[เป็นที่รักของทุกคน+ทุ่มเทเพื่อชาติ+อัจฉริยะสาวไอคิวสูง✘บอสสุดเจ้าเล่ห์] อวี๋เนี่ยนในสายตาของบรรดาคนใหญ่คนโต : เด็กดี ว่านอนสอนง่าย เป็นสมบัติของชาติ อวี๋เนี่ยนในสายตาของเหล่าพี่ชาย : ป่าเถื่อนกระหายเลือด ฆ่าคนตาไม่กะพริบ ส่วนอวี๋เนี่ยนในสายตาของฮั่วเยี่ยน : เบบี๋ เรื่องราวหวานละมุนของการเยียวยาซึ่งกันและกัน เมื่อเธอผู้เย็นชาหยิ่งหยองไร้อารมณ์ได้พบกับเขาผู้แปลกแยกจากโลกใบนี้ เป็นเทวดาที่ตกมาสู่โลกมนุษย์ หรือเทพเซียนตกสวรรค์? นางเอกมีประเทศคอยหนุนหลัง มีคุณธรรมแต่ไม่มาก พระเอกเป็นนักธุรกิจในประเทศ เป็นมือสังหารในต่างแดน ซ่อนความบ้าคลั่งเอาไว้ พี่ชาย : น้องสาวฉันจิตใจดีมาก ทนฟังเสียงคนอื่นร้องเจ็บปวดไม่ได้ น้องสาวที่จิตใจดี : อุดปากมันไว้ แล้วค่อย ๆ หักกระดูกไปทีละท่อน ฮั่วเยี่ยน : เนี่ยนเนี่ยนขี้กลัว ไม่งั้นพวกแกก็ฆ่าตัวตายเองเถอะ อย่าทำให้เบบี๋ของฉันตกใจ
ดูเพิ่มเติม“ฮาย เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ คิดถึงฉันไหม?”ฮั่วเยี่ยนคร้านจะใส่ใจกับพฤติกรรมบ้า ๆ บอ ๆ ของเซ่ามู่ไป๋“เนี่ยนเนี่ยน มานั่งเถอะ”อวี๋เนี่ยนเดินไป นั่งลงอย่างเซื่องซึม“ไหนบอกว่ายังต้องใช้เวลาอีกสองสามวันไง?”“แหม ก็มีบางคนที่อยากกลับมาใจจะขาดน่ะสิ”เซ่ามู่ไป๋พูดจาทะเล้น หาวไปพลางเดินไปที่ห้อง“ไม่ได้นอนมาหนึ่งคืน ฉันไปนอนสักตื่นก่อนนะ พวกนายก็คุยกันไปแล้วกัน”ฮั่วเยี่ยนมองอวี๋เนี่ยนไม่ละสายตาโดยไม่พูดอะไร ตั้งแต่ที่รู้ว่าอวี๋เนี่ยนอยู่ที่ประเทศอาร์กับเหวินเหรินหลิ่น ในที่สุดหัวใจที่ว้าวุ่นไม่ยอมสงบลงแม้แต่น้อยก็สงบลงได้เสียทีไม่ได้หึงหวงที่เธออยู่กับเหวินเหรินหลิ่น แต่เป็นห่วงความปลอดภัยของเธอต่างหาก เพราะถึงอย่างไรแล้วหากไม่อันตรายก็คงไม่ต้องไปรบกวนเหวินเหรินหลิ่นหลายวันมานี้อวี๋เนี่ยนอยู่ที่เยี่ยนหยวนตลอด ปกติก็ไม่ได้ออกไปไหนหลังจากรู้ว่าเธอเดินทางไปต่างประเทศ นอกจากความเป็นห่วงแล้ว ก็ยังมีความรู้สึกหวาดกลัวสุดขีดตามมา มันเป็นความหวาดกลัวที่จะสูญเสียได้ตลอดเวลาแม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายร้อยแปดพันเก้า ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าแล้วก็ยังคงความอบอุ่นไว้ได้ เขายื่นกล่องใบหน
ตู้ลี่เจินยังสารภาพเรื่องสำคัญมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งออกมา เธอว่าเคยได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงตระกูลไป๋ถ้าเกิดเป็นตระกูลไป๋ขึ้นมาจริง อย่างนั้นก็เป็นเรื่องยุ่งยากใหญ่โตอีกเรื่องเลยทีเดียวกับคนของกองทัพอย่างพวกเขาเหล่านี้อาจไม่เกี่ยวข้องอะไรมาก หลัก ๆ นั้นเป็นการพัวพันกันของแวดวงการเมืองกับแวดวงธุรกิจในเมืองหลวงต่างหากกับตระกูลไป๋นี้จะว่าอย่างไรดี พวกเขาไม่มีความสามารถอะไรมากตระกูลไป๋ทุ่มเทกำลังไปกับการให้กำเนิดลูกสาว ทำให้มีสมาชิกตระกูลมาก นับเป็นตระกูลใหญ่เลยทีเดียวตระกูลใหญ่ทั้งตระกูลล้วนพึ่งพาความสัมพันธ์ของเหล่าผู้หญิง วิธีการเลี้ยงดูบุตรสาวของตระกูลไป๋นั้นล้วนพยายามเลี้ยงดูให้กลายเป็นคุณหญิงคุณนายของตระกูลเก่าแก่เด็กสาวที่เลี้ยงดูออกมาล้วนเพียบพร้อมไปด้วยความอ่อนหวานและคุณธรรม เก่งกาจการเข้าสังคม เชี่ยวชาญการเรือนเป็นมาตรฐานในการเลือกเฟ้นลูกสะใภ้ของหลาย ๆ บ้านความจริงเป็นข้อพิสูจน์เรื่องนี้ พวกเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง อาศัยการแต่งงานของบุตรสาวสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ขนาดใหญ่ หยั่งรากฝังลึกอย่างมั่นคงในเมืองหลวงที่อำนาจต่าง ๆ สลับซับซ้อนตระกูลไป๋ซับซ้อนเกินไป ไม่อา
อวี๋เนี่ยนมองวิดีโอกล้องวงจรปิดจากห้องสอบสวนด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก รอผลการสอบสวนอยู่กับพวกผู้อาวุโสหลาย ๆ ท่านจะเล่นโทรศัพท์ก็ไม่ได้ เนื่องด้วยในห้องนี้มีการปิดกั้นสัญญาณ ป้องกันไม่ให้มีคนแอบส่งข่าวออกไปผลการสอบสวนออกมาแล้ว ตระกูลเจิ้งบริสุทธิ์ อวี๋เนี่ยนไม่แปลกใจกับผลลัพธ์นี้ ตอนที่เธอเค้นถามคนพวกนั้นที่ประเทศอาร์ก็รู้แล้วว่าคนที่พวกเขาติดต่อด้วยคือตระกูลตู้เจิ้งเฉิงกังผู้นี้เป็นคนกระทำการระมัดระวังรอบคอบ เขาตอบรับบุญคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ ทว่ามากกว่านั้นเขาไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวในสถานการณ์แบบนี้ ตระกูลเจิ้งนั้นอยากรักษาการใช้ชีวิตแบบกินหรูอยู่สบาย ซึ่งตระกูลตู้ก็เป็นแหล่งรายได้หลักเนื่องจากเจิ้งเฉิงกังมีนิสัยระมัดระวังรอบคอบ ตระกูลตู้จึงไม่ได้อาศัยบารมีอะไรของตระกูลเจิ้ง มีแต่ลงทุนเข้าไปถึงจะเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินตระกูลเจิ้ง ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่อยากเล่นงานพวกเขาก็ทำได้ง่ายดาย มีคนทำธุรกิจคนไหนบ้างที่ไม่มีจุดอ่อนคนประเทศอีก็จับจุดนี้ได้จึงเข้าหาตระกูลตู้ แสดงท่าทีว่าต้องการแค่ตู้ลี่เจินนำของบางอย่างจากเจิ้งเฉิงกังมาให้พวกเขาเท่านั้น แล้ว
รถเคลื่อนตัวมาถึงลานจอดเครื่องบิน โยนตู้ลี่เจินที่สลบไสลขึ้นไปบนห้องด้านหลังไม่มีความตั้งใจจะสอบสวนหล่อนแม้แต่น้อย เธอไม่อยากเข้าไปพัวพันลึกเกินไป จับคนกลับมาแล้วส่งตัวขึ้นไป ก็ถือว่าเธอทำหน้าที่สำเร็จแล้ว ก็ควรถอยออกมา อวี๋เนี่ยนมองเหวินเหรินหลิ่นที่มาปรากฏตัวอีกครั้งบนเครื่องบิน“ไม่ต้องจัดการเรื่องในตระกูลของพวกคุณหรือไง?”“ไม่ส่งคุณกลับประเทศอย่างปลอดภัย กลัวว่าฮั่วเยี่ยนต้องเอาผมตายแน่”“ฐานที่มั่นนั่นของคุณเปิดเผยได้นะ”อวี๋เนี่ยนลูบคาง เรื่องนี้น่าจะไม่เป็นปัญหาใหญ่โต ถึงอย่างไรก็ให้เหวินเหรินหลิ่นช่วยเหลือมากมายขนาดนี้โดยไม่ได้อะไรกลับไปเลยไม่ได้เหวินเหรินหลิ่นเดาได้ว่าอวี๋เนี่ยนเป็นคนของทางรัฐบาล แม้ว่าตัวตนจริงจะไม่ชัดเจนก็ตามทว่าสามารถออกมาทำเรื่องแบบนี้เพียงลำพังได้ แถมวิธีการก็ยัง...เอ่อ ไม่ค่อยนุ่มนวลสักเท่าไร ตำแหน่งคงสูงไม่เบา“นี่เป็นของตอบแทนจากคุณงั้นเหรอ?”ของตอบแทนที่ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้ เดิมทีแค่อยากตอบแทนน้ำใจของอวี๋เนี่ยนคืนไปก็เท่านั้น นี่นับว่าเป็นประโยชน์นอกเหนือความคาดหมายเลยเชียว“ไม่พอใจเหรอ?”“ไม่ใช่ แค่คิดถึงครั้งก่อนที่คุณอวี๋ช่วยผมน่ะ
กลับขึ้นรถ รับทิชชูเปียกที่เหวินเหรินหลิ่นยื่นให้ แล้วเช็ดไปตามนิ้วมือด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย“เสื้อผ้าเลอะหมดเลย”แม้จะกำลังบ่นว่า ทว่าฟังแล้วดูเหมือนว่าอวี๋เนี่ยนจะอารมณ์ดีไม่เลวเหวินเหรินหลิ่นยิ่งยิ้มกว้าง ที่แท้ก็เป็นคนแปลก ๆ นิด ๆ นี่เอง“ผมจะให้คนนำเสื้อผ้ามาให้คุณ”“คุณอวี๋คิดจะจัดการพวกเขาอย่างไร?”“แน่นอนว่าต้องทำลายศพไม่ให้เหลือร่องรอย เรื่องนี้คุณถนัดกว่าฉันนี่”อวี๋เนี่ยนพูดอย่างไม่ใส่ใจกวาดสายตามองตู้ลี่เจินที่นั่งตัวสั่นเป็นใบไม้ไหวอยู่ที่พื้นด้วยสายตาราบเรียบ กล้าทำเรื่องพรรค์นี้ออกมา แต่ตอนนี้กลับรู้จักกลัว ผลของการเชือดไก่ให้ลิงดูนั้นเหมือนว่าจะได้ผลไม่เลวเหวินเหรินหลิ่นได้ยินก็ไม่ได้ตกใจ นับตั้งแต่อวี๋เนี่ยนลงจากรถไป เขาก็รู้แล้วว่าเจ้าพวกสามคนนั้นไม่รอดแน่ตู้ลี่เจินถูกอวี๋เนี่ยนในยามนี้ทำให้หวาดกลัวจนขนลุกขนชันไปทั้งกาย หวาดกลัวกว่าตอนที่เห็นการทรมานคนของอวี๋เนี่ยนเมื่อครู่นี้เสียอีกอดรู้สึกหนาวเย็นจับใจไม่ได้ พวกเขาพูดเรื่องทำลายศพเผาหลักฐานต่อหน้าตัวเองแบบนี้ เกรงว่าแม้แต่ตัวเธอเองก็ต้องถูกฆ่าปิดปากตามไปด้วยตอนนี้เห็นสายตาของอวี๋เนี่ยนที่กวาดสายตา
อวี๋เนี่ยนเดินลากท่อนเหล็กไปอยู่ตรงหน้าสามคนนั้น ลูกน้อยของเหวินเหรินหลิ่นจึงถอยหลังลงไปสองสามก้าวหลีกทางให้เธออวี๋เนี่ยนพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ“บอกสิ่งที่พวกคุณรู้มาให้หมด”ผู้หญิงคนนั้นมีสีหน้าหยิ่งผยอง ไม่มีความคิดที่จะตอบโดยสิ้นเชิง อีกสองคนที่เหลือก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาเช่นกันอวี๋เนี่ยนแย้มยิ้มโหดเหี้ยมออกมาเล็กน้อย ไม่ให้ความร่วมมือสินะ? อย่างนั้นก็ดีเลยลากผู้ชายคนนั้นออกมา แล้วฟาดท่อนเหล็กไปที่แขน ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวน ไม่กี่คนที่อยู่ข้าง ๆ ล้วนได้ยินเสียกระดูกหักได้อย่างชัดเจนผู้หญิงที่เดิมที่มีแต่ความโอหังฉายอยู่เต็มหน้าพลันใบหน้าเปลี่ยนสีทันที คนขับรถที่อยู่ข้างกันก็ยิ่งตกใจแข้งขาอ่อนจนทรุดตัวนั่งลงบนพื้นผู้หญิงคนนั้นร้องตะโกน“พวกเราเป็นทหารประเทศอี คุณไม่มีสิทธิ์ทรมานพวกเรา ฉันต้องการคุยกับรัฐบาลของพวกคุณ”ไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะร้องตะโกนไม่หยุด เธอลงมือฟาดท่อนเหล็กต่อไป คราวนี้ฟาดลงไปบนหัวเข่า เสียงกระดูกแตกดังยิ่งกว่าเก่า ผู้ชายคนนั้นร้องโหยหวนพลางล้มลงไปตะโกนลั่นว่า “ฉันบอกแล้ว บอกแล้ว”ไม่ต้องใส่หูฟังเสียงร้องโหยหวนก็ดังเข้ามาถึงในรถ ตู้ลี่เจิน
ความคิดเห็น