ตอนที่ 2 คู่หมั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น
เช้านี้มัทนาตื่นสายเธอจึงรีบสุดตัว รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบออกจากห้อง กึ่งเดินกึ่งวิ่งท่าทางรีบร้อน เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าลิฟต์
ซึ่งตอนนี้มีผู้คนจำนวนมากกำลังยืนรอเข้าลิฟต์ตัวเดียวกัน หนึ่งในนั้นมีผู้ชายคนเดิมเมื่อวานยืนอยู่ด้วย วันนี้เขายังคงแต่งตัวดีเหมือนเดิม มัทนาแอบมองเขาด้วยหางตานิดหน่อย แล้วถอยหลังสองก้าว ไม่อยากอยู่ใกล้
รอไม่นานประตูลิฟต์ก็ได้เปิดออก ทุกคนที่ยืนรออยู่เดินเข้าไปด้านในลิฟต์ มัทนาพยายามยืนก้มหน้านิ่ง เนื่องจากเธอเป็นคนขี้กลัวอยู่แล้ว ด้านในก็ค่อนข้างแออัดผู้คนเบียดเสียด ลิฟต์ตัวที่เธอขึ้นมาก็ยังต้องจอดรับชั้นระหว่างทางผ่านอีกด้วย
“ขอไปด้วยคนนะคะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องขอ คนด้านในจึงช่วยขยับให้ จังหวะนี้ทำให้เธอโดนเบียดจนเซไปทางด้านหลัง เผลอไปพิงอยู่กับหน้าอกของผู้ชายคนหนึ่งเข้า แต่ที่มากกว่านั้นคือฝ่ามือของเขาดันมาประคองอยู่ที่เอวของเธอซะอย่างนั้น
'เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจ!'
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” หันไปมองหน้าเขา แล้วรีบก้มหน้าหลบตาทันที เพราะเขาคือผู้ชายคนเมื่อวาน เธอกำลังจะขยับออกห่างแต่ด้วยความแออัดเธอจึงทำได้แค่ยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิม
ความสูงของเขาทำให้สายตาของเธอมองอยู่ได้แค่ในระดับหน้าอกของเขาเท่านั้น เธอมองอยู่แค่ตรงนั้น ไม่กล้าขยับสายตาขึ้นไปมองใบหน้าของเขา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าสายตาคู่นี้แอบมองเธออยู่ตลอดเวลา
ลิฟต์ตัวเดิมจอดสนิทที่ชั้นล่าง ทุกคนทยอยออกจากลิฟต์ แล้วแยกย้ายกันออกไป อิทธิพลกับมัทนาก็เช่นกัน
“ไอ้แว่น...เป็นอะไร ทำหน้าแปลกๆ” เสียงน้ำเพื่อนของเธอเอ่ยถามขึ้น
“กูเจอไอ้โรคจิตว่ะ”
“หล่อมั้ย” เบะปากให้เพื่อนหนึ่งทีก่อนที่จะตอบความจริงกลับไป
“หล่อ...แต่น่ากลัว” คำว่าน่ากลัวของมัทนาเป็นเรื่องรอง เพื่อนๆทั้งสามคนของเธอสนใจที่สุดก็ตรงที่มัทนาบอกว่าหล่อนี่แหละ เพราะปกติแล้วมัทนาไม่ค่อยชมผู้ชายคนไหนบ่อยนัก
“งั้นเล่ามา เจอที่ไหน เมื่อไหร่ แล้วอะไรทำให้มึงคิดว่าเขาเป็นโรคจิตวะ” มดรีบถามขึ้น ทุกคนเห็นด้วยและกำลังรอฟังสิ่งที่มัทนากำลังจะเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจ
“เมื่อวานกับเมื่อเช้า” มัทนาเริ่มเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานและเช้าวันนี้...
“โรคจิตตรงไหนวะ มึงคิดไปเองหรือเปล่า” ฟ้าเริ่มออกความคิดเห็น
"แต่เขากอดเอวกูเลยนะมึง"
“กูว่ามึงคิดเยอะไปแล้วเพื่อน เมื่อกี้มึงเป็นคนพูดเอง ว่ามึงเป็นคนเซไปหาเขาเอง” น้ำขอแสดงความคิดเห็นบ้าง
“มีแฟนหรือยังวะ” มด
“กูจะไปรู้ได้ยังไง มึงก็ถามบ้าๆ”
“ก็ถ้าเขาอยู่คนเดียวก็แสดงว่ายังไม่มีไง” มด
“ไอ้แว่น...จีบมั้ย” ฟ้าถามด้วยใบหน้าอมยิ้ม
“ไม่เอา! กูกลัว แล้วกูก็ไม่ชอบแก่ๆ แบบนั้นด้วย” ประโยคนี้ถ้าเจ้าตัวมาได้ยินเข้าคงนึกเคียงเธออยู่ไม่น้อย
“มึงจะขี้กลัวอะไรนักหนา ระวังเถอะ คนโบราณเขาว่าเกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้น” น้ำพูดยิ้มๆ แกล้งเพื่อน!
“อายุประมาณเท่าไหร่วะ กูอยากเห็นหน้าว่ะ” สีหน้าของทุกคนดูมีความสุขมาก ที่ได้เอ่ยถึงผู้ชายหล่อ ยกเว้นมัทนา
“น่าจะมากกว่าพวกเราหลายปีแหละ ก็เขาทำงานแล้วนี่”
“ไปๆ ได้เวลาเรียนแล้ว” ยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูแล้วรีบลุกเดินตามกันไป
ทางด้านอิทธิพล
"ฮัดเช้ย!" เขายังคงทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ อยู่ๆก็จามขึ้นมาเหมือนมีคนกำลังคิดถึง
"ใครคิดถึงวะ" ถามตัวเองแล้วนั่งทำงานตรงหน้าต่อ สักครู่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“เข้ามา...”
“คุณอิทครับ คุณแม่มาครับ” คิ้วเข้มขยับเข้าหากันเล็กน้อย
“ตอนนี้ท่านอยู่ไหน” ว่าแล้วต้องมีใครสักคนคิดถึง คุณแม่นี่เอง!
“ที่ห้องรับแขกครับ”
“อือ...ขอบใจมาก” พูดกับลูกน้องเสร็จจึงรีบลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังห้องรับแขกที่คุณแม่ของเขานั่งรออยู่
“คุณแม่สวัสดีครับ”
“นั่งลงก่อนสิ”
“คุณแม่แค่ผ่านมา ก็เลยแวะมาหาผมใช่มั้ยครับ” ถามไปอย่างนั้นแหละ แต่ในใจก็รู้ว่าไม่ใช่
“ตั้งใจมา แล้วก็ไม่ใช่ทางผ่านด้วย แกมีปัญหาอะไรมั้ย” ถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เพราะลูกชายของท่านไม่ยอมกลับบ้านเลย ถ้าไม่โทรตามหรือมาหาแบบนี้ก็คงไม่ได้เจอหน้า
“คุณแม่มีธุระอะไรครับ”
“เรื่องหนูรัน” หนูรันที่คุณแม่พูดถึงก็คือคู่หมั้นในวัยเด็กของเขานั้นเอง
“เฮ้ย...ผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ” ไม่อยากคุยเรื่องนี้เล๊ย!
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะตาอิท! แกจะผลัดไปจนถึงเมื่อไหร่” การหมั้นหมายเป็นแค่เพียงคำหมั้นสัญญาของผู้ใหญ่เมื่อนานมาแล้วเท่านั้น แต่คุณฉัตร คุณแม่ของอิทธิพลท่านเพียงแต่เห็นว่าทั้งสองยังไม่มีใคร แล้วท่านเองก็เหงา อยากได้หลานไว้เลี้ยง ก็เลยอยากให้ทั้งสองคนลงเอยกัน ส่วนผู้ใหญ่ทางฝ่ายโน้นก็ยังคงติดต่อไปมาหาสู้กันตลอด
“คุณแม่ไปถามเธอก่อนมั้ยครับว่าอยากแต่งงานกับผมหรือเปล่า”
“อยากหรือไม่อยากก็ต้องแต่ง เราสองคนหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็ก” คุณฉัตรกลัวว่าตัวเองจะเสียผู้ใหญ่ด้วย รับปากไว้กลัวเพื่อนจะว่าเอาได้
“ใครหมั้นก็ไปแต่งกันเอาเองเถอะครับ ผมไม่แต่ง” ทุกครั้งที่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ อิทธิพลก็มักจะพูดแบบนี้เสมอ โดยที่เรื่องราวจริงๆมันมีมากกว่านี้ แต่เขารอให้อีกฝ่ายพูดเอง อีกอย่างคือทางผู้หญิงได้ขอร้องไว้ สาเหตุก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่รอพร้อมเท่านั้น
“แกต้องแต่ง แม่ได้ข่าวว่าอีกเดือนกว่าๆหนูรันก็จะกลับมาจากต่างประเทศแล้ว แกเตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ”
“คุณแม่ไปถามเธอก่อนดีกว่ามั้ยครับ ว่าอยากจะแต่งกับผมมั้ย” ถามย้ำเป็นครั้งที่สอง!
“แกก็หัดทำอะไรหน่อยสิ โทรไปหาน้องบ้างหรือเปล่า” เฮ่อ...คุณแม่ยังไม่ยอมหยุด
“ผมไม่ว่าง...แก้ผ้าเล่นน้ำมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก จะให้ผมแต่งงานกับเธอ ผมไม่เอาด้วยหรอก” สีหน้าคุณแม่เริ่มไม่พอใจลูกชายอย่างเห็นได้ชัด
“คุณแม่กลับไปก่อนเถอะนะครับ เอาไว้ว่างๆผมจะไปหาที่บ้าน”
“รอแกว่าง...ฮึ! ชาตินี้หรือชาติหน้าล่ะ”
“ชาตินี้แหละคร๊าบ...”
“กลับก็ได้” ท่านลุกยืนขึ้น แล้วเดินออกไป โดยมีอิทธิพลเดินตามไปส่งคุณแม่ที่หน้าบริษัทด้วย
“ขับรถกลับบ้านดีๆนะครับ ผมเป็นห่วง” เมื่อรถยนต์ที่คุณแม่ขับมาจอด ค่อยๆเคลื่อนออกไป อิทธิพลก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาแล้วต่อสายหาโจทย์ทันที
“ไอ้รัน!” น้ำเสียงค่อนข้างเข้มกรอกลงไปในสาย
“โทรมาก็เสียงดังเลยนะพี่อิท มีอะไรคะ” อิทธิพลกับรันมีความรู้สึกต่อกันแค่พี่น้องเท่านั้น ระหว่างเขากับเธอไม่เคยมีความรู้สึกอื่น
“แม่พี่มาเร่งเรื่องแต่งงานอีกแล้ว เมื่อไหร่จะเคลียร์ตัวเองเสร็จสักที”
“เสร็จแล้ว...เดือนหน้ารันกลับไปจะไปบอกกับทุกคนเอง พี่อิทสบายใจได้”
“พูดแบบนี้มานานแล้วนะ แล้วไอ้รุจเพื่อนพี่ล่ะ มันสบายดีมั้ย” รุจก็คือเพื่อนรักของเขานั่นเอง และยังเป็นคนรักของรันอีกด้วย
“สบายดีค่ะ” พูดยังไม่ทันจบดี มือถือที่รันกำลังคุยอยู่ก็ได้ถูกคนข้างๆแย่งมาคุยแทน
“โทรมาหาเมียชาวบ้าน ต้องขออนุญาตผัวเขาก่อนเข้าใจมั้ย” เสียงนี้ดังขึ้น อิทธิพลเริ่มยิ้มขึ้นมาได้หน่อย
“ทำเป็นปากดีไปเถอะมึง แม่กูมาเร่งให้กูรีบแต่งงานกับเมียมึงอีกแล้วเนี่ย พวกมึงรีบๆพากันกลับมาได้แล้ว มาถึงแล้วก็ช่วยประกาศให้โลกรู้ด้วยว่ากูไม่เกี่ยว” ตอนนี้ทั้งสองคนถูกบริษัทที่กำลังทำงานอยู่ ส่งตัวไปเรียนงานที่ต่างประเทศ พอกลับมาตำแหน่งขึ้นเงินเดือนก็ขึ้นตามไปด้วย
“คร๊าบเพื่อน ว่าแต่อยู่ทางโน้น เจอสาวถูกใจหรือยังล่ะ” รุจถามขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขันเป็นกันเอง
“ยัง” ตอบคำถามเพื่อนเสร็จ แต่ในใจกลับมีภาพหญิงสาวสวมชุดนักศึกษารัดรูปใส่แว่น หน้าตาจิ้มลิ้มเข้ามาในหัว
“มึงไม่ทันกูแล้ว ตอนนี้รันท้องแล้วเว้ย” น้ำเสียงตื่นเต้นของคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อคนเอ่ยบอก นั่นจึงทำให้อิทธิพลนึกหมั่นไส้
“ปี้กันทุกวัน ไม่ท้องก็คงแปลก กูดีใจกับพวกมึงสองคนด้วย”
“ขอบใจเว้ย...ถามจริงๆเถอะ ไม่มีสาวคนไหนถูกใจมึงเลยเหรอ”
“ก็มีบ้าง แต่กูยังไม่แน่ใจ”
“แม่มึงก็แค่เหงา ท่านคงอยากเลี้ยงหลาน รีบๆหาเข้าล่ะเมียน่ะ”
“เออๆ แค่นี้ก่อนนะ กูต้องไปทำงานแล้ว” คุยกันเสร็จก็วางสายไป
ตอนที่ 30 ตอนพิเศษ3ปีผ่านไปโมนาวัยสามขวบกว่าๆ นั่งเฝ้าน้องชายวัยห้าเดือนที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ในเปลไฟฟ้าลายการ์ตูนสีฟ้าอ่อน“คุณย่าขา น้องมันเดย์นอนเปลสวยจังเลยค่ะ” เปลใหม่เพิ่งลองซื้อมาใช้ แถมลายตัวการ์ตูนยังสวยสะดุดตาคนพี่เอามากๆ“เมื่อก่อนโมนาก็นอนเปลสวยแบบนี้แหละลูก” คุณย่าตอบหลานสาวตัวเล็กที่นั่งเฝ้าน้องหรือเฝ้าเปลก็ไม่รู้ตั้งแต่เช้าแล้ว“เปลของโมนาสีอะไรคะคุณย่า”“โมนาเป็นผู้หญิง สีชมพูลูก”“แล้วเปลของโมนาไปไหนแล้วคะ”“โมนาตัวหนักนอนพังไปแล้ว...” เป็นเสียงของคุณพ่ออิทที่เดินเข้ามาพร้อมกับคุณแม่มาย ช่วยคุณย่าตอบคำถามของเด็กขี้สงสัย“คุณพ่อขา...โมนาอยากนอนเปลสวยๆเหมือนที่น้องมันเดย์นอนค่ะ”“โมนาตัวยาว นอนไม่ได้แล้วลูก”“ไม่มีของเด็กโตเหรอคะ”“โมนาจะนอนตอนไหน พ่อไม่เคยเห็นโมนานอนกลางวันมานานมากแล้วนะ”“เอาไว้นอนตอนกลางคืนไงคะ” ด้วยความอยากได้บ้าง นอนกลางคืนก็ได้ ส่วนกลางวันบังคับเท่าไหร่โมนาก็ไม่ยอมนอน พอตกเย็นมา หลับเร็วทุกวัน“อ้าว...ถ้าโมนานอนในเปล แล้วพ่อจะนอนกอดใครล่ะทีนี้”“อื้อ...ถ้างั้นโมนาไม่เอาแล้วก็ได้ค่ะ โมนานอนกอดคุณพ่อกับคุณแม่ดีกว่า” เสียงโมนาวัยสามขวบพูดจ๋อยๆไม่ไ
ตอนที่ 29 ตอนพิเศษ @มัทนาฉันอุ้มลูกสาววัยสามเดือนกอดเอาไว้ในอ้อมอกแม่ ลูกสาวของฉันกับพี่อิท แกชื่อน้องโมนา กำลังดูดนมจากเต้า สายตาของแกกำลังมองหน้าแม่ตาแป๋ว “ใครชื่อน้องโมนาเอ่ย...” ฉันคุยกับลูกไปด้วยในขณะที่กำลังให้นมแกไปด้วย“หนูใช่มั้ยลูก...” แก้มใสๆกับขนตายาวเป็นแพ ทำให้ฉันชอบกดจมูกหอมแก้มนิ่มๆของแกไม่รู้จักเบื่อ หอมได้ทั้งวัน มีความสุขที่สุดใบหน้าของโมนาได้พ่อกับแม่มาอย่างละครึ่ง แต่พี่อิทชอบไปคุยกับคนอื่นว่าลูกสาวของเขาเหมือนเขามากตามประสาคนเห่อลูก“น้องโมนาลูกสาวแม่มายกับพ่ออิทกินเก่งจังเลย” ปากเล็กๆดูดเอาๆน่ารักน่าชัง“เมื่อไหร่พ่ออิทจะกลับมาหาน้องโมนาสักทีน้า...” ในขณะที่ฉันกำลังให้นมลูกไปด้วย ฉันก็มักจะชอบพูดคุยกับแกแบบนี้เป็นประจำดวงตาใสๆมองมาที่ฉันตาแป๋ว น้องโมนาห่วงเล่นมากๆ คุยด้วยนิดๆหน่อยๆแกก็ปล่อยนมแม่แล้วยิ้มหวานให้ฉัน แต่แกก็หันกลับไปดูดต่อ สงสัยคงจะยังไม่อิ่มตอนนี้ฉันกับพี่อิทย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านคุณแม่ของพี่อิทเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากท่านอาสาเลี้ยงน้องโมนาให้ ตอนแรกฉันกับพี่อิทก็คิดว่าคลอดแล้วจะเอาลูกมาทิ้งไว้ให้คุณแม่เลี้ยงให้ ตามที่เคยคุยกันไว้ แต่พอคลอดน้อง
ตอนที่ 28 คืนวิวาห์ Nc+ วันเวลาผันผ่านไป วันนี้เป็นวันเข้าประตูวิวาห์ของทั้งสอง อิทธิพลและมัทนา งานแต่งถูกจัดขึ้นที่บ้านเจ้าสาว ภายในงานเชิญแขกญาติผู้ใหญ่และคนสนิทเท่านั้นพิธีช่วงเช้าผ่านไปด้วยดี งานเลี้ยงช่วงเย็นเต็มไปด้วยเพื่อนของเจ้าสาว ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีกันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งเพื่อนหญิงและเพื่อนชาย“เจ้าสาว...เข้าห้องหอก่อนลูก เจ้าบ่าวรอนานแล้ว” ชุดเจ้าสาวสีขาวกระโปรงยาวยังคงนั่งอยู่ที่กลุ่มเพื่อนที่มาร่วมแสดงความยินดีไม่ยอมลุก“ค่าแม่...” ขานรับครั้งที่สาม แต่ก็ยังไม่ยอมลุก ส่วนเจ้าบ่าวเขาก็ยังคงสวมชุดสูทสีเดียวกับเจ้าสาว นั่งรออยู่ในห้องหอเรียบร้อยนานแล้ว ชะเง้อคอยาวเมื่อไหร่เจ้าสาวของเขาจะลุกมาสักที"อิทไปตามน้องป่ะ..." คุณแม่ของเจ้าสาวเอ่ยบอกให้เจ้าบ่าวออกไปตามเจ้าสาวเพื่อทำพิธีส่งตัวเข้าหอ"ครับ" เจ้าบ่าวเดินออกไปตามเจ้าสาวของเขา เขาเดินเข้าไปทางด้านหลังของเธอ จับใบหูของเธอแล้วออกแรงดึงเล็กน้อย จนเธอต้องหันหลังไปมอง"เรียกหลายครั้งแล้วนะ" บ่นเธอด้วยรอยยิ้ม แล้วจึงก้มใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาลงไปหอมแก้มเธอโชว์เพื่อนๆของเธอ จนเสียงกรี๊ดกร๊าดดังลั่นบริเวณนั้น แต่เขาก็ยังไม
ตอนที่ 27 พาเข้าบ้านรถยนต์คันที่มัทนานั่งมา ถูกเลี้ยวเข้าไปจอดที่บ้านสองชั้นหลังใหญ่สไตล์ยุโรป ทางเข้าบ้านเป็นคอนกรีตลาดยาวไปจนถึงตัวบ้านด้านหน้าบ้านมีสนามหญ้าและสวนดอกไม้ขนาดกำลังดี พื้นที่โดยรอบกว้างขวางสะอาด ด้านข้างตัวบ้านมีต้นไม้ใหญ่ปลูกพอให้ร่มรื่น“ที่นี่บ้านพี่อิทเหรอคะ” รถจอดสนิทที่โรงจอดรถด้านข้างตัวบ้าน“ครับ...ป่ะเข้าไปด้านในกัน” พี่อิทพาฉันเดินเข้าไปด้านในตัวบ้าน ด้านนอกที่ว่าสวยแล้ว ด้านในจัดตกแต่งสวยไม่แพ้กับด้านนอกเลย ดูสะอาดตากว้างขวางเป็นระเบียบ“มากันแล้วเหรอลูก” น้ำเสียงดีใจของคุณแม่เอ่ยขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นยืนจากโซฟาหนังอย่างดีตัวที่ท่านนั่งอยู่ คุณพ่อก็นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน ท่านกำลังอ่านหนังสือท่าทางสบายใจ เงยหน้ามองมาที่ฉันกับพี่อิท“มาย...นี่คุณพ่อกับคุณแม่ของพี่เอง ส่วนนี่น้องมาย...ลูกสะใภ้คุณพ่อกับคุณแม่ครับ” แนะนำแบบนี้ฉันก็เขินแย่น่ะสิ...พี่อิทนะพี่อิท!“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทั้งสองท่านตามมารยาทด้วยรอยยิ้มเขินๆ ตอนนี้ฉันตื่นเต้นมาก เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยเข้าบ้านผู้ชายมาก่อน ครั้งนี้คือครั้งแรก ตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบไปหมด“สวัสดีลูก...มาๆนั่งลงก่อน” คุ
ตอนที่ 26 เปิดตัว @มหาวิทยาลัย“พี่อิทมารับแล้ว กูไปก่อนนะ” นานแล้วที่อิทธิพลทำหน้าที่เป็นคนขับรถไปรับไปส่งมัทนา ถึงแม้ว่าเขาจะงานเยอะหรือยุ่งมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ยังคงทำหน้าที่ดูแลเธอเหมือนเดิมเสมอ“บ๊ายบาย...ป่ะพวกเราแยกย้าย” ทุกคนแยกย้ายกันกลับ มัทนาเองก็เช่นกัน เธอเดินเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย จากนั้นเขาจึงค่อยๆเคลื่อนรถออกไป“พี่ยังทำงานไม่เสร็จเลย ไปนั่งรอพี่ที่บริษัทก่อนนะ” วันนี้เธอเลิกเรียนเร็วแต่เขาก็ยังคงยืนยันว่าจะขับรถมารับให้ได้ เธอก็เลยตามใจ...ไม่คิดว่าเขาจะต้องกลับไปทำงานต่ออีก“อ้าวแล้วทำไมไม่บอกมายล่ะคะ ที่จริงมายกลับเองก็ได้ เสียเวลาพี่ขับรถมารับเปล่าๆ” รู้สึกเกรงใจจังเลย...“พี่จะเอาเมียไปโชว์ ไอ้พนักงานพวกนั้นสักหน่อย มันจะได้รู้ว่าคนไหนตัวจริง คนไหนตัวปลอม” นี่คือประเด็นสำคัญที่เขาต้องการ ปล่อยให้พนักงานพวกนั้นเข้าใจผิดมานานแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้แก้ข่าว ว่าจะพาเธอไปเปิดตัวเลยทีเดียว“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว” สำหรับเธอใครจะคิดยังไงก็ช่าง...“พี่อยากพามายไปเปิดตัวด้วย ไปกับพี่นะครับ” เมียของเขาทั้งสวยทั้งหุ่นดี ใครจะไม่อยากอวด ถึงเธอไม่ต้องการเขาก็อยากพา
ตอนที่ 25 แหวนวงนี้เป็นของมาย หลังจากรับประทานอาหารกันอิ่มแล้ว ทุกๆคนจึงขอตัวกลับ ส่วนคนที่ยังไม่อยากกลับก็ต้องกลับเช่นกัน“มาย...พรุ่งนี้ให้พี่มารับกลับนะ” ยังคงร่ำลากันไม่เลิก!...ทุกคนที่กำลังรออยู่มองแรง“ค่ะ” ตอนนี้คุณพ่อกับคุณแม่ของเธอไฟเขียวให้แล้ว มัทนาจึงยอมให้พี่อิทมารับมาส่งเธอได้ เหมือนคู่รักคนอื่นๆที่เขาทำกัน“ถึงแล้วเดี๋ยวพี่ไลน์หา...” ที่จริงยังไม่อยากกลับเลยด้วยซ้ำ อยากจะขอนอนค้างสักคืนแต่ติดอยู่ตรงที่ไม่กล้า!“ห่างๆกันบ้างก็ได้ อีกแค่คืนเดียวคงไม่ถึงกับลงแดงหรอกมั้ง” รุจยืนรออยู่นานสองนาน เริ่มเหม็นความรัก..."พรุ่งนี้ มายจะกลับกี่โมง ไลน์ไปบอกพี่นะ พี่จะได้กะเวลามารับถูก""เย็นๆดีมั้ยคะ ทานข้าวเย็นที่นี่กันก่อน เดี๋ยวมายบอกให้แม่ทำกับข้าวเผื่อพี่ด้วย" พอกันทั้งสองคน...รุจคิดในใจ“ไปๆเรากลับกันเลยดีกว่า ไม่ต้องไปรอมันแล้ว” ท่าจะร่ำลากันอีกยาว...“อย่าเพิ่งไป...เดี๋ยวกูไปส่ง” รุจ รัน และมด พากันเดินไปที่รถ แต่อิทธิพลก็ดันเรียกเอาไว้ซะก่อน ยังไม่ยอมให้กลับ“เดี๋ยวกูให้รันไปส่งก็ได้”“กูบอกให้รอก็รอดิ อีกแป๊บนึงมึงจะตายหรือไง” ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะไปส่ง แต่อิ