“แล้วคุณจะมาสนใจหนูทำไมคะ ยังไงหนูมันก็เป็นแค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวของคุณที่คุณจะเบื่อเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คุณจะมาสนใจทำไม!!”
นาเดียตะคอกกลับเช่นกัน มีแค่เขาคนเดียวรึไงที่มีความรู้สึก ฉันเองก็รักได้ เจ็บเป็นเหมือนกันนะ เคยรู้บ้างไหมว่าฉันต้องทุกข์ใจมากแค่ไหน เคยรู้บ้างรึเปล่า
“..........” เป็นฝ่ายเจคอปที่นิ่ง ไร้เสียงใดตอบกลับมา เขารู้สึกจุกแน่นกับคำพูดของเธอ ของเล่นอะไรของเธอ ฉันไปเห็นเธอเป็นของเล่นตอนไหน ฉันคิดถึงเธอจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว
“พอกันที ถ้าไม่รักก็ปล่อยหนูไป เลิกยุ่งวุ่นวายกับหนูสักที”
“เป็นบ้าอะไรของเธอห๊ะนาเดีย พี่ไปทำอะไรให้ ทำไมอยู่ๆต้องหนีหน้าพี่ด้วย ทำไมอยู่ๆก็มาโวยวายเรื่องนี้” เขาทั้งสับสน ไม่เข้าใจการกระทำของคนตรงหน้า
“งั้นพี่เจคบอกหนูมาสิ ว่ารักหนูบ้างรึเปล่า รักหนูหรือว่าเห็นหนูเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์กันแน่!!” นาเดียตวาดลั่น
“พี่ไม่ได้เห็นเราเป็นที่ระบายอารมณ์สักหน่อย พี่เคยบอกแล้วไงว่าพี่จะพยายามเปลี่ยนตัวเอง ทำไมอยู่ๆต้องมาคาดคั้นเรื่องนี้” ชายหนุ่มมองร่างบางด้วยสายตาตัดพ้อ เขาพยายามจะไม่รุนแรงกับเธอ พยายามหาเหตุผลที่เธอทำตัวหมางเมินใส่เขาแบบนี้ แต่เหมือนนาเดียจะไม่พยายามอธิบายอะไรทั้งนั้น
“ก็เพราะว่าหนูเบื่อผ.อ.แล้วไงคะ ก็ดีเหมือนกันที่เราไม่ได้รู้สึกรักกันทั้งคู่ พอดีว่าเพื่อนหนู ญาดาเขารู้สึกสนใจในตัวผ.อ.มาก หนูว่าผ.อ.เองก็น่าจะชอบเพื่อนหนูได้ไม่ยาก ดังนั้นผ.อ.ปล่อยหนูไปเถอะค่ะ”
เจคอปรู้สึกเหมือนล้มทั้งยืน คำพูดของเธอตัดขั้วหัวใจจนขาดสะบั้นไม่มีชิ้นดี เขาปล่อยให้มือเล็กแกะฝ่ามือที่เขากอบกุมเอาไว้ นาเดียหันหลังเข้าหาขอบสระและออกแรงดันตัวเองขึ้นจากสระน้ำที่หนาวเหน็บ
เบื่อฉันแล้วยังงั้นเหรอ ถ้าเราไม่ได้รักกันทั้งคู่ยังงั้นเหรอ แล้วคำพูดที่เคยบอกว่ารักฉัน!! แล้วสิ่งที่ฉันทำเพื่อเธอ ที่ฉันพยายามทำดีกับเธอ ดูแลเอาใจใส่เธอ และการที่ฉันต้องมาอยู่ในสภาพนี้ ต้องร้อนรนไม่เป็นอันทำการทำงาน เจ็บปวดหัวใจจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แค่นี้มันยังไม่พออีกรึไงวะ!
นาเดียตะเกียดตะกายขึ้นจากสระได้ก็ค่อยๆทรงตัวยืนขึ้นเพราะเธออ่อนแรงจากการคล้ายจะจมน้ำเมื่อสักครู่
“เรากลับเข้าไปในงานกันเถอะค่ะ หนูไม่อยากให้ญาดาสงสัยเรื่องของเราสองคน”
นาเดียพูดทิ้งท้ายทั้งที่ยังยืนหันหลัง ขาเล็กค่อยๆก้าวออกไป แต่ก่อนจะเดินพ้นขอบสระ เธอก็รู้สึกว่ามีมือมาจับเข้าที่ข้อเท้าอย่างแรง ไม่ทันตั้งตัว ร่างบางก็ถูกกระชากกลับจนเสียหลักตกลงไปในสระอีกครั้ง นาเดียตกใจสุดขีด เธอจมลงสู่ใต้น้ำสูดสำลักน้ำเข้าปอดเต็มที่ ในขณะที่พยายามจะตะเกียดตะกายขึ้นมา ก็มีมือหนากดศีรษะไว้ เสียงร้องโวยวายดังลั่น ชั่ววูบที่นาเดียกำลังจะหมดลมหายใจ มือกำยำก็ดึงเธอขึ้นมาเหนือน้ำ ปล่อยให้ร่างเล็กสำลักเอาน้ำออกและสูดอากาศเข้าไป แต่ก็เพียงแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น
เธอถูกเจคอปประกบริมฝีปากอีกครั้ง นาเดียทั้งเจ็บตัว ทั้งเจ็บใจ น้ำตาปะปนไปกับน้ำที่เปียกปอน อยากจะดิ้นต่อสู้แต่ก็ไม่มีแรงจะขัดขืนเขาอีกแล้ว ในใจได้แต่คิดวนๆซ้ำๆ ว่าทำไมเขาถึงใจร้ายกับเธอได้ขนาดนี้
“ปล่อยเถอะ แค่กๆๆ” ปากบางเป็นอิสระเพราะเขาเริ่มซุกไซร้ไปตามซอกคอ ออกแรงดึงเพียงสะกิด บิกินีตัวน้อยของเธอก็หลุดออกจากตัว เผยให้เห็นเต้างามเต่งตึง เจคอปไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ไม่มีความสงสาร และไม่มีความเห็นใจอีกต่อไป ปากหนาครอบงับลงบนเม็ดถันที่แข็งตัวเป็นไตเพราะความหนาวเย็นของน้ำ ตามผิวหนังมีเม็ดปุ่มผุดขึ้นทั่วร่างกายบ่งบอกว่าเจ้าของร่างเหน็บหนาวเกินทน เขาดูดดึงหัวนมเธอพร้อมบีบขยี้เต็มแรง ไร้ความนุ่มนวล มีแต่ความป่าเถื่อน นาเดียทั้งเจ็บ ทั้งจุก ตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่เรี่ยวแรงจะส่งเสียงออกมา
“นะ หนาวววว ซี๊ดด อืออออ” เสียงครางคล้ายละเมอดังออกมาจากปากเล็ก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ซาตานอย่างเขาใจอ่อนแม้แต่น้อย หากเขาจะพูดอะไรออกมาสักคำก็คงจะดีไม่น้อย อาจช่วยให้เขาได้ระบายความโกรธ ความเจ็บแค้นออกมาบ้าง แต่เขาเลือกที่จะเงียบและเงียบ! เพื่อให้ทุกความรู้สึกถ่ายทอดออกมาที่การกระทำเพียงอย่างเดียว
นาเดียถูกดันให้หันหน้าเข้ากับขอบสระ เธอรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวจากทางด้านหลัง เขาคงจะกำลังถอดกางเกงออก แต่เธอไม่มีแรงที่จะหันกลับไปมอง คงต้องปล่อยให้เขาทำตามใจ อย่างไรเสียก็คงไม่มีอะไรจะรุนแรงไปกว่าครั้งแรกที่เขากระทำกับเธอแล้ว
“อ๊ะ!!!!” ร่างบางสะดุ้เมื่อรู้สึกว่ากางเกงว่ายน้ำถูกถอดออก ฝ่ามือหนาจับสะโพกเธอให้โก่งออกมาจากขอบสระ แก่นกายของเขายิ่งให้ความรู้สึกอุ่นจนร้อนในน้ำเย็นจัดแบบนี้ นาเดียกัดฟันกรอดเมื่อสิ่งแปลกปลอมทะลวงเข้าสู่ร่างกาย
“โอ๊ยยยยยย”
เสียงร้องแสดงความเจ็บปวดดังไปถึงยามสองนายที่เฝ้าอยู่ห่างจากสระพอสมควร ทั้งสองหันมามองหน้ากันเหมือนรู้ว่าบทลงโทษของผ.อ.หนุ่มกำลังจะเริ่มต้นขึ้น คนเป็นนายสั่งให้ลูกน้องใส่หูฟังเพื่อไม่ต้องได้ยินเสียงอะไรก็ตามที่จะทำให้เกิดความสงสาร ไม่มีใครกล้าเข้าไปแอบดูเพราะรู้ว่าผ.อ.คนนี้โหดแค่ไหน
นาเดียฟรุบหน้าลงกับขอบสระเพื่อพยุงร่างกายเอาไว้ ปล่อยให้เขาดันตัวกระแทกเต็มที่ โชคดีที่อยู่ใต้น้ำ เขาจึงไม่อาจขยับสะโพกได้รวดเร็วมากนัก แต่ทุกครั้งที่เขากระแทกเข้ามา มันจุกไปจนถึงช่องท้อง ร่างบางหูอื้อตาลาย เกิดอาการชาเพราะน้ำที่หนาวเย็น ซึ่งก็ดีกับเธอแล้ว เพราะมันช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี
“ซี๊ดดด ครางออกมา” เสียงแรกที่เธอได้ยินจากเขา ดุดัน เหี้ยมโหด ไร้ความปราณี
“อือ ฮึกก ฮึก” มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆในลำคอที่ถูกกลบด้วยเสียงกระเซ็นของน้ำในสระ ยิ่งเธอไม่ทำตามคำสั่ง เขาก็ยิ่งโมโห
“ครางออกมา!!”
เขาดึงผมคนตัวเล็กจนใบหน้าลอยขึ้นมาจากขอบสระว่ายน้ำ
“โอ๊ยย” มีเพียงเสียงร้องเบาๆในลำคอ ซึ่งมันยังไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับเขา เขาอยากได้ยินเสียงร้องของความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ให้สมกับที่เธอทำให้เขาต้องเจ็บ!
“หึ สงสัยจะชาจนไม่รู้สึกแล้วมั้ง งั้นก็ขึ้นมานี่”
เจคอปตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำ ออกแรงดึงพรวดเดียวร่างเล็กก็ลอยละล่องขึ้นตามแรง นาเดียเริ่มรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็ไม่มีเสียงจะร้องห้าม ร่างบางหมดเรี่ยวหมดแรงเต็มที แข้งขาอ่อนแรงเดินสะเปะสะปะตามแรงดึงจากคนตัวใหญ่ เขาออกแรงเหวี่ยงเธอลงกับเตียงชายหาดพลาสติกที่ไม่ได้มีความอ่อนนุ่มใดๆ
“อึก!” นาเดียเจ็บร้าวไปทั้งแผ่นหลังจากแรงกระแทก เมื่อไร้ความเหน็บหนาวจากน้ำ ความรู้สึกต่างๆก็เริ่มแผ่ซ่านมาตามส่วนปลายของร่างกาย จนแล่นไปทั่วทั้งร่าง เธอกำลังจะรับรู้ทุกความเจ็บปวดต่อจากนี้ แววตาของคนตรงหน้าไม่เหลือเค้าเดิมของคนที่เธอเคยรู้จักอีกแล้ว
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต