Masukส่วนเล่อถงที่คบหากันมาตั้งแต่เด็กก็สวมรอยเล่นละครช่วยสหายรักของเขาทันที เพราะเขาเองก็รับรู้ได้ว่าเจ้าหมอนั่นจ้องพวกเขาอยู่ตาเป็นมัน ไม่ยอมคลาดสายตาเลยด้วยซ้ำ แล้วยังทำท่าฮึดฮัดขัดใจเหมือนหึงหวงเขากับจินเยว่อีกด้วย แล้วอย่างนี้จะบอกว่าหมดรักนางแล้วได้เช่นไร หรือว่าเจ้าหมอนี่มันคิดจะจับปลาสองมือกันแน่ ยิ่งคิดยิ่งขัดเคืองแทนจินเยว่
เขาจึงทำทีอ้อยอิ่งจับมือนุ่มนิ่มและขาวผ่องของจินเยว่ขึ้นมาจ้องมองจนแทบจะจรดริมฝีปากลงบนหลังมือของนางแล้ว และแล้วคนที่เอาแต่จ้องมองอย่างจับผิดคนที่คู่ก็ทนต่อไปไม่ไหว เขาลุกพรวดพลาดขึ้นทันที แล้วก็กระโจนเข้ามาชกหน้าเล่อถง จนเขาหล่นลงไปกองอยู่บนพื้น
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องหลาย ๆ เสียงที่ดังขึ้น จินเยว่ตกตะลึง และเมื่อนางได้สติ ก็รีบลุกจากเก้าอี้ ลงไปประคองเล่อถงขึ้นมาทันที
“ เป็นอะไรหรือไม่ เล่อถง เจ็บหรือไม่ ”
นางยกมือขึ้นจับที่แผลที่มีเลือดออกที่ริมฝีปากของเขาอย่างแผ่วเบาเพราะเกรงสหายรักจะเจ็บ
แล้วก็หันมาเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าถมึงทึงของบุรุษที่ยังคงยืนจังก้าตรงหน้าของนาง
“ท่านแม่ทัพ ท่านทำอะไรน่ะ ชกเล่อถงทำไม เขาทำอะไรให้ท่าน”
จินเยว่ร้องถามคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจที่เขาทำหยาบคายและรุนแรงกับสหายของนาง
“ชกทำไมน่ะหรือ ก็มันเกือบจะจูบมือของเจ้าอยู่แล้ว หากข้าไม่ขัดขวางมันเสียก่อน มันกับเจ้าไม่ใช่เด็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะถึงเนื้อถึงตัวกันเช่นนั้นไม่ได้แล้ว แถมมันยังทำท่าเหมือนกับจะจูบมือของเจ้า แถมยังทำต่อหน้าทุกๆ คนในห้องนี้ด้วย ท่านย่ากับท่านยายของเจ้าก็อยู่ที่นี่ มันก็ยังกล้าทำ”
เขาตอบโต้จินเยว่ที่ร้องต่อว่าเขา ใบหน้าหล่อเหลายังไม่คลายความบึ้งตึง ดวงตาคมจ้องมองเล่อถงอย่างเอาเรื่อง
“ มู่หยาง หยุดนะ ไปชกหน้าเล่อถงทำไมกัน เจ้าจะโมโหไปทำไม จินเยว่กับเจ้าไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว นางจะคบหากับชายอื่นบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไร ย่าคิดว่าเล่อถงอาจจะพึงใจจินเยว่หรือเปล่า เขาถึงทำท่าเหมือนเกี้ยวนางเช่นนี้ ย่าคิดว่าไม่ผิดนะ พวกเขาก็ถึงวัยที่จะออกเรือนมีครอบครัวได้แล้ว หากจะคบหากันเฉกเช่นคนรักย่าก็ว่าไม่ผิดนะ ต่อไปย่าขอห้ามเจ้ายุ่งกับพวกเขา ปล่อยจินเยว่ นางจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้าอีกต่อไปแล้ว เจ้าควรจะไปดูแลคนรักของเจ้า คนที่เจ้ากำลังจะแต่งงานกับนางจะดีกว่า ปล่อยให้พวกเขาได้คบหากัน หากเล่อถงพึงใจอยากจะได้จินเยว่เป็นภรรยาจริง ย่าก็ยินดียกให้ ”
ท่านย่าพูดกับหลานชายด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะหมั่นไส้ท่าทางเหมือนหมาหวงก้างของเขา ตัวเองก็ไม่ได้รักใคร่ใยดีจินเยว่แล้ว แต่พอเห็นนางใกล้ชิดบุรุษอื่นก็มาทำตัวเป็นหมาหวงก้างเสียอีก น่าหมั่นไส้นักเชียว ท่านย่าครุ่นคิด
แม่ทัพหนุ่มทำท่าทางฮึดฮัดขัดใจที่เห็นท่านย่าของเขาให้ท้ายบุรุษกับสตรีนางนั้น ที่ทำท่าทางน่าเกลียดต่อหน้าทุกคในห้องโถงเช่นนี้ เขาจ้องมองจินเยว่ที่กำลังพยุงเจ้าเล่อถงนั่นลุกขึ้น แล้วก็พาเจ้าหมอนั่นไปนั่งที่ตั่งไม้ริมหน้าต่างที่ห่างจากพวกเขาออกไปเล็กน้อย
แล้วนางก็ทรุดนั่งลงข้างกายเจ้าหมอนั่น พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยที่เหน็บเอวของนางขึ้นมา ดวงตาของแม่ทัพหนุ่มพองขยาย เขาคำรามออกมาเบา ๆ เมื่อยามเห็นมือบางของเยว่เอ่อของเขา ค่อย ๆ ซับเลือดที่มุมปากของเจ้าเล่อถงนั้นเบา ๆ
เขาจ้องมองคนทั้งสองไม่คลาดสายตา หัวใจแกร่งเหมือนถูกบีบ เขาทำท่าฮึดฮัดขัดใจ ยิ่งมองยิ่งไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นท่าทางใกล้ชิดของคนทั้งสองนั่น สายตาคมกริบจับจ้องมองไปที่คนทั้งคู่ แล้วก็หันไปมองท่านย่ากับแม่นมหวังที่ต่างก็จับจ้องมองสองคนนั้นแล้วยิ้มน้อย ๆ ในหน้าเหมือนกับว่าพอใจที่เห็นสองคนนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกัน
ยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่าท่านย่ากับแม่นมหวังคิดจะจับคู่ให้สองคนนั้นแน่ ๆ แม่ทัพหนุ่มกำมือแน่น เขาเดินออกไปจากห้องโถงทันที โดยทิ้งสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักใหม่ของเขา ให้นั่งอึ้งงันอยู่ที่เดิม นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามเขาออกไปในทันที
“ ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพี่ ”
นางร้องเรียกเขาพลางวิ่งตามหลังเขามา โดยมีผู้อาวุโสทั้งสองมองตามมาพร้อมกับยิ้มในหน้าอย่างชอบใจ สมน้ำหน้าเจ้าคนหลายใจนัก ตอนนี้ดิ้นพล่านเหมือนหมูถูกน้ำร้อนลวก คงจะกลัวเสียคนรัก ไหนบอกว่าไม่ได้รักจินเยว่แล้ว แต่พอมีบุรุษอื่นมาสนใจนางเข้า ยังไม่ได้ถึงกับมาสู่ขอ ก็ดิ้นพล่านถึงเพียงนี้แล้ว อย่างนี้เรียกว่าหมดรักในตัวของนางแล้วเช่นนั้นหรือ ท่านย่ายกยิ้มนิด ๆ ที่ริมฝีปาก ต่อไปนี้เรื่องมันคงจะสนุกขึ้นทุกทีแล้ว
ด้านแม่ทัพหนุ่มที่เดินออกมาจากเรือนหลักด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน เพราะความโมโหที่เห็นอดีตคนรักทำท่าเหมือนกับมีใจให้กับเจ้าเล่อถง ทั้ง ๆ ที่ เมื่อก่อนสองคนนี้ก็ไม่ได้สนิทสนมกันมากขนาดนี้ และนางก็ไม่ได้พึงใจเจ้าหมอนั่นด้วยซ้ำ
ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เจ้าหมอนั่นมันจ้องมองจินเยว่เสียหวานฉ่ำ ส่วนนางก็ทำท่าสะเทิ้นอาย หรือว่าสองคนนั้นจะมีใจให้กัน มือหนาของแม่ทัพหนุ่มกำเข้าหากันแน่น แล้วก็ชกเปรี้ยงไปที่ต้นไม้ในสวน
“ ว๊ายย!! ท่านพี่ทำอะไรเจ้าคะ เป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ เหตุใดท่านจึงได้ทำเช่นนี้ ดูสิมือของท่านเลือดออกหมดแล้ว "
หนิงอันร้องเอะอะขึ้นเพราะเห็นเลือดทะลักออกจากบาดแผลของมู่หยาง
หนิงอันรีบปราดเข้ามาจับมือของแม่ทัพเฉินคนรักของนาง ขึ้นดูพบว่ามันแตกและเต็มไปด้วยเลือดสด ๆ ที่กำลังรินไหลออกมา เขาชักมือออกจากการเกาะกุมของสตรีข้างกาย ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงยังไม่คลายและไม่มีอารมณ์จะสนใจสตรีที่กำลังระล่ำระลักถามไถ่เขาด้วยความตกใจที่เห็นเขาชกต้นไม้อย่างแรงจนมือแตก
“ เจ้ากลับเรือนไปก่อน ตอนนี้พี่อารมณ์ไม่ดี ”
เขาหันไปบอกหนิงอันที่ตะลึงจ้องมองเขาอยู่ นางจำต้องรับคำแล้วก็หมุนตัวเดินออกไปเพื่อจะมุ่งหน้ากลับไปที่เรือนเล็กของตัวเอง นางหันมาจ้องมองเขาอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเดินต่อไป ด้วยความไม่พอใจที่เห็นคนรักมีท่าทีเหมือนไม่พอใจที่อดีตคนรักในวัยเด็กของเขาใกล้ชิดกับบุรุษอื่น นางไม่เคยเห็นเขาโมโหมากอย่างนี้มาก่อน
เห็นทีสตรีนางนี้จะมองข้ามไม่ได้เสียแล้ว แสดงว่าที่ปากเขาบอกว่าหมดรักนางแล้ว นั้นไม่จริงอย่างแน่นอน หนิงอันร้อนใจนัก ที่เหตุการณ์มันกลับกลายมาเป็นแบบนี้ นางไม่พอใจเลยสักนิด ยาเสน่ห์รัญจวนที่นางใช้ชักจูงใจให้แม่ทัพเฉินมู่หยางมันเสื่อมฤทธิ์ลงไปหรืออย่างไรกัน คงจะต้องเพิ่มตัวยาให้มากหน่อยเสียแล้ว หนิงอันครุ่นคิดอย่างกังวลขณะที่ยอมเดินกลับเรือนของนางไป
ท่านพ่อของหนิงอันเป็นหมอสมุนไพรพื้นบ้าน มีความสามารถทั้งรักษาคนและทำลายคนได้ และนางก็เรียนรู้ตัวยามาจากเขาเวลาช่วยงานเขาและก็แอบอ่านตำรายาของท่านพ่อไปด้วย และนางก็ใช้มันกับแม่ทัพเฉินมู่หยางเมื่อยามที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาที่ค่ายทหารเป็นครั้งแรกและก็พบว่ามันได้ผลชะงัด
และในที่สุดนางก็กลายมาเป็นคนรัก เป็นเมียลับของเขาที่ค่ายทหารทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเขาเฉยชา ไม่ได้สนใจสตรีใดทั้งสิ้น แม้ว่าหนิงอันเพียรทอดสะพานเท่าใดเขาก็ไม่เหลือบแลมองนาง เขาได้ชื่อว่าเป็นแม่ทัพที่เย็นชาไร้หัวใจ และหล่อเหลือร้าย ทำให้สตรีที่ต่างก็เพิ่งพบเขาพากันหลงใหลในเสน่ห์ของแม่ทัพหนุ่มอย่างเขาไปตามๆ กัน ไม่เว้นแต่บุตรสาวของหมอในค่ายทหารเช่นนาง และในที่สุดนางก็พิชิตใจของเขามาได้ท่ามกลางความแปลกใจของเหล่าสตรีหลายๆ คนที่ค่ายทหารนั้น
แต่ที่จริงแล้วเขาแพ้พ่ายยาเสน่หารัญจวนของนาง จนกลายมาเป็นคนรักและว่าที่สามีของนางในที่สุด
“ ข้าจะไม่มีทางให้แผนการที่ข้าอุตส่าห์เพียรทำมาหลายเดือน ต้องมาพังพินาศเพราะคนรักเก่าในวัยเด็กของเขาเป็นแน่ ข้าไม่มีทางยอม”
มือบางของหนิงอันกำแน่น แล้วฟาดลงไปบนต้นไม้ตามรายทางที่นางเดินมุ่งหน้ากลับเรือนของตน เพื่อระบายโทสะและความขัดเคืองใจ ที่ควบคุมแม่ทัพมู่หยางไม่ได้ดังเช่นเคย
ส่วนเล่อถงที่คบหากันมาตั้งแต่เด็กก็สวมรอยเล่นละครช่วยสหายรักของเขาทันที เพราะเขาเองก็รับรู้ได้ว่าเจ้าหมอนั่นจ้องพวกเขาอยู่ตาเป็นมัน ไม่ยอมคลาดสายตาเลยด้วยซ้ำ แล้วยังทำท่าฮึดฮัดขัดใจเหมือนหึงหวงเขากับจินเยว่อีกด้วย แล้วอย่างนี้จะบอกว่าหมดรักนางแล้วได้เช่นไร หรือว่าเจ้าหมอนี่มันคิดจะจับปลาสองมือกันแน่ ยิ่งคิดยิ่งขัดเคืองแทนจินเยว่เขาจึงทำทีอ้อยอิ่งจับมือนุ่มนิ่มและขาวผ่องของจินเยว่ขึ้นมาจ้องมองจนแทบจะจรดริมฝีปากลงบนหลังมือของนางแล้ว และแล้วคนที่เอาแต่จ้องมองอย่างจับผิดคนที่คู่ก็ทนต่อไปไม่ไหว เขาลุกพรวดพลาดขึ้นทันที แล้วก็กระโจนเข้ามาชกหน้าเล่อถง จนเขาหล่นลงไปกองอยู่บนพื้นท่ามกลางเสียงกรีดร้องหลาย ๆ เสียงที่ดังขึ้น จินเยว่ตกตะลึง และเมื่อนางได้สติ ก็รีบลุกจากเก้าอี้ ลงไปประคองเล่อถงขึ้นมาทันที“ เป็นอะไรหรือไม่ เล่อถง เจ็บหรือไม่ ” นางยกมือขึ้นจับที่แผลที่มีเลือดออกที่ริมฝีปากของเขาอย่างแผ่วเบาเพราะเกรงสหายรักจะเจ็บแล้วก็หันมาเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าถมึงทึงของบุรุษที่ยังคงยืนจังก้าตรงหน้าของนาง“ท่านแม่ทัพ ท่านทำอะไรน่ะ ชกเล่อถงทำไม เขาทำอะไรให้ท่าน” จินเยว่ร้องถามคนตรงหน้าอย่างไม
วันต่อมา จางเล่อถง บุตรชายคหบดีจางที่อยู่จวนใกล้ ๆ กัน และเป็นสหายในกลุ่มของพวกเขาตั้งแต่เด็ก ก็กลับมาจากติดต่อการค้าที่เขามักจะเดินทางไปแทนบิดาของเขาหลายต่อหลายเมืองเพื่อตรวจบัญชีของร้าน และดูแลกิจการที่เขานั้นบัดนี้สืบทอดต่อจากบิดาของเขาที่อายุมากแล้ว เขาเพิ่งจะรับหน้าที่แทนบิดาอย่างเต็มตัวมาได้เพียงแค่หนึ่งหนาวเท่านั้นเมื่อกลับมาถึงจวนแล้ว ระหว่างมื้ออาหารมารดาของเขาก็เอ่ยขึ้นว่า“เล่อถง เจ้ารู้หรือไม่ ตอนนี้แม่ทัพเฉินมู่หยางกลับมาจากชายแดนแล้วนะ เขาชนะศึกสงคราม ต่อไปนี้แคว้นของเราคงจะสงบลงอีกหลายปี เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ แต่ว่ากลับมาคราวนี้เขาพาสตรีอื่นกลับมาด้วยนะ ได้ยินสาวใช้พูดกันว่า บ่าวที่จวนพากันตกตะลึงกันไปหมด เพราะว่าเขาพาสตรีนางนั้นนั่งม้าตัวเดียวกันกลับมาด้วย สงสัยว่าจินเยว่หลานสาวแม่นมหวังคงจะเป็นหม้ายขันหมากแล้ว ช่างน่าสงสารจริง ๆ เลย”ฮูหยินจางเอ่ยขึ้น เพราะนางก็เห็นเด็ก ๆ จวนข้าง ๆ มาตั้งแต่ยังเล็ก พวกเขานั้นรู้จักกันและก็เป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กกันอีกด้วยทำให้พลอยได้รับรู้เรื่องที่หลานชายของจวนโน้นชอบพอกับหลานสาวของแม่นมหวังที่เติบโตมาด้วยกัน ได้ยินพูดกันว่าจะใ
จินเยว่แทบจะอ้าปากค้างกับความจริงที่เพิ่งได้ประจักษ์กับตนเอง สตรีนั่นแพศยาสามานย์ก็แล้วไป แต่บุรุษผู้นี้ก็ช่างโง่งมนัก เหมาะสมกันแท้ ๆ สมแล้วที่หากันพบ ตอนนี้จินเยว่คิดว่านางควรจะเลิกโง่งมรักบุรุษที่นอกจากไม่รักษาคำมั่นสัญญา จิตใจโลเล ซ้ำยังหูเบา และตอนนี้ยังดูโง่เง่ายิ่งนัก ถูกสตรีแพศยานางนี้ใช้ลูกไม้ตื้น ๆ ตบตาเข้าก็ยังอุตส่าห์เชื่อได้อีก นางแทบไม่เชื่อเลยว่าเขาคือพี่มู่หยางของนาง“ ข้าไม่ได้ทำอะไร อยู่ ๆ นางมาดึงมือข้าไปตบหน้าของตัวเองแล้วก็ล้มลงเอง ข้าไม่ได้แตะต้องตัวนางสักนิดเลย ” จินเยว่ยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ แต่แล้วจากใบหน้าและดวงตาคมดุที่จ้องมองนางอยู่นั่นก็แสดงความไม่เชื่อถือเลยแม้แต่น้อย“ ข้าไม่เชื่อ ใครจะบ้าทำเช่นนั้นกัน อยู่ ๆ ก็ดึงมือผู้อื่นมาตบหน้าตัวเอง หนิงอันจะทำเช่นนั้นทำไมกัน ” คิ้วเข้มขมวดมุ่น เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่จินเยว่กล่าวหา แต่เขากับจินเยว่ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็กนางไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร แล้วนางจะทำร้ายหนิงอันเพราะเหตุใด หรือว่านางเกิดหึงหวงเขา ไม่พอใจที่เขาเลือกหนิงอันก็เลยคิดจะกลั่นแกล้งนาง“ ไม่จริงนะเจ้าคะ คุณหนูจินเ
หลายวันต่อมา ว่าที่ฮูหยินคนใหม่ของท่านแม่ทัพก็เข้าพำนักในเรือนหลังเล็กที่อยู่ไม่ห่างจากเรือนหลักมากนัก บัดนี้ท่านย่าพอจะทำใจได้บ้างแล้ว และด้วยจินเยว่นั้นมาบอกว่านางไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว หากท่านแม่ทัพไม่ต้องการนาง ก็ไม่อยากจะฝืนใจเขา ต่างคนต่างไปมีหนทางของตนเองเช่นนี้ก็ดีแล้ว นั่นทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าสบายใจขึ้นแม้จะไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันกลับกลายมาเป็นเช่นนี้เลย แต่ด้วยไม่อยากจะบังคับใจหลานชาย จึงได้แต่เฝ้าดูเหตุการณ์ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป และก็พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ให้การแต่งงานของหลานชายเกิดขึ้นเร็วนัก เพราะอยากให้เขาแน่ใจตัวเองจริง ๆ ว่าต้องการสตรีนางนั้นเป็นฮูหยินของเขาจริง ๆ ก่อน จึงจะจัดการแต่งงานให้กับหลานชายเพียงคนเดียว แม้ในใจส่วนลึกก็ยังอยากจะได้จินเยว่กลับมาเป็นหลานสะใภ้ของตัวเองเช่นเดิม แต่เมื่อมองดูแล้วความฝันนี้ก็ช่างเลือนลางเหลือเกิน เพราะวัน ๆ เห็นแต่หลานชายเฝ้าเอาอกเอาใจสตรีคนใหม่ของเขา เหมือนรักใคร่นางเสียมากมาย วันหนึ่งจินเยว่เดินออกจากเรือนของตนเองเพื่อจะไปที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อจะอ่านหนังสือยามบ่ายให้กับฮูหยินผู้เฒ่าฟังเช่นปกติ ขณะเดินตัดผ่าน
ทั้งหมดพากันเข้าไปในห้องโถงภายในเรือนหลักของจวนแม่ทัพ“ เอาละ ยังไม่ต้องพูดอะไรกันหรอก ไว้เจ้าไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวกันก่อน ย่าสั่งให้เขาเตรียมอาหารให้เจ้ามากมายเต็มไปหมด ล้วนมีแต่ของที่เจ้าชอบกินทั้งนั้น ” ท่านย่าเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนเข้าไปรวมกันในห้องโถงแล้ว“ท่านย่า ช่วยสั่งให้คนจัดเรือนให้กับหนิงอันด้วยเถิดขอรับ เอาที่ใกล้ ๆ เรือนของข้าหน่อย ไปมาหาสู่กันจะได้สะดวกขอรับ หนิงอัน เจ้าตามสาวใช้ไปนะ ไปอาบน้ำแล้วก็มากินข้าวด้วยกันที่เรือนนี้เข้าใจหรือไม่”แม่ทัพมู่หยางหันไปสั่งคนรักใหม่ของเขา ที่หันมารับคำอย่างว่าง่ายด้วยท่าทางอ่อนหวานน่ารัก พอสาวใช้เดินมาที่นางแล้ว หนิงอันก็ลุกขึ้นนางหันไปย่อกายทำความเคารพท่านย่าของคนรักอย่างอ่อนช้อย“หนิงอันคารวะท่านย่ากับแม่นมหวังใช่หรือไม่เจ้าค่ะ ท่านพี่พูดถึงพวกท่านอยู่บ่อย ๆ เจ้าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นหลานสาวด้วยคนนะเจ้าค่ะ”นางหันไปยิ้มให้กับผู้อาวุโสทั้งสองและย่อกายความเคารพอย่างอ่อนช้อย ใบหน้ายิ้มละไมให้กับทั้งผู้อาวุโสและให้กับมู่หลันที่เป็นน้องสาวของคนรักอีกด้วย แม้มู่หลันจะเมินไปทางอื่นทันทีนางก็ไม่ได้สนใจ“เอาละ เจ
แล้วแม่ทัพหนุ่มก็หันมายกมือคารวะท่านย่าของเขาที่ตอนนี้ก็ชะงักนิ่งงันจ้องมองเขากับสตรีน้อยนางนั้นเช่นเดียวทุกๆ คนในจวน ใบหน้าของทั้งท่านย่าแม่นมหวังนั้นไม่ต่างกันมากนัก“ คารวะท่านย่าขอรับ ข้าคิดถึงท่านย่าและทุกคน ๆ ที่จวนมาก ๆ เลยขอรับ ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว การศึกที่ยืดเยื้อมาตลอดห้าปีจบสิ้นลงแล้ว ต่อไปข้าคงจะได้อยู่ที่จวนกับท่านย่าและแม่นมหวังได้นาน ๆ แล้วขอรับ ”เขาหันมาคารวะท่านย่ากับแม่นมหวังแล้วก็ร้องทักทายอย่างดีใจส่วนทั้งมู่หลันและเยว่ซินที่ยืนอยู่ข้างกันก็นิ่งมองแม่ทัพหนุ่มตาค้าง ใบหน้างามของเยว่ซินนั้นหม่นแสงลงเล็กน้อย แต่นางก็พยายามคิดในแง่ดีว่า สตรีที่นั่งม้าตัวเดียวกันกับพี่มู่หยางของนางมานั้น อาจจะไม่ได้เป็นอะไรกับเขาก็ได้ นางอาจจะเพียงแค่จำต้องนั่งม้ามาด้วยกันเพราะขี่ม้าไม่เป็นก็เป็นได้“ ท่านพี่มู่หยาง ท่านพาใครมาด้วยเจ้าคะ ”แต่เป็นมู่หลันที่อดใจไม่ไหว เอ่ยถามในทันที ดวงตากลมจ้องมองสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายของพี่ชายนิ่ง ด้วยใบหน้างุนงงเป็นอย่างมาก“ ข้าลืมแนะนำไป นางคือ หลู้หนิงอัน นางเป็นคนรักของข้า กลับมาครั้งนี้ ข้าจะขอท่านย่าแต่งงานกับนางรับนางเป็นฮูหยินของข้า ”สิ้น







