เสียงนาฬิกาดังปลุกร่างที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง แม้แสงสว่างยามเช้าจะสาดแสงลอดม่านหน้าต่างเข้ามากระทบกับใบหน้าของทั้งคู่แล้วก็ตาม เจคอปเอื้อมมือไปกดปิดเสียงดังน่ารำคาญ เป็นคืนแรกในรอบหลายเดือนที่เขาได้นอนหลับเต็มอิ่มขนาดนี้ และเขารู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด แขนกำยำสอดแทรกเข้าไปใต้ผ้าห่มเพื่อดึงร่างนุ่มนิ่มที่มอบความสุขให้เขาตลอดทั้งคืนเข้ามาสวมกอด เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขานึกอยากกอดผู้หญิงในยามตื่นนอนแบบนี้ มือหนาสัมผัสเขากับร่างนุ่มนิ่มที่นอนเปลือยกายอยู่ไม่ไกล ร่างกายของนาเดียมีอุณหภูมิร้อนระอุจนเขาต้องชักมือกลับ เจคอปตื่นเต็มตา เขาลุกขึ้นนั่งพลางแตะฝ่ามือลงบนหน้าผากของหญิงสาวที่ยังนอนนิ่งสนิท ร้อนฉ่า...
“แค่นี้ถึงขั้นไข้ขึ้นเลยเหรอ” เขาดีดตัวลงจากเตียง รื้อหาผ้าขนหนูผืนเล็กจากในตู้เสื้อผ้า แม้อาจารย์หมอรุ่นใหญ่อย่างเขาจะรู้วิธีการดูแลคนป่วยเป็นอย่างดี แต่นอกจากเจมส์มาร์กับมินตราแล้ว เขาก็ไม่เคยดูแลคนอื่นมาก่อน จะพาไปโรงพยาบาลก็เสียเวลาเปล่าๆ คิดซะว่าดูแลคนไข้คนหนึ่งก็แล้วกัน
เสียงดังโครมครามในครัวปลุกร่างบางที่ยังสลึมสลือเพราะพิษไข้ให้ตื่นขึ้น นาเดียปวดเวียนศีรษะอย่างหนัก แม้จะอาการดีขึ้นเพราะได้น้ำเย็นลูบตัวไปแล้วก็ตาม เธอก้มมองร่างกายที่เคยเปลือยเปล่า บัดนี้กลับมีเสื้อผ้าห่อหุ้มพร้อมผ้าห่มอุ่นหนา เธอได้กลิ่นยาทาบรรเทาอาการคัดจมูกจากบริเวณหน้าอก สองแก้มพลันขึ้นสีแดงระเรื่อ เผลอตื่นเต้นดีใจกับการกระทำแสนอ่อนโยนจากเขา บางครั้งเขาก็ดีกับเธอจนน่าใจหาย แต่บางครั้ง... เขาก็โหดร้ายทารุณจนเธอนึกขยาดไม่อยากจะอยู่ใกล้ เขาจะเอายังไงกับเธอกันแน่นะ
ในขณะที่กำลังคิดไม่ตก เจคอปก็เปิดประตูเข้ามา หญิงสาวรีบหลับตาลง แกล้งทำเป็นหลับเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา
“ยังไม่ตื่นอีกเหรอ” นาเดียได้ยินเสียงพึมพำหน้าประตู เธอพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเพื่อไม่ให้เขาสงสัย นาเดียได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของเจคอปเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง ก่อนเขาจะเอื้อมมือมาเขย่าร่างบางอย่างแรง ...เขาไม่เคยอ่อนโยนกับเธอเลยจริงๆ
“ตื่นๆ ลืมตาขึ้นมา นาเดีย! ตื่น!” นาเดียแกล้งขยับตัวเล็กน้อย พยายามลืมตาเพียงครึ่งตา เธอหรี่ตามองแต่ทว่าภาพของเขากลับพร่าเบลอโดยที่เธอไม่ได้แกล้งแสดงละคร
“ฉันโทรไปลางานให้เธอเรียบร้อยแล้วนะ” ดีจัง อย่างน้อยก็ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง “ลุกมากินยา! เร็ว อย่ามาทำสำออย” หยาบคาย แถมยังบ้าอำนาจเหมือนเดิม เธอแกล้งอิดออด ไม่ยอมลุกขึ้น
“งั้นก็ตามใจ กลับมาฉันต้องเห็นว่าเธอนอนอยู่ที่นี่ ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น! เข้าใจนะ ฉันไปล่ะ”
คนอะไร เผด็จการที่สุด
นาเดียค่อยๆผงกศีรษะขึ้นเพื่อดูให้แน่ใจว่าเจคอปออกจากห้องไปแล้ว เธอเห็นแก้วน้ำพร้อมยาวางอยู่บนโต๊ะเหนือหัวเตียง พร้อมเช็คเงินสดยับยู่ยี่ หญิงสาวขมวดคิ้วทันที จากที่คิดจะกินยาในตอนแรกก็เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาเสียเฉยๆ เธอฟรุบหน้าลงกับหมอน ก่อนจะผล็อยหลับไปเพราะพิษไข้
“อาจารย์คะ สวมถุงมือผ่าตัดค่ะ” เสียงพยาบาลดึงสติของนายแพทย์ใหญ่ให้กลับมาสนใจฟิวผ่าตัดอีกครั้ง วันนี้เขารู้สึกเหมือนไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่ หัวใจมันร้อนรน คอยแต่จะนึกถึงคนที่นอนซมอยู่บนเตียง “อาจารย์คะ มีดค่ะ”
เป็นอีกครั้งที่เจคอปยืนเหม่อลอยทั้งๆที่คนไข้กำลังเสียเลือดมาก เจคอปหันมาเพ่งสมาธิอยู่กับชีวิตที่อยู่ในมือ พยายามสลัดภาพของผู้หญิงอีกคนที่คอยกวนใจให้ออกไปจากความคิด
การผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เป็นอีกครั้งที่เขาได้รับรอยยิ้มทั้งน้ำตาจากญาติคนไข้ที่มารอคอยด้วยความหวัง
“เฮ้อ...” เขามองนาฬิกา พึ่งจะ 11 โมง ไม่รู้ว่าป่านนี้ยัยเด็กตัวดีจะลุกขึ้นมาทานข้าวทานยาหรือยัง กลัวว่าจะเอาแต่นอนซมทั้งวันเสียมากกว่า ยิ่งดูเป็นคนโง่ออกอย่างนั้น นึกไปก็อดเป็นห่วงไม่ได้ หรือจะกลับไปดูอาการเสียหน่อย แต่เขาติดประชุมตอนเที่ยง จะเอายังไงดีนะ
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาคนป่วย แต่ก็พึ่งนึกได้ว่าเขาไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของหล่อน ซ้ำโทรศัพท์เธอยังพังยับเยินเพราะตัวเขาเองที่ปามันลงพื้นจนแตกละเอียด “ทำไมถึงมีแต่เรื่องยุ่งยากแบบนี้วะ”
คนอารมณ์ร้อนสบถอย่างหัวเสีย เขาพยายามสลัดตัวปัญหาออกจากสมอง ย้ำกับตัวเองว่าควรเลิกนึกถึงผู้หญิงคนนั้นเสียที
เจคอปกลับมาที่ห้องทำงาน เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับหญิงสาวในชุดชั้นในเพียงตัวเดียว เธอนอนคอยเขาอยู่บนโซฟา เจคอปชะงักไป ...เป็นวาววานั่นเอง
เขาปิดประตูลงแผ่วเบา ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ เมื่อเขาไม่ได้ออกปากไล่ วาววาก็รีบเดินไปนั่งลงบนตักของชายหนุ่มทันที เจคอปขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้หญิงสาวนั่งได้ถนัด
“ผ.อ.มีประชุมตอนเที่ยงใช่ไหมคะ” วาววากระซิบถามเสียงอ่อนเสียงหวาน เธอซุกไซร้ซอกคอหนาพลางปลดเน็คไทออกอย่างคล่องแคล่ว
“อืม...” คนตัวใหญ่ครางตอบในลำคอด้วยความร้อนรุ่มจากริมฝีปากเล็ก เธอจูบเม้นลงบนแผงอกไต่ลงไปหาอาวุธใหญ่เบื้องล่างที่ค่อยๆตื่นตัว
“วาคิดถึงผ.อ.จังเลยค่ะ ผ.อ.ของวา” วาววาปลดเปลื้องมังกรร้ายออกมาผงาดอยู่ตรงหน้า ไม่รอช้า เธอรีบแลบลิ้นออกไปทักทายหัวเห็ดบานใหญ่แผ่วเบา สร้างความกระสันให้ร่างใหญ่ไม่น้อย
“อมให้หมด!” เขากดศีรษะวาววาลงกับมังกรยักษ์ของเขา หลับตาซึมซับสัมผัสอ่อนนุ่มจากโพรงปากและปลายลิ้นชุ่มฉ่ำ ในใจกลับจินตนาการถึงปากเรียวเล็กของผู้หญิงอีกคน ทำไมเธอถึงไม่ว่าง่ายแบบนี้บ้างนะ ทำไมต้องคอยขัดใจเขาอยู่เรื่อย
“อ๊าา เมียจ๋าา ดูดแรงๆ ซี๊ดดด ผัวขอแรงๆ” คำเรียกขานที่ไม่เคยได้ยินจากปากเขามาก่อนทำให้หัวใจของวาววาลิงโลดด้วยความดีใจ เธอออกแรงดูดเลียด้วยลีลาร้อนแรงและเมามันส์ เจคอปเกร็งตัวเสียวซ่านจนต้องซูดปากร้องครางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาใช้มือบังคับศีรษะวาววาให้รูดขึ้นรูดลงเร็วขึ้น
“ซี๊ดด สุดยอดเลย อ๊าา เร็วอีก” เขาละเมอพูดกับหญิงสาวในจินตนาการ นาเดียกำลังใช้ลิ้นโลมเลียไปตามลำเอ็นที่มีเส้นเลือดปูดโปน เขาจับศีรษะเธอให้รูดขึ้นรูดลงในจังหวะเร็วขึ้น เด็กน้อยแทบจะสำลักเพราะความใหญ่โตจนคับแน่นไปทั้งปาก
“อ้าาาา เก่งมาก ผัวจะเสร็จแล้ว อืมม เร็วอีก” เธอรีบเร่งความเร็วเอาใจชายหนุ่ม ปากเล็กรูดขึ้นรูดลงระรัว เสียงดูดเม้มพร้อมๆกับเสียงน้ำลายดังจ๊วบจ๊าบลั่นห้อง ปากเล็กของนาเดียช่างสร้างความสุขสมให้จนถึงใจเขาจริงๆ
“อ๊ะ! อ๊ะ! ที่รัก อ๊าาาา!” เจคอปกระตุกเกร็งปลดปล่อยน้ำเชื้อขาวขุ่นออกมาเต็มปาก เขามองดูเธอค่อยๆกลืนมันลงคอ ก่อนจะรีบเลียเช็ดทำความสะอาดให้กับอาวุธร้ายที่ยังไม่ยอมอ่อนกำลังลง
ถ้าหากผู้หญิงตรงหน้าเขาเป็นนาเดียจริงๆ ก็คงจะดีไม่น้อย
“พอ กลับไปทำงานได้แล้ว” เจคอปรีบจัดการสวมใส่กางเกงให้เรียบร้อย ทิ้งให้อีกคนอารมณ์ค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น
“เอ่อ ผ.อ. จะไม่ จะไม่...” วาววาเอ่ยถามตะกุกตะกัก เมื่อกี้ยังเรียกเธอเสียงอ่อนเสียงหวานอยู่เลย แล้วอยู่ๆทำไมถึงเปลี่ยนท่าทีเป็นหลังมือแบบนี้ ซ้ำเขายังไม่มีทีท่าว่าอยากจะแตะต้องเธอสักนิด
“ฉันบอกให้ออก ก็ออกไปสิ หูหนวกหรือไง”
เสียงตะคอกของเจคอปทำเอาวาววารีบร้อนใส่เสื้อผ้า วิ่งแจ้นออกจากห้องแทบไม่ทัน ทันทีที่ตัวน่ารำคาญออกไปพ้นหน้า เขาก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ มองนาฬิกาในข้อมืออีกครั้ง ทำไมวันนี้เวลามันผ่านไปช้าเหลือเกินนะ เขาแทบจะอดทนรอไม่ไหว หัวใจของเขามันกลับไปถึงคอนโดเรียบร้อยแล้ว
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต