เจคอปหันมองร่างที่ยังนอนแน่นิ่ง มองท่อนล่างของเธอที่ยังเปลือยเปล่า เกลียดนัก พวกผู้หญิงที่ไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง
“ไม่อยากใส่ก็ไม่ต้องใส่ ลงไปสภาพนี้แหละ” เขากระแทกประตูเสียงดังจนนาเดียสะดุ้งตื่น เธอผวามองประตูฝั่งตนเองถูกกระชากออก เจคอปคว้าแขนนาเดียให้ลงมาจากรถทั้งอย่างนั้น
“โอ๊ยย ผ.อ.ได้โปรด ปล่อยหนูไปเถอะนะ” นาเดียยื้อยุดฉุดกระชากกับแรงของเขา ยิ่งเธอขยับตัว เธอก็ยิ่งปวดร้าวไปทั้งร่างกาย
“อย่ามาสำออย ตกลงจะใส่ไหมกางเกง ไม่ใส่ก็ออกมา!” เขาตะคอกเสียงดังลั่น นาเดียได้แต่พยักหน้ารับพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาอีกระลอก
“ฮึก ฮือๆๆๆๆ โอ๊ย ฮื่ออออ”
เจคอปมองร่างสะอึกสะอื้นค่อยๆเอื้อมไปหยิบกางเกงอย่างขัดใจ เขาไม่ได้มีความอดทนมากมายขนาดนั้น
“รำคาญโว๊ย ชักช้าอยู่ได้ มานี่!” ร่างบางถูกอุ้มขึ้นพาดบ่า เขาถอดเสื้อเชิ้ตห่อหุ้มท่อนล่างที่เปลือยเปล่าของเธอไว้
“กรี๊ดดดดด หนูเจ็บ จะพาเดียไปไหน ผ.อ. ปล่อยเดียไปเถอะนะ ฮื้อๆๆ คุณทำแบบนี้กับหนูทำไมคะ ผ.อ.! ผ.อ.!” นาเดียมองไปรอบๆด้วยความตื่นกลัว เธอคิดว่าหลังจบบทสวาทป่าเถื่อนแล้ว เขาจะปล่อยเธอไปเสียอีก แต่ที่นี้... มันเหมือนจะเป็นที่พักของเขามากกว่า
เจคอปแบกร่างบอบบางที่ดิ้นพร่านทุบตีแผ่นหลังเขามาจนถึงห้องนอน เขาทุ่มหญิงสาวลงบนเตียงก่อนจะเดินไปลากเก้าอี้มาหยุดอยู่ตรงปลายเตียง นั่งลงพลางจ้องมองเหยื่อสาวกำลังดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด
นาเดียค่อยๆพยุงตัวขึ้นนั่งพับเพียบ มองไปรอบๆห้องพร้อมกับเรียกความทรงจำที่อยากจะลืมเลือนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
“จำได้แล้วใช่ไหม?” เจคอปจ้องร่างเล็กเขม็ง หากคราวนี้เธอยังแกล้งทำปากแข็งอีก เขาจะไม่ปราณีเธออีกแล้ว “คิดดีๆก่อนตอบ”
นาเดียจำต้องพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
“หนูไม่รู้จริงๆ ว่าคุณคือ ผ.อ.ของโรงพยาบาล หนูแค่ไม่อยากจำเรื่องผิดพลาดในคืนนั้น ฮึกก ปล่อยหนูไปเถอะนะ หนูจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร” นาเดียร่ำไห้เป็นวักเป็นเวร เจคอปมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาคมกริบ นี่เธอเสแสร้งเล่นละครหรือเธอไม่รู้ตัวจริงๆว่าเขาพาเธอมาที่นี้ทำไม หากเธอกำลังเล่นละครอยู่ เธอก็ทำได้แนบเนียนจนเขาเกือบจะหลงเชื่ออีกครั้ง
“เธอใช้วิธีนี้ปั่นหัวผู้ชายมาแล้วกี่คน ห๊ะ นาเดีย” เขายังคงจ้องดวงตากลมไม่วางตา หากเธอจะเล่นละครตบตาเขา ย่อมไม่อาจหลอกสายตาของเขาไปได้
“หนูไม่เข้าใจว่าผ.อ.พูดเรื่องอะไร หนูไม่เข้าใจจริงๆ” ดวงตากลมโตของเธอบ่งบอกว่าเธอพูดความจริง มันยิ่งทำให้เขาหัวเสีย
“เธอพยายามจะจับน้องชายฉัน! ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเขามีคู่หมั้น แต่เธอก็ยังใช้มารยาสารพัดพิษหลอกจนเขาขอยกเลิกงานหมั้น!” น้ำเสียงเขาดุดันขึ้น แต่ซาตานร้ายยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ เขากำลังพิพากษาจำเลยของเขาอยู่
“ไม่จริงนะ เดียไม่รู้เรื่อง พี่เจมส์บอกว่าคุณมินตรา ว่าที่คู่หมั้นของเขามีคนรักอยู่แล้ว แต่เธอบอกที่บ้านไม่ได้...”
“โกหก! เธอคิดว่าฉันจะเชื่อที่เธอพูดรึไง เจมส์กับมินตราหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก พึ่งจะห่างกันไม่ถึงเดือน แล้วมินตราจะไปมีผู้ชายคนอื่นได้ยังไง ห๊ะ!”
เจคอปลุกขึ้นมากระชากร่างบางจนตัวลอยขึ้นกลางอากาศ เขามองดวงตาใสซื่อ ไม่มีวี่แววว่าเธอจะโกหก เขากำลังสับสนอย่างหนัก
“แล้วผู้หญิงที่เจมส์คุยไลน์ด้วยตลอดเวลาที่ผ่านมา มันไม่ใช่เธอหรือไง? ผู้หญิงแรดร่านที่อ่อยน้องชายฉัน อ้อนให้เขาพาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้มาประเคนให้ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เธอรึไง นาเดีย!?” แววตาของนาเดียวูบไหวในทันที ไม่ใช่… ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เธอ
เธอส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ มันยิ่งทำให้เจคอปสับสน ความคิดความอ่านของเขากำลังรวน เขาอยากจะเชื่อคำพูดและแววตาของเธอ แต่หลักฐานที่เขาเห็นมันก็แน่นหนาจนดิ้นไม่หลุด
“เธอจะบอกว่าเธอไม่ได้เป็นคนส่งข้อความพวกนี้ให้เจมส์สินะ งั้นก็ดูให้เต็มๆตาก่อนคิดที่จะแก้ตัว”
เขาควักโทรศัพท์ออกมากดเปิดรูปภาพที่เขาแคปหน้าจอไลน์ในเครื่องเจมส์ให้นาเดียดู ข้อความที่เธอได้เห็น ทำให้นาเดียถึงกับตกตะลึง
...ญาดา ทำไมแกถึงทำกับฉันแบบนี้
เขามองใบหน้าจำเลยที่จนด้วยหลักฐาน ร่างบางถูกเหวี่ยงลงบนเตียงนอนอย่างแรง
“หมดข้อแก้ตัวสินะ หึหึ ลงทุนอ่อยผู้ชายขนาดนี้ แต่ได้ไปแค่กระเป๋ากับข้าวของราคาไม่กี่หมื่น”
เจคอปมองนาเดียด้วยแววตาเหยียดหยาม
“ไม่ใช่นะคะ มีคนปลอมไลน์เดีย เดียไม่เคยคุยไลน์กับพี่เจมส์เลยจริงๆนะคะ”
“ยังไม่หยุดตอแหลอีกเหรอห๊ะ หน้าด้าน!”
เรียวแขนเล็กถูกบีบด้วยความโมโห หากเขาออกแรงเต็มที่ ท่อนแขนเล็กๆของเธอคงหักคามือเขาได้ไม่ยาก
นาเดียหวาดกลัวจนต้องยกมือไหว้ขอความปราณีจากเขา เธอจะทำอย่างไรกับความผิดที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อ หากจะให้เอ่ยชื่อเพื่อนรัก เธอก็ไม่สามารถทำได้ แต่จะให้ยอมรับว่าเธอเป็นคนส่งข้อความทุเรศๆแบบนั้น เธอก็ทำไม่ได้จริงๆ
“สมมติว่าฉันเชื่อเธอ งั้นเธอก็บอกฉันมา ว่าใครเป็นคนทำ”
เจคอปเฝ้ารอคำตอบด้วยความหวัง เขาไม่อยากปักใจเชื่อว่านาเดียจะเป็นผู้หญิงแบบนั้นจริงๆ แต่สิ่งที่เขาได้รับ มีเพียงแววตาสิ้นหวังจากคนตรงหน้า เจคอปเริ่มจะหมดความอดทนเต็มที
“ฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย” เขาย่างสามขุมไปที่กระเป๋าถือของนาเดีย ข้าวของในกระเป๋าถูกเทกระจาดลงพื้น
“นั้น… นั้นผ.อ.จะทำอะไรคะ” นาเดียมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือเจคอปด้วยหัวใจสั่นไหว เธอไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังจะทำอะไรกันแน่
มือหนาสั่นระริกด้วยความเคียดแค้น นี่เป็นหนที่สองแล้วที่เขาถูกเด็กผู้หญิงหน้าซื่อแต่ใจคดอย่างเธอหลอก เธอเป็นเด็กร้ายกาจยิ่งกว่าที่เขาคิด นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันเชื่อคำพูดเธอ...นาเดีย!
เจคอปโชว์ข้อความในแชทไลน์หวานแหววที่เธอคุยกับเจมส์เมื่อคืน นาเดียถึงกับสะอึก เธอจะอธิบายอย่างไร ในเมื่อสัญญากับเจมส์ไว้แล้วว่าจะช่วยเขาเล่นละครตบตาครอบครัวของเขา
“คือ... นั้นมัน... คือ...”
นาเดียสิ้นไร้หนทางจะหนีเอาตัวรอด เธอมองร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามค่อยๆถอดกางเกงออก ใบหน้าของเจคอปโหดเหี้ยมไร้ซึ่งความปราณี เขากำลังจะพิพากษาจำเลยสวาท ในความผิดที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อ..
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต