บทที่ 2
เปรมาเปลี่ยนท่าจากเท้าแขนเป็นเอนตัวพิงพนัก ดวงตาคมรีนิ่งใช้ความคิด
“พี่เลิฟอยากเห็นพ่อของแซมไหมคะ นี่ไงคะ พ่อแซมชื่อแซค รูปนี้เพจเพิ่งลงเมื่อสองวันก่อน พ่อของแซมไปงานเลี้ยงธุรกิจในโรงแรม ดารา คนดังไปกันเยอะเลยค่ะ”
คิ้วโก่งสวยบนหน้าหวานยกขึ้น เธอชะโงกตัวไปยังกลางโต๊ะเพื่อมองหน้าจอโทรศัพท์ที่น้องสาวเปิดภาพพ่อของแซมให้ดู
ในภาพเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งอายุราวปลายสามสิบหรืออาจต้นสี่สิบ สวมสูทราคาแพงพอดีตัวรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าแกร่งคมด้วยคิ้วเข้มดกหนาได้รูป จมูกโด่งสูงแต่ปลายงุ้มลงเล็กน้อย นัยน์ตาดำคมกริบดุดัน ผมสีเข้มดำสนิท ทุกสิ่งทุกอย่างบนร่างกายชายคนนี้ช่างผิดแผกแตกต่างไปจากลูกชายของเขาโดยสิ้นเชิง
เปรมาเงยหน้าขึ้นมองแซมด้วยใบหน้าฉงน จนแม้แต่แซมเองยังเข้าใจยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
“ผมเหมือนแม่น่ะครับพี่เลิฟ”
เปรมาพยักหน้าแล้วก้มมองรูปภาพในโทรศัพท์อีกครั้ง นอกจากรูปร่างสูงใหญ่แล้ว เธอยังเห็นความสง่างามและหยิ่งทะนงอยู่ในท่ายืนตรงมือล้วงกระเป๋าหนึ่งข้าง มองกล้องดั่งชายผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูงและครอบครองโลกใบนี้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างของเขาโอบเอวนางแบบชื่อดังไว้แนบกาย
“ลิฟ กลับไปคอนโดอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหม พี่ว่าเราอย่าไปทั้งที่ใส่ชุดนักศึกษาแบบนี้น่ะ”
เปรมายืดตัวขึ้นนั่งเอนพนักพิงเหมือนเดิม ในคราแรกเธอยังพอมีความหวังเรื่องของเด็กทั้งสองที่ต้องการแต่งงานกันโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อเธอได้เห็นใบหน้าคมเข้มของผู้ชายคนนั้นแล้ว เธอพลันไม่แน่ใจเสียแล้ว
“ค่ะดีเหมือนกัน งั้นลิฟกับแซมกลับคอนโดก่อนนะคะ เจอกันคืนนี้ค่ะพี่เลิฟ”
เปรมานั่งมองเด็กทั้งสองเดินจูงมือกันออกจากร้านกาแฟของเธอ ใจเริ่มหวาดหวั่นพ่อของแซม ภาพร่างแกร่งสูงสง่ามองกล้องท่วงท่าหยิ่งทะนง ดวงตาคมกล้า ทำให้เธอคาดว่าเด็กทั้งคู่คงฟันฝ่าไม่ง่ายนัก แต่ในเมื่อปาริมาเป็นน้องสาวของเธอ เธอก็จะช่วยให้ถึงที่สุดเพื่อความรักของสองหนุ่มสาว
แซค ฮิวส์ เอนกายพิงพนักโซฟาอยู่ในคลับหรูย่านซอยชื่อดังของเมืองหลวง มือใหญ่ยังโอบเอวนางแบบสาวที่เขาควงมาได้สักอาทิตย์หนึ่งแล้ว
ในภาพห้วงความคิดของเขาคือภาพเด็กหนุ่มสาวสองคนอายุไม่มากเมื่อตอนอาหารค่ำวันนี้ คนหนึ่งลูกชายเพียงคนเดียว แซม และเด็กสาวอีกคนที่ลูกเขาแนะนำตัวว่าเป็นเพื่อนสาว
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักสำคัญถ้าคนทั้งคู่คบหากันปกติทั่วไป เพราะเขาเองก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน
แต่คำพูดเอ่ยขออนุญาตออกมาต่างหากทำให้เขาเกือบสติหลุด แซมขออนุญาตแต่งงานกับเด็กสาวคนนั้น และขอให้เขาทำหน้าที่ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวไปพูดคุยกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว ซึ่งจากที่แซมเล่าเด็กคนนั้นเหลือพี่สาวอยู่เพียงคนเดียว
ความทรงจำที่เคยผ่านมาก่อนยามรักหวานชื่นเมื่อครั้งวัยรุ่นกลับมาอีกครั้ง เขาก็เคยเป็นเฉกเช่นเดียวกันกับแซม ความลุ่มหลงของร่างกายทั้งเขาและเธอต่างทำให้คิดกันเอาเองว่ามันคือความรัก
“แซค ไม่สนุกเหรอคะ”
เจนี่ นางแบบชื่อดังเอนกายผอมบางแนบกายแกร่ง มือขาวเนียนนุ่มลูบไปบนร่างกายเขาท่ามกลางความมืดสลัวของคลับ
แชคดึงบุหรี่ออกจากการปากพ่นควันออก ก่อนโน้มกายลงจูบนางแบบสาว ส่งลิ้นช่ำชองกวาดไล้ทั่วโพรงปากที่มีรสชาติแอลกอฮอล์และบุหรี่เช่นเดียวกับเขา เธอจูบตอบได้อย่างทัดเทียมกัน มือบางเริ่มลูบไล้ไปทั่วอกแกร่งลงสู่ด้านล่างกางเกงที่กำลังแข็งชัน
“อือ เจนี่อยากกลับแล้วนะคะ”
“ยังหรอกคนสวย ผมยังอยากนั่งเล่นอีกสักพัก”
เขาเอนกายพิงพนักโซฟาต่อไม่พูดอะไร มือที่คาบบุหรี่ไว้หยิบแก้วเหล้าเบอร์เบินขึ้นจิบ
ปีนี้เขาอายุสามสิบเก้าปีและเมื่อสิบเก้าปีที่แล้วลูกชายของเขาได้ถือกำเนิด เรียกว่าความผิดพลาดอาจพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำดีนัก
เขาในตอนอายุสิบเก้าเป็นเด็กหนุ่มคึกคะนอง และบาร์บาร่าสวยเสียจนเขาต้องได้มาครอบครอง แต่ชีวิตจริง ๆ มันเกิดขึ้นหลังการแต่งงานต่างหาก สองปีหลังจากแซมถือกำเนิดเขาก็พอกันทีกับชีวิตคู่
ภาพบาร์บาร่าขว้างจานลงพื้น บางวันก็เอาลิปสติกสีแดงละเลงไปทั่วเสื้อผ้าของเขายังทำให้เขาเข็ดขยาดจนทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งของเรื่องราวมันเกิดจากเขาก็ตาม
แซคแหงนศีรษะขึ้นพาดพนักพิงเมื่อเจนี่นางแบบสาวเริ่มโน้มศีรษะลงด้านล่างตรงเป้ากางเกง เขาพ่นควันบุหรี่ออกเป็นสายพร้อมกันสูดปาก หล่อนช่างชำนาญเสียจนเขายังไม่เบื่อหล่อนแม้ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว
มืออีกข้างกดศีรษะเล็กทำสีผมสีทองไว้โยกเป็นจังหวะ สายตามองไปยังโดยรอบที่ซึ่งไม่มีใครสนใจใคร
เลิฟ ชื่อพี่สาวของเด็กคนนั้น ช่างเป็นชื่อที่ประทับอยู่ในใจเขา โดยเฉพาะรูปร่างสูงอวบอิ่มผิวสีน้ำผึ้งเรืองรอง เขามองภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ที่แฟนของลูกชายยื่นส่งมาให้แล้วเจ้าแซคน้อยในกางเกงพลันแข็งโด่อยู่ใต้โต๊ะมือค่ำจนเขาต้องนั่งขยับตัวอยู่เป็นพัก
เสียงดนตรีดังกลบเสียงครางทุ้มต่ำที่กำลังสุขสม แซคน้อยคับแน่นอยู่ในปากของหล่อน และเมื่อเจนี่เงยหน้าขึ้นอีกครั้งทุกอย่างก็เรียบร้อย
แซคมองใบหน้างามยิ้มยั่วยวนบิดกาย นางแบบสาวยกมือขึ้นป้ายปากเช็ดคราบโดยรอบแล้วดูดที่เหลือตรงปลายนิ้วตัวเอง
“คุณทำให้ผมต้องกลับบ้านแล้วคนสวย”
บทพิเศษกริ๊งงงง!!เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นยามเช้า แสงอาทิตย์ยังทอแสงรำไรขอบฟ้าของคฤหาสน์ชานเมือง“อืมมมม”ร่างอวบอิ่มบิดกายพลิกหาความอบอุ่นข้างกายทันทีเอื้อมมือออกข้ามลำกายแกร่งไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงมือเล็กพยายามควานหาทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา ร่างอวบทับบนอกแกร่งตะเกียกตะกายไปมา“เลิฟ”เสียงแหบพร่ากดต่ำดังขึ้นทำให้เปรมาปรือตามองอย่างสงสัย แล้วหยิบนาฬิกาปลุกกดปิดได้ในที่สุด“ขอโทษค่ะ เลิฟตั้งปลุกไว้ต้องรีบกลับคาเฟ่แต่เช้า”“มานี่ก่อน”แซคคว้าร่างอวบไว้ได้ทันก่อนที่เปรมาจะก้าวลงจากเตียงใหญ่ ดึงรั้งกระทั่งล้มลงบนกายแกร่งอีกครั้ง“แซค!! เลิฟกำลังจะสายนะคะ”“สายอะไรกัน วันนี้ผมเหมาร้านคุณให้แล้วกัน อยู่กับผมอีกวัน”เปรมาดันตัวขึ้นมองหน้าคมเข้ม ผมยังยุ่งเหยิง ดวงตาหรี่ปรือเปี่ยมเสน่ห์ทางเพศมองเธออย่างมาดหมาย“อย่านะ! เปรมาชอกช้ำหมดแล้ว”แซคค่อยคลี่ยิ้มมองสีหน้าเง้างอดและทีท่าขืนตัวหนี“ผมยังไม่ทันทำอะไรเลย คิดทะลึ่งไปเองหรือเปล่า”มือแกร่งยังดึงดันพลิกจนร่างเปรมาตวัดกลับไปนอนหงายโดยมีคนร่างโตทาบทับด้านบน แทรกหัวเข่ากลางหว่างขา“แซค! นี่เลิฟพูดจริงนะคะ ต้องกลับแล้วเช้านี้”“ถ้างั้นมีข้อแ
บทที่ 24**จบ“อือม พูดอะไรคนสวย”เขาเลื่อนลงไปจนกระทั่งถึงเนินทรวงอกใช้ลิ้นตวัดปลายยอดถัน เปรมาเบี่ยงตัวหลบ“ขึ้นมานี่เลย พูดกันก่อนนะคะ”“แล้วคุณจะมีรางวัลอะไรให้ผม”แซคครอบปากบนยอดทรวงดูดแรงจนร่างอวบอิ่มสะท้านแอ่นหยัดรับ“อะไรก็ได้ ขึ้นมานี่นะ หยุดก่อน”รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคมเข้มทำเธอตาพร่าไปพักหนึ่งเมื่อเขาชะโงกเหนือดวงหน้าของเธอ“จะถามอะไรคนสวย”“คุณจะแต่งงานกับฉันทำไม พูดมานะแซค”“ไม่เห็นยากเลยเลิฟ ผมชอบคุณมากน่ะสิ ไม่สิ ผมรักคุณต่างหาก ใช่ มันต้องเป็นเพราะอย่างนี้ล่ะผมถึงอยากจะแต่งงานกับคุณ”เปรมาถอนหายใจโล่งอกเมื่อแซคยอมพูดคำที่เธออยากจะได้ยิน เปิดปากรับลิ้นที่แทรกเข้าโพรงปาก จูบหนักหน่วงดำเนินไปสักพักจนลมหายใจของเปรมาเริ่มกระชั้น“คุณคิดว่ามันเป็นความรักเหรอคะแซค เรารู้จักกันไม่นานอีกอย่างคุณเคยบอกฉันว่ามันเกิดจากฮอร์โมนในร่างกาย”“เลิฟคนดี ผมอายุปูนนี้แล้ว สามสิบเก้า คุณคิดจริง ๆ หรือว่าผมไม่รู้ว่าความรักมันเป็นยังไง”“อือ แล้วคุณไม่ถามฉันเหรอแซค อา อ่า”เขากัดยอดถันเบา ๆ มือกอบดันขึ้นเหลือบตามองเธอ“ไม่หรอก เพราะคุณต้องรักผมอยู่แล้ว ใช่ไหมคนสวย”“ฮ่า ฮ่า คนหลงตัวเอง”“เอาล่ะ
บทที่ 23“ก๊อก ก๊อก พี่เลิฟคะ สายมากแล้วค่า”แซคคลายอ้อมแขนที่เปรมาหนุนนอนมาตลอดคืน เอนกายไปขอบเตียงตวัดขาลงแล้วจึงคว้าเช็ดตัวของเปรมาสีชมพูสวยพันรอบเอว มือสางเสยผมยุ่งเหยิงพอประมาณ“แอ๊ด”ปาริมาสะดุ้งสุดตัวมองพ่อของคู่หมั้นตาค้าง พ่อของแซมนุ่งผ้าเช็ดตัวสีชมพูของพี่เปรมาเดินออกมาเปิดประตูเพียงผืนเดียว ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งลุกจากเตียงปาริมาแทบหาเสียงของตัวเองไม่เจอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น“อะ เออ พ่อคะ พะ พี่เลิฟ เออ จะมาเรียกพะ พี่เลิฟทานข้าวค่ะ”แซคก้มมองว่าที่ลูกสะใภ้ใบหน้าซีดเผือด เขายืนเท้าแขนตรงกรอบประตูใช้มือผลักประตูกว้างออกไปแล้วเบี่ยงตัวเล็กน้อยให้ปาริมาเห็นพี่สาว“ยังไม่ตื่น”ปาริมามองเข้าไปยังเตียงนอนเห็นแต่ผมดำยาวสยายปิดใบหน้า สีผิวน้ำผึ้งตัดกับผ้าปูเตียงสีขาวเขามองลำคอระหงของปาริมาขยับกลืนน้ำลายหลายครั้งก่อนจะหน้าแดงซ่านทั่วใบหน้า“งะ งั้นหนูไปก่อนนะคะ”“ปัง”แซคเดินกลับมายังเตียงนอนก่อนจะล้มตัวนอนต่อ เขาขยับเข้าใต้ผ้าห่มโอบวงแขนรอบร่างอวบอิ่มที่ยังสลบไสล ยิ้มมุมปากเมื่อนึกภาพยามเธอตื่นมาแล้วพบว่าเขาเพิ่งจะไล่ว่าที่ลูกสะใภ้ของเขาไป แต่อันที่ก็เป็นว่าที
บทที่ 22***แซคเดินใกล้จนถึงร่างอวบของเธอ โอบแผ่นหลังดึงรูดซิปลง ดวงตาคมไม่ละออกจากดวงหน้า มือร้อนลวกจับสายเสื้อดึงลงต้นแขน ชุดสวยร่วงหล่นกรอมเท้า“ผมขอต่อสัญญาเลิฟ ต่ออีกยาว ๆ”มือใหญ่ปลดตะขอเสื้อชั้นในปล่อยเต้างามให้เป็นอิสระ มือทาบทรวงอกเคล้นคลึงหนักมือ“คุณทำผมแย่ เลิฟ ผมไม่ชอบมันเลยคนสวย ผมไม่ชอบที่มันควบคุมไม่ได้”เปรมายังมองหน้าคมเข้มเมื่อเขาโน้มลงใกล้ ปากหนาครอบครองปากเย้ายวน รสชาติของไวน์คละคลุ้งไปทั้งโพรงปากมือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วร่าง เขาดันเธอแนบกายแกร่งโยกตัวให้ท่อนเนื้อสัมผัสเนินสาว แล้วจึงตวัดแขนโอบร่างอุ้มขึ้นจากพื้นเดินไปยังเตียงแซคมองหญิงสาวที่เขาวางลงบนเตียง ความรู้สึกบางอย่างกระแทกเข้าที่ทรวงอกแรงจนเขาสะเทือน เขายืดกายสูดลมหายใจเข้าแล้วดึงกางเกงในของเปรมาออกจากตัว“พระเจ้า คุณแว็กซ์”เปรมาประหม่าเอียงอาย เธอใช้มือปิดของสงวนไว้ไม่กล้าเปิดออกให้แซคเห็น“มันเป็นคอร์สเพื่อนเจ้าสาวน่ะ”“ไม่ เลิฟ ยกมือออก ผมอยากเห็น”เธอค่อยเปิดออก สายตาเข้มข้นมองเธอนิ่ง เขาหน้าแดงก่ำขึ้นทันทีเมื่อเปรมาเริ่มขยับขายกตั้งชัน“วันนี้เราจะไม่เล่นเกมกันอีกใช่ไหมคนสวย คุณยินยอมพร้อมใจที่จะอยู่กับ
บทที่ 21เปรมามองรอบโต๊ะทรงกลมขนาดใหญ่ มื้อเย็นที่มีแต่คนในครอบครัว แต่นั่นจะเรียกว่ามื้อเย็นก็ไม่ถูกนักเพราะตอนนี้สามทุ่มแล้วเพิ่งจะเริ่มยกจานแรกมาเสิร์ฟ“คุณเลิฟพักที่นี่เป็นยังไงบ้างคะ ขาดเหลืออะไรก็บอกได้นะคะ”เสียงแม่ของแซมบาบาร์ร่าทำให้เปรมาละมือออกจากแก้วไวน์ เธอมองบาบาร์ร่าที่ยังสวยแม้อายุเกือบสี่สิบ ผมบลอนด์ยาวจัดแต่งทรงอย่างดี ชุดเรียบหรูสำหรับทานมื้อค่ำส่งให้บาบาร์ร่าโดดเด่น ยิ่งนั่งข้างแซคทำให้เธอเห็นความเหมาะสมกันทุกประการของคนทั้งคู่มือเรียวของบาบาร์ร่ายังจับแขนแซคไว้เบา ๆ ยามเอ่ยพูด เธอมองไล่ไปยังร่างแกร่งที่ถอดชุดสูทออกแล้ว เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดิมเมื่อกลางวันพับแขนเสื้อขึ้นอย่างเคย“ค่ะ ทุกอย่างดีมากค่ะ”“ถ้าแบบนั้น พักเสียหลาย ๆ วันนะคะ ลิฟจะได้มีเพื่อน”“คงไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องกลับไปเปิดร้านค่ะ”บาบาร์ร่าส่งเสียงพึมพำเบา ๆ รับรู้ ก่อนจะหันไปคุยกับแซคต่อถึงเรื่องคนในครอบครัวเปรมายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้ง เธอเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรและโทษอาหารที่ทานไปเมื่อกลางวันที่ทำให้เธอมวนในท้องและร้อนไปถึงทรวงอกเสียงหัวเราะทุ้มของแซคดังมาเป็นระยะ ๆ ขณะที่คุยกันกับบา
บทที่ 20เปรมาสำลักน้ำทันทีเมื่อได้ยินคำถามจากเสียงทุ้มเมื่อเขานั่งลงข้างเธอ คริสรีบหยิบผ้าเช็ดปากส่งให้หญิงสาวพรางหัวเราะถูกใจ“นี่สงสัยผมพูดแทงใจดำใช่ไหมครับ”“เปล่าคะ ฉันไม่ได้ชอบเขา”เปรมาปฏิเสธพัลวันหน้าแดงก่ำจากการสำลักน้ำ ประสานสายตาไม่หลบเพื่อแสดงความจริงใจ“ผมไม่เชื่อหรอกครับ พี่ผมละสายตาจากคุณไม่ได้ และคุณก็เช่นกัน”เธอยืดกายขึ้น คิ้วโก่งขมวดมุ่น ถ้าเป็นเช่นที่คริสบอกนั่นหมายความทุกคนก็มองเห็นมันเช่นกัน“อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เห็นสิคะ มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้”“โอ้ งั้นก็ดีสิครับ ถ้าคุณไม่ได้ชอบพี่ชายของผม ผมก็จะได้สบายใจหน่อย ผมก็ขออนุญาตจีบคุณเลยแล้วกัน”“คริส!!”เธอจ้องดวงตาพราวระยับตรงหน้าและรอยยิ้มกว้างจึงได้รู้ว่าเขากำลังหยอกเธอเล่น เปรมาค่อยผ่อนลมหายใจ“คุณหยอกฉัน”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่แน่หรอกนะครับเลิฟ”มีเสียงพูดคุยดังขึ้นเมื่อแซมและบาบาร์ร่าเดินนำคู่หมั้นทั้งสองไปที่โต๊ะตัวยาวด้านหน้าน้องสาวของเธอสวยกว่าใครและใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มมีความสุข เธอภาคภูมิใจในตัวน้องสาวและอยากจะเห็นลิฟมีความสุขเช่นนี้ตลอดไป“ดูเจ้าแซมสิ ดูมีความสุข”เปรมาเอี้ยวหน้ามองคริส หน้าหวานคมยังยิ้ม