้ำอบพบเขาในโบสถ์ ส่วนสร้อยสนก็คือพุดกรอง เป็นพุดกรองจริงๆ นะคะ แต่ในฝันสร้อยสนรูปร่างเล็กบางกว่านี้มาก ชอบทำอาหาร สวยแต่เศร้า ส่วนกุสุมาทำไมกลายเป็นน้ำอบไปได้ ซึ่งนิสัยแตกต่างกันมากเลย ที่สงสัยที่สุดคือ ทำไมหลวงพ่ออยู่ทั้งในความฝันและความจริง หาคำตอบไม่ได้เลยค่ะ บางช่วงบางตอน เหมือนท่านไม่อยากให้น้ำอบรู้มากนัก เลยได้เห็นเท่าที่เล่าให้ฟัง”“ทำไมผู้ชายที่ชื่อขุนศึกมีกริชจิ๋ว ซึ่งตรงกับที่การันต์มี ทำให้น้ำอบคิดว่าเขาคือพี่การันต์ แต่เขาดูอ่อนโยนมากกว่า เสียแต่ว่าเขาไม่ยอมพูดกับน้ำอบเลยตอนพบกันในโบสถ์ แปลกนะ ในฝันกุสุมาไม่ได้ชอบขุนศึก อยากแต่จะรบอย่างเดียว แต่ขุนศึกรักกุสุมา เขาไม่รักตอบก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้รัก เหมือนกับสร้อยสนที่รักขุนศึกมาก แต่เขากลับไม่รักตอบ แต่สร้อยสนก็พอใจ ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ครอบครองก็ไม่เป็นไร แค่นั้นก็มีความสุขแล้ว น้ำอบว่าคน
เรื่องราวทั้งหมด ที่น้ำอบได้ไปพบเจอมาก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ เหมือนดูหนัง กรรณญาวีร์พิมพ์เรื่องราวทุกสิ่งอย่างที่เธอฝัน บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ เธออยากเก็บไว้อ่าน เชื่อว่ามีใครบางคน ที่อยากให้เธอรู้เรื่องราวของพวกเขา“พ่อเฒ่ากับแม่เฒ่ามองหน้ากันแล้วคืนนี้ล่ะ จะทำยังไง เราต้องไปถือศีลที่วัดแล้วนะ หลานยังจะไปอีกไหม ““ไปค่ะย่า น้ำอบอยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป แล้วมาเกี่ยวอะไรกับน้ำอบ แสดงว่าพวกเขาอยากให้น้ำอบรู้ เคยพยายามไม่ไปแล้วนะคะ ย่าขา แต่ก็ยังฝันว้าได้ไป น้ำอบคิดว่าอย่างน้อยอยู่ใกล้หลวงพ่อ ท่านต้องช่วยน้ำอบได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะย่า”“แล้วนี่พี่การันต์กับพุดกรองมา ลุงกับป้าไม่ตกใจเหรอ น้ำอบขอโทษทุกคนด้วยนะคะ จริงๆ น้ำอบน่าจะรู้สึกตัวเองได้ หลวงพ่อคอยเตือนตลอด ให้รีบกลับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ กลัวแค่เวลาที่รู้สึกตัวแค่นั้น เพราะมันหนาวมาก และเหนื่อยมาก”“ไม่เป็นไรครับตอนที่พ่อเฒ่าโทรไป พี่กับพุดกรองตื่นแล้ว” ถึงน้ำอบจะตื่นแล้วลุกขึ้นมาเล่าเรื่องราวเป็นตุเป็นตะให้ทุกคนฟัง แต่การันต์ก็ยังเป็นห่วงหญิงสาวมาก เขาห่ว
คืนนี้แสงจันทร์ส่องสว่างมาก ทำให้มองเห็นหลังคาบ้านเรือนที่ไกลลิบออกไป แต่ถึงไกลขนาดไหน ก็ยังคงมองเห็น เพราะแสงจันทร์สว่างมากจริงๆ สองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นกล้วยเริ่มที่แก่แล้ว บางต้นออกลูก เครือใหญ่ เห็นได้ว่าพื้นดินแถวนี้คงอุดมสมบูรณ์มาก เหมือนกล้วยในสวนของปู่ ลำต้นสมบูรณ์งาม เครือใหญ่ ทำให้หวีกล้วยใหญ่ ลูกกล้วยก็สวย หอมหวานอร่อย เธอชอบกล้วยน้ำว้า แปลกขณะที่เดินผ่าน ที่ผ่าน ทุกครั้งที่มาเธอจะรู้สึกว่าเดินปกติ แต่ตอนนี้เหมือนว่าไม่ต้องก้าวขาเลย ร่างเธอก็ลอยผ่านเหล่ากอกลัวยนั้นไปจนกระทั่งถึงประูทางเข้าวัด จนก้าวข้ามเขาไปในบริเวณโบสถ์ อย่างง่ายดายหญิงสาวก้มลงกราบพระประธานองค์ใหญ่ วันนี้เธอเตรียมดอกไม้ ธูป เทียน มาไหว้พระด้วย ยังไม่เห็นว่ามีใครมา เพราะกระถางธุปตรงหน้า ยังไม่เห็นว่ามีร่องรอยของการจุดธูป เธอเข้าไปจุดธูป เทียน วางดอกไม้ ก้มลงกราบองค์ประธานอีกครั้ง แล้วถอยหลังไปนั่งชิดกำแพงโบสถ์น้ำอบเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดสมาธิ เมื่อรู้สึกว่าคืนนี้คงจะไม่พบหลวงพ่อแน่ ผู้ชายกับผู้หญิงสองคนนั้นจะมาไหมนะ มาเถอะ น้ำอบเหนื่อย น้ำอบจะไม่มาที่นี่แล้ว ถ้าจิตเราถึงกันจริง ขอให้มาด้วย
กลับจากกรุงเทพฯ ครั้งนี้ทุกคนไม่เหนื่อยมาก เพราะมีคนขับรถสองคน ถึงบ้านไม่ค่ำมากนัก เพราะมีนพดลช่วยเปลี่ยน ผู้ชายสองคนเปลี่ยนกันขับ เหยียบเต็มที่ บ้านของนพดลถึงก่อน แวะส่งน้ำอบ คนบางคนก็ไม่อยากห่างเลย สองพี่น้องแวะคุยกับพ่อเฒ่าแม่เฒ่าสักพักก็ขอตัวกลับบ้าน ซึ่งต้องย้อนกลับไปอีกหลายกิโลเมตร“ถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวพี่ไลน์หานะครับ “บอกแล้วเขาก็เดินไปขึ้นรถแบบไม่ต้องให้ตอบ“ไปนะน้ำอบ พรุ่งนี้เจอกัน สายๆ พุดกรองจะมา”“ได้เลย ปลอดภัยๆ นะ จริงๆ ยังไม่ต้องมาก็ได้พุดกรองพักผ่อนเถอะ น้ำอบยังไม่เริ่มงาน จะพักเหมือนกัน”“โอเคงั้นได้เลย ไปแล้วนะ หลับฝันดี”น้ำอบออกมาส่งสองพี่น้องที่รถ มองตามหลังรถคันใหญ่ที่วิ่งออกไปจนลับสายตา กลิ่นดอกการเวกลอยมาปะทะจมูก หอมจังเลย บรรยากาศหลังฝนตก สดชื่นที่สุด เธอไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ก่อนที่จะเข้าบ้าน เหมือนเดิม เหมือนมีคนคอยมองอยู่ตลอดเวลา ชินแล้ว ดีซะอีกถ้าวันไหนไม่รู้สึกว่ามีใครสักคนมอง เหมือนจะไม่ปลอดภัยสองพี่น้องการันต์กับพุดกรองกลับไปแล้ว ถึงไม่ได้ขับเอง คนนั่งก็รู้สึกเพลียๆ เหมือนกัน“ปู่ขา ย่าขา