Masukส่วนจินเยว่ที่ทุกคนกำลังมองหานั้น ตอนนี้นางเก็บข้าวของใส่ห่อผ้าออกมาเท่าที่จำเป็น นางเก็บเครื่องประดับมีค่าของนางออกมาด้วย เพราะนางคิดว่าคงจำเป็นต้องใช้มัน กับอาภรณ์สี่ห้าชุด เพราะจะหอบหิ้วออกมามากจะเป็นที่สังเกตได้ วันนี้คนในจวนวุ่นวายทั้งแขกเหรื่อและบ่าวไพร่ที่ต่างก็มีงานล้นมือกันเพราะกำลังจะมีงานใหญ่ ต้องเตรียมเหล้ายาปลาปิ้งกันมากมาย เลยไม่มีผู้ใดสนใจจินเยว่นัก
นางจึงอาศัยจังหวะที่คนเดินเข้าออกที่ประตูเข้าออกของบ่าวไพร่ ที่มีทั้งคนมาส่งของและคนออกไปซื้อหาข้าวของกันขวักไขว่ นางเดินปะปนออกมากับพวกเขาด้วยในชุดสาวใช้ ก่อนที่นางจะออกเดินทางไกล นางไปแอบเฝ้าดูพิธีการแต่งานอยู่ที่หน้าต่างบานหนึ่ง ที่มองเข้าไปพอจะเห็นพิธีการแต่งงาน และมองเห็นคู่บ่าวสาวได้ชัดเจน
นางไม่ได้สนใจสตรีที่เป็นเจ้าสาวในวันนี้ นางอยากจะเห็นเพียงใบหน้าของเจ้าบ่าว ที่วันนี้สังเกตเห็นได้ชัดว่าใบหน้าหล่อเหลาของเขาสดใสเบิกบานนัก เขาคงจะมีความสุขมากที่ได้แต่งงานกับสตรีที่เขารัก นางอยากจะเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อร่ำลาในใจ นางไม่โทษใครทั้งสิ้น นางแค่จะยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างบานนี้เพื่ออวยพรให้กับเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะออกไปขึ้นรถม้ารับจ้างจากไปยังเมืองอื่นและคงจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว
จินเยว่ตั้งใจว่าจะเดินทางไปเมืองโหยวโจวเพื่อจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น นางไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกแล้ว เพราะนางก็มีคนที่รู้จักนางอยู่บ้างและนางไม่อยากจะพบใครทั้งสิ้น ไม่อยากได้ยินคำถามถึงเรื่องราวในอดีต ที่นางอยากจะลืมไปเสียให้หมดสิ้น และจะเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่ เปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่เพื่อชีวิตใหม่ของนาง ที่ต่อไปนี้จะไม่มีคนจากครั้งอดีตอีกแล้ว ต่อไปซ่งจินเยว่คนนี้ก็จะไม่มีตัวตนอีกต่อไป
เสียงเครื่องแห่ในงานมงคล ดังขึ้นต่อเนื่องผสานไปกับเสียงไชโยโห่ร้องและเสียงหัวเราะเบิกบานของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานมงคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จินเยว่ในชุดแต่งกายของสาวใช้ นางโพกผ้าที่หัวเอาไว้ สะพายห่อผ้าเอาไว้ที่ไหล่ และยืนอยู่ด้านหลังแขกเหรื่อมากาย ที่พากันจ้องมองบ่าวสาวที่เดินเคียงข้างกันด้วยอาภรณ์สีแดงที่แสนจะหรูหราและปราณีต
วันนี้อดีตคนรักของนางแต่งกายในชุดเจ้าบ่าวเต็มยศ ท่าทางองอาจผึ่งผายยิ่งนัก ใบหน้าหล่อคมคายนั้นยิ้มแย้มอย่างแจ่มใส เขาคงจะดีใจที่ได้แต่งงานกับเจ้าสาวที่เขาเองก็คงจะพึงใจนางมาก เพราะหากไม่พึงใจแล้ว เขาก็คงจะไม่เข้าหอกับนางก่อนล่วงหน้าดังเช่นที่จินเยว่เองก็ได้เห็นมันมากับตา
นางยืนจ้องมองคู่บ่าวสาวที่เดินผ่านหน้าผู้คนที่กำลังออกกันอยู่ที่ประตูเรือนหลักออกไป เพื่อเดินขอบคุณแขกเหรื่อที่มาร่วมงานวิวาห์ของพวกเขา เจ้าบ่าวประคองเจ้าสาวอย่างถนุทะนอมผ่านหน้าของนางไป นางจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอตา ในใจของนางเอ่ยคำร่ำลาเขา และอวยพรขอให้เขามีความสุขกับคนที่เขาเลือกแล้ว และนางก็หันหลังเดินจากไปเพราะได้ทำสิ่งที่นางตั้งใจเอาไว้เสร็จสิ้นแล้ว
นางหันหลังจากไปทั้งที่ขบวนของบ่าวสาวยังไม่ทันได้พ้นจากตรงหน้าของนางที่ยืนแอบอยู่หลังคนอื่น ๆ เพื่อเฝ้ามองเงียบ ๆ แต่เหมือนกับแม่ทัพมู่หยางจะรับรู้ได้ว่ามีคนจ้องมองใบหน้าของเขา
เขาหันไปทางขวามือของเขาทันที แต่ก็ไม่เห็นใครที่เขารู้จักหรือคุ้นเคยเลย มีเพียงแขกเหรื่อที่มาร่วมงานกำลังจ้องมองบ่าวสาวที่เดินเคียงข้างกันมาเพียงเท่านั้น
และเมื่อมองไปไกล ด้านหลังแขกเหรื่อเหล่านั้น ก็มีร่างของสาวใช้นางหนึ่งที่เขาดูคุ้นตาอย่างประหลาด แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นแผ่นหลังนั้นที่ไหน เขาเห็นนางเดินช้า ๆ ลัดเลาะหายไปหลังเงาไม้ในสวนด้านที่จะมุ่งไปทางหลังเรือน นางสะพายห่อผ้าห่อใหญ่อยู่ด้วย เขาสลัดศีรษะ เพราะก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาต้องสนใจสาวใช้ที่เดินผ่านไปมาด้วย
เขาอาจจะรู้สึกคุ้น ๆ เพราะนางคือสาวใช้ที่จวนของเขาเท่านั้นเอง เคยเห็นผ่านตาบ่อย ๆ จึงรู้สึกว่าคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก แล้วแม่ทัพหนุ่มก็หันกลับไปมองตรงถนนด้านหน้าตามเดิม อย่างไม่ได้สนใจสิ่งใดอีก วันนี้เป็นแต่งงานกับสตรีที่เขารัก ยอดดวงใจของเขา
แล้วแม่ทัพหนุ่มก็ชะงักไปอีกครั้ง เขาพลันรู้สึกว่าคำเรียกว่ายอดดวงใจนั้น เหมือนเขาไม่เคยใช้กับหนิงอันเลยสักครั้ง แต่เหมือนเขาใช้มันกับคนอื่นที่เป็นยอดดวงใจของเขา แม้เขาจะจำอะไรไม่ได้ แต่ความรู้สึกของเขามันบอกว่าไม่ใช่หนิงอันแน่ ๆ
แต่แล้วแม่ทัพหนุ่มก็นึกอะไรไม่ออกมากไปกว่านี้ เขาจึงได้ไม่ได้สนใจสิ่งใด เพียงมุ่งหน้าเดินต่อไปกับเจ้าสาวแสนงามของเขาเพียงเท่านั้น ริมฝีปากหนายกยิ้มรับแขกเหรื่อที่เอ่ยปากอวยพรเขากับเจ้าสาว แต่แล้วภาพใบหน้าหวานปานน้ำผึ้งของสตรีอีกคนก็เป็นภาพซ้อนทับขึ้นมา แต่มองอย่างไรก็ไม่ใช่ใบหน้าจิ้มลิ้มของหนิงอัน นางคือผู้ใดกัน แต่เมื่อยิ่งครุ่นคิดก็คิดไม่ออก เขาจึงได้สลัดมันทิ้งไปแล้วลงมือทำสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จสิ้นไปเสียอย่างไม่คิดอะไรอีก
ขณะที่กำลังมีพิธีการแต่งงานที่ใหญ่โตหรูหราที่จวนสกุลเฉิน ที่มีแขกเหรื่อมาร่วมฉลองกันอย่างมากมาย บรรยากาศเปี่ยมไปด้วยความสุขและความชื่นบาน ครอบครัวทุกคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใสช่วยกันรับแขก
ฮูหยินผู้เฒ่ากับแม่นมหวังและมู่หลันก็ทำทุกอย่างไปตามหน้าที่ และพอพวกเขาก็นึกถึงจินเยว่ขึ้นมาได้ แต่ก็มองหานางไม่เห็นเช่นเดิม แต่ไม่นานพวกเขาก็ต้องกลับไปทักทายแขกเหรื่อคนอื่นอีก เลยลืมเลือนเรื่องจินเยว่ไปอีกครั้ง ยกเว้นแต่แม่นมหวังที่ก็ชะเง้อคอมองไปทางเรือนของหลานสาว เพราะนางรู้ว่าวันนี้หลานสาวจะออกเดินทางไกล
เมื่อคืนจินเยว่มาบอกเล่าทุกอย่างกับนางพร้อมกับคำอำลา แม้จะเป็นห่วงหลานสากมาก แต่ก็เป็นเพราะคุณชายจางเล่อถงรับปากว่าเมืองโหยวโจวนั้นเขาไปบ่อย ๆ สามารถฝากจดหมายถึงนางไปกับเขาได้ และเขาเองก็กำลังจะเปิดร้านผ้าไหมที่นั่น และจะให้จินเยว่เป็นคนดูแลร้านให้กับเขา พร้อมกับรับรองว่าเขามีคนของเขาอยู่ที่นั่น ที่พอจะฝากฝังให้ดูแลจินเยว่ได้
แม่นมหวังจึงเบาใจ เพราะนางรับปากหลานสาวเอาไว้แล้ว ว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้แก่ผู้ใดทั้งสิ้น จะเก็บเรื่องที่อยู่ใหม่ของจินเยว่ไว้เป็นความลับ เพราะนางต้องการจากไป และลืมเลือนเรื่องราวความหลังให้หมดสิ้น และขอเริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที แม่นมหวังตัดสินใจทำตามที่หลานสาวต้องการ เพราะไม่อยากจะเห็นนางเจ็บปวดเพราะชายใจโลเลนั่นอีก
ตอนแรกมู่หลันเม้มปากของนางเอาไว้แน่นไม่ยินยอมให้เจ้าคนร้ายกาจนั่น สอดลิ้นสากที่ไล้เลียริมฝีปากของนางอยู่เข้าไปในปากจิ้มลิ้มของนางอย่างเด็ดขาด แต่แล้วเพียงไม่นาน มู่หลันก็เคลิบเคลิ้มยอมเผยอริมฝีปากอิ่มของนางให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเล่อถงเข้ามาชิมความหวานในปากของตนเอง ทั้งยังเข้าเกี่ยวพันลิ้นเล็กแสนนุ่มนิ่มของนาง จนร่างงามสั่นสะท้านไปหมด ในที่สุดก็ไร้เรี่ยวแรงเอนกายพิงอกแกร่งของเขาอย่างเต็มใจเพราะที่จริงแล้วภายในใจของมู่หลันนั้น แทบจะเต้นระบำรำฟ้อน เพราะนางหลงรักจางเล่อถงมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจนางเลย เอาแต่ตามติดจินเยว่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางกับพี่ใหญ่รักกัน เขาไม่เคยหันมามองมู่หลันเลยสักครั้ง จนนางเคยน้อยใจว่านางไร้ความงามจนถึงขนาดที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยหรือ แม้นางจะรักจินเยว่มาก แต่นางก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ว่าเหตุใดสหายวัยเด็กที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆทั้งพี่ใหญ่ ทั้งเล่อถง เอาแต่ตามติดและคอยเอกอกเอาใจแต่จินเยว่ นางเหมือนไร้ตัวตน พี่ใหญ่นั้นนางไม่ว่าอะไรเพราะนางเต็มใจที่จะได้จินเยว่เป็นพี่สะใภ้ แต่เล่อถง บุรุษไร้หัวใจผู้นั้น ไม่เคยมองมาที่นางเลย แม้นางจะเฝ้าปรุงแต่งโฉมเพ
หนิงอันเชื่อตามสัญชาตญาณของตนเองว่าสาวใช้นางนี้ไม่ได้พูดปด จึงพยักหน้าแล้วก็ตัดสินใจก้าวกลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วบอกกับคนขับว่านางจะว่าจ้างให้ไปส่งที่เมืองใกล้ชายแดนแทน ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของนาง คนขับรถพยักหน้า แล้วหนิงอันก็ก้าวกลับเข้าไปในรถม้าตามเดิม เมื่อทรุดนั่งลงแล้ว นางก็เปิดผ้าม่านข้างรถม้าออกจ้องมองไปที่จวนแม่ทัพเฉินเป็นครั้งสุดท้าย แม้นางจะรักชายผู้นั้นมาก แต่นางเองก็รู้แก่ใจว่าเขาไม่ได้รักนาง เพียงแต่นางใช้ยาเสน่หารัญจวนเพื่อชักจูงจิตใจเขาเท่านั้น แต่หากมันหมดฤทธิ์ไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพบหน้ากันอีกเพราะเขาไม่ได้รักนางด้วยหัวใจที่แท้จริงของเขา แต่มันคือการบังคับเขาด้วยฤทธิ์ของยาพิษ มือบางขอหนิงอันปล่อยผ้าม่านลงให้มันปิดสนิทดังเดิม แล้วก็นั่งเอนกายพิงรถม้าแล้วก็หลับตาลงอย่างปลงกับชีวิตที่พลิกผันของตนเองแล้วตัดสินใจว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ถูกโทษทัณฑ์ ไปจากที่นี่แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองอื่น อย่างน้อยนางพอมีวิชาแพทย์และความรู้เรื่องสมุนไพรติดตัวอยู่บ้าง คงจะพอใช้มันเลี้ยงชีพได้ หนิงอันหลับตาลงน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบแก้มของนาง นางยกมือขึ้นเช็ดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็วและสลัดความคิดค
แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้ม แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉยว่า“บังเอิญข้า มีความชอบไม่เหมือนผู้อื่นเสียด้วย ข้าชอบมีอะไรกับคนที่เกลียดข้า มันสะใจดี ข้าไม่ชอบคนที่ชอบข้า เกลียดกันก็มีอะไรกันได้ไม่จำเป็นต้องรักกัน อย่างที่เจ้าก็เห็นเมื่อคืนนี้ด้วยตนเองแล้ว ว่ามันสุขสมเพียงไร เจ้าก็เตรียมตัวเป็นนางบำเรอข้าเช่นนี้ หากข้าอยากนอนกับเจ้าเมื่อใดข้าก็จะมาหา แต่เจ้าอย่าหวังจะได้พบบุรุษที่ไหนอีกเลย ข้าจะให้องครักษ์เฝ้าเจ้าไว้ไม่ให้ออกนอกจวนเด็ดขาดข้าจะสั่งให้บ่าวจับตามองเจ้าทุกฝีก้าว เจ้าอยากได้อะไรก็บอกสาวใช้ก็แล้วกัน ข้าจะให้พ่อบ้านหาไว้รับใช้เจ้าสักคน แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าออกไปจากจวนเด็ดขาด ข้าจะบอกผู้อื่นว่าเจ้าเป็นเมียข้า แต่แท้จริงแล้วเจ้ามีฐานะเป็นเพียงนางบำเรอของข้าเท่านั้น พอใจเจ้าหรือยังเล่า”แม่ทัพหนุ่มบอกกับนางด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อง้องอนดี ๆ แล้วไม่ยอมคืนดีสักที ไม่ยอมรับว่าเป็นฮูหยินของเขา เช่นนั้นก็เป็นนางบำเรอก็ได้ แต่อย่างไรก็ได้ชื่อว่าเมียเหมือนกัน และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปมีบุรุษใดได้อีก อย่าคิดฝันว่าจะได้สมหวังกับเจ้าเล่อถงนั่นเลย ข้ารู้นะว่ามันหลงรักเจ้า มันถึงยอมทุ่มเทช่วยเจ้
แม่ทัพหนุ่มก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เพราะเขาสะกดกลั้นความต้องการของตนมานานแล้ว เพราะต้องการสั่งสอนภรรยาแสนดื้อเช่นนาง เขายกสะโพกหนาขึ้นเสยเข้าหานางแล้วเร่งความเร็ว ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นบดขยี้ ถี่ยิบและเน้นหนัก ขึ้นหานางจนกระทั่งแตกระเบิดพร่างพรายไปด้วยกันอีกครั้งแล้วพลิกร่างอวบอิ่มของนางลงด้านล่าง แล้วก็สอดอาวุธคู่กายของเขากลับเข้าไปอีกครั้ง แล้วโยกขย่มนางอย่างเร่าร้อน เร่งกระแทกกายแกร่งเข้าสุดออกสุด และบดขยี้อย่างเน้นย้ำทุกจังหวะที่โจ้นจ้วง ตอกย้ำแรง ๆ ถึงความมีตัวตนของตนเอง ดังจะย้ำเตือนกับนางว่าเขาคือสามีของนาง สามีที่ยังรักนาง โหยหาและต้องการนางสุดหัวใจ“เยว่เอ๋อ โอ้วววว โอ้ววว เยว่เอ๋อ ยอดรักของข้า เจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้า ข้ารักเจ้า โอ้ววว โอ้ววว”แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางเรียกสตรีในหัวใจด้วยเสียงแหบพร่าดุจโหยหานางเหลือเกิน บั้นเอวสอบโยกไหวรัวเร็วและถี่ยิบแต่สิ่งที่นางตอบสนองเขาก็คือ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ข้าเกลียดท่าน ข้าเกลียด อ๊าย อ๊ะ”แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ ที่นางบอกว่าเกลียดเขา เขาจึงยิ่งกระแทกเข้าออกแรงขึ้นอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องน้อยนั้น เตียงสี่เสาหลังใหญ่ในห้
“ อ๊าย ข้าเจ็บ อย่านะ ไม่ อย่าทำเช่นนี้ ไม่….. ” นางดิ้นรนไปมา พยายามจะดิ้นหนีออกไปให้ไกลจากการรุกรานของเขาแต่แล้วก็พบว่าข้อมือตนเองถูกมัดติดกับหัวเตียง นางกรีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้นเพราะตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็ตื่นมาพบว่าตนเองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ และนอนแผ่กางแขนและขาอยู่บนเตียงในห้องที่ใดก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ห้องพักห้องเล็กที่อยู่บนร้านผ้าไหมแน่ ๆ “ ช่วยด้วย อย่านะ ท่านแม่ทัพ อย่านะ อย่า อ่่าาา อ่าาาาห์ ” เมื่อเขาสอดนิ้วเข้าไป เขาพบว่ามันแห้งสนิทและคับแน่นยิ่งนัก นิ้วแกร่งของเขาแทบจะดันเข้าไปไม่ได้ เขายกยิ้มพอใจ นางยังมิได้ถึงกับมีอะไรกับเจ้าจางเล่อถงนั่น ตอนนี้เขาสบายใจขึ้นมากเพราะลงมือพิสูจน์ด้วยตนเองแล้ว ว่านอกจากเขาแล้วยังมิมีชายใดมากล้ำกลายนาง ถ้าเช่นนั้นวันนี้จะต้องตอกย้ำความเป็นสามีของนาง เพื่อให้นางรู้ว่านางมีเจ้าของแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีเขาไปได้อีกเป็นอันขาด เขาจะขังนางเอาไว้ที่จวนของสหายของเขาที่เมืองหนิงโจวแห่งนี้ เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจะติดตามทั้งเขาและนางมาได้ ที่นี่เป็นจวนของสหายของเขา ที่เขาส่งจดหมายไปขอยืมเพื่อจะพำนักชั่
“แต่ข้าไปก็ได้นะ แต่เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้าด้วย เจ้ากลับข้าก็กลับ หากเจ้าไม่กลับข้าก็จะปักหลักอยู่กับเจ้าที่นี่แหละ”แม่ทัพหนุ่มยืนกราน เพราะเขาไม่มีทางถอยแน่ ๆ เพราะดูท่าแล้ว นางกำลังจะหนีเขาไป เพราะถึงกับย้ายออกมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้ และคงวางแผนที่จะหนีไปแต่งงานหรือไม่ก็ยอมเข้าเรือนหลังของเจ้าเล่อถงแน่ ๆ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมหรอก หากนางจะทำเช่นนั้น เขาจะอาละวาดให้งานแต่งของนางล่มแน่ ๆ หรือก็จะตามไปอาละวาดทุกๆ ที่ ที่นางไปอยู่กับชายใดก็ตาม ให้มันรู้กันไปสิ เมียคนเดียวเขาจะพากลับไปไม่ได้“ข้าไม่กลับไปกับท่าน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นท่านจะมาบังคับข้าไม่ได้ กลับไปเสีย หาไม่ ข้าจะฟ้องท่านย่าว่าท่านมาวุ่นวายรบกวนการทำงานของข้า”แม่ทัพหนุ่มยักไหล่ ฟ้องก็ฟ้องไปสิ เขาไม่ได้สนใจ เพราะเขาบอกท่านย่าแล้วว่านางเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขามาเฝ้าเมียไม่ให้คิดจะคบชู้ มันผิดตรงไหน และนางก็ไม่ใช่คนตัวเปล่า สามีก็มานั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ ยังคิดจะหว่านเสน่ห์ชายอื่นได้อีก ใครผิดกันแน่ ๆ ก็เห็น ๆ อยู่ อย่างไรเขาก็ไม่ยอม จะให้ไปพบเจ้าเล่อถงที่จวนเขาก็ยินดี ไปบอกมันว่าสตรีที่มันหมายปองมีสามีแล้วหลังจากนั้นแม่ทัพ







