แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: จือจือแสนขยัน
อวี๋เนี่ยนนั่งเครื่องบินจากฐานทัพโดยตรงไปยังฐานทัพในเมืองหลวง มีทหารประจำการรออยู่ที่นั่นแล้ว และพาเธอไปยังสำนักงานของผู้บัญชาการฐานทัพเมืองหลวง

อวี๋เนี่ยนเข้าไปในสำนักงาน บนโซฟามีคนนั่งอยู่ไม่กี่คน อวี๋เนี่ยนกวาดตามองไปรอบหนึ่ง มีผู้บัญชาการฐานทัพหลินหงจวิน เสนาธิการฐานทัพเจิ้งเสียง และยังมีอีกคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก

“สวัสดีค่ะ ผู้บัญชาการหลิน ผู้บัญชาการเจิ้ง อวี๋เนี่ยนมารายงานตัวค่ะ”

ผู้บัญชาการหลินเป็นสหายร่วมรบกับพ่อเฒ่าหลี่ ก็ถือว่าเห็นอวี๋เนี่ยนเติบโตมา เขามองอวี๋เนี่ยนด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี

“ยัยหนูคนนี้ ในที่สุดก็มาได้สักที แม้แต่คำว่าปู่ก็เรียกไม่เป็นแล้วหรือไง?”

พูดจบก็ชี้ไปที่ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนโซฟา

“ท่านนี้คือเว่ยกัง ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ”

อวี๋เนี่ยนพยักหน้าให้ชายวัยกลางคน

“สวัสดีค่ะ ผู้อำนวยการเว่ย”

ผู้บัญชาการหลินตบบ่าอวี๋เนี่ยน

“ยัยหนูเนี่ยน ท่านนี้จะเป็นหัวหน้าของเธอในอนาคต หน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ให้เธอไปจัดตั้งนั้นขึ้นตรงกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ”

เว่ยกังมองการปฏิสัมพันธ์ระหว่างชายชราและเด็กสาวตรงหน้า ผู้บัญชาการอาวุโสคนนี้แสดงออกชัดเจนว่ากำลังหนุนหลังเธออยู่ มองประเมินเด็กสาวที่สวยเกินบรรยายตรงหน้า

“หัวหน้าอวี๋ ผมได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว สมกับคำว่าวีรบุรุษย่อมปรากฏแต่เยาว์วัยจริง ๆ”

ไม่รอให้อวี๋เนี่ยนได้ตอบอะไร ผู้บัญชาการหลินก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“นี่เหล่าเว่ย นายได้เพชรเม็ดงามไปเต็ม ๆ เลยนะ เด็กคนนี้น่ะขี้เกียจจะตาย จะให้เธอขยับสักทีนี่ไม่ใช่ง่าย ๆ เลย”

อวี๋เนี่ยนกลอกตาอย่างไม่ค่อยงามนัก ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเฒ่าทารกคนนี้ หันไปพูดกับเว่ยกังแทน

“ผู้อำนวยการเว่ยชมเกินไปแล้วค่ะ ต่อไปยังต้องให้ท่านชี้แนะอีกเยอะ”

ผู้บัญชาการหลินมีท่าทีพึงพอใจ “ยัยหนูเนี่ยนของเราโตแล้ว พูดจาตามมารยาทสังคมเป็นแล้วด้วย”

แล้วก็หันไปพูดกับเจิ้งชานคล้ายกำลังบ่นอยู่

“พวกเพื่อนเก่าไม่กี่คนนั้นกลัวว่าเด็กคนนี้จะโดนเอาเปรียบ พูดซ้ำ ๆ อยู่ทุกวันจนหูฉันด้านหมดแล้ว”

อวี๋เนี่ยนหมดคำจะพูด เธอแค่ไม่ชอบเข้าสังคมเฉย ๆ ไม่ได้เป็นคนโง่ไหม?

เว่ยกังหัวเราะตาม คิดในใจว่าอวี๋เนี่ยนคนนี้มีคนหนุนหลังมากมายเหลือเกิน เขาไม่กล้าคิดเลยว่าเพื่อนเก่าที่ผู้บัญชาการหลินพูดถึงจะเป็นแค่คนแก่ธรรมดา ๆ

โชคดีที่เขาไม่ได้คิดจะทำให้ลูกน้องใหม่คนนี้ลำบาก ไม่อย่างนั้นใครจะออกฤทธิ์ใส่ใครก่อนก็ไม่รู้เหมือนกัน!

หลังจากทักทายกันเสร็จ ผู้บัญชาการหลินก็ย้ำหลายครั้งให้อวี๋เนี่ยนไปกินมื้อเย็นที่บ้านของเขา จากนั้นจึงปล่อยให้เธอกับเว่ยกังจากไป ทั้งสองคนเดินทางไปที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเพื่อหารือเรื่องหน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์

หน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ตั้งอยู่ที่ตึกใหญ่หลังสุดของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ถูกกั้นล้อมไว้เป็นพื้นที่แยกต่างหาก ไม่ได้เข้าออกร่วมกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ

แม้จะขึ้นตรงกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ แต่จริงๆ แล้วถือเป็นหน่วยงานแยกต่างหาก เพราะอวี๋เนี่ยนอายุยังน้อย ถ้าจะตั้งเป็นหน่วยงานอิสระเลยก็จะโดดเด่นเกินไป จึงต้องขึ้นอยู่ภายใต้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ

เว่ยกังเข้าใจเรื่องพวกนี้ดี จึงให้เกียรติอวี๋เนี่ยนอย่างมาก ราวกับทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกันเลยทีเดียว ไม่เหมือนกับการปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาเลย

นอกจากอวี๋เนี่ยน ครั้งนี้ได้คัดเลือกยอดฝีมือสิบคนจากแต่ละฐานทัพมาประจำตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว นี่คือทีมงานเริ่มต้นของหน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ และจะค่อย ๆ ขยายเพิ่มในภายหลัง

ระหว่างทาง เว่ยกังได้เตือนอวี๋เนี่ยนอย่างอ้อม ๆ ว่ากลุ่มคนที่ถูกคัดมานี้เป็นพวกอัจฉริยะทั้งหมด แต่ละคนค่อนข้างมีความทะนงตัว เขากลัวว่าอวี๋เนี่ยนอาจจะคุมพวกเขาไม่อยู่

พอไปถึง เว่ยกังก็พบว่าตัวเองคิดมากไป เพราะกลุ่มคนนั้นมองอวี๋เนี่ยนเหมือนกับมองไอดอล ต่างก็เรียกเธอว่าหัวหน้าอย่างนอบน้อม แทบจะยกอวี๋เนี่ยนขึ้นบูชาเหมือนบรรพบุรุษเลยทีเดียว

พวกอัจฉริยะล้วนหยิ่งผยอง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริง ความหยิ่งนั้นก็ไร้ความหมาย

คนกลุ่มนี้โดยพื้นฐานก็โดนอวี๋เนี่ยนบดขยี้มาแล้ว จึงยกย่องและนับถืออวี๋เนี่ยนอย่างแท้จริง

เมืองหลวงไม่ได้ต่างจากที่อื่นเลย ในฐานะศูนย์กลางอำนาจ ทุกเรื่องราวล้วนซับซ้อนและยุ่งเหยิงไปหมด

แม้จะมีพื้นฐานที่ย้ายมาจากฐานทัพ แต่ก็ยังมีอีกหลายจุดที่ต้องปรับแก้ ในเมื่อทำแล้ว ก็ต้องทำให้ดีที่สุด

อวี๋เนี่ยนพาทีมปิดตายตัวเองอยู่แต่ในหน่วยงานโดยไม่ออกไปไหน ยุ่งกันอยู่กว่าสองเดือน ถึงทำให้หน่วยนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางได้

หน่วยงานความมั่นคงทางไซเบอร์ถูกแยกออกมาจากฐานทัพ แม้จะขึ้นตรงกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ แต่ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานฯ โดยตรง รายงานตรงผ่านระบบออนไลน์ บางเรื่องยิ่งคนรู้น้อยยิ่งดี

อวี๋เนี่ยนไปพบผู้บัญชาการหลินที่ฐานทัพก่อน แล้วผู้บัญชาการหลินก็พาเธอนั่งรถไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีการคุ้มกันแน่นหนาด้วยอาวุธปืนพร้อมกระสุนจริง

หลังจากตรวจสอบตัวตนอย่างละเอียดหลายชั้น จึงได้พบกับสองคนที่รับผิดชอบด้านหน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศโดยตรงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญต่อแผนกนี้ได้เป็นอย่างดี

ภายในห้องประชุมเล็ก ผู้บัญชาการหลิน ผู้บัญชาการเบอร์สอง และเลขาธิการรัฐสภากัวจงเสียง ทั้งสามคนกำลังเปิดดูข้อมูลที่อวี๋เนี่ยนส่งให้

ไม่ว่าจะเป็นความรวดเร็วในการจัดตั้งหน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์โดยอวี๋เนี่ยน หรือภาพรวมการครอบคลุมของหน่วยงานในรายงาน ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึงกันไปตาม ๆ กัน

และยังได้รู้จักความสามารถในระดับลึกของหัวหน้าอวี้อายุน้อยคนนี้มากขึ้นอีกด้วย

หลังประชุมเสร็จ หลายคนเตรียมตัวออกจากห้อง ผู้บัญชาการเบอร์สองลุกขึ้นยืน

“คนหนุ่มสาวนี่น่ากลัวจริง ๆ เสี่ยวอวี๋เก่งมาก ตั้งใจทำงานดี ๆ ล่ะ ถ้ามีอุปสรรคอะไรก็มาหาผมได้เลย”

เขาสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแลกเปลี่ยนช่องทางติดต่อส่วนตัวของเขากับอวี๋เนี่ยนเรียบร้อยแล้ว

ผู้บัญชาการหลินสบตากับกัวจงเสียงแวบหนึ่ง เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ผู้บัญชาการเบอร์สองก็น่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งคนต่อไป อายุของเขายังสามารถดำรงตำแหน่งได้อีกหลายสมัย ความหมายนี้ชัดเจนว่าเขาต้องการผลักดันให้อวี๋เนี่ยนพัฒนาเป็นคนใน

เหตุผลที่อวี๋เนี่ยนสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ทั้งที่อายุยังน้อย นอกจากความสามารถแล้ว ก็เป็นเพราะเหตุผลด้านการถ่วงดุลอำนาจด้วยเช่นกัน

ที่สำคัญที่สุดคือเธอมาจากฐานทัพ ไม่สังกัดฝ่ายใด ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอำนาจใดในเมืองหลวง จึงสามารถจัดการบางเรื่องได้อย่างเป็นกลางมากกว่า

นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมก่อนหน้านี้ความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงอยู่ภายใต้การดูแลของฐานทัพมาตลอด เพราะฐานทัพมีลักษณะปิดกั้นคนนอก บางคนจึงสอดมือเข้าไปไม่ได้

ในยุคดิจิทัลแบบนี้ พวกเขาได้รับข้อมูลดิบโดยตรง หรือก็หมายความว่าพวกเขามีอำนาจควบคุมความเป็นความตายของคนจำนวนไม่น้อย

ดังนั้นตำแหน่งนี้จึงต้องระมัดระวังอย่างถึงที่สุด เพราะกลัวว่าจะถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล่อลวงหรือใช้ประโยชน์

ตัวตนอวี๋เนี่ยนถูกเก็บเป็นความลับขั้นสูง ปกติแล้วไม่ได้อยู่ในหน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ กลุ่มอำนาจต่าง ๆ อยากติดต่อเธอก็ไม่ง่ายนัก

ในครั้งนี้อวี๋เนี่ยนแสดงผลงานได้โดดเด่นมาก และยังได้รับความสนใจจากผู้บัญชาการเบอร์สอง ถือว่าเธอได้ครอบครองตำแหน่งนี้อย่างมั่นคงแล้ว

หลายคนออกจากที่พักของผู้บัญชาการเบอร์สอง ผู้บัญชาการหลินไปส่งอวี๋เนี่ยนกลับ

“ยัยหนู ต่อให้ไม่มีตาแก่อย่างพวกเราหนุนหลัง คราวนี้เธอก็ได้แล้วแน่”

ผู้บัญชาการหลินรู้สึกประทับใจเล็กน้อย ความกังวลของพวกเขานั้นเกินความจำเป็นไป เพราะอวี๋เนี่ยนทำได้ดีมาก

“วางใจเถอะค่ะ”

ในเมื่อได้ทำแล้ว เธอก็จะไม่ยอมให้ใครมาชิงสิ่งที่เป็นของเธอไปง่าย ๆ แน่นอน

“ตรงนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่จะเริ่มจัดการเรื่องไปเรียนแล้วใช่ไหม?”

เห็นสีหน้าที่เคยนิ่งสงบของอวี๋เนี่ยนเริ่มเผยรอยร้าวเล็ก ๆ ทำให้สีหน้าของเธอดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันที

ผู้บัญชาการหลินคิดอย่างแสบ ๆ เล็กน้อยว่า นี่สิถึงจะถูกต้อง มีลักษณะของเด็กวัยยี่สิบ

เมื่อก่อนวัน ๆ ทำตัวเคร่งขรึมเหมือนคนแก่ ไม่มีความสดใสเอาเสียเลย แบบนี้ควรไปมหาวิทยาลัยให้ได้ซึมซับบรรยากาศของหนุ่มสาวบ้าง

“ไม่ต้องเตือนหนูแล้ว อีกนานกว่าจะเปิดเทอม หนูไปเรียนแน่นอน!”

คำพูดนี้มีความกัดฟันพูดเล็กน้อย ตาแก่นี่ต้องจงใจแน่ ๆ

หลังจากกลับไปจัดการงานที่หน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์เรียบร้อยแล้ว อวี๋เนี่ยนก็เตรียมตัวไปตระกูลเสิ่น ก่อนจะหาบ้านพักอยู่

เธอไม่อยากอยู่หอ แต่จะอยู่ที่หน่วยงานก็คงไม่ได้ จะให้เดินทางไปกลับทุกวันก็คงไม่ไหว เลยคิดจะหาบ้านเช่าใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยแทน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 40

    “ฮาย เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ คิดถึงฉันไหม?”ฮั่วเยี่ยนคร้านจะใส่ใจกับพฤติกรรมบ้า ๆ บอ ๆ ของเซ่ามู่ไป๋“เนี่ยนเนี่ยน มานั่งเถอะ”อวี๋เนี่ยนเดินไป นั่งลงอย่างเซื่องซึม“ไหนบอกว่ายังต้องใช้เวลาอีกสองสามวันไง?”“แหม ก็มีบางคนที่อยากกลับมาใจจะขาดน่ะสิ”เซ่ามู่ไป๋พูดจาทะเล้น หาวไปพลางเดินไปที่ห้อง“ไม่ได้นอนมาหนึ่งคืน ฉันไปนอนสักตื่นก่อนนะ พวกนายก็คุยกันไปแล้วกัน”ฮั่วเยี่ยนมองอวี๋เนี่ยนไม่ละสายตาโดยไม่พูดอะไร ตั้งแต่ที่รู้ว่าอวี๋เนี่ยนอยู่ที่ประเทศอาร์กับเหวินเหรินหลิ่น ในที่สุดหัวใจที่ว้าวุ่นไม่ยอมสงบลงแม้แต่น้อยก็สงบลงได้เสียทีไม่ได้หึงหวงที่เธออยู่กับเหวินเหรินหลิ่น แต่เป็นห่วงความปลอดภัยของเธอต่างหาก เพราะถึงอย่างไรแล้วหากไม่อันตรายก็คงไม่ต้องไปรบกวนเหวินเหรินหลิ่นหลายวันมานี้อวี๋เนี่ยนอยู่ที่เยี่ยนหยวนตลอด ปกติก็ไม่ได้ออกไปไหนหลังจากรู้ว่าเธอเดินทางไปต่างประเทศ นอกจากความเป็นห่วงแล้ว ก็ยังมีความรู้สึกหวาดกลัวสุดขีดตามมา มันเป็นความหวาดกลัวที่จะสูญเสียได้ตลอดเวลาแม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายร้อยแปดพันเก้า ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าแล้วก็ยังคงความอบอุ่นไว้ได้ เขายื่นกล่องใบหน

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 39

    ตู้ลี่เจินยังสารภาพเรื่องสำคัญมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งออกมา เธอว่าเคยได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงตระกูลไป๋ถ้าเกิดเป็นตระกูลไป๋ขึ้นมาจริง อย่างนั้นก็เป็นเรื่องยุ่งยากใหญ่โตอีกเรื่องเลยทีเดียวกับคนของกองทัพอย่างพวกเขาเหล่านี้อาจไม่เกี่ยวข้องอะไรมาก หลัก ๆ นั้นเป็นการพัวพันกันของแวดวงการเมืองกับแวดวงธุรกิจในเมืองหลวงต่างหากกับตระกูลไป๋นี้จะว่าอย่างไรดี พวกเขาไม่มีความสามารถอะไรมากตระกูลไป๋ทุ่มเทกำลังไปกับการให้กำเนิดลูกสาว ทำให้มีสมาชิกตระกูลมาก นับเป็นตระกูลใหญ่เลยทีเดียวตระกูลใหญ่ทั้งตระกูลล้วนพึ่งพาความสัมพันธ์ของเหล่าผู้หญิง วิธีการเลี้ยงดูบุตรสาวของตระกูลไป๋นั้นล้วนพยายามเลี้ยงดูให้กลายเป็นคุณหญิงคุณนายของตระกูลเก่าแก่เด็กสาวที่เลี้ยงดูออกมาล้วนเพียบพร้อมไปด้วยความอ่อนหวานและคุณธรรม เก่งกาจการเข้าสังคม เชี่ยวชาญการเรือนเป็นมาตรฐานในการเลือกเฟ้นลูกสะใภ้ของหลาย ๆ บ้านความจริงเป็นข้อพิสูจน์เรื่องนี้ พวกเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง อาศัยการแต่งงานของบุตรสาวสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ขนาดใหญ่ หยั่งรากฝังลึกอย่างมั่นคงในเมืองหลวงที่อำนาจต่าง ๆ สลับซับซ้อนตระกูลไป๋ซับซ้อนเกินไป ไม่อา

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 38

    อวี๋เนี่ยนมองวิดีโอกล้องวงจรปิดจากห้องสอบสวนด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก รอผลการสอบสวนอยู่กับพวกผู้อาวุโสหลาย ๆ ท่านจะเล่นโทรศัพท์ก็ไม่ได้ เนื่องด้วยในห้องนี้มีการปิดกั้นสัญญาณ ป้องกันไม่ให้มีคนแอบส่งข่าวออกไปผลการสอบสวนออกมาแล้ว ตระกูลเจิ้งบริสุทธิ์ อวี๋เนี่ยนไม่แปลกใจกับผลลัพธ์นี้ ตอนที่เธอเค้นถามคนพวกนั้นที่ประเทศอาร์ก็รู้แล้วว่าคนที่พวกเขาติดต่อด้วยคือตระกูลตู้เจิ้งเฉิงกังผู้นี้เป็นคนกระทำการระมัดระวังรอบคอบ เขาตอบรับบุญคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ ทว่ามากกว่านั้นเขาไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวในสถานการณ์แบบนี้ ตระกูลเจิ้งนั้นอยากรักษาการใช้ชีวิตแบบกินหรูอยู่สบาย ซึ่งตระกูลตู้ก็เป็นแหล่งรายได้หลักเนื่องจากเจิ้งเฉิงกังมีนิสัยระมัดระวังรอบคอบ ตระกูลตู้จึงไม่ได้อาศัยบารมีอะไรของตระกูลเจิ้ง มีแต่ลงทุนเข้าไปถึงจะเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินตระกูลเจิ้ง ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่อยากเล่นงานพวกเขาก็ทำได้ง่ายดาย มีคนทำธุรกิจคนไหนบ้างที่ไม่มีจุดอ่อนคนประเทศอีก็จับจุดนี้ได้จึงเข้าหาตระกูลตู้ แสดงท่าทีว่าต้องการแค่ตู้ลี่เจินนำของบางอย่างจากเจิ้งเฉิงกังมาให้พวกเขาเท่านั้น แล้ว

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 37

    รถเคลื่อนตัวมาถึงลานจอดเครื่องบิน โยนตู้ลี่เจินที่สลบไสลขึ้นไปบนห้องด้านหลังไม่มีความตั้งใจจะสอบสวนหล่อนแม้แต่น้อย เธอไม่อยากเข้าไปพัวพันลึกเกินไป จับคนกลับมาแล้วส่งตัวขึ้นไป ก็ถือว่าเธอทำหน้าที่สำเร็จแล้ว ก็ควรถอยออกมา อวี๋เนี่ยนมองเหวินเหรินหลิ่นที่มาปรากฏตัวอีกครั้งบนเครื่องบิน“ไม่ต้องจัดการเรื่องในตระกูลของพวกคุณหรือไง?”“ไม่ส่งคุณกลับประเทศอย่างปลอดภัย กลัวว่าฮั่วเยี่ยนต้องเอาผมตายแน่”“ฐานที่มั่นนั่นของคุณเปิดเผยได้นะ”อวี๋เนี่ยนลูบคาง เรื่องนี้น่าจะไม่เป็นปัญหาใหญ่โต ถึงอย่างไรก็ให้เหวินเหรินหลิ่นช่วยเหลือมากมายขนาดนี้โดยไม่ได้อะไรกลับไปเลยไม่ได้เหวินเหรินหลิ่นเดาได้ว่าอวี๋เนี่ยนเป็นคนของทางรัฐบาล แม้ว่าตัวตนจริงจะไม่ชัดเจนก็ตามทว่าสามารถออกมาทำเรื่องแบบนี้เพียงลำพังได้ แถมวิธีการก็ยัง...เอ่อ ไม่ค่อยนุ่มนวลสักเท่าไร ตำแหน่งคงสูงไม่เบา“นี่เป็นของตอบแทนจากคุณงั้นเหรอ?”ของตอบแทนที่ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้ เดิมทีแค่อยากตอบแทนน้ำใจของอวี๋เนี่ยนคืนไปก็เท่านั้น นี่นับว่าเป็นประโยชน์นอกเหนือความคาดหมายเลยเชียว“ไม่พอใจเหรอ?”“ไม่ใช่ แค่คิดถึงครั้งก่อนที่คุณอวี๋ช่วยผมน่ะ

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 36

    กลับขึ้นรถ รับทิชชูเปียกที่เหวินเหรินหลิ่นยื่นให้ แล้วเช็ดไปตามนิ้วมือด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย“เสื้อผ้าเลอะหมดเลย”แม้จะกำลังบ่นว่า ทว่าฟังแล้วดูเหมือนว่าอวี๋เนี่ยนจะอารมณ์ดีไม่เลวเหวินเหรินหลิ่นยิ่งยิ้มกว้าง ที่แท้ก็เป็นคนแปลก ๆ นิด ๆ นี่เอง“ผมจะให้คนนำเสื้อผ้ามาให้คุณ”“คุณอวี๋คิดจะจัดการพวกเขาอย่างไร?”“แน่นอนว่าต้องทำลายศพไม่ให้เหลือร่องรอย เรื่องนี้คุณถนัดกว่าฉันนี่”อวี๋เนี่ยนพูดอย่างไม่ใส่ใจกวาดสายตามองตู้ลี่เจินที่นั่งตัวสั่นเป็นใบไม้ไหวอยู่ที่พื้นด้วยสายตาราบเรียบ กล้าทำเรื่องพรรค์นี้ออกมา แต่ตอนนี้กลับรู้จักกลัว ผลของการเชือดไก่ให้ลิงดูนั้นเหมือนว่าจะได้ผลไม่เลวเหวินเหรินหลิ่นได้ยินก็ไม่ได้ตกใจ นับตั้งแต่อวี๋เนี่ยนลงจากรถไป เขาก็รู้แล้วว่าเจ้าพวกสามคนนั้นไม่รอดแน่ตู้ลี่เจินถูกอวี๋เนี่ยนในยามนี้ทำให้หวาดกลัวจนขนลุกขนชันไปทั้งกาย หวาดกลัวกว่าตอนที่เห็นการทรมานคนของอวี๋เนี่ยนเมื่อครู่นี้เสียอีกอดรู้สึกหนาวเย็นจับใจไม่ได้ พวกเขาพูดเรื่องทำลายศพเผาหลักฐานต่อหน้าตัวเองแบบนี้ เกรงว่าแม้แต่ตัวเธอเองก็ต้องถูกฆ่าปิดปากตามไปด้วยตอนนี้เห็นสายตาของอวี๋เนี่ยนที่กวาดสายตา

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 35

    อวี๋เนี่ยนเดินลากท่อนเหล็กไปอยู่ตรงหน้าสามคนนั้น ลูกน้อยของเหวินเหรินหลิ่นจึงถอยหลังลงไปสองสามก้าวหลีกทางให้เธออวี๋เนี่ยนพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ“บอกสิ่งที่พวกคุณรู้มาให้หมด”ผู้หญิงคนนั้นมีสีหน้าหยิ่งผยอง ไม่มีความคิดที่จะตอบโดยสิ้นเชิง อีกสองคนที่เหลือก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาเช่นกันอวี๋เนี่ยนแย้มยิ้มโหดเหี้ยมออกมาเล็กน้อย ไม่ให้ความร่วมมือสินะ? อย่างนั้นก็ดีเลยลากผู้ชายคนนั้นออกมา แล้วฟาดท่อนเหล็กไปที่แขน ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวน ไม่กี่คนที่อยู่ข้าง ๆ ล้วนได้ยินเสียกระดูกหักได้อย่างชัดเจนผู้หญิงที่เดิมที่มีแต่ความโอหังฉายอยู่เต็มหน้าพลันใบหน้าเปลี่ยนสีทันที คนขับรถที่อยู่ข้างกันก็ยิ่งตกใจแข้งขาอ่อนจนทรุดตัวนั่งลงบนพื้นผู้หญิงคนนั้นร้องตะโกน“พวกเราเป็นทหารประเทศอี คุณไม่มีสิทธิ์ทรมานพวกเรา ฉันต้องการคุยกับรัฐบาลของพวกคุณ”ไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะร้องตะโกนไม่หยุด เธอลงมือฟาดท่อนเหล็กต่อไป คราวนี้ฟาดลงไปบนหัวเข่า เสียงกระดูกแตกดังยิ่งกว่าเก่า ผู้ชายคนนั้นร้องโหยหวนพลางล้มลงไปตะโกนลั่นว่า “ฉันบอกแล้ว บอกแล้ว”ไม่ต้องใส่หูฟังเสียงร้องโหยหวนก็ดังเข้ามาถึงในรถ ตู้ลี่เจิน

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 34

    “พ้นจากตัวเมืองไปแล้วค่อยลงมือ”เขามีความมั่นใจมากว่าจะจัดการให้เสร็จสิ้นได้ หากขัดขวางพวกเขาที่นี่จะเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผย ไม่กลัวหนึ่งหมื่นแต่กลัวหนึ่งในหมื่นอวี๋เนี่ยนพยักหน้าเข้าใจ ไม่เกรงใจเขา ยกให้เขาจัดการไป เพราะเรื่องต่อจากนี้อย่างไรก็ยังต้องรบกวนเขาอีกไม่น้อยไม่นานนักรถของพวกเขาก็ไล่ตามตู้ลี่เจินทัน หลังจากขับตามมาสักพักจึงเพิ่มความเร็วแซงหน้ารถที่ตู้ลี่เจินนั่งอยู่หลังจากขับผ่านบริเวณที่ไฟถนนพังเสียหายไปจึงจอดรถ แล้วก็มีคนวางเครื่องกีดขวางขนาดเล็กไว้ด้านหน้าในทันทีไม่ช้านาน รถของตู้ลี่เจินก็แล่นมาถึง รถเหยียบบดลงบนเครื่องกีดขวางด้วยความเร็ว ล้อรถระเบิดจนเสียการทรงตัวลื่นไปชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางอย่างรุนแรงควันขาวลองคลุ้งออกมาจากกระโปรงรถ เห็นได้ชัดว่าใช้การไม่ได้แล้ว ดูจากสภาพความเสียหายของรถแล้ว ตัวคนน่าจะไม่เป็นอะไร จริงตามคาด ผู้ชายคนหนึ่งลงมาจากห้องคนขับ หลังจากนั้นก็มีผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงหนึ่งคนลงมาดูสถานการณ์อวี๋เนี่ยนวางกล้องส่องทางไกลสำหรับกลางคืนในมือ นอกจากสามคนนี้ที่ลงมาจากรถแล้ว ในรถก็เหลือเพียงตู้ลี่เจินคนเดียวเท่านั้นเหวินเหรินหลิ่นส่งสัญญาณม

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 33

    หลังยืนยันข้อมูล อวี๋เนี่ยนก็หาเบอร์ติดต่อเหวินเหรินหลิ่นที่ฮั่วเยี่ยนให้เธอไว้เจอ แล้วจึงต่อสายโทรหาทันที“ฉันอวี๋เนี่ยนนะ”“คุณอวี๋?”ตอนที่เหวินเหรินหลิ่นรับสายของอวี๋เนี่ยนก็ประหลาดใจอยู่บ้าง โทรมาหาในเวลาแบบนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?“สะดวกคุยหรือเปล่าคะ? อยากรบกวนให้คุณช่วยสักหน่อย”“สะดวกครับ คุณอวี๋พูดมาได้เลย”เหวินเหรินหลิ่นเองก็ไม่นึกไม่ฝัน ว่าโอกาสตอบแทนน้ำใจจะมาถึงเร็วขนาดนี้“ช่วยจับตาดูคนคนหนึ่งที่สนามบินของเมืองหลวงประเทศอาร์ และหากเป็นไปได้จะขอยืมเครื่องบินส่วนตัวของคุณด้วย”อวี๋เนี่ยนไม่เกรงใจ พูดความต้องการของตนเองออกไปตรง ๆประเทศอาร์เป็นฐานที่มั่นของเหวินเหรินหลิ่น เรื่องนี้จึงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเข้าแล้ว“ไม่มีปัญหาครับ”เหวินเหรินหลิ่นตอบตกลงโดยไม่ลังเล“ฉันส่งข้อมูลไปให้คุณแล้ว เครื่องบินที่เธอนั่งจะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติเมืองหลวงประเทศอาร์ในอีกสี่ชั่วโมงให้หลัง”เหวินเหรินหลิ่นรีบส่งข้อมูลไปให้คนของทางนั้น เพื่อจัดแจงคนไปคอยเฝ้ารอที่สนามบิน“ให้จับกุมเหรอครับ?”“สะกดรอยตามไว้ ฉันจะไปถึงในอีกสิบนาที ต้องวางสายแล้ว”อวี๋เนี่ยนดูที่อยู่ที่เหวินเ

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 32

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นดยุคอวี๋เนี่ยนผุดตัวลุกขึ้นนั่งทันที เกิดเรื่องแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องติดต่อมาทางออนไลน์ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์คับขันเป็นอย่างที่คิด อวี๋เนี่ยนเพิ่งรับสายโทรศัพท์ เสียงของดยุคก็ดังลอดออกมาจากทางนั้นแล้ว“หัวหน้า ตู้ลี่เจินออกนอกประเทศแล้ว เครื่องเพิ่งออกไป”“ส่งข้อมูลมาให้ฉัน”พูดจบ อวี๋เนี่ยนก็วางสายโทรศัพท์ แล้วต่อสายไปหาเว่ยกังให้เขารีบตรวจสอบทันที ไม่ใช่ว่าให้จับตาดูไว้หรอกเหรอ ทำไมปล่อยให้ออกนอกประเทศไปได้?ระหว่างที่รอสายของเว่ยกัง อวี๋เนี่ยนก็ดูเอกสารที่ดยุคส่งมาให้ไปพลาง ๆ ตู้ลี่เจินใช้ตัวตนปลอม ทำให้พวกเขาไม่ได้รับข่าวตั้งแต่แรกเครื่องบินทะยานขึ้นสู่น่านฟ้าไปสี่สิบนาทีแล้ว เป็นการบินไปยังเมืองหลวงของประเทศอาร์ ระยะเวลาในการบินราวห้าชั่วโมงครึ่งอวี๋เนี่ยนครุ่นคิด จะให้เครื่องบินวกกลับมานั้นเป็นการสร้างความวุ่นวายใหญ่โต ยากจะปิดบังได้อยู่ อีกทั้งเรื่องนี้ยังอยู่ในช่วงการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยิ่งไม่อาจทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้อวี๋เนี่ยนดวงตาเปล่งประกาย นึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนต้องรอข้อมูลที่ชัดเจนจากทางฝั่งเว่ยกัง

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status