เรือนร่างเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเคลื่อนไหวตามแรงโยกของสะโพกที่โถมเข้าใส่ไม่ยั้ง คนด้านบนยิ่งออกแรงกระหน่ำแทงแท่งร้อนเข้าใส่ร่องรักถี่กระชั้นขึ้นเมื่อรับรู้ว่าเจ้าอาวุธร้ายใกล้จะระเบิดเต็มที เสียงเตียงเหล็กราคาถูกสั่นคลอนกระทบเข้ากับผนังปูนดังนานร่วมสองชั่วโมง หากมันมีชีวิต มันคงจะบอกกับสองร่างที่นอนทับมันอยู่ว่าหากไม่จบกิจกรรมรุนแรงนี้ในระยะเวลาอันสั้น ตัวมันคงจะพังครืนลงมาเป็นแน่
“อ๊ะๆ พี่เจค หนูไม่ไหวแล้ววว จะเสร็จอีกแล้ว อ๊ะ!!!!”
นาเดียหวีดร้องขมิบเกร็งเป็นรอบที่ 5 หรือ 6 เธอเอื้อมมือไปจับซี่เหล็กบนหัวเตียงเพื่อยึดตัวรับแรงกระแทกที่หนักหน่วงต่อเนื่องและยาวนานของเจคอป เขารุนแรงดั่งที่เอ่ยปากเตือนเธอไว้จริงๆ
กึก กึก กึก กึก กึก กึก กึก กึก
พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ
ใบหน้าสุดหล่อเริ่มเหยเกเล็กน้อยจากแรงบีบรัดตัว เขาเร่งโหมซอยสะโพกเร็วถี่เมื่อรู้สึกถึงอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย
“อ๊าาาาาส์!!!!” เจคอปครางเสียงหนักในลำคอลากยาวหนึ่งที พร้อมกับแช่ท่อนเอ็นค้างไว้ ปล่อยให้น้ำกามขาวขุ่นฉีดพุ่งจนเต็มร่อง
ร่างใหญ่หมดแรงนอนฟรุบตัวลงกับหน้าอกนุ่ม
นาเดียแทบจะสลบในทันที เจคอปทั้งอึดทั้งทน แม้เขาจะเตือนเธอก่อนแล้วว่าจะขอชดเชยที่ไม่ได้มีอะไรกันมาตั้งสองวัน แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะทนทานได้ขนาดนี้
“อืมมม หอมจัง” เจคอปดึงคนตัวเล็กเข้าไปกอดรัด ซุกไซร้จมูกเข้ากับเรือนผมอ่อนนุ่ม กลิ่นกายผสมกับกลิ่นเหงื่อจางๆช่างหอมเย้ายวนใจ มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข ลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วตัว จนคนถูกกวนต้องจับมือเขาล็อคไว้ให้กอดก่ายไว้ที่เอวคอดเฉยๆ
“ให้หนูพักบ้างสิ คนนะคะ ไม่ใช่ม้า” นาเดียพูดติดตลก เจคอปจึงดึงเอาร่างเล็กเข้าไปกอดกระชับแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม
“คิดถึงเดียนะครับ” สิ่งที่ได้ยินทำให้ร่างบางแข็งเกร็งโดยอัตโนมัติ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ยินคำหวานเป็นรอบที่สอง รอบแรกเธอได้ยินไม่ถนัดนัก แต่รอบนี้เขาจงใจพูดข้างใบหูกันเลยทีเดียว ใบหน้าหวานเผยยิ้มด้วยความดีใจ ไม่คิดว่าจะได้รับความรู้สึกดีๆจากผู้ชายปากร้ายอย่างเขา
แม้จะพยายามกลั้นเอาไว้แล้ว แต่คนด้านหลังก็ยังรับรู้ถึงแรงกระตุกของร่างกาย เขาจับคนตัวเล็กให้หันหน้ามาหากัน ก่อนจะบรรจงเช็ดคราบน้ำตาให้
“หยุดร้อง! ฉันไม่อยากเห็นเธอร้องไห้” เขายังคงชินกับการออกคำสั่ง แต่เชื่อเถอะ น้ำเสียงและแววตาไม่เหลือเค้าเดิมอีกแล้ว ต่อให้ดุเด็ก เด็กยังไม่หยุดร้องเลย “ขอโทษ! จะไม่รุนแรงอีกแล้ว” มือหนาปาดน้ำตาที่สองพวงแก้มให้ แต่ทว่าคนตัวเล็กกลับทำหน้าเหยเก ปล่อยเสียงโฮดังยิ่งกว่าเดิม ...มีเมียเด็กนี่เอาใจยากชะมัด
“จะร้องอีกทำไมเนี่ย!” เจคอปเริ่มทำเสียงดุขึ้นอีกระดับ คราวนี้ถึงได้ผล
“ก็ ก็หนูดีใจ ฮึก” นาเดียพูดไม่ค่อยเป็นคำนัก พยายามหยุดร้องไห้ แต่หัวใจมันตื้นตันไปหมด
“ถ้าไม่หยุดร้อง คราวหลังจะไม่ใจดีด้วยแล้วนะ!” คราวนี้น้ำเสียงเขาดุดันอย่างเช่นแต่ก่อน ได้ผลดีทีเดียว เพราะนาเดียรีบกลั้นหายใจกลืนน้ำตาลงคอไปในทันที เธอซุกใบหน้ากับแผงอก ถูไถไปมาบนไรขนอ่อนนุ่มสีประกายทองของเขา
“ชอบให้ดุ!” เจคอปแกล้งทำเสียงดุ แต่ก็ลูบผมคนในอ้อมกอดเบาๆ เป็นเชิงปลอบปะโลม
“เปล่าค่ะ ชอบให้ใจดี” เสียงอู้อี้ดังลอดออกมาพอให้ได้ยิน
“เวลาใจดีด้วยก็ชอบดื้อ” เขาทำตัวเหมือนพ่อกำลังดุลูก นาเดียรีบส่ายหน้าหยุกหยิกไปมา
“ไม่ดื้อแล้วค่ะ” เจคอปลอบยิ้ม ก่อนจะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
“เอ่อ พี่เจค?” เป็นสรรพนามที่เจคอปบังคับให้นาเดียเรียก แน่นอนว่ามันทำให้หญิงสาวดีใจมาก เธอแทบจะเรียกชื่อนี้ทุกๆสามวินาทีเลยด้วยซ้ำ
“หื่ม?” คนที่กำลังจะผล็อยหลับขานรับโดยที่ยังไม่ยอมเปิดเปลือกตา
“คือ หนูถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ” นาเดียกลืนน้ำลาย เพราะเขาใจดีกับเธอมากเกินไป มากจนเธอนึกหลงตัวเอง “พี่เจครู้สึกยังไงกับหนูเหรอ” รวบรวมความกล้าถามออกไปจนได้ แต่ที่ต้องใช้ความกล้ามากยิ่งกว่า คือการรอคอยคำตอบ
เจคอปลืมตาตื่นขึ้นมาทันที ไม่คิดว่านาเดียจะถามกันตรงๆแบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่านาเดียทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มันไม่ใช่ความสุขผิวเผินที่เกิดจากผู้หญิงมาปรนนิบัติเอาใจ แต่มันเป็นความสุขที่เกิดจากการที่เขาได้ลองเอาใจผู้อื่น และหากผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่นาเดีย เขาก็คงไม่มีทางรู้สึกแบบนี้
“ฉันยังตอบไม่ได้...” เขากลั่นกรองคำพูดให้ดีที่สุด ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องกลัวคนฟังจะเสียใจ เขารู้สึกดีกับนาเดีย อยากลองอ่อนโยนเพื่อให้เธอพอใจ อยากให้เธออยู่ใกล้ๆ อยากเห็นเด็กดื้อคนนี้อยู่ข้างกายตลอดเวลา แต่มันถึงขั้นที่จะเรียกว่า 'ความรัก' ไหม เขาก็ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต