เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือฟาดผ่านลงใบหน้าขาวนวลดังสนั่นลั่นห้อง ใบหน้าขององศาสะบัดไปตามทิศทางแรงตบของฝ่ามือขาวที่หยาบกร้านของพิร์ภูณกร
"ได้สติหรือยัง"เซทท์กดเสียงต่ำเอ่ยถามเพื่อนตรงหน้าพลางนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจ้ององศาด้วยแววตานิ่งๆเกิดที่จะคาดเดา
หลังจากวันนั้นที่ผมกดวางสายจากองศา ผมก็นั่งทบทวนในสิ่งที่มันเอ่ยย้ำเตือน ในตอนนั้นผมยอมรับเลยว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อมังกรมันถลำลึกไปมาก มากจนเกินที่จะถอยออกมาแบบจะไม่เสียใจมันเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถึงแม้ว่าจะเสียใจมากแค่ไหนผมก็คงต้องทนถอยออกมาพร้อมกับความเสียใจนั้น
ก็อย่างที่องศามันว่าละนะ ชีวิตของพวกผมมันเน่าเฟะไม่ควรที่จะดึงใครเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย แถมยังไม่รู้ว่าตัวเองจะตายวันตายพรุ่งเพราะชีวิตของผมกับองศามันมีความเสี่ยงตลอดเวลา ไม่ควรที่จะผูกมัดไว้กับใคร
แต่แล้วทำไมไอ้องศามันถึงเลือกที่จะนำความตายเข้ามาใกล้ตัวเองเร็วขนาดนี้ ทำไมมันถึงเลือกที่จะเปิดตำแหน่งการเคลื่อนไหวของตัวเอง มันคิดจะทำอะไรกันแน่!
องศามันยังคงเงียบไม่ยอมเอ่ยพูดอะไรออกมา ใบ
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายรูปร่างสูงที่ผลักประตูอ้าออกกว้างแล้วก้าวเดินเข้ามาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของผู้เป็นนาย"เป็นไงได้เรื่องมั้ย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นใครเดินเข้ามาเสียงทุ้มของอชิตพลก็เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทขึ้น ที่ตอนนี้ได้ยืนก้มหัวลงเล็กน้อยให้เขาเพื่อเป็นการทำความเคารพ มังกรพยักหน้ารับเพียงนิด ก่อนที่มือหนาจะวางปากกาในมือลงกับโต๊ะแล้วเอนหลังไปพิงผนักเก้าอี้ นัยน์ตาคมก็สายแววจดจ้องไปยังใบหน้าของเมทีเพื่อรอคำตอบในเรื่องที่เจ้าตัวสั่งให้ไปทำภูเขาที่นั่งเฝ้ารอข่าวคราวในห้องทำงานของมังกรอยู่อย่างเงียบๆ ก็พลางลดมือถือในมือลงแล้วหันไปสนใจเมทีเมื่อคิดว่าลูกน้องคนสนิทของมังกรคงมาบอกข่าวเกี่ยวกับการหายตัวไปของเมียเขา"ได้ครับบอส""ว่ายังไง เล่ามาให้ละเอียด"ดวงตาคมยังคงจดจ้องไปยังที่เมทีอย่างนิ่งๆ สร้างความหวั่นเกรงให้คนที่ถูกจ้องอยู่ไม่น้อย เมทีข่มความหวั่นเกรงไว้ในใจก่อนที่จะเอ่ยบอกผู้เป็นนายในสิ่งที่ตัวเองไปสืบเสาะมาได้"กลุ่มคนพวกนั้นที่บอสสั่งให้ผมต
อชิตพล"เซทท์!/องศา!"ผมอุทานชื่อเล่นของพิร์ภูณกรขึ้นพร้อมกับที่ไอ้ภูเขาอุทานชื่อเพื่อนชายคนสนิทของเซทท์ที่มักจะแวะเวียนมาหาที่ห้องบ่อยๆ แต่เดี๋ยวนะไอ้ภูเขามันรู้จักเพื่อนชายคนนี้ของเซทท์งั้นหรอ ผมขมวดคิ้วเงยหน้าไปจ้องมองไอ้ภูเขาที่ยืนเบิกตากว้างทำใบหน้างงงวยอยู่ด้านข้าง ก่อนที่ผมจะเอ่ยถามมันขึ้นว่ารู้จักกับคนที่ชื่อองศาอย่างงั้นหรอ"มึงรู้จักกับองศาเพื่อนของเซทท์อย่างงั้นหรอ""ก็องศาเนี่ยแหละเมียกู! มึงนั่นแหละรู้จักเพื่อนของเมียกูอย่างงั้นหรอ"ภูเขามันหันมาจ้องหน้าผมแล้วตอบคำถามของผมออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะถามผมกลับว่าผมรู้จักเซทท์เพื่อนเมียมันหรอจะไม่รู้จักได้ยังไงก็นั้นก็เมียกูมั้ยล่ะผมได้แต่เอ่ยตอบมันในใจเพราะตอนนี้ผมกำลังอึ้งกับสถานการณ์ในตอนนี้อยู่ เมื่อกี้ถ้าผมฟังไม่ผิดไอ้ภูเขามันบอกว่าองศาเป็นเมียมันอย่างนั้นใช่มั้ยนะ แล้วมันไปเป็นผัวเขาตอนไหนวะเนี่ย งั้นก็แสดงว่ามันก็ต้องเคยเจอเซทท์ไปหาองศาที่ห้องบ
ด้านองศาและพิร์ภูณกรสองหนุ่มร่างสูงโปร่งย่างเท้าเหยียบย้ำเข้าอานาเขตประเทศที่คุ้นเคย ประเทศที่เขาและองศาเติบโตประเทศที่พวกเขาทั้งสองอาศัยมาตั้งแต่เด็กประเทศที่พวกเขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ต่างๆมากมายและเป็นประเทศที่มีองค์กรXDตั้งอยู่ประเทศที่เขาไม่คิดว่าจะได้กลับมาเหยียบอีกครั้งที่เขาไม่คิดว่าจะกลับมาเหยียบที่ประเทศนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบหรือเกลียดชังประเทศนี้ แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากกลับมาเพราะองค์กรเฮงซวยXDต่างหากล่ะองค์กรสารเลวนั่นหลังจากที่ผมกับองศาเคลียร์กันเรื่องที่องศาได้เปิดร่องรอยของตัวเองให้กับทางองค์กรรู้ พวกผมก็ตัดสินใจที่จะตีตัวออกห่างจากมังกรและภูเขาและเลือกที่จะจะพากันหายมาอย่างเงียบๆแล้วซ่อนร่องรอยของตัวเองไม่ให้คนทั้งสองได้ตามหาเจอเพื่อที่จะตัดขาดความสัมพันธ์ เพราะไม่อยากให้ทางองค์กรเพ่งเล็งไปเล่นงานชายทั้งสอง เพราะฉะนั้นผมกับองศาถึงได้จากมาอย่างเงียบๆโดยที่ไม่เอาของมาหรือเอ่ยลาใดๆกับพวกเขา
พิร์ภูณกรนัยน์ตาคู่งามไล่เหลือบมองอาวุธหลากหลายชนิดที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ยกลางห้อง มือบางไล่หยิบอาวุธแต่ละชิ้นขึ้นมาตรวจทรานเช็กดู ทีละชิ้นๆเพื่อดูความเรียบร้อยในการจะใช้งาน ก่อนที่จะจัดการนำมาซุกซ่อนตามลำตัวของตัวเองแล้วหันไปมององศาที่กำลังกดเปิดห้องลับที่ใช้ในการเก็บคลังอาวุธ"หามีดที่น้ำหนักถนัดมือไม่ได้เลยวะ"ผมบ่นพึมพำออกมาไม่เบานักกับตัวเองพลางนัยน์ตาคู่คมของผมก็พยายามไล่มองหามีดเล่มใหม่มาใช้แทนเล่มโปรดของผมที่ทิ้งไว้ในช่องลับลิ้นชักข้างหัวเตียงที่ห้อง"เอาของกูไปใช้มั้ยล่ะ เพราะยังไงกูก็ไม่ค่อยได้ใช้มีดเดี๋ยวกูหาเล่มใหม่ใช้"องศามันเอ่ยถามผมขึ้นพลางสายตาของมันก็ไล่มองหาอาวุธที่จะพกไปลุยในการใหญ่ครั้งนี้มีดพกเล่มที่มันพูดว่าจะให้ผมมาใช้คือเล่มที่ทางองค์กรทำขึ้นมาและมอบให้เป็นอาวุธประจำกายของแต่ละคน เป็นมีดที่น้ำหนักเบาและใช้งานง่าย คนขององค์จะมีกันทุกคน และถือว่ามีดเล่มนี้เป็นตราสัญลักษณ์ของนักฆ่าองค์กรXD"ไม่เป็นไร กูหาเล่มที่น้ำหนักเบาคล้ายๆกันได้ล่ะ"ผมเอ่ยปฏิเสธมันไปพร้อมกับจับมีดเล่มที่น้ำหนักเบาพอๆกับมีดพกเล่มเก
พิร์ภูณกรเจค?เจคอย่างงั้นหรอหัวสมองผมเริ่มทำการประมวลผลถึงชื่อที่รามิลเอ่ยเรียกร่างโปร่งที่มีใบหน้าเป็นน้องชายบุญธรรมของผม ทำไมรามิลถึงเรียกชื่อแดเนียลว่าเจคล่ะ ผมคิดในใจพลางคิ้วคมขมวดเข้าหากันอย่างคนคิดหนัก ถ้าผมจำไม่ผิด เจค คือชื่อของเด็กรุ่นน้องคนหนึ่งที่เข้ามาพร้อมกับแดเนียลไม่ใช่หรอ เจคคือเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่รามิลไปรับเลี้ยงมาจากบ้านเด็กกำพร้าพร้อมกับแดเนียลและแม็กซ์ เป็นเด็กที่ถือว่ามีฝีมือโดดเด่นพอสมควร แต่เพราะมีความทะเยอทะยานมากเกินไป ทำให้ในตอนที่รามิลให้พวกผมที่เป็นรุ่นพี่เลือกฝึกให้ตัวต่อตัว ผมเลยเลือกแดเนียลแทนที่จะเป็นเด็กที่ชื่อเจคส่วนองศาก็เลือกแม็กซ์ไปและหลังจากวันที่เลือกคนที่เราจะรับเทรนให้ด้วยตัวเองกันเรียบร้อยแล้วนั้นผมก็ไม่เห็นเด็กที่ชื่อเจคที่มักจะมาตามเกาะติดผมตลอดอีกเลยจนผมและองศาได้ลืมไปชั่วขณะว่ามีเด็กคน
รถยุโรปคันสีดำเงาวับสองคันวิ่งมาจอดสนิทเทียบที่หน้าประตูทางเขาของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มร่างสูงสองคนเปิดประตูก้าวลงมาจากรถคนละคัน ก่อนที่มังกรและภูเขาจะช้อนอุ้มร่างคนรักของตัวเองที่ไร้สติขึ้นไว้ในอ้อมแขนแล้ววิ่งตรงไปหาเหล่าบุรุษพยาบาลที่เข็นรถเตียงนอนสำหรับผู้ป่วยมารอรับที่ทางเข้ามังกรและภูเขารีบเร่งฝีเท้าอุ้มคนรักของตัวเองตรงไปหาเหล่าบุรุษพยาบาลทั้งหลายก่อนที่จะวางร่างคนทั้งสองลงบนเตียงสำหรับคนไข้คนละเตียงแล้วให้บุรุษพยาบาลเข็นรถที่มีคนรักของตัวเองตรงไปยังห้องฉุกเฉินมังกรและภูเขาที่อยู่ในสภาพเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดและรอยฟกซ้ำใบหน้าหล่อคมเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อได้แต่วิ่งตามหลังบุรุษพยาบาลไปติดๆ นัยน์ตาของทั้งสองหนุ่มเหลียวมองประตูห้องฉุกเฉินที่พึ่งจะปิดลงหลังจากเหล่าพยาบาลได้เข็นคนทั้งสองเข้าไปด้วยแววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและกังวล ภายในใจของพวกเขาในตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้ร่างบางทั้งสองนั้นปลอดภัยอชิตพลหลังจากที่เซทท์และองศาถูกพยาบาลเข็นหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินผมและภูเขาก็ได้แต่นั่งเฝ้ารออยู่ภายนอกเพราะโดนเหล่าพยาบาลห้าม
พิร์ภูณกรร่างบางขยับตัวเล็กน้อยก่อนที่เปลือกตาสีนวนมุกจะค่อยๆเปิดขึ้น แต่ทันทีดวงตาเปิดขึ้นพิร์ภูณกรก็ต้องกะพริบตาสองสามทีเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างจ้าภายในห้อง เมื่อปรับสายตาเข้ากับแสงสว่างภายในห้องได้แล้ว นัยน์ตาสวยก็กวาดมองสำรวจรอบๆห้องทันทีว่าในตอนนี้ตนนั้นอยู่ที่ไหน ก็พบว่าตัวเองนั้นนอนอยู่บนเตียงในห้องสี่เหลี่ยมสีขาว พอพบว่าตนเองอยู่ในห้องที่แสนไม่คุ้นตาร่างบางก็ยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นให้อยู่ในระดับสายตาเพื่อยืนยันกับความคิดว่าในตอนนี้ตัวเองนั้นนอนอยู่บนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาลสักแห่ง ซึ่งก็เป็นไปตามที่เขาคิด เมื่อเข็มน้ำเกลือเจาะอยู่ที่หลังมือข้างขวาของเขาอย่างเป็นหลักฐาน"นี้เรายังไม่ตายสินะ"พิร์ภูณกรสถบออกมากับตัวเองเสียงเบาพลางเผยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะยกมือที่หยาบกร้านข้างที่มีเข็มน้ำเกลือเจาะอยู่ขึ้นมาบดบังใบหน้าเมื่ออยู่ๆน้ำตาเจ้ากำก็ดันไหลออกมาจากหางตา"มึงจะร้องทำไมไอ้เซทท์ มึงจะร้องทำไม อึก!"เสียงใสสถบถามตัวเองซ้ำๆและพยายามหักห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ให้ไหลออกมา แต่ไม่ว่าเซทท์จะพยายามห้ามมันเท่าไหร่ น้ำตาของเขามันก็ไม่หยุด
เสียงเคาะบานประตูห้องดังขึ้นสองสามครั้งเรียกให้คนป่วยบนเตียงและคนตัวสูงต้องหันไปสนใจ บานประตูเปิดออกกว้างพร้อมกับการปรากฏตัวของคุณหมอชายที่อยู่ในชุดกาวน์สีขาวสองคนและเหล่าพยาบาลสาวผู้ติดตามอีกสามคนก้าวเดินเข้ามาภายในห้อง ก่อนที่หนึ่งในพยาบาลสาวผู้ติดตามจะเอื้อนเอ่ยพูดทักทายพวกเขาทั้งสองขึ้น"สวัสดีค่ะ วันนี้คุณหมอเจ้าของเคสมีเรื่องจะมาแจ้งให้ญาติและคนไข้ทราบเกี่ยวกับการผ่าตัดรักษาค่ะ"สิ่งที่พยาบาลสาวเอ่ยพูดขึ้นมาเมื่อกี้เกี่ยวกับการผ่าตัดรักษาองศานั้น เหมือนเป็นการตอกตะปูซ้ำลงที่แผลเก่าขององศาและภูเขาอยู่ย้ำๆ จนทำให้คนทั้งสองที่ได้ยินแทบกระอักเลือดออกมาอย่างไงอย่างงั้น ภูเขาเอื้อมมือไปจับมือขององศาพลางบีบเบาๆพร้อมกับหันไปคลี่ยิ้มบางๆส่งให้เป็นการให้กำลังใจ ก่อนที่จะหันกลับมามองยังคุณหมอเพื่อเผชิญหน้ากับความจริงอันแสนโหดร้ายที่เจ้าตัวก็พอจะรู้ว่าเรื่องที่คุณหมอจะแจ้งให้เขาและองศาทราบนั้นมันคือเรื่องอะไรแต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายวัยกลางคนตรงหน้าที่สวมใส่ชุดกาวน์เอ่ยพูดอธิบายออกมานั้น มันกลับทำให้องศาและภูเขานิ่งชะงักและเปิดนัยน์ตากว้างตกใจมากกว่าเดิม ก่อนที่รอบนัย
"ขอโทษครับที่รัก พี่ขอโทษ เด็กดีไม่ร้องนะครับ""ฮึก ผมไม่ร้องแล้วก็ได้ แต่คุณต้องบอกผมมานะว่าเด็กคนนั้นชื่ออะไร ไม่สิเอาประวัติของเด็กคนนั้นมาเลย ผมจะให้เมทีไปจัดการ"เซทท์เอ่ยพูดพลางดันตัวออกจากอ้อมกอดของมังกรมาสบกับดวงตาคม ก่อนที่จะยกมือบางของตัวเองขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ซึ่งมังกรที่เห็นอย่างนั้นก็เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้กับคนรักอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเอ่ยถามร่างบางอีกทีว่าเด็กที่เซทท์พูดถึงนั้นคือเด็กคนไหนเพราะเขาไม่รู้จริงๆว่าเด็กคนนั้นมันเป็นใคร"เอ่อ...คือเด็กคนไหนหรอครับ"มังกรเอียงใบหน้าถามเสียงเบาพลางมือหนาข้างขวาก็ประคองใบหน้าสวยของคนรักไว้ส่วนมืออีกข้างก็วางไว้ที่เอวบางของคนตรงหน้า ที่ช่วงนี้เขารู้สึกว่าเมียสุดที่รักของเขานั้นดูจะมีน้ำมีนวนขึ้นซะเหลือเกิน อย่างเช่นหน้าท้องที่เคยมีลอนกล้ามเล็กน้อยของเซทท์นั้น ในตอนนี้กลับแปลเปลี่ยนเป็นแอบมีพุงเล็กๆแทนซะแล้ว"ก็เด็กมหาลัยคนนั้นไง เด็กที่หน้าตาน่ารักตัวขาวๆ สเป๊กของคุณเลยอ่ะ""ครับ? เด็กคนไหน"มังกรก็ยังคงแสดงสีหน้างงงวยไม่รู้ว่าเด็กที่เซทท์เอ่ยถึงนั้นเป็นใคร จนเซทท์ที่เห็นเป็นต้องโมโหเอ่ยพูดถึงเด็กที่เ
เนื้อหาในตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลังแต่อย่างใดและเนื้อหาในตอนนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น หากท่านใดไม่ถูกใจสามารถกดข้ามได้ทุกเมื่อณ.ตระกูลโชติฐิติเมธานนท์"อะ อื้มมม อ่าาาพี่มังกรพอก่อน เซทท์ไม่ไหวแล้ว อะ! พอแล้ว อื้อส์ พอ มะ ไม่ไหว อ่าาาส์"น้ำเสียงครางหวานหลุดลอดออกมาจากกายเล็กเป็นระยะๆ เมื่อโดนเอวสอบของคนตัวสูงบนร่างโยกขยับเข้าออกช่องทางรักของตัวเองไม่หยุดหย่อนเป็นเวลานับสามชั่วโมงแล้วที่อชิตพลบรรเลงบทเพลงรักอันเร่าร้อนกับพิร์ภูณกรอย่างไม่มีช่วงเวลาเว้นว่างให้กายบางใต้ร่างได้พักหายใจ หายคอ จนร่างบางในตอนนี้แทบจะสิ้นสติอยู่ล่อมล้อ เซทท์ที่โดนคนพี่เสร็จสมใส่ช่องทางรักรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ได้แต่นอนหอบหายใจเหนื่อยชายตามองดวงตาคมด้วยแววตาเหนื่อยอ่อนแทบจะปิดเปลือกตาลงได้ทุกวินาที"เหนื่อยแล้วหรอครับ หื้มมม"เสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามคนใต้ร่างด้วยน้ำเสียงนุ่มนวนพลางมือหนาก็เอื้อมขึ้นมาลูบใบหน้าหวานของคนใต้ร่างอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะทิ้งร่างของต
ห้องอาหาร"อุแว้ อุแว้ อุแว้"เด็กชายพิรภพเริ่มจะแผดเสียงร้องไห้อีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วไม่ได้ยินเสียงทุ้มเข้มของผู้เป็นพ่อ"อ่าาา ร้องไห้งอแงอีกแล้วนะเจ้าเสือ น้องติณห์หนูจะเอาอะไรลูก ทำไมวันนี้หนูงอแงกับมี๊จังครับ"พิร์ภูณกรบ่นอุ๊บอิบพลางช้อนอุ้มเด็กตัวน้อยเดินเล่นรอบห้องโถง เวลาผ่านไปไม่กี่นาที ร่างสูงของมังกรก็เดินทอดน่องลงมาจากชั้นสองก่อนที่จะรีบสาวเท้าเดินตรงมาหาสองแม่ลูกในทันที"น้องติณห์หนูไม่ดื้อกับมี๊สิครับ เห็นมั้ยป๊ายังไม่ดื้อกับมี๊เขาเลยนะ"อชิตพลเดินประชิดตัวร่างบางพลางยกมือขึ้นมาจิ้มพุงของลูกน้อยเบาๆสองสามที ก่อนที่จะโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มลูกน้อยและไม่วายเงยหน้ามาหอมแก้มนุ่มของผู้เป็นแม่ไปด้วยฟอดใหญ่ฟอดดดด"คุณมังกร!!!คุณนี้อีกแล้วนะ! อะ!เจ้าเสือ!!มี๊จั๊กจี้"เซทท์ที่กำลังเอ่ยว่าให้มังกรเป็นต้องร้องเสียงหลงหันมาปลามลูกน้อยแทน เมื่อใบหน้าเล็กของลูกน้อยหันเข้าหาอกบางแล้วใช้ริมฝีปากเล็กงับลงยอดถันผ่านเนื้อผ้าบาง พอผู้เป็นพ่อเห็นลูก
เนื้อหาในตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลังแต่อย่างใดและเนื้อหาในตอนนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น หากท่านใดไม่ชอบหรือไม่ถูกใจสามารถกดออกได้ทุกเมื่อณ.ตระกูลโชติฐิติเมธานนท์"อุแว้ อุแว้ อุแว้"เสียงของเด็กน้อยวัยแรกเกิดแผดร้องดังก้องไปทั่วทั้งห้องนอน ทำให้คุณแม่มือใหม่อย่างพิร์ภูณกรได้แต่อุ้มลูกน้อยไว้ในอ้อมอกแล้วพาเดินไปเดินมาทั่วห้องเพื่อหวังให้ลูกน้อยนั้นสงบลงสักหน่อย เพราะเซทท์ไม่รู้เลยว่าในตอนนี้ลูกน้อยของเขานั้นเป็นอะไร ถึงเอาแต่แผดเสียงร้องไห้อยู่อย่างนี้นานนับชั่วโมง จะว่าลูกน้องของเขาหิวก็เป็นไปไม่ได้เลย เพราะเขาพึ่งจะป้อนนมลูกน้อยไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้เองและเขาเองก็ตรวจเช็กก้นลูกน้อยของเขาเรียบร้อยแล้วด้วยเจ้าตัวน้อยของเขาไม่ได้อึหรือฉี่เลยแม้แต่น้อย"ติณห์หนูเป็นอะไรครับ ทำไมหนูถึงร้องไห้งอแงจังเลยลูก"ร่างโปร่งบางที่อยู่ในสบายอิดโรยและใต้ขอบตาเริ่มมีสีดำคล้ำได้แต่อุ้มลูกน้อยโยกตัวไปมา ส่วนเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นมารดาก็ยังคงแผดเสียงร้องไ
บทส่งท้ายผ่านไป2ปีไว้เหมือนในนิยาย"คุณมังกร!!!"เสียงใสทรงอำนาทตะเบ่งเรียกชื่อประมุขของบ้านดังลั่น ทำให้เหล่าลูกน้องใต้บังคับบัญชาที่กำลังฝึกอยู่ของอชิตพลต่างพากันสะดุ้งหันไปมองยังต้นเสียงตามๆกัน"คะ ครับ..."มังกรที่กำลังยืนดูการฝึกฝนของลูกน้องที่พึ่งจะรับเข้ามาใหม่ ต้องสะดุ้งโหย่งหันไปมองตามเสียงแล้วรีบเอ่ยขานรับน้ำเสียงติดขัดในทันที และด้วยเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้เหล่าลูกน้องชายที่อยู่ในชุดลำลองต่างหันมองหน้าสบตากันอย่างงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้เป็นนายเหนือหัวที่ดูเงียบขรึมและน่าเกรงกลัวของพวกเขากัน ทำไมอยู่ๆผู้เป็นนายที่มีสีหน้าท่าทางที่ดูจะโหดเหี้ยมของพวกเขาเมื่อกี้ ถึงได้แปลเปลี่ยนกลายเป็นแมวน้อยเชื่องๆตัวหนึ่ง เมื่อชายร่างโปร่งใบหน้าหวานคนนี้ปรากฏตัวขึ้น"คุณลืมอะไร"เซทท์เอ่ยถามขึ้นเสียงต่ำพลางก้าวเดินเข้าประชิดตัวคนตัวสูงด้วยใบหน้านิ่งๆ ส่วนมังกรที่ได้ยินคำถามของคนตัวเล็กกว่า ก็ได้แต่ยืนงงพลางในหัวก็นึกคิดถึงสิ่งที่คนตรงหน้าเอ่ยถามไปด้วยล
4เดือนต่อมาเวลา 03.12 นาที"อุแว้! อุแว้!"เสียงเด็กแผดร้องดังก้องขึ้นทั่วทั้งห้อง ทำให้คนตัวสูงที่กำลังนอนคว่ำเผยให้เห็นแผ่นหลังที่แต่งแต้มไปด้วยรูปรอยสักมังกร ต้องดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างเหม่อลอย เมื่อได้สติมือหนาก็เอื้อมไปกดเปิดสวิทไฟที่หัวเตียงให้ทั่วทั้งห้องสว่างขึ้นแล้วหย่อนขายาวทั้งสองลงจากเตียงนอนเดินตรงไปหาเปลนอนของลูกน้อยที่กำลังนอนแผดเสียงร้องไห้อย่างเอาแต่ใจอยู่"ว่าไงเด็กดื้อ หิวหม่ำๆหรอครับ หรืออึๆ หื้มมม"เสียงทุ้มของผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนที่สองแขนแกร่งจะช้อนอุ้มเด็กตัวน้อยที่กำลังร้องห่มร้องไห้มาไว้ในอ้อมอกแล้วโยกไปมาเพื่อกล่อมเด็กน้อยให้หยุดร้อง"ชู่ววว์ ไม่ร้องนะครับเด็กดี ไม่ร้องนะ มี๊กำลังหลับอยู่ ไม่ร้องนะครับ ชู่ววววว์"มังกรเอ่ยกล่อมเด็กน้อยในอ้อมอกพลางตรวจเช็กแพมเพิสของเด็กน้อยว่าได้อึหรือฉี่หรือเปล่าพอเห็นว่าเด็กน้อยอึ มังกรก็จัดการปรับเปลี่ยนแพมเพิสให้เด็กตัวน้อยในทันทีหลังจากที่เปลี่ยนแพมเพิสและป้อนนมให้ลูกเสร็จ อชิตพลก็ช้อนอุ้มลูกน้อยพาดบ่าเพื่อ
ณ.โรงพยาบาลอชิตพลหลังจากที่ชิตพลสติแตกแล้วโดนฝ่ามือเรียวของพิร์ภูณกรฟาดเรียกสติกลับมา มังกรก็รีบเร่งพาคุณแม่ท้องโตมาที่โรงพยาบาลในทันที พอมาถึงโรงพยาบาลเซทท์ก็ถูกเหล่าคุณพยาบาลเข็นพาไปที่ห้องเตรียมคลอด ส่วนมังกรก็ได้อยู่กรอกเอกสารต่างๆมากมายจนเสร็จสรรพแล้วค่อยตามไปเฝ้าร่างบางที่ห้องรอคลอดเวลาพัดผ่านไปหลายชั่วโมงหลังจากที่คุณหมอตรวจร่างกายของพิร์ภูณกรเรียบร้อย ก็แจ้งให้ว่าที่คุณแม่อย่างพิร์ภูณกรงดน้ำและอาหารเพื่อเตรียมผ่าคลอดในทันที พอถึงเวลาบุรุษพยาบาลก็มาพาคุณแม่ท้องโต้เข้าห้องผ่าตัดเพื่อผ่าคลอด โดยที่มังกรก็ได้แต่เดินตามและหยุดยืนรออยู่ด้านนอกห้องไม่ได้ตามเข้าไปถ้าจะถามว่าทำไมเขาไม่ตามเข้าไปทั้งที่เขาก็สามารถตามเข้าไปได้ ให้ตอบตามความจริงเลยคือ เขาไม่อยากเห็นเด็กดื้อของเขาเจ็บปวด แค่สีหน้าที่เซทท์แสดงให้เขาเห็นตอนเจ็บท้องคลอดระหว่างรอเวลาเข้าห้องผ่าคลอดเขาก็แทบจะทนไม่ไหว ถ้าเขาตามเข้าไปเฝ้าในห้องผ่าคลอดเขาต้องเป็นบ้าตายก่อนแน่ๆ
ภูเขาและองศาเวลา03:23นาทีคุณแม่ท้องโตที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ในห้วงนิทราอยู่บนเตียงนอนนุ่ม ต้องสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นกลางดึก เมื่อความรู้สึกปวดร้าวเข้าเล่นงานที่ขาเรียวด้านซ้ายของเขา องศายันตัวลุกขึ้นนั่งใบหน้าสวยแสดงความบิดเบี้ยวด้วยความปวดราวที่เริ่มทวีคูณขึ้น จนเสียงใสต้องหลุดร้องออกมาให้คนที่นอนหลับอยู่ข้างกายได้ยิน"โอ๊ยยยย"ภูเขาที่กำลังนอนหลับอยู่ในห้วงนิทราเป็นต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างตื่นตัว เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ร้องอย่างเจ็บปวดขององศา ร่างสูงรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งในทันทีพลางมือหนาก็เอื้อมไปเปิดไฟที่หัวเตียงเพื่อให้ภายในห้องเกิดความสว่าง ก่อนที่เสียงทุ้มเข้มจะเอ่ยถามคนรักขึ้นอย่างเป็นห่วง"องศาเป็นอะไรครับ"ภูเขาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรนพลางนัยน์ตาคมก็ลอบมองสังเกตกายของคนรักด้วยแววตาที่แสดงถึงความเป็นห่วงให้ได้เห็นอย่างชัดเจน"ตะคริวกินขาด้านซ้าย"องศาเอ่ยตอบคนตัวสูงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับรอบๆดวงตาสวยได้มีน้ำสีใสเอ่อนอง"อ่าาาโอเคครับ มาครับเดี๋ยวพี่นวดให้"ภูเขาที่ได้ยินคำตอบจากคุณแม่ท้องโต
เวลาพัดผ่านไป3เดือนด้านภูเขาและองศา"องศาคุณอย่าดื้อได้มั้ย"เสียงทุ้มเอ่ยว่าคนท้องพลางมือหนาก็ยกขึ้นคว้ามือบางขององศาที่กำลังสาละวนอยู่กับเส้นผมของเขา แต่องศาก็ยังคงชักมือออกจากการกับกุมของมือหนาและจัดการมัดจุกให้คนตัวสูงเหมือนเดิม"ผมไม่ได้ดื้อสักหน่อย"คนท้องยังคงเอ่ยปฏิเสธเสียงใสและมือบางก็ยังคงจับกลุ่มผมดกดำของภูเขามัดเล่นอยู่ไม่ห่างผมที่กำลังนั่งตรวจทานเอกสารอยู่ในห้องทำงานนั้นได้แต่ถอดถอนหายใจ เมื่อโดนคุณแม่ท้องโตที่หนีบมาทำงานด้วยก่อกวนไม่เลิก ก็ตั้งแต่วันที่องศาออกจากโรงพยาบาลมาจนถึงทุกวันนี้ องศาเขาก็ยังคงแสดงอาการออดอ้อนและอยากตามติดผมอยู่ตลอดเหมือนเดิมแถมดูท่าจะหนักขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย เพราะเวลาผมจะเดินไปไหนมาไหน องศาก็จะคอยเดินตามและคอยออดอ้อนผมอยู่ตลอดเวลาเหมือนไม่อยากที่จะห่างจากผม ขนาดผมจะเดินเข้าห้องน้ำองศายังจะเดินตามผมเข้ามาด้วยจนผมนึกสงสัยกับท่าทีที่แปลกไปแบบนั้นของเขา จึงได้พาไปหาหมอและพบว่าองศาได้แพ้ท้องแบบติดกลิ่นของผม คือแบบแพ้มากแบบติดกลิ่นผมมากๆ แบบติดกลิ่นของผมชนิดที่ว่าไม่ให้ห่างจากสายตาหรืออยู่