ในเมื่อจัดการเรียบเรียงความคิดตัวเองได้แล้ว สิ่งที่จะต้องทำก็คือการไปที่ไร่พูนสุข
เธอไม่ได้อยากเจอพี่เตลองซ์ แต่ที่ต้องไปที่นั่นเพราะว่าพื้นที่ ที่อลิสาจะตัดใจขายมันอยู่ติดกับไร่พูนสุขพอดี ในระหว่างที่อลิสากำลังจะเดินออกมาจากออฟฟิต ฟ้าด้านนอกก็เริ่มสว่างแล้ว “คุณลิสา จะไปไหนแต่เช้าคะ” อลิสาส่งยิ้มให้พี่นก แม่บ้านของที่นี่ “หนูว่าจะไปที่ไร่พูนสุขค่ะ มีงานที่จะต้องไปคุยที่นั่นพอดี” “ดะ..เดี๋ยวก่อนค่ะคุณหนู วันนี้เป็นวันพระ ที่ไร่พูนสุขในช่วงเช้าไม่น่าจะมีคนอยู่ เพราะทุกคนน่าจะไปที่วัดกันหมด คุณลิสาเองก็แวะไปที่วัดพร้อมกับคุณยายก่อนสิคะ แล้วค่อยไปคุยงาน” อลิสาเหลือบมองปฏิทินก็พบว่าวันนี้เป็นวันพระ เธอเดินเข้าไปหาพี่นกเพื่อช่วยแม่บ้านถือกับข้าวมาใส่รถเอาไว้ “ปกติแล้วคนที่นี่จะไปวัดในทุกวันพระเลยใช่ไหมคะ” พี่นกพยักหน้าเบาๆ “ใช่แล้วค่ะ ในวันพระ ไม่ว่าจะเป็นคนงานในไร่หรือว่าเจ้าของสวนต่างก็จะต้องเดินทางไปที่วัดก่อน แล้วถึงจะแยกย้ายกันไปทำงาน” เธอไม่ได้อยู่ที่นี่มานานนับสิบปีเลยสินะ ถึงได้หลงลืมความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านไปจนเกือบหมดสิ้น ยายเดินลงบันไดมาพร้อมกับรอยยิ้ม หากดูภายนอกคุณยายอุดมของเธอนั้นยังแข็งแรงมากๆ เลยล่ะ หากว่ายายไม่ได้เป็นอันไซเมอร์ ป่านนี้ยายคงจะกำลังช่วยเธอยื้อไร่นี้จนสุดกำลังเหมือนกัน แต่การที่ยายเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะว่ายายจะมีความสุขในโลกของยาย ยายเหนื่อยเพราะเธอมามากแล้วมันคงจะถึงเวลาที่เธอต้องทำเพื่อยายบ้าง “วันนี้ลิสาจะไปวัดกับยายเองนะคะ” ยายอุดมหัวเราะเบาๆ “ได้สิๆ ไม่รู้ว่าวันนี้ที่วัดมีข้าวต้มมัดรึเปล่า ลิสาของยายชอบกินข้าวต้มมัดมากเลยนี่ เอาอย่างนี้นะ ในตอนที่เรากลับมาจากวัดแล้วให้ส้มแป้นไปตัดกล้วยมาห่อข้าวต้มดีไหม แบบไม่ใส่ถั่วที่ลิสาชอบไง” ถึงแม้ว่ายายจะจำเรื่องราวอย่างอื่นไม่ค่อยได้ แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอ..ยายกลับจำได้อย่างแม่นยำเลย “ได้สิคะ ตอนนี้ยายเดินไปขึ้นรถก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวไปสายนะ” “ว่าแต่ลิสาจะไปชุดนี้เหรอ นี่นก ให้ส้มแป้นหาผ้าถุงให้ลิสาใส่หน่อยสิ ไม่มีผู้หญิงที่ไหนใส่กางเกงไปวัดหรอกนะ” หลังจากนั้นพี่ส้มแป้นก็ฉุดมือของเธอขึ้นไปบนบ้าน “วันนี้เป็นวันแรกที่คุณหนูจะเปิดตัวในหมู่บ้านของเรา หลานยายอุดมทั้งทีจะต้องสวยที่สุดในวัดสิคะ” อลิสาถอนหายใจเบาๆ “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้พี่ มือลิสาเจ็บอยู่ด้วย” “เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาค่ะ ไฉไลขึ้นมานี่หน่อย” เมื่อสิ้นเสียงเรียกของพี่ส้มแป้น ไฉไลก็เดินขึ้นมาพร้อมกับผ้าถุงที่ทำจากผ้าไหมและเสื้อสีขาวแขนสั้นที่ทอจากผ้าฝ้าย “เรื่องนี้ไว้ใจไฉไลได้เลยค่ะป้า ป้าไปส่งคุณยายไปที่วัดก่อนได้เลย เดี๋ยวไฉไลพาคุณลิสาไปเอง” อลิสารีบดึงเสื้อของพี่ส้มแป้นเอาไว้ “ไปแบบเมื่อวานไม่เอาแล้วนะคะ ลิสาขับรถไม่ได้ด้วยวันนี้ รอไปพร้อมกัน..” ไฉไลรีบดึงมือของอลิสากลับมา “วางใจได้เลยค่ะวันนี้หนูขี่จักรยานไฟฟ้ามา หนูพาคุณลิสาไปถึงวัดโดยสวัสดิภาพแน่นอน ไม่เหมือนที่คุณหนูพาลงคลองเมื่อวานหรอก มาเถอะค่ะ มาอาบน้ำจะได้เปลี่ยนเสื้อ” แล้วเมื่อวานที่ซาเล้งพุ่งลงคลองมันความผิดเธอที่ไหนกันเล่า!! แต่อลิสาก็เลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำกับไฉไลอีกเธอยอมเดินไปอาบน้ำอย่างว่าง่ายถึงแม้ว่าจะลำบากมากก็ตามทีเพราะว่าจะต้องห้ามแขนอีกข้างโดนน้ำ “เรียกพี่ว่าพี่ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเรียกคุณอะไรหรอก” ไฉไลจัดการใส่ผ้าถุงให้กับอลิสาด้วยท่าทางคล่องแคล่ว “ได้ค่ะพี่ พี่ผิวดีจังเลยนะคะ แถมหน้าตาของพี่ก็สวยมากๆ อีกต่างหาก พี่ลิสาไม่มีแฟนเหรอคะ?” อลิสามองสบตากับไฉไลผ่านกระจกเพราะว่าตอนนี้ไฉไลกำลังม้วนผมของเธอขึ้นไปอยู่ “ไม่มีหรอก..มีแต่แอบชอบเขา” “อ้าว แล้วพี่ไม่บอกผู้ชายคนนั้นเหรอคะ” อลิสาขบเม้มริมฝีปาก “ไม่กล้านะสิ เพราะแบบนั้นคนที่พี่ชอบก็เลยไปแต่งงานกับคนอื่น แล้วความสัมพันธ์ของพี่กับเขาก็เป็นพี่น้องกันไปตลอดกาล ไฉไลหากว่าเรามีคนที่ชอบก็รวบรวมความกล้าไปสารภาพรักกับเขาซะนะ อย่าขี้ขลาดแบบพี่” ไฉไลบรรจงติดดอกกาสะลองสีขาวลงไปบนผมของพี่ลิสาที่ม้วนขึ้นมา เมื่อวานตอนที่เธอเห็นพี่ลิสาครั้งแรก บอกได้คำเดียวเลยว่าคำพูดของป้าส้มแป้นไม่เกินจริงที่ว่าหลานของคุณยายอุดม สวยเหมือนนางงาม สวยแบบที่เธอเป็นผู้หญิงด้วยกันยังอดตะลึงไม่ได้เลย และเพราะพี่ลิสามาจากกรุงเทพ เธอก็เลยคิดว่าพี่ลิสาจะหยิ่งและเข้าถึงยาก แต่ไม่เลยพี่ลิสาคนสวยเป็นกันเองมากกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก “หนูยังไม่มีคนที่ชอบหรอกค่ะ” อลิสาหรี่ตามองหน้าไฉไล “แล้วพ่อหนุ่มคนเมื่อวานล่ะ สาบานว่าไม่ได้ชอบเขา?” “โห..ให้สาบานเลยเหรอพี่ หนูแค่แอบๆ ปลื้ม แต่คุณออสก้าร์เป็นหลานของคุณปู่สุข ไร่พูนสุข หนูที่เป็นลูกหัวหน้าคนงานกับเขา..มันต่างกันไปหน่อยไหมพี่” อลิสารีบหันหน้าไปหาไฉไล เธอยกมือขึ้นมาจับไหล่ของไฉไลเอาไว้ “มีแค่ความรักในวัยเรียนเท่านั้นแหละที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น ถ้าชอบเขาก็พุ่งใส่เลยสิไฉไล เรื่องฐานะหรือความแตกต่าง ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตในตอนที่เราโตกว่านี้” ไฉไลยกมือขึ้นมาปิดปาก “พี่นี่เป็นนางฟ้าชัดๆ เลย นอกจากจะสวยแล้วยังใจดีอีกด้วย ไฉไลจะช่วยพี่ลิสาทุกอย่างทุกเรื่องเลยค่ะ” อลิสาหัวเราะเบาๆ เธอมองตัวเองในกระจกอีกครั้งเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย ไม่ค่อยได้เห็นตัวเองในแบบนี้เท่าไหร่ ปกติเธอจะใส่ชุดเดรสและใส่ส้นสูงแหลมๆ เพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเองในเวลาทำงาน แต่พอมาสวมผ้าถุงกับเสื้อผ้าฝ้ายแบบนี้.. เหมือนกับว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของอลิสา ที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็นภาพลวงตาทั้งนั้น “พี่คะ ตอนนี้เราควรจะรีบไปวัดนะคะเดี๋ยวจะสาย” อลิสาพยักหน้าก่อนจะรีบเดินตามไฉไลเพื่อลงไปชั้นล่าง จนมาพบกับจักรยานไฟฟ้าสีชมพู “ปลอดภัยแน่นอนค่ะ หนูขี่ไปเรียนทุกวัน” เมื่อได้ยินเช่นนั้นอลิสาจังนั่งลงที่เบาะด้านหลัง ไฉไลยกยิ้มก่อนจะเริ่มบิดคันเร่งจักรยานไฟฟ้าคู่ใจของเธอ วัดอยู่ไม่ไกลจากไร่อุดมรักเท่าไหร่ และดูเหมือนเราจะมาสายพอสมควรเพราะเมื่อมาถึงที่วัด คนก็นั่งกันเต็มศาลาแล้ว“พูดก็พูดเถอะ เรื่องของแกมันเหมือนกับในละครหลังข่าวเลยวะลิสา” สกายพูดพร้อมกับหมุนตัวของลิสาเบาๆ เพราะตรวจดูความเรียบร้อย วันนี้เพื่อนของเธอสวยมากกว่าทุกวันเลย อลิสาอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ที่กระโปรงยาวฟูฟ่อง ที่บนเรือนผมสวมมงกุฎดอกไม้เอาไว้ ส่วนที่มือก็ถือช่อดอกไม้เล็กๆ ไว้ด้วย “นั่นสินะ บางทีเราก็คิดนะว่าเหมือนเราเกิดมาเพื่อแต่งงานกับพี่เตเลย..” โรงแรมของเธอสร้างเสร็จก่อนปีใหม่สองเดือน แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเพจของโรงแรมเปิดตัวก็มียอดจองเข้าพักยาวจนถึงปีหน้าเลย อาจจะเพราะผู้คนโหยหาธรรมชาติ อีกทั้งพี่ไคโรยังมีความสามารถในการสร้างโรงแรมของเราออกมาได้เหมือนกับอยู่ที่อิตาลีจริงๆ เลย เรื่องนั้นต้องยกความดีความชอบให้เขา และเรื่องฤกษ์แต่งงานก็เป็นพี่ไคโรเหมือนเดิมที่หาวันที่ดีที่สุดแบบที่เร็วที่สุดตามความต้องการของพี่เตลองซ์ได้ “พรหมลิขิตสุดๆ ไปเลย” สกายพูดพร้อมกับจับมือของอลิสาเอาไว้ “ขอให้แกมีความสุขมากๆ นะ” ส่วนอีกด้านเป็นพี่อาร์มที่เข้าไปแสดงความยินดีกับเตลองซ์ “ให้ตายเหอะ นี่อย่าบอกนะว่าได้แต่งงานกันเพราะกู เหลือเชื่อจริงๆ เลย” เตลองซ์หัวเราะ เขาตบไหล่ของอาร์มเบ
ร่างกายของเรากอดก่ายกันอย่างแนบชิดกระทั่งไม่มีช่องว่างของอากาศแทรกผ่าน ฝ่ามือของเขาบีบเคล้นความนุ่มนิ่มทั้งสองข้างที่ชวนให้หลงใหลจนมันปริออกมาตามง่ามนิ้ว ปลายยอดสั่นระริกถูกเคล้นคลึงจากฝ่ามือของเขา สลับกับการใช้ปลายนิ้วบี้ลงไป.. “อา..” ช่องทางด้านล่างร้อนผ่าวเต้นตุบๆ ดูเหมือนจะยั่วเย้าปลายนิ้วที่กำลังสอดลึกเข้าไปด้านใน ชั่วพริบตาเมื่อถูกปลุกเร้าทั้งด้านบนด้านล่างพร้อมๆ กัน ร่างกายของเธอก็สั่นกระตุกเบาๆ พร้อมกับเสียงร้องครางที่ดังสนั่น “ชอบให้ใช้นิ้วขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่า..คิดถึงพี่จนทนไม่ไหว” เขาหมุนตัวเพื่อให้เธอหันหน้ามามองเขา เตลองซ์รูดรั้งแก่นกายขึ้นลงเบาๆ ก่อนจะกดสะโพกของอลิสาลงไป.. “อะ..อึ่ก” เขาไม่ยินยอมให้เธอได้พักแม้เพียงเสี้ยวนาที ฝ่ามือหนาใหญ่กำลังลูบไล้ไปตามสีข้าง ส่วนใบหน้าของเขาก็ฝังลงไปบนเนินเนื้อนุ่มนิ่มก่อนจะออกแรงดูดดึงมันเบาๆ ความตื่นตัวร้อนผ่าวเบียดแทรกเข้ามาช้าๆ แล้วฝังลึกเข้ามาในกายเรื่อยๆ จนสุดท้าย ร่างกายกำลังถูกเติมเต็มอีกครั้งหลังจากที่เธอพึ่งจะเสร็จสมไป ความรู้สึกต่างๆ ยิ่งไวต่อสัมผัสมากกว่าครั้งไหนๆ อลิสาบดเบียดสะโพกลงไปยังแท่งร้อนเผาก่อ
อลิสามองแผ่นหลังของพี่จองชัยและคุณเบลินดาที่เดินเคียงข้างกันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มหวังว่าคำพูดของเธอมันจะสามารถสะเทือนกำแพงในใจของพี่จองชัยได้ไม่มากก็น้อยทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายเพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ต่างก็เป็นคนผิด ถ้ายอมหันหน้ามาคุยกันตั้งนานก็คงไม่ต้องทะเลาะกันยาวนานมากขนาดนี้“กลับบ้านกันเถอะครับ พี่ง่วงแล้ว”“ที่นี่บ้านลิสาค่ะ จะกลับไปไหนได้อีก”เตลองซ์หน้ามุ่ย“งั้นขึ้นห้องกันเถอะครับ..เมียจ๋า ไม่ว่าจะยังไงคืนนี้พี่ไม่ยอมนอนคนเดียวแน่นอน พี่นอนคนเดียวมาหลายคืนแล้วนะ เมื่อวานลิสาก็อ้างว่าติดงาน เดี๋ยวนี้ติดงานมากกว่าพี่อีกเหรอครับ”จะว่าไป..เธอไม่ได้ไปอยู่กับเขานานแล้วเหมือนกัน“ก็ได้ค่ะ รอก่อนนะคะ เดี๋ยวลิสาช่วยไฉไลเก็บจานก่อน”“ได้เลยครับ เพื่อเมียนานแค่ไหนก็รอ”อลิสาหันหน้ามาหาเตลองซ์ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหาเขาแล้วหอมแก้มเขาเบาๆ“ไปนั่งรอตรงนั้นเลยค่ะ”เธอชี้ไปที่เก้าอี้เพื่อให้เขาไปนั่งรอดีกว่ามายืนรอแบบนี้ เตลองซ์ยกมือขึ้นมาถูแก้มเบาๆ ตรงที่ลิสาพึ่งจะจุมพิตไปเมื่อครู่ ใบหน้าของเขาในตอนนี้คงกำลังยิ้มอยู่สินะ เขารู้สึกร้อนไปทั่วทั้งหน้าเลยอลิสาไม่ได้
จองชัยจับมือของเบลินดาเอาไว้“วันนี้พอเท่านี้เถอะครับ เรากลับกันเถอะ”เมื่อจองชัยพูดจบเขาก็จูงมือของเบลินดาออกไปจากที่นี่“ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นตัวต้นเรื่องแท้ๆ มาทำท่าเหมือนรู้สึกผิดงั้นเหรอไอ้จอง ทุเรศฉิบหายเลยว่ะ”จองชัยหันหลังกลับมามองหน้าของเตลองซ์“เออ กูมันทุเรศ แล้วยังไงล่ะ? หากว่ามึงมั่นใจในความรักของมึงทำไมจะต้องกลัว..”เตลองซ์ทำท่าจะถลาเข้าไปหาจองชัยแต่อลิสาเอาตัวเข้ามาขวางไว้ เธอมองหน้าเตลองซ์ด้วยสายตาโกรธเคืองเล็กน้อย“ไปขอโทษคุณเบลินดาแบบตั้งใจมากกว่านี้ค่ะ”อลิสาชี้นิ้วไปที่คุณเบลินดาเพื่อให้เตลองซ์ไปขอโทษเธอ ทว่าเตลองซ์กลับขมวดคิ้วมองหน้าของอลิสา“ลิสา..นี่พี่เป็นคนผิดงั้นเหรอ?”“หากถามลิสาก็ผิดทั้งคู่นั้นแหละ เพราะอย่างนั้นพี่เตไปขอโทษของลินดา หลังจากนั้นคุณลินดาก็ขอโทษพี่เตนะคะ ไม่เหนื่อยงั้นเหรอ โกรธแค้นกันมาเป็นสิบๆ ปีแบบนี้ ให้มันพอแค่นี้และหลังจากนี้ไปก็สนใจแค่ความสุขของตัวเองเถอะค่ะ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องการแก้แค้นหรือว่าอะไรแล้ว..นับจากนี้ไปใครมีความสุขมากกว่าคนนั้นชนะค่ะ”เตลองซ์เม้มปากเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปหาเบลินดาที่กำลังทำท่าจะร้องไห้ออกมา“ผม..ขอโทษครับ หวังว่
เบลินดากำมือแน่นเมื่อเธอมองเห็นคุณปู่สุขมองหน้าของอลิสา สายตาเอ็นดูแบบนั้นในตอนที่เธอเป็นแฟนกับเตลองซ์ เธอไม่เคยได้รับมันเลยสักครั้งเดียว“ผมได้ข่าวมาว่าหุ้นส่วนอีกคนเป็นคนที่อลิสาแอบชอบมาตั้งแต่สมัยมหาลัย..แต่เธอไม่เคยบอกกล่าวความในใจออกไปเลย”เบลินดาส่งเสียงร้องเหอะออกมา“พึ่งรู้ว่านายเองก็มีประโยชน์เหมือนกันนะจองชัย อย่าบอกนะว่าที่นายทุ่มเทช่วยพี่ทำลายเต เพราะว่านายชอบอลิสา?”ความรู้สึกในใจมันขุ่นมัวไปหมดจนไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจนหรือเต็มปากได้ ว่าตกลงแล้วเขารู้สึกอย่างไรกับอลิสากันแน่รักเธอ หรือว่าต้องการเธอมาเพื่อจะให้คุณตาภูมิใจในตัวเขา“แต่นายจะรู้สึกยังไงมันไม่สำคัญหรอกนะจองชัย เพราะว่าพี่จะทำลายความรักครั้งนี้ของเตลองซ์เอง จะทำทุกทางเพื่อไม่ให้หมอนั่นมีความสุขกับคนรักเหมือนกับที่มันทำกับพี่”อลิสาเดินไปดูปลาก็พบว่ามันถูกเผาจนได้ที่แล้ว เธอใช้กรรไกรตัดหนังออกเบาๆ เพื่อให้ง่ายต่อการทานแล้วใช้ให้คนยกปลาเผาไปให้คุณตาและคุณยายที่อยู่บนบ้าน“น่าทานสุดๆ เลยพี่ลิสา พี่ทำกับข้าวเก่งเหมือนกันนะเนี่ย”ไฉไลพูดพร้อมกับทำจมูกขยับไปมาเพื่อสุดดมกลิ่นปลาเผาที่หอมฟุ้งไปทั่วไร่“ไม่ขนาด
สายลมในยามเย็นพัดผ่านใบหน้าของคุณยายอุดมไป คุณยายหันไปมองหน้าของคนที่คุณยายรักจนสุดหัวใจครั้งหนึ่งเราเคยจะหนีตามกันไป หนีไปจากที่นี่เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตในฐานะของคนรักแต่ทว่าที่บ้านของคุณยายไม่มีใครอีกแล้ว หากว่าคุณยายหนีไปคุณแม่ของคุณยายก็จะต้องอยู่คนเดียวเพราะอย่างนั้นคุณยายจำต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดลงคอเพื่อแต่งงานกับคุณตาเสริมส่วนคุณปู่สุขก็ต้องกลับไปแต่งงานกับคนที่ทางครอบครัวบอกว่าดี..ย่ารตีเป็นผู้หญิงที่ดีสำหรับครอบครัวของคุณปู่สุข แต่ไม่ได้ดีสำหรับคุณปู่เลยเมื่อคลอดลูกคนแรกเราก็หย่ากันในทัน หลังจากนั้นคุณปู่ก็เลี้ยงลูกมาโดยลำพังและพอมีเตลองซ์ ปู่ก็อยู่กับเตลองซ์สองคนเพราะเจ้าลูกชายตัวดีไปอยู่กับแม่ของมันส่วนคุณยายอุดม ลูกสาวของยายคลอดอลิสาทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะหนีไปกับผู้ชาย หลังจากนั้นอีกสิบปีคุณตาก็เสียชีวิตคุณยายไม่โกรธเคืองลูกสาวเลย เพราะว่าอลิสาคือสิ่งที่มีค่าที่สุดของคุณยาย เด็กน้อยที่มีรอยยิ้มเจิดจ้าราวกับแสงของดวงตะวันเหมือนกับว่าหน้าที่สุดท้ายของคุณปู่สุขและคุณยายอุดมคือการส่งหลานให้ถึงฝั่งฝัน..“ได้สิ หากว่าพี่ต้องการให้ฉันไปอยู่ด้วย ฉันก็จะไปอยู่กับพี่..จะไปสร้างภา