LOGINเมื่อรัชทายาทเสร็จสมในครั้งสุดท้ายเห็นว่าลู่จื่อหลานนั้นได้หลับไปแล้ว จึงได้เรียกให้นางกำนัลเข้ามาทำความสะอาดให้นาง ส่วนตนนั้นเดินตรงไปอาบน้ำในห้องชำระล้างด้วยตนเอง ไม่ให้นางกำนัลเข้ามารับใช้ ในระหว่างที่แช่น้ำอยู่นั้นก็ได้นึกถึงเรื่องราวที่ทำให้ตนจำต้องแต่งลู่จื่อหลานเข้ามา
เมื่อสองปีก่อนรัชทายาทได้รับเชิญให้ไปร่วมงานครบรอบหกสิบปีของอดีตราชครูผู้เฒ่าที่จวนในระหว่างที่ทักทายกับเหล่าขุนนางนั้น รัชทายาทเริ่มรู้สึกมึนเมาเล็กน้อยจึงได้ปลีกตัวไปเดินเล่นในสวนรับรองที่ราชครูได้เปิดไว้ให้กับบรรดาแขกเหลื่อที่ต้องการออกมาเดินเล่นชั่วคราว "เสิ่นกงกง ข้าอยากเดินเล่นผู้เดียว" เสิ่นกงกงกับองค์รักษ์ข้างกายนามว่าเสิ่นอี้จำต้องเดินตามไปห่างๆ
ในระหว่างทางเดินนั้นพระองค์เห็นว่ามีบ่าวไพร่ในจวนทำการลับๆล่อๆอยู่ตรงบริเวณประตูกำแพงที่กั้นระหว่างสวนที่จัดรับรองแขกกับอีกด้านนึง เดิมทีเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องไปข้องเกี่ยวก็ได้ เพียงแต่ราชครูลู่จิงเคยเป็นอาจารย์สอนตนเองเมื่อสมัยยังทรงพระเยาว์มาก่อน
รัชทายาทจึงเดินไปยืนฟังสองบ่าวผู้นั้นคุยกัน ระยะไม่ใกล้มากแต่ประสาทสัมผัสของผู้ฝึกยุทธ์นั้นย่อมได้ยิน "พี่หวังเผยจัดการตามแผนของคุณหนูรองรึยัง" สาวใช้นามว่าจูถิงถามบ่าวชายตรงหน้าแววตาเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก "น้องจูถิงตอนนี้ข้าเตรียมชายฉกรรณ์สองคนไปไว้ที่ห้องพักรับรองแขกแล้ว"
"ดีมากเจ้าค่ะพี่เผย เสร็จงานครานี้คุณหนูรองต้องตกรางวัลให้พี่อย่างงามเลยทีเดียว" จูถิงกล่าวชมเชยไปประโยคนึงก็เตรียมจะไปแจ้งแก่คุณหนูของตน แต่หวังเผยจับแขนจูถึงดึงเข้ามาหาตน "จะดีมากถ้าน้องจูถิงจะให้รางวัลกับพี่เผยคนนี้ด้วยตัวเอง" แววตาเจ้าเล่ห์เป็นประกายขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นท่าทางเอียงอายของสาวใช้ขั้นหนึ่งที่คุณหนูรองโปรดปราน
"พี่เผยละก็ ข้าไปแจ้งคุณหนูก่อน" ว่าแล้วก็รีบวิ่งออกไปทันที ส่วนหวังเผยก็เดินกลับไปดูลาดราวที่ห้องพักรับรองแขกฝั่งฝ่ายชาย
'สตรีในจวนใหญ่ๆนี่มีเล่ห์เหลี่ยมกันไม่น้อยจริงๆ ว่าแต่ใครคือเหยื่อกัน' คิดได้ดังนั้นก็เดินตามหวังเผยไปเงียบๆ สองเค่อถัดมาก็มีสาวใหญ่กิริยาหยาบกร้านสองคนพยายามประคองหญิงสาวนางนึงที่เห็นหน้าไม่ชัดนัก เนื่องด้วยนางนั้นสลบคอพับคออ่อนเส้นผมปิดบังใบหน้า
หญิงสาวนางนี้แต่งกายด้วยผ้าไหมประกายมุขสีชมพูอ่อน ผิวขาวเนียน 'อืม..มองจากมุมไกลๆแล้วคงงดงามไม่น้อย' รัชทายาทคิดในใจ พลางโบกมือเรียกองค์รักษ์เงาที่ติดตามตนเองออกมา สองคน องค์รักษ์เงาของรัชทายาทแต่ละคนมีนามแฝงคือลำดับและต่อท้ายด้วย 'เหล่าหู่' "เจ้าไปสืบเรื่องนี้มาส่วนเจ้าไปตามราชครูมาเงียบๆ" องค์รักษ์นามว่าอี้กับเอ้อรับคำสั่งสั้นๆก็เข้าใจความต้องการของผู้เป็นนายจึงเร้นการหายไปทันที
เมื่อรัชทายาทหันมาอีกทีคนก็ถูกนำเข้าในลานเรือนรับรองแล้ว หญิงหยาบกร้านสองคนนั้นเมื่อส่งคนเสร็จก็วิ่งออกจากลานนี้ไปไกลแล้วเช่นกัน พระองค์จำต้องรีบวิ่งเข้าไปด้านใน แต่เมื่อเห็นว่าในลานนั้นมีห้องพักรับรองแขกอยู่สิบกว่าห้องก็จำต้องไล่เดินดูทีละห้อง องค์รักษ์เงานั้นไม่สามารถออกหน้าได้ ส่วนเสิ่นกงกงกับเสิ่นอี้นั้นอยู่ไกลเกินไป เกรงว่าถ้าพระองค์ส่งเสียงดังเหยื่อหญิงสาวผู้นั้นจะเป็นอันตราย
ภายในห้องห้องนึงนั้น มีชายฉกรรณ์สองคนกำลังจ้องมองหญิงสาวที่อยู่บนเตียง เพื่อรอให้นางฟื้นขึ้นมา กลิ่นธูปราคะคุณภาพดีที่จุดเพียงครู่ก็เริ่มออกฤทธิ์ชายฉกรรณ์ทั้งสองพยายามอดทนให้นางตื่นขึ้นมา
หากต้องการแผนที่สมบูรณ์แบบและทำให้มันทั้งสองร่วมรักได้รสชาติจำต้องให้ใหญ่อีกฝ่ายมีอารมณ์ร่วมด้วย ไม่ถึงครึ่งก้านธูป สตรีสัดส่วนที่อวบอิ่มเอวขอดก็เริ่มครั่นเนื้อครั่นตัว มือบางพยายามถอดเสื้อผ้าออก เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าเหตุใดถึงอากาศร้อนทั้งที่เมื่อเช้ามีหิมะตกจึงลืมตาตื่นขึ้นมา นางกรี๊ดร้องทันทีเมื่อเห็นชายแปลกหน้าสองคน แต่หนึ่งในนั้นไวกว่ารีบเอามือมาปิดปากนาง
"คุณหนูใหญ่ ท่านร้อนใช่หรือไม่ให้ข้าสองคนช่วยท่านนะขอรับ รับรองท่านจะติดใจไม่รู้ลืมจนต้องร้องขอเพิ่มด้วยซ้ำ ฮ่าฮ่า เอ้อหลางเจ้ารีบถอดเสื้อผ้านางออก ข้าอยากชมดอกบัวตูมคู่นี้ว่าจะงดงามน่าลิ้มลองเพียงใด" ในระหว่างนี้ลู่จื่อหลานน้ำตาไหลพรากทราบชะตากรรมตนเองว่าโดนเล่นงานเข้าแล้วจึงพยายามดิ้นให้หลุดรอดจากมือชายฉกรรณ์ทั้งสอง แต่แรงอันน้อยนิดก็ไม่อาจสู้แรงของชายทั้งสองได้ยิ่งโดนฤทธิ์ของธูปราคะด้วยแล้ว เอ้อหลางนั้นพยายามถอดเสื้อผ้านางอย่างเบามือไม่อาจทำให้ชุดเสียหายได้เพราะนี่จะเป็นเบาะแสทำให้แผนแตก เจ้าของแผนการต้องการให้ผู้คนคิดว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้สมยอมเอง ดังนั้นชุดที่นางใส่อยู่จึงห้ามมีรอยฉีกขาด
เมื่อได้สตินางจึงทุ่มแรงเฮือกสุดท้ายกัดลงไปที่มือชายคนที่ปิดปากนางอยู่ จากนั้นนางจึงสบโอกาสกรี๊ดร้อง "ช่วยข้าด้วย" พูดจบก็หน้าชาทันที 'เพี๊ยะ' "เผลอไม่ได้นะคุณหนูใหญ่ เร็ว เอ้อหลางรีบจัดการกันเถิด เดี๋ยวใกล้เวลาแล้ว"
"ได้เลยพี่ใหญ่ข้าอยากลองเนื้อหงษ์มานานแล้ว ไม่รู้ว่าจะรสดีกว่าหญิงในหอนางโลมมากเพียงใด" ชายฉกรรณ์ทั้งสองคือคู่อันธพาลพี่น้องติดการพนันที่หวังเผยไปทำการว่าจ้างมา เมื่อทั้งสองได้ฟังว่านายจ้างจ่ายหนักและงานนี้ก็สบายตัวเผลอๆอาจได้เมียสูงศักดิ์มาคลายความกำหนัดให้พวกตนไม่ต้องไปซื้อกินที่หอนางโลมอีกจึงรับงานนี้ในทันที
'ชีวิตข้าลู่จื่อหลาน จบสิ้นแล้ว ท่านแม่ข้ากำลังจะไปหาท่านแล้ว' นางหลับตาลงอีกครา
ตำหนักชินอ๋องหลังจากที่เมิ่งเหลียนฮวาออกจากจวนไปได้สามเค่อ ชินอ๋องจ้าวจื่อเหวินและพระชายาฮั่วเย่วอิงก็เดินทางมาถึงตำหนักในยามเว่ย(13.00-14.59น) ทั้งสองนั้นมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เนื่องจากระหว่างที่เดินทางใกล้ถึงเมืองหลวงต่างก็มีเรื่องโจษจันกันว่าบุตรชายนั้นลุ่มหลงอนุภรรยาที่พึ่งรับเข้ามาจนถึงขนาดสั่งโบยภรรยาที่ตบแต่งมาด้วยเกี้ยวแปดคนหามนานกว่าห้าปีโดยไม่กระพริบตาและตอนนี้ทั้งลูกสะใภ้และหลานชายของพวกตนนั้นก็ได้ขนย้ายข้าวของออกจากตำหนักกลับไปยังบ้านเดิมแล้ว โดยมีแม่ทัพซูเป็นผู้มารับเอง ดีเท่าใดแล้วที่ทางบิดาของลูกสะใภ้ไม่ลงมือสั่งสอนบุตรเขยคนนี้หากว่าจ้าวหนานหลิงมิใช่บุตรชายของสหายสนิทเช่นตนเกรงว่าป่านนี้คงนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปนานแล้วเมื่อชินอ๋องและพระชายาลงมาจากรถม้าก็มีบุตรชายจ้าวหนานหลิงสองพ่อลูกแซ่ไป๋และบรรดาบ่าวไพร่ออกมายืนต้อนรับ "ถวายพระพรเสด็จพ่อเสด็จแม่พะยะค่ะยินดีต้อนรับบ้านพะยะค่ะ" จ้าวหนานหลิงกล่าวทักทายคนทั้งสองด้วยความปิติยินดีที่
เมื่อพ่อบ้านไป๋ออกไปแล้ว จ้าวหนานหลิงก็ได้แช่น้ำชำระกาย คิดถึงเรื่องถุงหอมตอนที่เขาจะไปที่ค่าย ไม่ได้บอกกล่าวแก่เมิ่งเหลียนฮวา นางถึงขั้นสั่งให้บ่าวนำถุงหอมมาให้ตนเองถึงที่ค่ายทหาร ครานั้นเขาก็เพียงรับมาสูดดมแล้วก็พกติดตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะทำสิ่งใด เพราะกลิ่นนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจริงๆเขาไม่เตยสังเกตุว่าตนเองมักจะคนึงหาแต่เมิ่งเหลียนฮวาทุกครา บางครั้งยามที่อยู่คนเดียวก็มักจะนั่งเหม่อลอยแต่ถุงหอมใบนั้นก็อยู่กับเขาได้ไม่ถึงสองวันก็มีเหตุให้ฉีกขาดระหว่างกำลังฝึกทักษะต่อสู้บนหลังม้าให้ทหารใหม่เมื่อขาดไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอันใด เพียงแต่เขากลับรู้สึกเมื่อยล้า ไม่มีกำลังและมักจะหงุดหงิด นอนหลับไม่สนิท ในทุกคืนก็สะดุ้งตื่นบ่อยครั้งเพราะในฝันนั้นมีเสียงสตรีนางนึงเอ่ยกับเขาว่า 'ท่านเป็นของข้า จงมาหาข้า จงปกป้องข้าจงเชื่อฟังข้า!'หลายวันเข้างานที่ต้องทำเสร็จแล้วกลับล่าช้าลงแต่ทุกอาการที่เกิดขึ้นนี้เขานั้นไม่ได้มีความรู้สึกคนึงหาเมิ่งเหลียนฮวาเลย จนกระทั่งวันนี้ที่เขาได
"คารวะซื่อจื่อ ขออภัยที่ข้ามิอาจลุกขึ้นคารวะท่านได้ตามพิธีการ" น้ำเสียงที่ฟังดูห่างเหิน อีกทั้งถ้อยคำที่กล่าวออกมานั้นราวกับนางนั้นไม่ได้กำลังสนทนาอยู่กับสามีร่วมผูกผมแต่นางกำลังสนทนาอยู่กับคนแปลกหน้า"ซินเอ่อร์ เจ้า..เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" จ้าวหนานหลิงน้ำเสียงสั่นแววตาเริ่มแดงก่ำภายในอกของเขาตอนนี้กำลังอัดอั้นเจียนจะขาดใจอย่างถึงที่สุด"เรียนซื่อจื่อ ข้าน้อยสบายดี รบกวนซื่อจื่อเรียกข้าว่าคุณหนูสามเถิด ข้าน้อยมิอาจเอื้อมจะสนิทกับซื่อจื่อได้หรอกเจ้าค่ะ" ตลอดทุกถ้อยคำที่นางเอ่ยออกมานั้นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาเลย"ข้า..." จ้าวหนานหลิงนั้นไม่สามารถพูดประโยคหลังออกมาได้ว่า 'เป็นสามีเจ้าใยต้องเรียกเจ้าว่าคุณหนูสาม' เพราะประโยคนี้มันจุกอยู่ในอก สามีอะไรกันถึงทำกับภรรยาตนเองเช่นนั้น"ซื่อจื่อมาพอดีเลย คราแรกข้าตั้งใจว่าจะให้ท่านพ่อนำหนังสือหย่านี้ไปให้ท่านลงนาม แต่ฝ่าบาทขอเวลาไว้สามเดือน ข้ามาคิดดูแล้วเห็นว่าไม่
ในคืนวันเดียวกันยามห้าย(21.00-22.59น) หลังจากเมื่อยล้าอยู่กับการสะสางงานต่างๆที่ค้างคาระหว่างที่ตนไปจัดการราชกิจให้แก่ฮ่องเต้กำลังจะเตรียมเข้านอน ก็มีทหารเข้ามารายงานว่ามีกงกงจากในวังขอเข้าพบ"ให้เข้ามาได้""คารวะซื่อจื่อ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพรุ่งนี้ยามซื่อ(09.00-10.59น) พะยะค่ะ" เจากงกงลูกศิษย์ของเกากงกงได้รับมอบหมายให้มาแจ้งรับสั่งในยามดึก"เข้าใจแล้ว มีอะไรอีกหรือไม่""ไม่มีแล้วขอรับ ข้าน้อยขอตัวก่อน""หยวนคัง พรุ่งนี้เจ้ากลับจวนไปก่อน ไม่ต้องตามข้าเข้าวัง" ไป๋หยวนคังเป็นบุตรชายของไป๋ซานพ่อบ้านใหญ่ตำหนักชินอ๋องเดิมทีพ่อบ้านใหญ่นั้นเป็นทหารในสังกัดของชินอ๋องมาก่อนแต่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ ชินอ๋องจึงได้เสนอให้มาเป็นพ่อบ้านใหญ่ ตอนนี้ดำรงตำแหน่งนายกองอีกทั้งยังเป็นคนสนิทของจ้าวหนานหลิงอีกด้วย"ขอรับซื่อจื่อ งั้นข้าน้อยขอตัวก่อน" หยวนคังนั้นพึ่งกลับมาจากเมือ
"ทูล..ทูลรัชทายาท เป็นๆแผนการของฮูหยินผู้เฒ่ากับคุณหนูรองเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการช่วยให้คุณหนูรองได้หมั้นหมายกับหว่างซื่อจื่อ" จูถิงลนลานรีบสารภาพทันที ถ้านางไม่สารภาพตอนนี้ ก็คงต้องโดนทรมารเป็นแน่ จูจินเองเมื่อเห็นว่าสหายสารภาพแล้วตนก็สารภาพบ้าง"เดิมทีนายหญิงผู้เฒ่าไม่ชอบฮูหยินใหญ่ ต้องการให้เจียงอี๋เหนี๋ยงหลานสาวของตนมาเป็นฮูหยินเอก จึงได้ทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้างยามที่อี๋เหนี๋ยงวางยาให้ฮูหยินใหญ่ตายเมื่อสามปีก่อน เพราะอี๋เหนี๋ยงต้องการให้คุณหนูรองหมั้นหมายกับหว่างซื่อจือ แต่ตอนนั้นคุณหนูรองยังไม่ปักปิ่น วิธีเดียวที่จะหยุดการหมั้นหมายได้และตำแหน่งฮูหยินราชครูจะว่างลงคือให้ฮูหยินใหญ่ตายเจ้าค่ะ" จูจินสารภาพทุกสิ่งที่ตนรู้ออกมาจนหมดไส้หมดพุงเมื่อได้ยินคำสารภาพของจูจินแล้วฮูหยินผู้เฒ่าจากที่คราแรกนั้นเกรงกลัวรัชทายาทอยู่แล้ว ซ้ำตอนนี้ยังมาโดนเปิดเผยเรื่องที่ตนเองทำมาก่อนจึงเป็นลมทันที "พวกเจ้าใส่ร้ายข้า กล้าป้ายสี หักหลังข้า เนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง ท่านพ่อ
ในขณะที่ลู่จื่อหลานสิ้นหวังว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสรอดแล้วจึงเตรียมที่จะกัดลิ้นตาย ทันใดนั้น 'ปัง' บานประตูถูกถีบให้เปิดออกโดยชายผู้หนึ่ง ลู่จื่อหลานเริ่มสะอื้นพยายามร้องขอให้ช่วยด้วยเสียงอู้อี้ ม่านน้ำตาคลออยู่ทำให้นางมองไม่ชัดนักว่าเป็นผู้ใด"พวกเจ้าช่างกล้าไม่เบา ถึงกับกล้าทำร้ายคุณหนูใหญ่ของจวนราชครู " "เจ้าเป็นใครกัน คุณชายนี่ไม่ใช่เรื่องของท่าน" ว่าแล้วต้าหลางกับเอ่อหลางก็พุ่งเข้าไปทำร้ายรัชทายาท องค์รักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่รีบออกจากที่มืดมาคอยคุ้มกันผู้เป็นนายทันทีอีกมุมนึงลู่จื่อหลานที่โดนฤทธิ์ธูปปลุกกำหนัดก็นั่งขดอยู่ที่มุมนึงของเตียงนางพยายามทำให้ตนเองมีสติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าตนเองนั้นจะทำเรื่องน่าอายอันใดออกไป องค์รักษ์เงาจัดการสองพี่น้องอันธพาลได้ภายในพริบตาจึงคุมตัวออกไปที่นอกห้องรอเจ้านายสั่งการ รัชทายาทเห็นว่าจัดการคนร้ายเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินตามออกไปเช่นกัน แต่ก็ต้องชะงักเพราะตนเองนั้นเริ่มมีอาการของคนโดนพิษปลุกกำหนัด เมื่อหันไปมองรอบห้องจึงเห็นว่ามีธูปถูกจุดอยู่จึงได้หันไปหยิบฝากาน้ำชานำไปครอบไว้ เพราะถ้าใช้น้ำสาดควันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นขณะที่ก







