Masukมุ่ยเอ๋อสาวใช้ในจวนที่พอจะสนิทสนมกัน แอบมาเล่าให้ฟังว่าสาวใช้ในเรือนของคุณชายใหญ่เห็นคนทั้งคู่พลอดรักกันดังเช่นกับคนรักที่รักกันปานจะกลืนกิน แถมบางครั้งยังกอดจูบกันอย่างไม่เกรงว่าบ่าวที่เดินผ่านไปมาจะเห็นเข้าอีกด้วย สตรีนางนั้นคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ และยังไม่ทันได้เข้าพิธีแต่งงานนางก็เข้าไปหาคุณชายใหญ่ในห้องนอนของเขาและอยู่ด้วยกันสองต่อสองแทบจะทุกวัน และล่วงเลยอยู่ในนั้นแทบทั้งคืน
และเพียงไม่กี่วันต่อมา ก็ถึงวันจัดงานพิธีแต่งงานของคุณชายใหญ่ของจวน ที่ไม่มีใครจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อีกแล้ว มู่หลันพบกับจินเยว่ในบางครั้ง นางส่งสายตาเป็นห่วงใยให้สหายรักเสมอ และแอบมอบเงินให้กับนางอยู่บ่อย ๆ
แม้นางไม่อยากจะรับเอาไว้ แต่มู่หลันก็ยังยัดเยียดมันให้กับนางจนได้ แอบให้คนเอาอาหารดี ๆ ผลไม้ราคาแพงที่จินเยว่ชอบกินเอามาให้ที่เรือนเสมอ คงจะต้องการปลอบใจนาง จินเยว่ซึ้งใจที่สหายรักตั้งแต่วัยเด็กยังห่วงใย แต่นางคงจะมิอาจจะอยู่ที่จวนสกุลเฉินนี้ได้ต่อไปได้อีกแล้ว
บัดนี้แม่ทัพเฉินมู่หยาง คุณชายใหญ่ของจวนเหมือนคนความจำเสื่อม เขาจำไม่ได้ว่าเขาเคยรักจินเยว่มากเพียงใด ตอนนี้ภายในใจของเขามีเพียงว่าที่เจ้าสาวคนงามของเขาเท่านั้น และพลอดรักกับนางอย่างเปิดเผย สองคนนั้นพากันขลุกอยู่แต่ในเรือนของเขา
และสามวันก่อนจะถึงงานวิวาห์ จินเยว่ที่ได้ยินคำเล่าลือของบ่าวในจวนมามาก นางอยากจะเห็นและได้ยินกับตาว่าอดีตคนรักและสามีในความลับของนางนั้นเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ และหลงใหลสตรีนางนั้นมากมายอย่างที่บ่าวในจวนร่ำลือกันจริง ๆ
นางจึงได้ตัดสินใจไปยืนอยู่ข้างหน้าต่างบานหนึ่งที่มีพุ่มไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ข้างเรือนของอดีตคนรัก มันบดบังสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาได้พอดี เพื่อจะฟังเหตุการณ์ด้านในห้องนอนของเขาและนางก็ได้ยินทุกอย่างสมดังที่ตั้งใจ เสียงร้องครวญครางกระเส่าของอดีตคนรักของนางผสานกับสตรีนางนั้น ดังลอดออกมาให้นางได้ยินอย่างชัดเจนนั่นก็แปลว่าพวกเขากำลังเริงรักกันดังเช่นที่นางกับอดีตคนรักเคยทำด้วยกันเมื่อครั้งก่อน
เมื่ออดใจฟังเพียงเสียงไม่ไหว นางตัดสินใจชะโงกหน้าเข้าไปเพื่อจ้องมองเหตุการณ์ในห้องนอนนั่น และนางก็ได้เห็นมันสมใจ สองร่างนั่นกำลังพัวพันกันอยู่ที่ตั่งไม้ตัวใหญ่ในห้องนอนของอดีตชายคนรักที่เคยบอกว่ารักนางมากมาย ในใจของเขามีเพียงนาง ไม่เคยมีสตรีอื่นอยู่ในหัวใจของเขาเลย
แต่บัดนี้เขาโยกบั้นเอวอย่างรุนแรง กดกระแทกร่างอวบอัดของสตรีนางนั้น ที่ตอนนี้เปลือยเปล่าอยู่ใต้ร่างล่ำสันของเขา ทั้งสองโยกเข้าหากันและร้องครวญครางเสียงดังอย่างไม่สนใจผู้ใดทั้งสิ้น ทั้งที่บัดนี้มันเป็นยามบ่ายที่แสงแดดส่องจ้าลอดเข้าไปในห้อง แถมห้องนี้ยังเปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้อีกด้วย
จินเยว่จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอตา นางอยากจะมองให้เห็นชัด ๆ ให้หัวใจเจ้ากรรมของนางได้รับรู้เสียที ว่าบัดนี้ชายคนรักของนางที่เคยพร่ำบอกกับนางว่าเขารักนาง รักนางเพียงผู้เดียวนั้น บัดนี้เขาเปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง นางจ้องมองร่างล่ำสันที่คุ้นเคย ที่กำลังคลอเคลียสตรีนางนั้นอย่างรักใคร่
ใจของชายมันคงเปลี่ยนไปได้ง่าย ๆ เช่นนี้แหละ เพราะนางอ่อนต่อโลกจนเกินไปจึงเชื่อถ้อยคำของชายอย่างง่ายดายเช่นนี้ เยว่ชิงจ้องมองสองร่างที่เกาะเกี่ยวกันอย่างสุขสมนั้นเนิ่นนานจนพอใจ เพื่อให้หัวใจของนางได้รับรู้ความจริงเสียที เพื่อจะตัดใจจากไปได้ง่ายขึ้น
เมื่อจ้องมองภาพบาดตาจนสาแก่ใจตนเองแล้ว จึงได้ผลุบออกมาจากในพุ่มไม้นั้น แล้วเดินหยุดยืนเช็ดน้ำตาที่พุ่มไม้ก่อนจะถึงเรือนพักของตนเอง เพื่อกลบร่องรอยความเจ็บช้ำไม่ให้ใครเห็นได้อีก นางตัดสินใจแล้วว่าจะไปจากที่นี่
เพราะไม่มีสิ่งใดที่ยึดเหนี่ยวนางเอาไว้ที่นี่ได้อีกแล้ว แต่นางอยากจะเห็นวันวิวาห์ของชายที่นางเคยรักมาก รักและผูกพันกันมาตั้งแต่เด็กเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อจะปิดฉากความรักครั้งเก่า ความหลังเก่า ๆ ที่มิอาจจะหวนคืนมาได้อีกแล้ว เพื่อที่นางจะได้จากไปอย่างไม่มีอะไรติดค้างต่อกันอีก
สามวันต่อมาก็ถึงพิธีแต่งงานของคุณชายใหญ่แม่ทัพเฉินมู่หยาง กับ ว่าที่เจ้าสาวหลู้หนิงอัน ที่ได้ตกเป็นของกันและกันมาก่อนแล้ว เพราะฝ่ายชายเข้าใจว่าเขารักนางมาก เพราะในใจของเขามันจำได้ว่าเคยรักสตรีผู้หนึ่งมากมาย มากจนล้นอกไปหมด ในความคิดคำนึงของแม่ทัพหนุ่มนั้นมีเพียงชื่อของหลู้หนิงอันเท่านั้น ไม่มีสตรีอื่นใดอยู่ทั้งสิ้น เขาจึงเข้าใจว่าสตรีที่เขารักมากมายนั้นคือนาง
เขาพลอดรักกับหลู้หนิงอันอย่างเช่นที่คุ้นเคยว่าเขาเคยทำมาก่อน เพียงแต่จำไม่ได้ว่ากับใคร เขาจึงคิดว่าคงจะเป็นหลู้หนิงอันผู้นี้นั่นเอง เพราะเขาก็จำได้เพียงว่าตนเองไม่มีสตรีอื่นอีก เพราะเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ จึงไม่มีแม้กระทั่งหญิงอุ่นเตียงในจวน เขาจึงเชื่อเช่นนั้น แต่บางคราวเขาก็จดจำได้ว่าเขามีคนรักแล้วนามว่าจินเยว่ แต่พอถูกฤทธิ์ยาเสน่หารัญจวนของหนิงอันเข้าไปอีก เขาก็ลืมเลือนทุกอย่างไปอีกครั้ง
และเช้าวันเริ่มพิธีการ เขาแต่งชุดเจ้าบ่าวสีแดงเต็มยศ และใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็เบิกบานเหมือนชายที่สมหวังในความรัก เขาไปเข้าพิธีแต่งงานที่ในห้องโถงหน้าเรือนหลักกับเจ้าสาวที่เขาทั้งรักและหลงใหลนางปานจะกลืนกิน ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะคิดว่าตนเองสมหวังในความรักแล้ว
ตรงข้ามกับท่านย่าของเขา แม่นมหวัง และมู่หลันน้องสาวของเขาที่หาความสุขไม่ได้เลย ความรู้สึกผิดมันอัดแน่นในอกไปหมด พวกเขาพากันมองหาจินเยว่อยู่เป็นระยะ แต่ก็ไม่พบเห็นนางเลย จึงได้สอบถามสาวใช้คนอื่น ๆ ก็บอกว่าตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นนางเลย
ฮูหยินผู้เฒ่าของจวนแสนจะอึดอัดใจนัก มองสบตากับแม่นมหวังและมู่หลันอย่างเข้าใจหัวอกของกันและกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะหากต้องอยู่ร่วมจวนกันจริง ๆ จินเยว่คงจะเจ็บปวดใจไม่รู้หายเสียที
และวันนี้หากนางไม่อยากอยู่ร่วมงานแต่งงานนี้ ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่มีใครต้องการให้นางมาพบเห็นภาพบาดใจของนางเช่นนี้ พอสาวใช้เสนอว่าจะไปตามนางมาให้ แม่นมหวังจึงได้สั่นหน้าบอกว่าไม่ต้องไปตามนาง สาวใช้นางนั้นพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที เพราะใคร ๆ ในจวนนี้ต่างก็รู้เรื่องนี้ทั้งนั้น และก็พากันสงสารจินเยว่และเป็นห่วงเป็นใยนางกันทั้งนั้น
แต่เมื่อเรื่องมันล่วงเลยมาอย่างนี้แล้ว ก็ถือว่าวาสนาของคนทั้งสองไม่ได้เกิดมาคู่กัน จึงได้มีอันต้องแคล้วคลาดกันเสียตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงานกันเช่นนี้
แต่หลังจากนั้นทุก ๆ คนก็พลันลืมจินเยว่ไปภายในเวลาอันไม่นาน เพราะกำลังยุ่งวุ่นวายในการรับแขกเหรื่อที่ทยอยมารอร่วมพิธีการแต่งงานอย่างมากมาย เพราะเจ้าบ่าวที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ที่มีผลงานดีในการออกศึกที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ก็ย่อมมีแขกเหรื่อมากมาย คนใหญ่คนโตมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก
ตอนแรกมู่หลันเม้มปากของนางเอาไว้แน่นไม่ยินยอมให้เจ้าคนร้ายกาจนั่น สอดลิ้นสากที่ไล้เลียริมฝีปากของนางอยู่เข้าไปในปากจิ้มลิ้มของนางอย่างเด็ดขาด แต่แล้วเพียงไม่นาน มู่หลันก็เคลิบเคลิ้มยอมเผยอริมฝีปากอิ่มของนางให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเล่อถงเข้ามาชิมความหวานในปากของตนเอง ทั้งยังเข้าเกี่ยวพันลิ้นเล็กแสนนุ่มนิ่มของนาง จนร่างงามสั่นสะท้านไปหมด ในที่สุดก็ไร้เรี่ยวแรงเอนกายพิงอกแกร่งของเขาอย่างเต็มใจเพราะที่จริงแล้วภายในใจของมู่หลันนั้น แทบจะเต้นระบำรำฟ้อน เพราะนางหลงรักจางเล่อถงมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจนางเลย เอาแต่ตามติดจินเยว่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางกับพี่ใหญ่รักกัน เขาไม่เคยหันมามองมู่หลันเลยสักครั้ง จนนางเคยน้อยใจว่านางไร้ความงามจนถึงขนาดที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยหรือ แม้นางจะรักจินเยว่มาก แต่นางก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ว่าเหตุใดสหายวัยเด็กที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆทั้งพี่ใหญ่ ทั้งเล่อถง เอาแต่ตามติดและคอยเอกอกเอาใจแต่จินเยว่ นางเหมือนไร้ตัวตน พี่ใหญ่นั้นนางไม่ว่าอะไรเพราะนางเต็มใจที่จะได้จินเยว่เป็นพี่สะใภ้ แต่เล่อถง บุรุษไร้หัวใจผู้นั้น ไม่เคยมองมาที่นางเลย แม้นางจะเฝ้าปรุงแต่งโฉมเพ
หนิงอันเชื่อตามสัญชาตญาณของตนเองว่าสาวใช้นางนี้ไม่ได้พูดปด จึงพยักหน้าแล้วก็ตัดสินใจก้าวกลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วบอกกับคนขับว่านางจะว่าจ้างให้ไปส่งที่เมืองใกล้ชายแดนแทน ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของนาง คนขับรถพยักหน้า แล้วหนิงอันก็ก้าวกลับเข้าไปในรถม้าตามเดิม เมื่อทรุดนั่งลงแล้ว นางก็เปิดผ้าม่านข้างรถม้าออกจ้องมองไปที่จวนแม่ทัพเฉินเป็นครั้งสุดท้าย แม้นางจะรักชายผู้นั้นมาก แต่นางเองก็รู้แก่ใจว่าเขาไม่ได้รักนาง เพียงแต่นางใช้ยาเสน่หารัญจวนเพื่อชักจูงจิตใจเขาเท่านั้น แต่หากมันหมดฤทธิ์ไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพบหน้ากันอีกเพราะเขาไม่ได้รักนางด้วยหัวใจที่แท้จริงของเขา แต่มันคือการบังคับเขาด้วยฤทธิ์ของยาพิษ มือบางขอหนิงอันปล่อยผ้าม่านลงให้มันปิดสนิทดังเดิม แล้วก็นั่งเอนกายพิงรถม้าแล้วก็หลับตาลงอย่างปลงกับชีวิตที่พลิกผันของตนเองแล้วตัดสินใจว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ถูกโทษทัณฑ์ ไปจากที่นี่แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองอื่น อย่างน้อยนางพอมีวิชาแพทย์และความรู้เรื่องสมุนไพรติดตัวอยู่บ้าง คงจะพอใช้มันเลี้ยงชีพได้ หนิงอันหลับตาลงน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบแก้มของนาง นางยกมือขึ้นเช็ดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็วและสลัดความคิดค
แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้ม แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉยว่า“บังเอิญข้า มีความชอบไม่เหมือนผู้อื่นเสียด้วย ข้าชอบมีอะไรกับคนที่เกลียดข้า มันสะใจดี ข้าไม่ชอบคนที่ชอบข้า เกลียดกันก็มีอะไรกันได้ไม่จำเป็นต้องรักกัน อย่างที่เจ้าก็เห็นเมื่อคืนนี้ด้วยตนเองแล้ว ว่ามันสุขสมเพียงไร เจ้าก็เตรียมตัวเป็นนางบำเรอข้าเช่นนี้ หากข้าอยากนอนกับเจ้าเมื่อใดข้าก็จะมาหา แต่เจ้าอย่าหวังจะได้พบบุรุษที่ไหนอีกเลย ข้าจะให้องครักษ์เฝ้าเจ้าไว้ไม่ให้ออกนอกจวนเด็ดขาดข้าจะสั่งให้บ่าวจับตามองเจ้าทุกฝีก้าว เจ้าอยากได้อะไรก็บอกสาวใช้ก็แล้วกัน ข้าจะให้พ่อบ้านหาไว้รับใช้เจ้าสักคน แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าออกไปจากจวนเด็ดขาด ข้าจะบอกผู้อื่นว่าเจ้าเป็นเมียข้า แต่แท้จริงแล้วเจ้ามีฐานะเป็นเพียงนางบำเรอของข้าเท่านั้น พอใจเจ้าหรือยังเล่า”แม่ทัพหนุ่มบอกกับนางด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อง้องอนดี ๆ แล้วไม่ยอมคืนดีสักที ไม่ยอมรับว่าเป็นฮูหยินของเขา เช่นนั้นก็เป็นนางบำเรอก็ได้ แต่อย่างไรก็ได้ชื่อว่าเมียเหมือนกัน และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปมีบุรุษใดได้อีก อย่าคิดฝันว่าจะได้สมหวังกับเจ้าเล่อถงนั่นเลย ข้ารู้นะว่ามันหลงรักเจ้า มันถึงยอมทุ่มเทช่วยเจ้
แม่ทัพหนุ่มก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เพราะเขาสะกดกลั้นความต้องการของตนมานานแล้ว เพราะต้องการสั่งสอนภรรยาแสนดื้อเช่นนาง เขายกสะโพกหนาขึ้นเสยเข้าหานางแล้วเร่งความเร็ว ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นบดขยี้ ถี่ยิบและเน้นหนัก ขึ้นหานางจนกระทั่งแตกระเบิดพร่างพรายไปด้วยกันอีกครั้งแล้วพลิกร่างอวบอิ่มของนางลงด้านล่าง แล้วก็สอดอาวุธคู่กายของเขากลับเข้าไปอีกครั้ง แล้วโยกขย่มนางอย่างเร่าร้อน เร่งกระแทกกายแกร่งเข้าสุดออกสุด และบดขยี้อย่างเน้นย้ำทุกจังหวะที่โจ้นจ้วง ตอกย้ำแรง ๆ ถึงความมีตัวตนของตนเอง ดังจะย้ำเตือนกับนางว่าเขาคือสามีของนาง สามีที่ยังรักนาง โหยหาและต้องการนางสุดหัวใจ“เยว่เอ๋อ โอ้วววว โอ้ววว เยว่เอ๋อ ยอดรักของข้า เจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้า ข้ารักเจ้า โอ้ววว โอ้ววว”แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางเรียกสตรีในหัวใจด้วยเสียงแหบพร่าดุจโหยหานางเหลือเกิน บั้นเอวสอบโยกไหวรัวเร็วและถี่ยิบแต่สิ่งที่นางตอบสนองเขาก็คือ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ข้าเกลียดท่าน ข้าเกลียด อ๊าย อ๊ะ”แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ ที่นางบอกว่าเกลียดเขา เขาจึงยิ่งกระแทกเข้าออกแรงขึ้นอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องน้อยนั้น เตียงสี่เสาหลังใหญ่ในห้
“ อ๊าย ข้าเจ็บ อย่านะ ไม่ อย่าทำเช่นนี้ ไม่….. ” นางดิ้นรนไปมา พยายามจะดิ้นหนีออกไปให้ไกลจากการรุกรานของเขาแต่แล้วก็พบว่าข้อมือตนเองถูกมัดติดกับหัวเตียง นางกรีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้นเพราะตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็ตื่นมาพบว่าตนเองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ และนอนแผ่กางแขนและขาอยู่บนเตียงในห้องที่ใดก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ห้องพักห้องเล็กที่อยู่บนร้านผ้าไหมแน่ ๆ “ ช่วยด้วย อย่านะ ท่านแม่ทัพ อย่านะ อย่า อ่่าาา อ่าาาาห์ ” เมื่อเขาสอดนิ้วเข้าไป เขาพบว่ามันแห้งสนิทและคับแน่นยิ่งนัก นิ้วแกร่งของเขาแทบจะดันเข้าไปไม่ได้ เขายกยิ้มพอใจ นางยังมิได้ถึงกับมีอะไรกับเจ้าจางเล่อถงนั่น ตอนนี้เขาสบายใจขึ้นมากเพราะลงมือพิสูจน์ด้วยตนเองแล้ว ว่านอกจากเขาแล้วยังมิมีชายใดมากล้ำกลายนาง ถ้าเช่นนั้นวันนี้จะต้องตอกย้ำความเป็นสามีของนาง เพื่อให้นางรู้ว่านางมีเจ้าของแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีเขาไปได้อีกเป็นอันขาด เขาจะขังนางเอาไว้ที่จวนของสหายของเขาที่เมืองหนิงโจวแห่งนี้ เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจะติดตามทั้งเขาและนางมาได้ ที่นี่เป็นจวนของสหายของเขา ที่เขาส่งจดหมายไปขอยืมเพื่อจะพำนักชั่
“แต่ข้าไปก็ได้นะ แต่เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้าด้วย เจ้ากลับข้าก็กลับ หากเจ้าไม่กลับข้าก็จะปักหลักอยู่กับเจ้าที่นี่แหละ”แม่ทัพหนุ่มยืนกราน เพราะเขาไม่มีทางถอยแน่ ๆ เพราะดูท่าแล้ว นางกำลังจะหนีเขาไป เพราะถึงกับย้ายออกมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้ และคงวางแผนที่จะหนีไปแต่งงานหรือไม่ก็ยอมเข้าเรือนหลังของเจ้าเล่อถงแน่ ๆ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมหรอก หากนางจะทำเช่นนั้น เขาจะอาละวาดให้งานแต่งของนางล่มแน่ ๆ หรือก็จะตามไปอาละวาดทุกๆ ที่ ที่นางไปอยู่กับชายใดก็ตาม ให้มันรู้กันไปสิ เมียคนเดียวเขาจะพากลับไปไม่ได้“ข้าไม่กลับไปกับท่าน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นท่านจะมาบังคับข้าไม่ได้ กลับไปเสีย หาไม่ ข้าจะฟ้องท่านย่าว่าท่านมาวุ่นวายรบกวนการทำงานของข้า”แม่ทัพหนุ่มยักไหล่ ฟ้องก็ฟ้องไปสิ เขาไม่ได้สนใจ เพราะเขาบอกท่านย่าแล้วว่านางเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขามาเฝ้าเมียไม่ให้คิดจะคบชู้ มันผิดตรงไหน และนางก็ไม่ใช่คนตัวเปล่า สามีก็มานั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ ยังคิดจะหว่านเสน่ห์ชายอื่นได้อีก ใครผิดกันแน่ ๆ ก็เห็น ๆ อยู่ อย่างไรเขาก็ไม่ยอม จะให้ไปพบเจ้าเล่อถงที่จวนเขาก็ยินดี ไปบอกมันว่าสตรีที่มันหมายปองมีสามีแล้วหลังจากนั้นแม่ทัพ







