“จะรีบไปไหนนาเดีย พึ่งเข้ามาในงานเองนะ”
เหมือนสิ่งรอบตัวหยุดชะงักไปชั่วขณะ เสียงรอบข้างนิ่งสนิทจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจของตัวเอง คนตัวเล็กพยายามแกะมือหนาออก แต่เหมือนเขาจะยิ่งบีบมันแรงขึ้นจนใบหน้าคนตัวเล็กเหยเก
“คือ...หนูจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ” พูดเสียงอู้อี้เหมือนกลัวใครจะได้ยิน นาเดียเอาแต่จ้องมองพื้นทราย และนั่นยิ่งทำให้เจคอปหงุดหงิด เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา!
“เหรอ งั้นก็ไปสิ ฉันเดินไปส่งเอง”
ไม่รอให้หญิงสาวปฏิเสธ เจคอปลากแขนนาเดียออกไปจากบริเวณชายหาดทันที โดยมีสายตางงงวยของญาดามองตามแผ่นหลังของทั้งคู่ไปจนลับตา เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก จึงหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มแก้เก้ออยู่คนเดียว
“โอ๊ยยย พี่เจค หนูเจ็บ โอ๊ย ปล่อยค่ะ เดี๋ยวมีใครมาเห็น” นาเดียถูกร่างสูงลากตัวกลับเข้ามาในโรงแรม อารมณ์ที่เดือดพร่านยิ่งโหมความรุนแรงเข้าไปอีกเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ยิ่งได้ยินคำพูดของนาเดีย เขาก็ยิ่งโมโห โมโหจนแทบจะเรียกว่าบ้าเลยก็ว่าได้
“ไม่ต้องห่วงคนอื่น ห่วงตัวเองก่อนเถอะ!”
เขาลากหญิงสาวเดินผ่านเข้ามาทางประตูสระว่ายน้ำที่มียามสองนายเฝ้าอยู่ นาเดียรู้สึกใจชื้นขึ้น
“คุณลุงคะ คือผู้ชายคนนี้กำลังเมาหนัก เขาทำท่าจะลวนลามหนู ช่วยหนูด้วยนะคะ”
นาเดียจำต้องเอาตัวให้รอดจากชายผู้มีอารมณ์โมโหร้ายคนนี้เสียก่อน ดูท่าเจคอปจะเริ่มตึงๆเพราะความเมาทำให้คาดเดาอารมณ์ไม่ได้เลย คนตัวเล็กทำสีหน้าอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ แต่ยามสองนายกลับทำเหมือนหูทวนลม ไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาช่วยเธอ
“เรียบร้อยตามที่ท่านสั่งครับ” หนึ่งในชายสองคนก้มศีรษะให้ร่างสูงเล็กน้อย นาเดียหน้าเหวอมองเจคอปยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้คนตรงหน้า
“ดี กั้นบริเวณนี้ให้หมด อย่าให้ใครผ่านเข้ามาได้ แล้วก็..” เขาหันมามองคนในกำมือด้วยแววตาหื่นกระหายที่สุด ดวงตาเขาดูหยาดเยิ้ม “ถ้าได้ยินเสียงดังก็ไม่ต้องสนใจนะ ฉันจะสั่งสอนเด็กมันหน่อย อาจจะรุนแรงไปบ้าง เพราะเด็กมันดื้อเหลือเกิน”
“ครับท่าน!” ยามสองนายโค้งคำนับเมื่อเจคอปลากคนตัวเล็กเดินผ่านเข้าไปในสระว่ายน้ำ นาเดียได้แต่มองตามแผ่นหลังของยามเดินไปคล้องโซ่ล็อคกุญแจแน่นหนาหน้าประตูทางเข้า ก่อนจะเลื่อนแผงกั้นห้ามคนภายนอกเข้ามาปิดไว้อีกชั้น เธอแทบจะหลุดสะอื้น พึ่งสำนึกได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง
“หนู… หนูขอโทษ”
“ไม่ทันแล้วมั้ง ต้องการอะไรห๊ะ! ทำกับพี่แบบนี้เธอต้องการอะไรกันแน่!?” เขาหันมาตะคอกสุดเสียง จับไหล่บางเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
“โอ๊ย! หนูเจ็บ พูดอะไร หนูไม่เข้าใจ” ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องโมโหถึงขนาดนี้ แต่ยังไม่ทันตั้งตัว ร่างบางก็รู้สึกเบาหวิว ฝ่าเท้าลอยขึ้นจากพื้น “ว๊ายยยยย!!”
ตู้มมมมม!
เจคอปผลักร่างบางลงไปในสระว่ายน้ำ ก่อนจะกระโดดตามลงไป ทั้งสองจมดิ่งลงสู่ก้นสระ ในขณะที่ร่างบางกำลังตะเกียดตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำกลับถูกมือหนากระชากเข้าหาตัว เขาประทับริมฝีปากแนบแน่น บดจูบรุนแรงจนนาเดียหายใจไม่ออก ทั้งอึดอัด ทั้งหูอื้อตาลายเหมือนจะขาดใจอยู่ล่อมล่อ เขาจึงยอมปล่อยเธอขึ้นสู่ผิวน้ำ
“อ๊อก แค่ก แค่กก อื้อออ” ไม่ปล่อยให้ร่างบางได้หายใจหายคอ เขาผลักเธอไปติดขอบสระก่อนจะประทับจูบดุเดือดเลือดพร่าน! บดจูบ ขบเม้มกลีบปากอวบของเธอจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดในช่องปาก ไม่รู้ว่าเลือดใคร แต่ที่รู้คือร่างบางกำลังหวาดกลัวจนถึงขีดสุด เธอไม่ได้เห็นเขาเป็นอย่างนี้มานานมากแล้ว
“อื้ออ เจคอป อื้มมม ปะ ปล่อยย” มือเล็กพยายามดันแผงอกเขาออกแต่ร่างกำยำแทบจะไม่รู้สึก เมื่อไม่ได้ผล เธอจึงเปลี่ยนเป็นกระหน่ำทุบตีเขาแทน ร่างบางออกแรงทุบหนักขึ้นเพราะเธอใกล้จะขาดอากาศหายใจเต็มที เมื่อนั้นเขาจึงยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ นาเดียสำลักอากาศเข้าปอด ก่อนจะมองเขาอย่างเหลืออด แต่เธอก็ต้องสะท้านกับแววตาเจ็บปวดของเขา ไม่รู้ทำไมเขาถึงดู 'อ่อนแอ' เหลือเกิน
“เธอกำลังทำให้พี่เป็นบ้า รู้ตัวไหม!!”
สองแขนตรึงร่างบางไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหน จ้องหญิงสาวจนเลือดตาแทบกระเด็น นาเดียเริ่มรู้สึกผิดที่ทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจเขา แต่จะให้เธอทำอย่างไรในเมื่อเธอก็มีเรื่องรกสมองให้คิดอยู่ตลอดเวลา แล้วอีกอย่างเธอก็เป็นแค่ของเล่นของเขา ทำไมเขาจะต้องมาสนใจเธอด้วย!
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต