วาววาย่างเท้ามาหยุดอยู่หน้าประตู ตั้งท่าพร้อมจะเอาเรื่องคู่กรณีเต็มที่ แต่ภายในห้องเปลี่ยนชุดกลับว่างเปล่า
“โธ่เอ้ย! หนีไปได้งั้นเหรอ” ร่างสูงเพรียวย่ำเท้าจากไปด้วยความโมโห เมื่อวานเจคอปก็ไม่ยอมแตะต้องเธอ วันนี้ยังสั่งห้ามไม่ให้เธอไปคอยเขาอีก ทั้งที่ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าเขาจะไปนอนกับผู้หญิงที่ไหน กี่คนต่อกี่คน เขาก็ไม่เคยคิดจะสลัดเธอทิ้งแบบนี้มาก่อน หรือว่าเขาจะหาใครมาแทนที่เธอได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ เธอต้องรู้ให้ได้ว่านังผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร!
“นี่! ตกลงยังไง วันนั้นพี่เจมส์เขาว่ายังไงบ้าง” ญาดาคาดคั้นเพื่อนสาว แต่นาเดียกลับไม่ได้สนใจ เอาแต่นั่งกดโทรศัพท์พลางหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
“ก่อนที่แกจะถามฉัน แกน่าจะเป็นฝ่ายเล่ามาก่อนนะ เรื่องแกกับพี่เจมส์” ร่างบางใช้สายตากล่าวโทษ ทั้งที่เธอหวังจะได้ยินคำขอโทษจากปากญาดาตั้งแต่ทีแรกที่เห็นหน้ากัน แต่ญาดากลับทำเฉย เหมือนว่าหล่อนไม่ได้ทำผิด ซ้ำยังเป็นฝ่ายคาดคั้นเธอเรื่องพี่เจมส์อีก
“เรื่องอะไร ฉันไม่มีอะไรจะเล่า แล้วตกลงนี่แกจะรวบพี่เจมส์ไปเองเลยใช่มะ ก็รู้อยู่ว่าฉันชอบเขา” ญาดายังคงเฉไฉ เธอโยนความผิดให้นาเดีย จนหญิงสาวพูดไม่ออก
เห็นอีกฝ่ายนั่งนิ่งไม่ยอมปฏิเสธ มันทำให้เธอเกิดความรู้สึกไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว “เออ งั้นแกก็เอาเขาไปเถอะ ฉันยกให้!”
ญาดาลุกออกไปจากโต๊ะ ทิ้งให้นาเดียนั่งตะลึงงัน
‘เห้ยยย ตกลงนี่ฉันกลายเป็นคนผิดเหรอวะเนี่ย’
นาเดียได้แต่ถามตัวเองในใจ เรื่องที่เตรียมจะมาต่อว่าเพื่อนก็พลอยถูกกลืนลงคอไปด้วย
หลังเลิกงาน
“ดา วันนี้แกกลับไปก่อนเลยนะ” นาเดียกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น เธอมองท่าทางมึนตึงของเพื่อนรัก ญาดายังไม่ยอมคุยกับเธอตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน
“พอมีผัวใหม่ก็ลืมเพื่อน หึ!” หล่อนทำหน้าบึ้งตึง
“ไม่ใช่ยังงั้น คือ...”
นาเดียอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอจำต้องปล่อยให้เพื่อนเข้าใจผิดอย่างนั้น เพราะเธอยังไม่รู้ว่าควรจะเล่าเรื่องเจคอปให้ญาดาฟังอย่างไรดี ทั้งที่ตัวต้นเรื่องที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้ก็คือตัวญาดาเอง
“ช่างเถอะ จากนี้ฉันจะไม่รอกลับพร้อมแกอีกแล้ว” ญาดาว่าพลางหันหลังให้ อย่างไรเสียนาเดียก็ต้องง้อเธอ เพราะตั้งแต่คบกันมา 4 ปี ไม่เคยมีครั้งไหนที่นาเดียจะไม่เป็นฝ่ายง้อเธอก่อน
“เดี๋ยวสิแก ฟังฉันก่อน...”
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะทั้งคู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร เพราะก่อนหน้านี้เขาก็ส่งไลน์มาตามจิกให้เธอลงไปหาเขาที่ห้องทำงานยิกๆ ญาดามองหน้าลำบากใจของเพื่อน เธอใช้สายตาเป็นเชิงบอกให้นาเดียรับโทรศัพท์ต่อหน้าเธอ แต่หญิงสาวกลับนิ่ง ญาดาจึงสะบัดร่างเดินจากไป นาเดียมองตามแผ่นหลังของญาดาสลับกับโทรศัพท์ในมือที่ยังดังไม่หยุด เธอจำใจกดรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ จะเสี่ยงให้เจคอปอารมณ์เสียอีกไม่ได้เด็ดขาด
“ฮัลโ.../อยากให้ฉันขึ้นไปหาถึงที่ทำงานรึไง ทำไมไม่รับสายฉัน แล้วทำไมยังไม่ลงมาอีก” เสียงตะคอกจากปลายสายทำเอาเธอต้องรีบปิดหู ทำไมเขาถึงได้โมโหร้ายแถมยังเอาแต่ใจตัวได้ขนาดนี้นะ เธอคงต้องค่อยๆ ดัดนิสัยเขาบ้างแล้ว
“ตะโกนขนาดนี้ คุณไม่เจ็บคอหรือไงคะ” เธอเลี่ยงจะใช้สรรพนามที่บ่งบอกให้คนอื่นรู้ว่าเธอกำลังคุยอยู่กับใคร
“นะ นี่! นาเดีย เธอกล้า.../ขอโทษค่ะ หนูพึ่งออกจากเคสผ่าตัด คุณไปรอหนูที่รถเลยนะคะ เดี๋ยวหนูจะรีบลงไป อ่ะ มาจอดที่วงเวียนด้านหลังนะคะ หนูกลัวใครเห็น” นาเดียกระซิบกระซาบเพราะกลัวจะมีใครได้ยิน แต่อีกด้านของปลายสายแทบบ้าคลั่ง หากแทรกตัวโผล่มาหาเธอทางหูโทรศัพท์ได้ เขาคงทำไปแล้ว
“นี่! นี่เธอกล้าสั่งฉันเหรอ” เจคอปตัวสั่นด้วยความโกรธ ไม่เคยมีใครกล้าสั่งเขาแบบนี้มาก่อน
“ป่าวค่ะ หนูไม่กล้าสั่งคุณหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ไปรอตามที่หนูบอก หนูจะหนีกลับหอเดี๋ยวนี้แหละ แค่นี้ก่อนนะคะ หนูกำลังรีบวิ่งไปแล้ว” นาเดียรีบชิงตัดสายก่อนที่อีกฝ่ายจะตะคอกเธอกลับ เอาวะ! ตายเป็นตาย แต่จะปล่อยให้เขาเอาแต่ใจตัวเองไปมากกว่านี้ไม่ได้ เป็นผู้ชายทั้งแท่ง ต้องหัดให้เกียรติสุภาพสตรีสิ ถึงจะน่ารัก
เจคอปยืนอึ้งเหมือนถูกค้อนทุบเข้ากลางศีรษะ คนอย่างเขา ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เจคอป บดินทร์พิทักษ์ นายแพทย์ยิ่งใหญ่มีผู้คนนับหน้าถือตา ผู้หญิงนับร้อยล้วนยอมสยบแทบเท้า กลับถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งถอนหงอกเนี่ยนะ
“มันจะมากไปแล้วนะ คิดว่าตัวเองเป็นใครห๊ะ!” เขาย่ำเท้าออกจากห้องด้วยความโกรธ ตั้งใจจะบุกขึ้นไปหาหญิงสาวถึงที่
‘คงคิดว่าฉันไม่กล้าสินะ หึ! เดี๋ยวเธอได้รู้แน่’
เขาสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องผ่าตัด แต่ในระหว่างนั้นชายหนุ่มก็ฉุกคิดได้ หากระหว่างที่เขากำลังไปหาเธอ นาเดียเกิดไปหาเขาที่จุดนัดแล้วไม่เห็นเขารออยู่ แล้วยัยเด็กนั่นเกิดชิ่งหนีกลับไปก่อนจริงๆ เขาไม่ยิ่งคลั่งกว่านี้เหรอ
“โธ่เว้ยยย!! คอยดูเถอะนาเดีย! ฉันจะสั่งสอนให้เธอรู้สำนึกว่าใครกันแน่ที่ต้องเป็นคนออกคำสั่ง”
เจคอปรีบร้อนวิ่งกลับไปที่รถ ก่อนจะรีบขับไปยังจุดหมายที่หญิงสาวนัดแนะ เขาชะเง้อคอมองหาคนตัวเล็กด้วยความร้อนรน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา หรือว่าจะกลับไปก่อนแล้วจริงๆ ยัยเด็กบ้านั่น กล้าดียังไง!
เจคอปรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดโทรหานาเดีย พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กที่คุ้นเคย นาเดียกำลังเดินสลับวิ่งเหลียวหน้าเหลียวหลัง เธอรีบตรงดิ่งมาที่รถของเขา เจคอปกำพวงมาลัยในมือแน่น เขาจะลงโทษยัยเด็กตัวแสบยังไงถึงจะสาสมกับสิ่งที่หล่อนทำ
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต