Masukในเวลาที่มีการฉลองพิธีแต่งงานที่ครึกครื้นที่จวนสกุลเฉินอยู่นั้น รถม้ารับจ้างคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้าออกไปจากประตูเมืองหลวง หลังจากที่จินเยว่นำเครื่องประดับของนางหลาย ๆ ชิ้นไปขายแล้ว ก็ซ่อนตั๋วเงินกับเครื่องประดับที่เหลืออีกหลายชิ้นไว้อย่างมิดชิด
แล้วไปว่าจ้างรถม้าเพื่อจะเดินทางไปที่เมืองโหยวโจวก่อนที่จะค่ำมืดไปเสียก่อน ซึ่งคนขับบอกว่าใช้เวลาสามวัน แต่ระหว่างทางมีโรงเตี้ยมให้พักได้ เป็นโรงเตี้ยมที่ปลอดภัยและมีผู้คนที่เดินทางผ่านไปมาเข้าพักไม่ขาดระยะ จินเยว่จึงได้เบาใจว่าคงจะเดินทางไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
นางเอนกายพิงผนังรถม้า แล้วหลับตานิ่ง รถม้าคันนี้นางเลือกที่แข็งแรงและยังดูใหม่ ส่วนคนขับก็มีสองคนเอาไว้ผลัดเปลี่ยนกัน นางไม่ได้ชวนท่านยายออกมาด้วย เพราะสงสารท่านยายของตัวเองที่อาจจะต้องไปตกระกำลำบากกับนางก็เป็นได้ เพราะนางหนีมาครั้งนี้ นางเองก็ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองในอนาคตเลยสักนิด แม้จะหวังว่าอาจจะพึ่งพาคุณชายจางเล่อถงได้บ้าง แต่นางก็ไม่อยากจะเป็นภาระของเขาไปเสียทั้งหมด จึงได้เตรียมการสำหรับตัวเองเอาไว้เผื่อความผิดพลาด นางจะได้ไม่ลำบากเมื่อไปถึงที่โน่นแล้ว
นางไปที่โหยวโจวเพียงลำพังและก็ตัวคนเดียวที่นั่น ยังดีที่นางยังพอมีทรัพย์สินเอาขายแลกเงินทองเอาไว้ว่าจ้างรถม้าและคงจะพอหาเช่าบ้านเล็ก ๆ ที่นั่นได้ และก็จะหาลู่ทางค้าขายหรือรับจ้างทำงานเย็บปักที่นางถนัดเพื่อเอาไว้ขายเลี้ยงชีพ นางเองก็ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร แต่ขอเพียงได้หนีพ้นมาจากเมืองหลวง เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ลืมเลือนตัวตนครั้งอดีตไปเสียให้หมด ต่อไปจะไม่มีหญิงที่มีนามว่าซ่งจินเยว่อีกแล้ว
นางไม่ต้องการพบเจอคนรู้จักเก่า ๆ ไม่อยากจะรื้อฟื้นความเจ็บปวดและบาดแผลที่ทำให้นางเจ็บปวดแทบแดดิ้น เพราะถึงเจ็บปวดปางตาย ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะเป็นนางที่จะเจ็บปวดกับบาดแผลครั้งนี้ไปเพียงลำพัง
ผู้อื่นเขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขามีความสุขสมหวังกับคนที่เขาเลือกแล้ว และสตรีผู้นั้นก็เป็นสตรีที่คงช่วยให้อนาคตเขาก้าวหน้าดีกว่าที่จะมาจมปลักกับสตรียากไร้ ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเช่นนาง ไม่มีครอบครัวช่วยหนุนหลังสามี เป็นเพียงคนอาศัยในจวนที่ฐานะดีกว่าสาวใช้เพียงนิดเดียว ไม่สามารถเชิดหน้าชูตาใครได้ ลาก่อนชีวิตและความหลัง ครั้งเก่า ๆ ต่อไปข้าจะไม่พูดถึงและคิดถึงมันอีกต่อไปแล้ว
จินเยว่หลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ซึมหัวตาเล็กน้อย นางพยายามสลัดความรู้สึกเก่า ๆ ออกไป ต่อไปนางจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ใช้ชื่อแซ่ใหม่ จะไม่หวนคืนกลับไปใช้ชีวิตของสตรีอาภัพคนเดิมอีกแล้ว
ด้านที่จวนสกุลเฉิน มู่หลันที่นั่งจ้องมองพี่ชายของนาง เข้าพิธีแต่งงานกับสตรีอื่นอย่างสะท้อนใจยิ่งนัก นางสงสารจินเยว่นัก ทั้งที่คนที่ควรจะเป็นเจ้าสาวในวันนี้ควรจะเป็นนาง กลับเป็นสตรีที่ไหนก็ไม่รู้ อยู่ ๆ ก็ปรากฎตัวและคว้าหัวใจพี่ใหญ่ของนางไป จนเมื่ออดทนไม่ไหวอีกต่อไป มู่หลันก็หันไปเรียกสาวใช้นางหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก
“เจ้าไปแอบดูเยว่เอ๋อให้ข้าหน่อย แอบไปนะ ไปตามดูว่านางทำอะไรอยู่ หรือว่านางหลบอยู่ในห้อง ข้าเพียงต้องการอยากรู้ว่านางเป็นอะไรหรือไม่ แต่หากนางอยู่ในห้องก็ไม่ต้องไปรบกวนนางนะ ขอเพียงให้รู้ว่านางสบายดีข้าก็จะได้เบาใจ ดูด้วยว่ามีใครยกอะไรไปให้นางกินหรือไม่ ดูแลนางให้ข้าด้วยนะ "
สาวใช้ผู้นั้นรับคำแล้วก็รีบไปทำตามคำสั่งในทันที เพราะนางเองก็อดที่จะสะท้อนใจไม่ได้ นางเองเป็นสาวใช้ที่นี่มานาน เห็นทุกข์สุขของคนในจวนนี้มาตั้งแต่ครั้งที่อดีตที่ในจวนสกุลเฉินแห่งนี้มีความสุขยิ่งกว่าในวันนี้ด้วยซ้ำ เพราะแม้แต่นางเองยังอดที่จะรู้สึกไม่ได้ ว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไป แต่นางก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพียงแค่ความรู้สึกของนางบอกเช่นนั้น
คุณหนูจินเยว่เป็นสตรีที่จิตใจดีงามนัก ควรที่จะได้เป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพ แต่บัดนี้เหตุการณ์ในจวนนี้ได้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ บ่าวไพร่ก็แอบกระซิบกันว่าตั้งแต่ท่านแม่ทัพกลับมาครั้งนี้ ที่จวนนี้เหมือนจะไร้ความสุขกว่าเมื่อครั้งที่ท่านแม่ทัพไปออกศึกเสียอีก ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
ส่วนสตรีที่กลับกลายมาเป็นฮูหยินจวนแม่ทัพตัวจริงนั้น ยิ่งกว่าว่าที่ฮูหยินคนเดิมมากนัก เพราะทั้งถือตัว เอาแต่ใจ และด่าทอ ตบตีรังแกสาวใช้อย่างไม่ปราณีหากนางไม่ได้ดังใจ เช่นนี้แล้ว บ่าวไพร่ที่ไหนจะรักนางได้ลง มีแต่คนแอบเสียดายว่าที่ฮูหยินคนเดิมกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพนั้นหลงรักสตรีเช่นนั้นไปได้อย่างไร แต่มันก็เป็นเรื่องของเจ้านาย บ่าวเช่นพวกนางมิอาจจะก้าวก่ายได้
และเมื่อสาวใช้เก่าแก่ที่ได้รับคำสั่งให้ไปแอบสอดส่องดูว่าจินเยว่เป็นเช่นไรบ้าง ก็แอบกลับมารายงานคุณหนูมู่หลันด้วยใบหน้าตื่นตระหนก นางค่อยเข้ามากระซิบคุณหนูเบา ๆ และมู่หลันก็ตะลึงงันไปเลย แต่ก็ไม่กล้าให้เรื่องนี้แพร่พรายออกไปในตอนนี้
ค่อยแอบไปกระซิบท่านย่ากับแม่นมหวังในภายหลังก็แล้วกัน เรื่องราวมันก็ล่วงเลยมาเป็นเช่นนี้แล้ว คงมิอาจจะแก้ไขสิ่งใดได้แล้ว และอีกอย่างจะเหนี่ยวรั้งให้จินเยว่อยู่ที่จวนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด เพราะรังแต่จะทำให้นางพบกับความเจ็บปวดไปตลอด เรื่องการร่วมชีวิตระหว่างพี่ใหญ่กับจินเยว่บัดนี้คงจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะมู่หลันเองก็ทราบนิสัยของจินเยว่ดี ว่านางไม่มีทางยอมมีสามีคนเดียวกับสตรีอื่น
ยิ่งสตรีนางนั้นมู่หลันก็พอจะดูออกว่าไม่ใช่คนซื่อตรงและอ่อนหวานอย่างที่นางแสดงออกให้คนอื่นเห็น แต่เหมือนนางเป็นคนมีลับลมคมในและดูน่ากลัวอย่างไรก็ไม่รู้ได้ ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ไปหลงใหลสตรีเช่นนี้ได้อย่างไร แต่ตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว มู่หลันแอบทอดถอนใจ พลางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายที่เปล่งประกายของความสุขอย่างเห็นได้ชัดเจน เขาคงจะสมหวังกับสตรีที่เขารักจริง ๆ แล้วกระมัง
นั่นทำให้มู่หลันได้แต่สงสารเยว่เอ๋อของนางเหลือเกิน ป่านนี้นางจะไปตกระกำลำบากที่ไหน ทำไมนางไม่บอกกับสหายรักอย่างข้าก่อนว่าจะหนีไป ข้าอาจจะพอหาทางช่วยนางให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น หรือให้ท่านย่าหาซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ ให้กับนาง เพราะถึงอยู่ที่จวนนี้ไป นางก็คงไม่มีความสุข เรื่องนั้นมู่หลันเข้าใจดี
แล้วเรื่องที่เพิ่งจะได้รับรู้มาทำให้มู่หลันได้แต่นิ่งเงียบไปหลังจากนั้น เพราะอยู่ในระหว่างพิธีการแต่งงานที่ยังไม่เสร็จสิ้น นางทำได้เพียงจ้องมองพี่ชายที่กำลังเข้าพิธีกับเจ้าสาวที่ผิดฝาผิดตัวอย่างชื่นบาน แล้วได้แต่นึกปลงในใจ ว่าพวกเขาทั้งสองคงไม่ใช่คู่ที่แท้จริงของกันและกัน จึงได้แคล้วคลาดกันไปเช่นนี้
ต่อไปนี้มูหลันก็คงได้แต่ภาวนาขอให้เยว่เอ๋อเดินทางไปไหนก็ให้ปลอดภัย และให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ให้เป็นสุข หากวันหน้ามีโอกาสได้พบกันอีก นางก็จะมอบเงินทองให้สหายรักไปสักก้อนหนึ่งเพื่อให้นางนำมันไปตั้งตัว จะได้ไม่ลำบากจนเกินไปนัก ข้าคงจะช่วยเจ้าได้ได้เพียงเท่านี้จริง ๆ นะเยว่เอ๋อสหายรัก มู่หลันนั่งครุ่นคิดในใจตลอดเวลาที่เหลือนั้น
ตอนแรกมู่หลันเม้มปากของนางเอาไว้แน่นไม่ยินยอมให้เจ้าคนร้ายกาจนั่น สอดลิ้นสากที่ไล้เลียริมฝีปากของนางอยู่เข้าไปในปากจิ้มลิ้มของนางอย่างเด็ดขาด แต่แล้วเพียงไม่นาน มู่หลันก็เคลิบเคลิ้มยอมเผยอริมฝีปากอิ่มของนางให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเล่อถงเข้ามาชิมความหวานในปากของตนเอง ทั้งยังเข้าเกี่ยวพันลิ้นเล็กแสนนุ่มนิ่มของนาง จนร่างงามสั่นสะท้านไปหมด ในที่สุดก็ไร้เรี่ยวแรงเอนกายพิงอกแกร่งของเขาอย่างเต็มใจเพราะที่จริงแล้วภายในใจของมู่หลันนั้น แทบจะเต้นระบำรำฟ้อน เพราะนางหลงรักจางเล่อถงมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจนางเลย เอาแต่ตามติดจินเยว่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางกับพี่ใหญ่รักกัน เขาไม่เคยหันมามองมู่หลันเลยสักครั้ง จนนางเคยน้อยใจว่านางไร้ความงามจนถึงขนาดที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยหรือ แม้นางจะรักจินเยว่มาก แต่นางก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ว่าเหตุใดสหายวัยเด็กที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆทั้งพี่ใหญ่ ทั้งเล่อถง เอาแต่ตามติดและคอยเอกอกเอาใจแต่จินเยว่ นางเหมือนไร้ตัวตน พี่ใหญ่นั้นนางไม่ว่าอะไรเพราะนางเต็มใจที่จะได้จินเยว่เป็นพี่สะใภ้ แต่เล่อถง บุรุษไร้หัวใจผู้นั้น ไม่เคยมองมาที่นางเลย แม้นางจะเฝ้าปรุงแต่งโฉมเพ
หนิงอันเชื่อตามสัญชาตญาณของตนเองว่าสาวใช้นางนี้ไม่ได้พูดปด จึงพยักหน้าแล้วก็ตัดสินใจก้าวกลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วบอกกับคนขับว่านางจะว่าจ้างให้ไปส่งที่เมืองใกล้ชายแดนแทน ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของนาง คนขับรถพยักหน้า แล้วหนิงอันก็ก้าวกลับเข้าไปในรถม้าตามเดิม เมื่อทรุดนั่งลงแล้ว นางก็เปิดผ้าม่านข้างรถม้าออกจ้องมองไปที่จวนแม่ทัพเฉินเป็นครั้งสุดท้าย แม้นางจะรักชายผู้นั้นมาก แต่นางเองก็รู้แก่ใจว่าเขาไม่ได้รักนาง เพียงแต่นางใช้ยาเสน่หารัญจวนเพื่อชักจูงจิตใจเขาเท่านั้น แต่หากมันหมดฤทธิ์ไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพบหน้ากันอีกเพราะเขาไม่ได้รักนางด้วยหัวใจที่แท้จริงของเขา แต่มันคือการบังคับเขาด้วยฤทธิ์ของยาพิษ มือบางขอหนิงอันปล่อยผ้าม่านลงให้มันปิดสนิทดังเดิม แล้วก็นั่งเอนกายพิงรถม้าแล้วก็หลับตาลงอย่างปลงกับชีวิตที่พลิกผันของตนเองแล้วตัดสินใจว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ถูกโทษทัณฑ์ ไปจากที่นี่แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองอื่น อย่างน้อยนางพอมีวิชาแพทย์และความรู้เรื่องสมุนไพรติดตัวอยู่บ้าง คงจะพอใช้มันเลี้ยงชีพได้ หนิงอันหลับตาลงน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบแก้มของนาง นางยกมือขึ้นเช็ดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็วและสลัดความคิดค
แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้ม แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉยว่า“บังเอิญข้า มีความชอบไม่เหมือนผู้อื่นเสียด้วย ข้าชอบมีอะไรกับคนที่เกลียดข้า มันสะใจดี ข้าไม่ชอบคนที่ชอบข้า เกลียดกันก็มีอะไรกันได้ไม่จำเป็นต้องรักกัน อย่างที่เจ้าก็เห็นเมื่อคืนนี้ด้วยตนเองแล้ว ว่ามันสุขสมเพียงไร เจ้าก็เตรียมตัวเป็นนางบำเรอข้าเช่นนี้ หากข้าอยากนอนกับเจ้าเมื่อใดข้าก็จะมาหา แต่เจ้าอย่าหวังจะได้พบบุรุษที่ไหนอีกเลย ข้าจะให้องครักษ์เฝ้าเจ้าไว้ไม่ให้ออกนอกจวนเด็ดขาดข้าจะสั่งให้บ่าวจับตามองเจ้าทุกฝีก้าว เจ้าอยากได้อะไรก็บอกสาวใช้ก็แล้วกัน ข้าจะให้พ่อบ้านหาไว้รับใช้เจ้าสักคน แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าออกไปจากจวนเด็ดขาด ข้าจะบอกผู้อื่นว่าเจ้าเป็นเมียข้า แต่แท้จริงแล้วเจ้ามีฐานะเป็นเพียงนางบำเรอของข้าเท่านั้น พอใจเจ้าหรือยังเล่า”แม่ทัพหนุ่มบอกกับนางด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อง้องอนดี ๆ แล้วไม่ยอมคืนดีสักที ไม่ยอมรับว่าเป็นฮูหยินของเขา เช่นนั้นก็เป็นนางบำเรอก็ได้ แต่อย่างไรก็ได้ชื่อว่าเมียเหมือนกัน และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปมีบุรุษใดได้อีก อย่าคิดฝันว่าจะได้สมหวังกับเจ้าเล่อถงนั่นเลย ข้ารู้นะว่ามันหลงรักเจ้า มันถึงยอมทุ่มเทช่วยเจ้
แม่ทัพหนุ่มก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เพราะเขาสะกดกลั้นความต้องการของตนมานานแล้ว เพราะต้องการสั่งสอนภรรยาแสนดื้อเช่นนาง เขายกสะโพกหนาขึ้นเสยเข้าหานางแล้วเร่งความเร็ว ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นบดขยี้ ถี่ยิบและเน้นหนัก ขึ้นหานางจนกระทั่งแตกระเบิดพร่างพรายไปด้วยกันอีกครั้งแล้วพลิกร่างอวบอิ่มของนางลงด้านล่าง แล้วก็สอดอาวุธคู่กายของเขากลับเข้าไปอีกครั้ง แล้วโยกขย่มนางอย่างเร่าร้อน เร่งกระแทกกายแกร่งเข้าสุดออกสุด และบดขยี้อย่างเน้นย้ำทุกจังหวะที่โจ้นจ้วง ตอกย้ำแรง ๆ ถึงความมีตัวตนของตนเอง ดังจะย้ำเตือนกับนางว่าเขาคือสามีของนาง สามีที่ยังรักนาง โหยหาและต้องการนางสุดหัวใจ“เยว่เอ๋อ โอ้วววว โอ้ววว เยว่เอ๋อ ยอดรักของข้า เจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้า ข้ารักเจ้า โอ้ววว โอ้ววว”แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางเรียกสตรีในหัวใจด้วยเสียงแหบพร่าดุจโหยหานางเหลือเกิน บั้นเอวสอบโยกไหวรัวเร็วและถี่ยิบแต่สิ่งที่นางตอบสนองเขาก็คือ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ข้าเกลียดท่าน ข้าเกลียด อ๊าย อ๊ะ”แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ ที่นางบอกว่าเกลียดเขา เขาจึงยิ่งกระแทกเข้าออกแรงขึ้นอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องน้อยนั้น เตียงสี่เสาหลังใหญ่ในห้
“ อ๊าย ข้าเจ็บ อย่านะ ไม่ อย่าทำเช่นนี้ ไม่….. ” นางดิ้นรนไปมา พยายามจะดิ้นหนีออกไปให้ไกลจากการรุกรานของเขาแต่แล้วก็พบว่าข้อมือตนเองถูกมัดติดกับหัวเตียง นางกรีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้นเพราะตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็ตื่นมาพบว่าตนเองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ และนอนแผ่กางแขนและขาอยู่บนเตียงในห้องที่ใดก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ห้องพักห้องเล็กที่อยู่บนร้านผ้าไหมแน่ ๆ “ ช่วยด้วย อย่านะ ท่านแม่ทัพ อย่านะ อย่า อ่่าาา อ่าาาาห์ ” เมื่อเขาสอดนิ้วเข้าไป เขาพบว่ามันแห้งสนิทและคับแน่นยิ่งนัก นิ้วแกร่งของเขาแทบจะดันเข้าไปไม่ได้ เขายกยิ้มพอใจ นางยังมิได้ถึงกับมีอะไรกับเจ้าจางเล่อถงนั่น ตอนนี้เขาสบายใจขึ้นมากเพราะลงมือพิสูจน์ด้วยตนเองแล้ว ว่านอกจากเขาแล้วยังมิมีชายใดมากล้ำกลายนาง ถ้าเช่นนั้นวันนี้จะต้องตอกย้ำความเป็นสามีของนาง เพื่อให้นางรู้ว่านางมีเจ้าของแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีเขาไปได้อีกเป็นอันขาด เขาจะขังนางเอาไว้ที่จวนของสหายของเขาที่เมืองหนิงโจวแห่งนี้ เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจะติดตามทั้งเขาและนางมาได้ ที่นี่เป็นจวนของสหายของเขา ที่เขาส่งจดหมายไปขอยืมเพื่อจะพำนักชั่
“แต่ข้าไปก็ได้นะ แต่เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้าด้วย เจ้ากลับข้าก็กลับ หากเจ้าไม่กลับข้าก็จะปักหลักอยู่กับเจ้าที่นี่แหละ”แม่ทัพหนุ่มยืนกราน เพราะเขาไม่มีทางถอยแน่ ๆ เพราะดูท่าแล้ว นางกำลังจะหนีเขาไป เพราะถึงกับย้ายออกมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้ และคงวางแผนที่จะหนีไปแต่งงานหรือไม่ก็ยอมเข้าเรือนหลังของเจ้าเล่อถงแน่ ๆ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมหรอก หากนางจะทำเช่นนั้น เขาจะอาละวาดให้งานแต่งของนางล่มแน่ ๆ หรือก็จะตามไปอาละวาดทุกๆ ที่ ที่นางไปอยู่กับชายใดก็ตาม ให้มันรู้กันไปสิ เมียคนเดียวเขาจะพากลับไปไม่ได้“ข้าไม่กลับไปกับท่าน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นท่านจะมาบังคับข้าไม่ได้ กลับไปเสีย หาไม่ ข้าจะฟ้องท่านย่าว่าท่านมาวุ่นวายรบกวนการทำงานของข้า”แม่ทัพหนุ่มยักไหล่ ฟ้องก็ฟ้องไปสิ เขาไม่ได้สนใจ เพราะเขาบอกท่านย่าแล้วว่านางเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขามาเฝ้าเมียไม่ให้คิดจะคบชู้ มันผิดตรงไหน และนางก็ไม่ใช่คนตัวเปล่า สามีก็มานั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ ยังคิดจะหว่านเสน่ห์ชายอื่นได้อีก ใครผิดกันแน่ ๆ ก็เห็น ๆ อยู่ อย่างไรเขาก็ไม่ยอม จะให้ไปพบเจ้าเล่อถงที่จวนเขาก็ยินดี ไปบอกมันว่าสตรีที่มันหมายปองมีสามีแล้วหลังจากนั้นแม่ทัพ







