Masukมื้อค่ำของวันนี้ แม่ทัพมู่หยางก็เข้าไปร่วมสำรับกับครอบครัวเช่นเดิม วันนี้เขาตัดสินใจถามถึงสตรีนางนั้นทันที เพราะมองหาเท่าไหร่ก็ไม่พบนาง และเขาเกรงว่านางจะออกไปกับจางเล่อถงด้วย
“ท่านย่าขอรับ จินเยว่ไปที่ใด เหตุใดนางไม่มาร่วมสำรับกับพวกเราเช่นเดิมขอรับ หรือเดี๋ยวนี้เย่อหยิ่งไม่อยากจะกินอาหารร่วมสำรับกับคนจวนนี้เสียแล้ว”
แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก ทำเอาท่านย่ากับแม่นมหวังหันไปสบตากัน ส่วนมู่หลันตอบสิ่งที่พี่ชายค้างคาใจแทนท่านย่าทันที เพราะนางเองก็หมั่นไส้พี่ชายตัวเองไม่น้อย เพราะตัวเองก็มีสตรีคนใหม่แล้ว ยังจะทำท่าหวงก้างคนรักเก่าอยู่ได้
“ นางก็ออกไปพบปะผู้คนที่งานเลี้ยงบ้างนะสิเจ้าคะ ใครจะมามัวอุดอู้อยู่แต่ที่จวน เดี๋ยวก็ขายไม่ออกกันพอดี ”
มู่หลันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน แต่ไม่ยอมมองหน้าพี่ชายเพราะยังเคืองเขาไม่หาย
ร่างหนาวางตะเกียบกระแทกลงบนถ้วยข้าวตรงหน้าทันที ทำเอาทุกคนชะงักค้างกันไปหมดเพราะตกใจ
“อะไรกัน จวนเราเลี้ยงดูมา ยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณก็จะให้นางแต่งออกไป ข้าเห็นว่าไม่สมควร ควรให้นางอยู่รับใช้ดูแลท่านย่าก่อนจะรีบแต่งงานทำไมกัน”
เขาพูดออกไปอย่างหงุดหงิดขึ้นมาทันที เพียงแค่คิดว่านางจะแต่งงานออกไปกับบุรุษอื่นเขาก็ไม่พอใจอย่างมาก
“ก็เจ้าไม่ได้รักนางแล้วมิใช่หรือ อีกอย่างเจ้าก็มีสตรีใหม่ที่เจ้าพึงใจแล้ว นางแต่งออกไปเสียเจ้าก็จะได้สบายใจ ไม่มีใครมาให้ขวางหูขวางตาเจ้ากับว่าที่ฮูหยินของเจ้า อีกอย่างไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีคนดูแลย่าหรอก อีกหน่อยเจ้าก็แต่งเมียเข้ามาแล้วก็ให้นางช่วยดูแลย่าก็แล้วกัน”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยแย้งหลานชาย ด้วยใบหน้าเรียบเฉยทำเหมือนไม่รู้เท่าทันเขา อยากจะรู้ว่าเจ้าหมาบ้านี่จะทำอย่างไรต่อไป หากนางยอมให้จินเยว่แต่งงานออกไปกับชายใดก็ได้ที่นางพึงใจ
“ใครบอกกันว่าข้าไม่อยากให้นางอยู่ ข้าจะแต่งงานหรือไม่ก็ตาม แต่นางต้องอยู่ที่จวนนี้แหละ ข้าไม่อนุญาติให้นางแต่งงานไปกับใครทั้งนั้น หากนางจะคบหากับบุรุษใดต้องให้ข้าอนุญาติก่อน มิเช่นนั้นนางก็แต่งหรือคบหากับบุรุษใดไม่ได้ทั้งนั้น หากนางกล้าขัดคำของข้า ต้องได้เห็นดีกันแน่ ๆ ” แม่ทัพหนุ่มพูดจาขึงขังอย่างแสดงออกว่าเขาเอาจริง
ฮูหยินผู้เฒ่าหันมามองหน้าบึ้งตึงของหลานชาย อย่างขวาง ๆ เขาจะเอาอย่างไรกันแน่ ไม่ได้รักนางแล้ว ตัวเองก็มีคนใหม่แล้ว ก็ควรให้จินเยว่แต่งออกไป จะได้ไม่ต้องพบเจอกัน แต่พอจะให้นางแต่ง เขาก็เกิดไม่ยอมอีก
จะคบหาบุรุษผู้ใดก็ไม่ได้ ต้องให้เขาอนุญาติก่อน เจ้าหลานผู้นี้มันเป็นบ้าอะไรกัน หรือว่ามันจะหวงก้างเสียแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าครุ่นคิดแล้วกันไปมองใบหน้าของแม่นมหวังที่ก็ดูท่าแล้วจะคิดเช่นเดียวกัน สองผู้อาวุโสหันมาสบตากัน
คืนนั้นแม่ทัพหนุ่มมาดักรอน้องสาวกาฝากของเขาที่ทางเดินระหว่างสวนที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ และมีต้นไม้ใหญ่อยู่มากมาย ทั้งไม้ดอกและไม้ใบที่ได้รับการดูแลอย่างดี ล้วนแต่งามตา เวลานี้เป็นเวลาค่ำคืนแล้ว ทั้งสวนมีแต่ความมืดปกคลุมจนทั่ว
มีเพียงแสงคบไฟและตะเกียงที่จุดเอาไว้ตามรายทางเท่านั้น ที่พอให้มองเห็นบางส่วนของสวนที่กว้างใหญ่นี้ แต่บรรยากาศก็งดงามไปอีกแบบ สายลมอ่อนๆ พัดมาเป็นระยะ หากอยู่ในอารมณ์ที่สุนทรีย์กว่านี้คงจะสดชื่นและสบายใจอย่างมาก แต่ไม่ใช่ด้วยหัวอกที่ร้อนรุ่มดังไฟสุมเช่นในขณะนี้
ผ่านไปครู่ใหญ่จินเยว่เดินตรงมาทางเขาอย่างไม่รู้ชะตากรรมตนเอง ตอนนี้แม่ทัพหนุ่มเมามายไม่น้อย เพราะเขาเริ่มดื่มสุราตั้งแต่ออกมาจากเรือนของท่านย่า เพราะอารมณ์ไม่ค่อยดี โดยไล่ให้หนิงอันกลับเรือนไปก่อน
เขาบอกกับนางว่าเขามีราชการยุ่งที่ต้องจัดการ เพราะเขาอยากจะมีเวลาที่จะพูดกับสตรีนางนั้นให้รู้เรื่องให้ได้ในคืนนี้ เพราะเขาไม่ชอบที่นางเริ่มจะหว่านเสน่ห์ชายอื่น เมื่อวานเห็นไปทำท่าออเซาะ เจ้าจางเล่อถง วันนี้ก็ยังไปงานเลี้ยงอีก นางกลัวจะหาบุรุษไม่ได้หรืออย่างไรกันถึงได้ไม่ค่อยอยู่ติดจวนอย่างนี้
ยิ่งเขาเห็นนางใกล้ชิดเจ้าหนุ่มข้างจวนนั่นหัวใจของเขามันร้อนรุ่ม อยากจะตรงไปกระชากนางให้ออกมาจากเจ้าเล่อถงนั่น แต่คงจะทำอย่างนั้นต่อหน้าผู้อื่นมิได้ เขากลั้นใจอดทนไว้ หากนางมาถึงจวนเมื่อไหร่เขาจะคิดทบต้นทบดอกกับนางขั้นเด็ดขาดจนนางไปหาบุรุษที่ไหนอีกไม่ได้เลย
เมื่อจินเยว่เดินมาถึงที่บริเวณเขาซุ่มรอนางอยู่นั้น อ้อมแขนแกร่งก็เข้าโอบรัดร่างอ้อนแอ้นของนางเอาไว้จนแน่น แล้วลากนางไปที่ใต้ต้นไม้ที่ไม้เลื้อยที่ขึ้นบดบังการมองเห็นของคนที่อาจผ่านไปมาบริเวณนี้ได้ เพราะตอนนี้ยังไม่ดึกมากนัก มักจะมีบ่าวชายยังคงเดินไปมาหาสู่กันอยู่
“เป็นเช่นไรสนุกไหม หว่านเสน่ห์บุรุษไปทั่วจับได้กี่คนแล้วล่ะ”
จินเยว่อ้าปากค้าง ตกตะลึงกับวาจาของเขานัก
“ท่านแม่ทัพ ท่านพูดบ้าอะไรกัน ข้าไม่ได้หว่านเสน่ห์ชายอย่างที่ท่านว่าเสียหน่อย”
แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้มอย่างเยาะหยัน สายตาคมจ้องมองชุดฮั่นฝูที่ด้านหน้านั้นบางเบาและคอกว้างจนเห็นร่องอกอวบของนางอยู่รำไร มันขาวผ่องและอวบใหญ่จนเขาจ้องมองอย่างไม่พอใจที่นางทำท่าเหมือนกับว่าสวมมันเพื่อไปหว่านเสน่ห์ชายในงานเลี้ยง
“ไม่ได้หว่านเสน่ห์บุรุษเช่นนั้นหรือ แล้วชุดนี่มันอะไรกันเล่า มันเปิดเผยจนแทบจะเห็นเต้านมของเจ้าอยู่แล้ว”
เขาเอ่ยแล้วดึงมันอย่างแรงจนสาปเสื้อหลุดจากไหล่มนนั้น เพราะเขาก้มลงมองก็เห็นร่องอกของนางรำไรระหว่างที่ยังรัดร่างของนางเอาไว้แนบอกแกร่งของเขา นางกล้ามากนะ กล้าที่แต่งกายเช่นนี้ไปเพื่อยั่วยวนบุรุษอื่น
“ท่านแม่ทัพ อ๊าย”
นางร้องหวีดขึ้นอย่างตกใจ แต่แม่ทัพหนุ่มกลับตาค้าง เขาจ้องมองทรวงอกอวบใหญ่ที่มีผลอิงเถาสองผลชูชันออกมาเหมือนล่อลวงเขา เพราะสาปเสื้อของนางฉีกขาดเป็นทาง แม่ทัพหนุ่มทนไม่ไหว
ใบหน้าคมคายก้มลงไปจนชิดอกอวบใหญ่นั้น ลิ้นสากไล้เลียมันไปมาจนผลอิงเถานั้นแข็งเป็นไต แล้วเขาจึงอ้าปากรับผลอิงเถาที่ชูชันเหมือนต้องการล่อลวงเขานั้นเข้ามาในปากที่ร้อนรุ่มของเขา แล้วออกแรงดูดดึงมันอย่ามัวเมา
“อ๊ายท่านพี่มู่หยาง อย่านะ ไม่เอา อย่านะ อ๊าย”
ร่างอวบทุบไหล่หนานั้นอย่างแรง นางพยานามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดที่รัดรึงนั้น แต่แม่ทัพหนุ่มรัดนางไว้แน่น และดูดดื่มผลอิงเถานั้นอย่างดูดดื่มมากยิ่งขึ้น
“อ๊าย อ๊าย อ๊ะ”
จินเยว่ร้องครางกระเส่า นางแอ่นอกร่อนไปมาอย่างเริ่มจะทนไม่ไหว แม่ทัพหนุ่มยิ่งดึงดูดมันยิ่งขึ้นจนริมฝีปากอวบครางออกมาเบาๆ เพราะเสียวซ่านจนเกินจะทนได้
มือหนาของเขาแหวกชายชุดกระโปรงบานพริ้วของนางเข้าไปแล้วคลำหาจนพบเนินอวบใต้กระโปรงนั่น มือหนาขยำมันแล้วก็พบว่ามันอวบใหญ่จนเต็มฝ่ามือของเขา จึงได้บีบเค้นมันเบา ๆ อย่างมันมือ
นิ้วแกร่งที่ซุกซนก็สอดเข้าไปขยี้เมล็ดดอกไม้ด้านล่างไปมาอย่างช่ำชอง ร่างอวบอิ่มสั่นสะท้าน ร้องครวญครางออกมาด้วยเสียงสั่น และแหบพร่า
“อย่านะท่านแม่ทัพ ไม่นะ อย่า……อ๊าย อ๊าย”
แต่มีหรือแม่ทัพหนุ่มจะสนใจเสียงแหบพร่าและแสนเบานั่น เขายิ่งสอดนิ้วเข้าไปทีละน้อย ๆ ค่อย ๆ เขี่ยร่องอวบไปมาอย่างช่ำชอง จินเยว่ยิ่งบิดร่างไปมาเพราะไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้ออีกแล้ว นางยิ่งร้องครวญครางด้วยเสียงกระเส่า อย่างห้ามตนเองเอาไว้ไม่ได้
เขาดันนางเดินไปจนชิดต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของนาง เมื่อแผ่นหลังของนางชิดต้นไม้นั้นแล้ว เขาก็ย่อตัวนั่งลง ก้มใบหน้าลงชิดเนินอวบของจินเยว่ ที่อาภรณ์ตอนนี้หลุดลุ่ยไปเพราะมือที่แสนจะซุกซนและว่องไวของอดีตคนรัก จมูกโด่งของเขาสอดเข้าที่ร่องอวบของนางถนัดถนี่ แล้วลิ้นสากก็ไล้เลียร่องอวบนั้นไปมาอย่างมัวเมา
จากนั้นก็ดูดดึงชิมเมล็ดดอกไม้ที่บวมเป่งและแสนหวานนั้น จนกระทั่งจินเยว่ร้องคราญครางออกมาปานจะขาดใจ นางยกสะโพกอวบโยกใส่ใบหน้าหล่อเหลานั้น เป็นจังหวะอย่างอดรนทนไม่ได้
“พูดสิว่าเจ้าเป็นของข้าใช่หรือไม่”
จินเยว่นั้นสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อแม่ทัพหนุ่มบอกให้นางทำอะไรนางก็ทำทั้งนั้นจึงเอ่ยตามเขาว่า
“ใช่เจ้าคะ ข้าคือสตรีของท่าน”
แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มสมใจ ส่วนนางเอ่ยคำพูดตามที่เขาชี้นำเสร็จแล้วก็ครวญครางต่อไปอย่างเสียวซ่าน สะโพกอวบโยกใส่ใบหน้าหล่อเหลานั้น
“ท่านพี่มู่หยาง ข้าไม่ไหวแล้ว ไม่ อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ”
นางร้องครางบอกเขาอย่างเกินจะทนกับสิ่งที่เขาปลุกปั่นนาง อย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว
ตอนแรกมู่หลันเม้มปากของนางเอาไว้แน่นไม่ยินยอมให้เจ้าคนร้ายกาจนั่น สอดลิ้นสากที่ไล้เลียริมฝีปากของนางอยู่เข้าไปในปากจิ้มลิ้มของนางอย่างเด็ดขาด แต่แล้วเพียงไม่นาน มู่หลันก็เคลิบเคลิ้มยอมเผยอริมฝีปากอิ่มของนางให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเล่อถงเข้ามาชิมความหวานในปากของตนเอง ทั้งยังเข้าเกี่ยวพันลิ้นเล็กแสนนุ่มนิ่มของนาง จนร่างงามสั่นสะท้านไปหมด ในที่สุดก็ไร้เรี่ยวแรงเอนกายพิงอกแกร่งของเขาอย่างเต็มใจเพราะที่จริงแล้วภายในใจของมู่หลันนั้น แทบจะเต้นระบำรำฟ้อน เพราะนางหลงรักจางเล่อถงมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจนางเลย เอาแต่ตามติดจินเยว่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางกับพี่ใหญ่รักกัน เขาไม่เคยหันมามองมู่หลันเลยสักครั้ง จนนางเคยน้อยใจว่านางไร้ความงามจนถึงขนาดที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยหรือ แม้นางจะรักจินเยว่มาก แต่นางก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ว่าเหตุใดสหายวัยเด็กที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆทั้งพี่ใหญ่ ทั้งเล่อถง เอาแต่ตามติดและคอยเอกอกเอาใจแต่จินเยว่ นางเหมือนไร้ตัวตน พี่ใหญ่นั้นนางไม่ว่าอะไรเพราะนางเต็มใจที่จะได้จินเยว่เป็นพี่สะใภ้ แต่เล่อถง บุรุษไร้หัวใจผู้นั้น ไม่เคยมองมาที่นางเลย แม้นางจะเฝ้าปรุงแต่งโฉมเพ
หนิงอันเชื่อตามสัญชาตญาณของตนเองว่าสาวใช้นางนี้ไม่ได้พูดปด จึงพยักหน้าแล้วก็ตัดสินใจก้าวกลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วบอกกับคนขับว่านางจะว่าจ้างให้ไปส่งที่เมืองใกล้ชายแดนแทน ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของนาง คนขับรถพยักหน้า แล้วหนิงอันก็ก้าวกลับเข้าไปในรถม้าตามเดิม เมื่อทรุดนั่งลงแล้ว นางก็เปิดผ้าม่านข้างรถม้าออกจ้องมองไปที่จวนแม่ทัพเฉินเป็นครั้งสุดท้าย แม้นางจะรักชายผู้นั้นมาก แต่นางเองก็รู้แก่ใจว่าเขาไม่ได้รักนาง เพียงแต่นางใช้ยาเสน่หารัญจวนเพื่อชักจูงจิตใจเขาเท่านั้น แต่หากมันหมดฤทธิ์ไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพบหน้ากันอีกเพราะเขาไม่ได้รักนางด้วยหัวใจที่แท้จริงของเขา แต่มันคือการบังคับเขาด้วยฤทธิ์ของยาพิษ มือบางขอหนิงอันปล่อยผ้าม่านลงให้มันปิดสนิทดังเดิม แล้วก็นั่งเอนกายพิงรถม้าแล้วก็หลับตาลงอย่างปลงกับชีวิตที่พลิกผันของตนเองแล้วตัดสินใจว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ถูกโทษทัณฑ์ ไปจากที่นี่แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองอื่น อย่างน้อยนางพอมีวิชาแพทย์และความรู้เรื่องสมุนไพรติดตัวอยู่บ้าง คงจะพอใช้มันเลี้ยงชีพได้ หนิงอันหลับตาลงน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบแก้มของนาง นางยกมือขึ้นเช็ดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็วและสลัดความคิดค
แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้ม แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉยว่า“บังเอิญข้า มีความชอบไม่เหมือนผู้อื่นเสียด้วย ข้าชอบมีอะไรกับคนที่เกลียดข้า มันสะใจดี ข้าไม่ชอบคนที่ชอบข้า เกลียดกันก็มีอะไรกันได้ไม่จำเป็นต้องรักกัน อย่างที่เจ้าก็เห็นเมื่อคืนนี้ด้วยตนเองแล้ว ว่ามันสุขสมเพียงไร เจ้าก็เตรียมตัวเป็นนางบำเรอข้าเช่นนี้ หากข้าอยากนอนกับเจ้าเมื่อใดข้าก็จะมาหา แต่เจ้าอย่าหวังจะได้พบบุรุษที่ไหนอีกเลย ข้าจะให้องครักษ์เฝ้าเจ้าไว้ไม่ให้ออกนอกจวนเด็ดขาดข้าจะสั่งให้บ่าวจับตามองเจ้าทุกฝีก้าว เจ้าอยากได้อะไรก็บอกสาวใช้ก็แล้วกัน ข้าจะให้พ่อบ้านหาไว้รับใช้เจ้าสักคน แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าออกไปจากจวนเด็ดขาด ข้าจะบอกผู้อื่นว่าเจ้าเป็นเมียข้า แต่แท้จริงแล้วเจ้ามีฐานะเป็นเพียงนางบำเรอของข้าเท่านั้น พอใจเจ้าหรือยังเล่า”แม่ทัพหนุ่มบอกกับนางด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อง้องอนดี ๆ แล้วไม่ยอมคืนดีสักที ไม่ยอมรับว่าเป็นฮูหยินของเขา เช่นนั้นก็เป็นนางบำเรอก็ได้ แต่อย่างไรก็ได้ชื่อว่าเมียเหมือนกัน และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปมีบุรุษใดได้อีก อย่าคิดฝันว่าจะได้สมหวังกับเจ้าเล่อถงนั่นเลย ข้ารู้นะว่ามันหลงรักเจ้า มันถึงยอมทุ่มเทช่วยเจ้
แม่ทัพหนุ่มก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เพราะเขาสะกดกลั้นความต้องการของตนมานานแล้ว เพราะต้องการสั่งสอนภรรยาแสนดื้อเช่นนาง เขายกสะโพกหนาขึ้นเสยเข้าหานางแล้วเร่งความเร็ว ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นบดขยี้ ถี่ยิบและเน้นหนัก ขึ้นหานางจนกระทั่งแตกระเบิดพร่างพรายไปด้วยกันอีกครั้งแล้วพลิกร่างอวบอิ่มของนางลงด้านล่าง แล้วก็สอดอาวุธคู่กายของเขากลับเข้าไปอีกครั้ง แล้วโยกขย่มนางอย่างเร่าร้อน เร่งกระแทกกายแกร่งเข้าสุดออกสุด และบดขยี้อย่างเน้นย้ำทุกจังหวะที่โจ้นจ้วง ตอกย้ำแรง ๆ ถึงความมีตัวตนของตนเอง ดังจะย้ำเตือนกับนางว่าเขาคือสามีของนาง สามีที่ยังรักนาง โหยหาและต้องการนางสุดหัวใจ“เยว่เอ๋อ โอ้วววว โอ้ววว เยว่เอ๋อ ยอดรักของข้า เจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้า ข้ารักเจ้า โอ้ววว โอ้ววว”แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางเรียกสตรีในหัวใจด้วยเสียงแหบพร่าดุจโหยหานางเหลือเกิน บั้นเอวสอบโยกไหวรัวเร็วและถี่ยิบแต่สิ่งที่นางตอบสนองเขาก็คือ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ข้าเกลียดท่าน ข้าเกลียด อ๊าย อ๊ะ”แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ ที่นางบอกว่าเกลียดเขา เขาจึงยิ่งกระแทกเข้าออกแรงขึ้นอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องน้อยนั้น เตียงสี่เสาหลังใหญ่ในห้
“ อ๊าย ข้าเจ็บ อย่านะ ไม่ อย่าทำเช่นนี้ ไม่….. ” นางดิ้นรนไปมา พยายามจะดิ้นหนีออกไปให้ไกลจากการรุกรานของเขาแต่แล้วก็พบว่าข้อมือตนเองถูกมัดติดกับหัวเตียง นางกรีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้นเพราะตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็ตื่นมาพบว่าตนเองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ และนอนแผ่กางแขนและขาอยู่บนเตียงในห้องที่ใดก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ห้องพักห้องเล็กที่อยู่บนร้านผ้าไหมแน่ ๆ “ ช่วยด้วย อย่านะ ท่านแม่ทัพ อย่านะ อย่า อ่่าาา อ่าาาาห์ ” เมื่อเขาสอดนิ้วเข้าไป เขาพบว่ามันแห้งสนิทและคับแน่นยิ่งนัก นิ้วแกร่งของเขาแทบจะดันเข้าไปไม่ได้ เขายกยิ้มพอใจ นางยังมิได้ถึงกับมีอะไรกับเจ้าจางเล่อถงนั่น ตอนนี้เขาสบายใจขึ้นมากเพราะลงมือพิสูจน์ด้วยตนเองแล้ว ว่านอกจากเขาแล้วยังมิมีชายใดมากล้ำกลายนาง ถ้าเช่นนั้นวันนี้จะต้องตอกย้ำความเป็นสามีของนาง เพื่อให้นางรู้ว่านางมีเจ้าของแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีเขาไปได้อีกเป็นอันขาด เขาจะขังนางเอาไว้ที่จวนของสหายของเขาที่เมืองหนิงโจวแห่งนี้ เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจะติดตามทั้งเขาและนางมาได้ ที่นี่เป็นจวนของสหายของเขา ที่เขาส่งจดหมายไปขอยืมเพื่อจะพำนักชั่
“แต่ข้าไปก็ได้นะ แต่เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้าด้วย เจ้ากลับข้าก็กลับ หากเจ้าไม่กลับข้าก็จะปักหลักอยู่กับเจ้าที่นี่แหละ”แม่ทัพหนุ่มยืนกราน เพราะเขาไม่มีทางถอยแน่ ๆ เพราะดูท่าแล้ว นางกำลังจะหนีเขาไป เพราะถึงกับย้ายออกมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้ และคงวางแผนที่จะหนีไปแต่งงานหรือไม่ก็ยอมเข้าเรือนหลังของเจ้าเล่อถงแน่ ๆ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมหรอก หากนางจะทำเช่นนั้น เขาจะอาละวาดให้งานแต่งของนางล่มแน่ ๆ หรือก็จะตามไปอาละวาดทุกๆ ที่ ที่นางไปอยู่กับชายใดก็ตาม ให้มันรู้กันไปสิ เมียคนเดียวเขาจะพากลับไปไม่ได้“ข้าไม่กลับไปกับท่าน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นท่านจะมาบังคับข้าไม่ได้ กลับไปเสีย หาไม่ ข้าจะฟ้องท่านย่าว่าท่านมาวุ่นวายรบกวนการทำงานของข้า”แม่ทัพหนุ่มยักไหล่ ฟ้องก็ฟ้องไปสิ เขาไม่ได้สนใจ เพราะเขาบอกท่านย่าแล้วว่านางเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขามาเฝ้าเมียไม่ให้คิดจะคบชู้ มันผิดตรงไหน และนางก็ไม่ใช่คนตัวเปล่า สามีก็มานั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ ยังคิดจะหว่านเสน่ห์ชายอื่นได้อีก ใครผิดกันแน่ ๆ ก็เห็น ๆ อยู่ อย่างไรเขาก็ไม่ยอม จะให้ไปพบเจ้าเล่อถงที่จวนเขาก็ยินดี ไปบอกมันว่าสตรีที่มันหมายปองมีสามีแล้วหลังจากนั้นแม่ทัพ







