แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: จือจือแสนขยัน
ลึกเข้าไปเขตฐานทัพ ในอาคารหลังเล็กที่มีทหารติดอาวุธคอยเฝ้ายาม นายพลหลี่ผู้สวมแว่นสายตายาววางหนังสือพิมพ์ลง

ก่อนจะหันไปพูดกับอวี๋เนี่ยนที่ยังกอดคอมพิวเตอร์ไว้และพิมพ์ไม่หยุดบนโซฟา

“ยัยตัวแสบ คิดได้หรือยังว่าจะเอายังไง?”

อวี๋เนี่ยนอายุยี่สิบปีอย่างเป็นทางการแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เพราะจะต้องไปเมืองหลวงแล้ว นายพลหลี่จึงเรียกเธอมากินข้าวด้วย

เด็กหญิงตัวน้อยในวันนั้น โตขึ้นกลายเป็นสาวสะพรั่ง รูปร่างหน้าตาได้รับยีนดีจากพ่อแม่มาเต็ม ๆ เพียงแต่นิสัยกลับยิ่งไม่เหมือนใครเข้าไปทุกที

นายพลหลี่ถอนหายใจ การที่ปล่อยให้เธอเดินบนเส้นทางสายนี้ในปีนั้น ตกลงแล้วมันถูกหรือผิดกันแน่?

เจ้าเด็กนี่นอกจากคอมพิวเตอร์ที่สนใจแล้ว เรื่องอื่นก็ขี้เกียจมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จริง ๆ

หลายปีมานี้ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาจัดคนมาคอยฝึกฝนร่างกายให้เธอ คาดว่าคงจะได้เห็นเธอไม่แข็งแรงเท่าตาแก่เจ็ดแปดสิบปีอย่างเขาด้วยซ้ำ

ถ้าไม่คอยดูเธอ เธอจะนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน ยกเว้นเวลาเข้านอน

คนแก่ทั้งหลายอย่างพวกเขาไม่มีทางเลือก นอกจากต้องขู่บังคับให้เธอขยับตัว

อาชีพของเธออันตรายขนาดนี้ ถ้าไม่ระวังสักวันอาจถูกจับตามอง แล้วไม่มีแม้แต่ความสามารถในการป้องกันตัวเองเลย จึงจัดหาคนมาฝึกให้เธออย่างเข้มงวดทุกวัน

แม้เป็นแบบนี้ อวี๋เนี่ยนก็ยังหาทางขี้เกียจจนได้ หลายปีที่ฝึกฝนมานี้ ฝีมือการยิงปืนของยัยตัวแสบนั้นแม่นยำสุด ๆ

เพราะการฝึกยิงปืนไม่ต้องขยับตัว นายพลหลี่ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธจนเคราชี้

ในที่สุด อวี๋เนี่ยนที่อยู่บนโซฟาก็เงยหน้าขึ้น มองนายพลหลี่อย่างจนใจ

“ใจเย็นหน่อยคุณปู่ ถ้าโกรธจนป่วยขึ้นมา จะไม่มีใครมาแทนนะ”

“เธออยากไปก็ต้องไป ไม่อยากไปก็ต้องไป ที่เมืองหลวงจะสร้างหน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ใหม่ นี่คือภารกิจของเธอ เบื้องบนสั่งให้เธอไป”

นายพลหลี่ทำตัวไม่น่าไว้วางใจ แน่นอนว่าตาเฒ่าพวกนี้ก็ทำอะไรบางอย่าง ไม่ใช่แค่เพื่ออวี๋เนี่ยน ยังมีการพิจารณาอื่นด้วย และเธอคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

“ภารกิจหนูยอมรับได้ แต่ไปเรียนมหาวิทยาลัยนี่มันเรื่องบ้าอะไร? จะให้หนูไปเรียนอะไร?”

ตาแก่พวกนี้สร้างปัญหาให้เธอเก่งจริง ๆ มีหลายเรื่องที่เธอสามารถทำได้

อีกอย่าง ที่ต้องเรียนเธอก็เรียนจบไปหมดแล้ว ยังต้องเรียนมหาวิทยาลัยอะไรอีก เสียเวลาเปล่า ๆ

“ยัยหนู เธอเพิ่งจะยี่สิบเอง ทำไมไม่ลองหาสิ่งที่สนใจอย่างอื่นบ้างล่ะ? วางคอมพิวเตอร์บ้าง เธอก็ควรจะมีชีวิตของตัวเอง ไปมหาวิทยาลัยแล้วลองสัมผัสชีวิตอีกแบบ สร้างมิตรภาพบ้างก็คงดีไม่ใช่เหรอ?”

ยัยหนูนี่เพิ่งจะยี่สิบ แต่กลับใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและไม่ต้องการอะไรเลย รอบตัวไม่มีแม้แต่เพื่อนสักคน

ในเรื่องกินอยู่และการเดินทาง นอกจากสนใจเรื่องของกินอยู่บ้างแล้ว เรื่องอื่น ๆ ขอแค่พอใช้ได้ก็พอ

เป็นเด็กสาวสวย ๆ คนหนึ่ง แต่งตัวแบบนี้นี่มันอะไรกัน ตาแก่อย่างเขายังทันสมัยกว่าเลย

อวี๋เนี่ยนถอนหายใจ เธอไม่ต้องการจริง ๆ

“คุณปู่หลี่คะ อย่ากังวลไม่เข้าเรื่องเลย หนูพอใจกับชีวิตตอนนี้มากแล้ว”

“เฮ้อ เรื่องนี้ต้องโทษฉันเองที่ตอนนั้นไม่ยืนกรานส่งเธอไปเรียนหนังสือ ทำให้เธอใช้ชีวิตแบบเด็กปกติไม่ได้...”

“ฉันก็แค่อยากให้เธอได้ไปสัมผัสชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยดูบ้าง ตอนนี้เธออายุยังน้อย ยังทันอยู่ อย่ารอจนถึงวันที่เสียใจแล้วหันมาโทษตาเฒ่าอย่างฉันเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นแล้วฉันจะยังอยู่หรือเปล่า”

ฟังนายพลหลี่บ่นไม่หยุด เธอยอมใจเลยจริง ๆ ทุกครั้งที่มีเรื่องก็เล่นมุกนี้ทุกที ยิ่งแก่ก็ยิ่งไม่มีเหตุผล

“ถ้าหนูไปเรียนแล้วโดนคนรังแกจะทำยังไง? ไม่เคยได้ยินเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนเหรอคะ?”

นายพลหลี่สะอึก คิดในใจว่าอย่างเธอน่ะเหรอจะถูกใครรังแกได้?

แม้เวลาปกติอวี๋เนี่ยนจะดูเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ยุ่งกับใคร

แต่ถ้าใครกล้าหาเรื่องเธอล่ะก็ ไม่ได้ถลกหนังสักชั้น เธอไม่ยอมจบแน่

ยัยหนูนี่ไม่ใช่คนใจใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น คนที่โดนเธอเล่นงานในช่วงหลายปีมานี้ไม่ใช่น้อย ๆ

“เมืองหลวงเป็นอาณาเขตของเหล่าหลิน มีเขาอยู่ ยังจะปล่อยให้ใครไปรังแกเธอได้อีก?”

แม้จะบ่นอยู่ในใจ แต่คำพูดของนายพลหลี่ก็น่าฟังมาก

“งั้น...”

“ยัยหนู ตาเฒ่าอย่างพวกเรานี้จะมีชีวิตอยู่อีกกี่ปีกัน ในช่วงที่เรายังอยู่ เธอก็ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีไม่ดีเหรอ?”

คำพูดนี้ฟังแล้วรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง อวี๋เนี่ยนเงียบไปชั่วขณะ เธอเข้าใจความหมายของคุณปู่ และรู้ว่าเขาห่วงใยเธอจากใจจริง ๆ

เส้นทางชีวิตนี้ของเธอไม่ง่ายเลย ตั้งแต่พ่อแม่จากไป เธอก็ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติแม้แต่วันเดียว การเรียน การฝึกฝน และการทำงาน คือเส้นทางที่เธอเดินในช่วงหลายปีมานี้

ผู้อาวุโสกำลังพยายามให้เธอมีเวลาผ่อนคลายหลายปี ให้เธอได้เพลิดเพลินกับการใช้ชีวิต

นายพลหลี่มองอวี๋เหนียนด้วยความคิดลึกซึ้ง ในใจถอนหายใจ รู้สึกว่ากำลังทำให้เธอลำบากใจ การไปเมืองหลวง ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเธอเอง แต่ยังเพื่อ...

เฮ้อ ตำแหน่งนี้สำคัญมาก เขาไม่สามารถพูดเกลี้ยกล่อมให้เธออยู่ต่อได้จริง ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามหาวิธีที่จะชดเชยให้เธอมากที่สุด

อย่างไรก็อยู่ในฐานทัพ ต่อให้พวกตาเฒ่าอย่างพวกเขาไม่อยู่แล้ว อาศัยตัวเธอคนเดียว ก็สามารถใช้ชีวิตตามที่ต้องการได้

“หนูจะไป”

มองดูสีหน้าของนายพลหลี่ที่ดูเศร้าหมองเล็กน้อย อวี๋เนี่ยนก็ยอมพ้ไป พอจะรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร นี่คือการเลือกของเธอเอง

อย่างไรเสีย การจัดการของมหาวิทยาลัยก็ไม่เข้มงวดมากนัก แถมสถานะของเธอก็พิเศษ คงไม่สามารถอยู่แต่ในมหาวิทยาลัยทุกวันได้อยู่แล้ว

ไปรายงานให้พวกเขาสบายใจ ถึงอย่างไร ตอนนั้นจะไปเรียนหรือไม่ก็คือเรื่องของเธอเองแล้ว

พอกินข้าวที่บ้านนายพลหลี่เสร็จ คุยเป็นเพื่อนเขาอีกสักพัก อวี๋เนี่ยนก็ขอตัวลา

เธอไม่ใช่คนชอบลังเล เมื่อได้ตัดสินใจแล้ว ก็กลับไปเตรียมตัวสำหรับการไปเมืองหลวง

ก่อนจากไป นายพลหลี่ได้พูดกำชับอีกครั้งว่า

“ถึงเมืองหลวงแล้ว อย่าลืมไปเยี่ยมตระกูลเสิ่นนะ”

ดวงตาของอวี๋เนี่ยนเป็นประกายวาบเล็กน้อย ตระกูลเสิ่นคือบ้านฝ่ายแม่ของเธอ เสิ่นจือเฉียวแม่ของเธอเป็นคุณหนูจากตระกูลเสิ่นซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง

เธอเคยพบคนในตระกูลเสิ่นแค่ครั้งเดียว ตอนที่เธออายุสิบเอ็ดปี ปีนั้นโครงการที่พ่อกับแม่ของเธอรับผิดชอบในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ ผลลัพธ์จากการวิจัยนั้นเพียงพอที่จะทำให้กลุ่มอำนาจที่กำลังคิดจะเคลื่อนไหวต้องหวั่นเกรง

นี่จึงได้เปิดเผยข่าวของพ่อแม่เธอต่อสาธารณะ และย้ายไปยังสุสาน ตอนนั้นตา ยาย ลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่ และลุงรองของเธอได้เดินทางจากเมืองหลวงมาไหว้พ่อแม่ของเธอ

พวกเขาเสนอจะพาเธอกลับไปเมืองหลวง แต่เธอไม่ได้ตกลง หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบกันอีกเลย การติดต่อก็น้อยมาก มีเพียงลุงใหญ่ที่จะโทรหามาเธอเป็นบางครั้ง

นึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเสิ่นที่หาได้ ตระกูลเสิ่นจัดว่าเป็นกลุ่มอำนาจระดับสองในเมืองหลวง

อดีตหัวหน้าตระกูลเสิ่นมีลูกชายสามคนและลูกสาวสองคน เสิ่นจือเฉียวแม่ของเธอคือลำดับที่สี่ มีพี่ชายสองคน พี่สาวหนึ่งคน และน้องชายหนึ่งคน

ตอนนี้ตระกูลเสิ่นมีลุงใหญ่เป็นผู้นำ ถ้าความรู้สึกของเธอไม่ผิด ยายของเธอน่าจะไม่ชอบเธอ

พ่อของเธอเป็นเด็กกำพร้า ตอนนั้นตระกูลเสิ่นไม่เห็นด้วยที่แม่จะแต่งงานกับพ่อ

ตอนนั้นตระกูลเสิ่นได้เลือกคู่ครองที่เหมาะสมกับแม่ของเธอไว้ให้แล้ว สามารถพูดได้ว่าแม่ของเธอหนีตามพ่อไป

หลังจากนั้นหน้าที่การงานของพ่อแม่เธอก็เริ่มประสบความสำเร็จ ความสัมพันธ์กับตระกูลเสิ่นถึงได้ดีขึ้นมาบ้าง

แต่เพราะงานยุ่ง ที่จริงแล้วก่อนแม่ของเธอเสียชีวิตก็ไม่ได้กลับไปที่ตระกูลเสิ่นเป็นเวลานานแล้ว อย่างน้อยในความทรงจำของเธอ ปีที่เธออายุสิบเอ็ดปีนั้นคือครั้งแรกที่ได้พบกับคนตระกูลเสิ่น

แค่คิดว่าจะต้องไปเจอคนในตระกูลเสิ่นเยอะขนาดนั้น แม้อวี๋เนี่ยนจะยังคงสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจแทบระเบิด อ๊า ๆ ๆ น่ารำคาญจริง ๆ เลย

“รู้แล้วค่ะ”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 40

    “ฮาย เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ คิดถึงฉันไหม?”ฮั่วเยี่ยนคร้านจะใส่ใจกับพฤติกรรมบ้า ๆ บอ ๆ ของเซ่ามู่ไป๋“เนี่ยนเนี่ยน มานั่งเถอะ”อวี๋เนี่ยนเดินไป นั่งลงอย่างเซื่องซึม“ไหนบอกว่ายังต้องใช้เวลาอีกสองสามวันไง?”“แหม ก็มีบางคนที่อยากกลับมาใจจะขาดน่ะสิ”เซ่ามู่ไป๋พูดจาทะเล้น หาวไปพลางเดินไปที่ห้อง“ไม่ได้นอนมาหนึ่งคืน ฉันไปนอนสักตื่นก่อนนะ พวกนายก็คุยกันไปแล้วกัน”ฮั่วเยี่ยนมองอวี๋เนี่ยนไม่ละสายตาโดยไม่พูดอะไร ตั้งแต่ที่รู้ว่าอวี๋เนี่ยนอยู่ที่ประเทศอาร์กับเหวินเหรินหลิ่น ในที่สุดหัวใจที่ว้าวุ่นไม่ยอมสงบลงแม้แต่น้อยก็สงบลงได้เสียทีไม่ได้หึงหวงที่เธออยู่กับเหวินเหรินหลิ่น แต่เป็นห่วงความปลอดภัยของเธอต่างหาก เพราะถึงอย่างไรแล้วหากไม่อันตรายก็คงไม่ต้องไปรบกวนเหวินเหรินหลิ่นหลายวันมานี้อวี๋เนี่ยนอยู่ที่เยี่ยนหยวนตลอด ปกติก็ไม่ได้ออกไปไหนหลังจากรู้ว่าเธอเดินทางไปต่างประเทศ นอกจากความเป็นห่วงแล้ว ก็ยังมีความรู้สึกหวาดกลัวสุดขีดตามมา มันเป็นความหวาดกลัวที่จะสูญเสียได้ตลอดเวลาแม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายร้อยแปดพันเก้า ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าแล้วก็ยังคงความอบอุ่นไว้ได้ เขายื่นกล่องใบหน

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 39

    ตู้ลี่เจินยังสารภาพเรื่องสำคัญมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งออกมา เธอว่าเคยได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงตระกูลไป๋ถ้าเกิดเป็นตระกูลไป๋ขึ้นมาจริง อย่างนั้นก็เป็นเรื่องยุ่งยากใหญ่โตอีกเรื่องเลยทีเดียวกับคนของกองทัพอย่างพวกเขาเหล่านี้อาจไม่เกี่ยวข้องอะไรมาก หลัก ๆ นั้นเป็นการพัวพันกันของแวดวงการเมืองกับแวดวงธุรกิจในเมืองหลวงต่างหากกับตระกูลไป๋นี้จะว่าอย่างไรดี พวกเขาไม่มีความสามารถอะไรมากตระกูลไป๋ทุ่มเทกำลังไปกับการให้กำเนิดลูกสาว ทำให้มีสมาชิกตระกูลมาก นับเป็นตระกูลใหญ่เลยทีเดียวตระกูลใหญ่ทั้งตระกูลล้วนพึ่งพาความสัมพันธ์ของเหล่าผู้หญิง วิธีการเลี้ยงดูบุตรสาวของตระกูลไป๋นั้นล้วนพยายามเลี้ยงดูให้กลายเป็นคุณหญิงคุณนายของตระกูลเก่าแก่เด็กสาวที่เลี้ยงดูออกมาล้วนเพียบพร้อมไปด้วยความอ่อนหวานและคุณธรรม เก่งกาจการเข้าสังคม เชี่ยวชาญการเรือนเป็นมาตรฐานในการเลือกเฟ้นลูกสะใภ้ของหลาย ๆ บ้านความจริงเป็นข้อพิสูจน์เรื่องนี้ พวกเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง อาศัยการแต่งงานของบุตรสาวสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ขนาดใหญ่ หยั่งรากฝังลึกอย่างมั่นคงในเมืองหลวงที่อำนาจต่าง ๆ สลับซับซ้อนตระกูลไป๋ซับซ้อนเกินไป ไม่อา

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 38

    อวี๋เนี่ยนมองวิดีโอกล้องวงจรปิดจากห้องสอบสวนด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก รอผลการสอบสวนอยู่กับพวกผู้อาวุโสหลาย ๆ ท่านจะเล่นโทรศัพท์ก็ไม่ได้ เนื่องด้วยในห้องนี้มีการปิดกั้นสัญญาณ ป้องกันไม่ให้มีคนแอบส่งข่าวออกไปผลการสอบสวนออกมาแล้ว ตระกูลเจิ้งบริสุทธิ์ อวี๋เนี่ยนไม่แปลกใจกับผลลัพธ์นี้ ตอนที่เธอเค้นถามคนพวกนั้นที่ประเทศอาร์ก็รู้แล้วว่าคนที่พวกเขาติดต่อด้วยคือตระกูลตู้เจิ้งเฉิงกังผู้นี้เป็นคนกระทำการระมัดระวังรอบคอบ เขาตอบรับบุญคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ ทว่ามากกว่านั้นเขาไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวในสถานการณ์แบบนี้ ตระกูลเจิ้งนั้นอยากรักษาการใช้ชีวิตแบบกินหรูอยู่สบาย ซึ่งตระกูลตู้ก็เป็นแหล่งรายได้หลักเนื่องจากเจิ้งเฉิงกังมีนิสัยระมัดระวังรอบคอบ ตระกูลตู้จึงไม่ได้อาศัยบารมีอะไรของตระกูลเจิ้ง มีแต่ลงทุนเข้าไปถึงจะเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินตระกูลเจิ้ง ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่อยากเล่นงานพวกเขาก็ทำได้ง่ายดาย มีคนทำธุรกิจคนไหนบ้างที่ไม่มีจุดอ่อนคนประเทศอีก็จับจุดนี้ได้จึงเข้าหาตระกูลตู้ แสดงท่าทีว่าต้องการแค่ตู้ลี่เจินนำของบางอย่างจากเจิ้งเฉิงกังมาให้พวกเขาเท่านั้น แล้ว

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 37

    รถเคลื่อนตัวมาถึงลานจอดเครื่องบิน โยนตู้ลี่เจินที่สลบไสลขึ้นไปบนห้องด้านหลังไม่มีความตั้งใจจะสอบสวนหล่อนแม้แต่น้อย เธอไม่อยากเข้าไปพัวพันลึกเกินไป จับคนกลับมาแล้วส่งตัวขึ้นไป ก็ถือว่าเธอทำหน้าที่สำเร็จแล้ว ก็ควรถอยออกมา อวี๋เนี่ยนมองเหวินเหรินหลิ่นที่มาปรากฏตัวอีกครั้งบนเครื่องบิน“ไม่ต้องจัดการเรื่องในตระกูลของพวกคุณหรือไง?”“ไม่ส่งคุณกลับประเทศอย่างปลอดภัย กลัวว่าฮั่วเยี่ยนต้องเอาผมตายแน่”“ฐานที่มั่นนั่นของคุณเปิดเผยได้นะ”อวี๋เนี่ยนลูบคาง เรื่องนี้น่าจะไม่เป็นปัญหาใหญ่โต ถึงอย่างไรก็ให้เหวินเหรินหลิ่นช่วยเหลือมากมายขนาดนี้โดยไม่ได้อะไรกลับไปเลยไม่ได้เหวินเหรินหลิ่นเดาได้ว่าอวี๋เนี่ยนเป็นคนของทางรัฐบาล แม้ว่าตัวตนจริงจะไม่ชัดเจนก็ตามทว่าสามารถออกมาทำเรื่องแบบนี้เพียงลำพังได้ แถมวิธีการก็ยัง...เอ่อ ไม่ค่อยนุ่มนวลสักเท่าไร ตำแหน่งคงสูงไม่เบา“นี่เป็นของตอบแทนจากคุณงั้นเหรอ?”ของตอบแทนที่ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้ เดิมทีแค่อยากตอบแทนน้ำใจของอวี๋เนี่ยนคืนไปก็เท่านั้น นี่นับว่าเป็นประโยชน์นอกเหนือความคาดหมายเลยเชียว“ไม่พอใจเหรอ?”“ไม่ใช่ แค่คิดถึงครั้งก่อนที่คุณอวี๋ช่วยผมน่ะ

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 36

    กลับขึ้นรถ รับทิชชูเปียกที่เหวินเหรินหลิ่นยื่นให้ แล้วเช็ดไปตามนิ้วมือด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย“เสื้อผ้าเลอะหมดเลย”แม้จะกำลังบ่นว่า ทว่าฟังแล้วดูเหมือนว่าอวี๋เนี่ยนจะอารมณ์ดีไม่เลวเหวินเหรินหลิ่นยิ่งยิ้มกว้าง ที่แท้ก็เป็นคนแปลก ๆ นิด ๆ นี่เอง“ผมจะให้คนนำเสื้อผ้ามาให้คุณ”“คุณอวี๋คิดจะจัดการพวกเขาอย่างไร?”“แน่นอนว่าต้องทำลายศพไม่ให้เหลือร่องรอย เรื่องนี้คุณถนัดกว่าฉันนี่”อวี๋เนี่ยนพูดอย่างไม่ใส่ใจกวาดสายตามองตู้ลี่เจินที่นั่งตัวสั่นเป็นใบไม้ไหวอยู่ที่พื้นด้วยสายตาราบเรียบ กล้าทำเรื่องพรรค์นี้ออกมา แต่ตอนนี้กลับรู้จักกลัว ผลของการเชือดไก่ให้ลิงดูนั้นเหมือนว่าจะได้ผลไม่เลวเหวินเหรินหลิ่นได้ยินก็ไม่ได้ตกใจ นับตั้งแต่อวี๋เนี่ยนลงจากรถไป เขาก็รู้แล้วว่าเจ้าพวกสามคนนั้นไม่รอดแน่ตู้ลี่เจินถูกอวี๋เนี่ยนในยามนี้ทำให้หวาดกลัวจนขนลุกขนชันไปทั้งกาย หวาดกลัวกว่าตอนที่เห็นการทรมานคนของอวี๋เนี่ยนเมื่อครู่นี้เสียอีกอดรู้สึกหนาวเย็นจับใจไม่ได้ พวกเขาพูดเรื่องทำลายศพเผาหลักฐานต่อหน้าตัวเองแบบนี้ เกรงว่าแม้แต่ตัวเธอเองก็ต้องถูกฆ่าปิดปากตามไปด้วยตอนนี้เห็นสายตาของอวี๋เนี่ยนที่กวาดสายตา

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 35

    อวี๋เนี่ยนเดินลากท่อนเหล็กไปอยู่ตรงหน้าสามคนนั้น ลูกน้อยของเหวินเหรินหลิ่นจึงถอยหลังลงไปสองสามก้าวหลีกทางให้เธออวี๋เนี่ยนพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ“บอกสิ่งที่พวกคุณรู้มาให้หมด”ผู้หญิงคนนั้นมีสีหน้าหยิ่งผยอง ไม่มีความคิดที่จะตอบโดยสิ้นเชิง อีกสองคนที่เหลือก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาเช่นกันอวี๋เนี่ยนแย้มยิ้มโหดเหี้ยมออกมาเล็กน้อย ไม่ให้ความร่วมมือสินะ? อย่างนั้นก็ดีเลยลากผู้ชายคนนั้นออกมา แล้วฟาดท่อนเหล็กไปที่แขน ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวน ไม่กี่คนที่อยู่ข้าง ๆ ล้วนได้ยินเสียกระดูกหักได้อย่างชัดเจนผู้หญิงที่เดิมที่มีแต่ความโอหังฉายอยู่เต็มหน้าพลันใบหน้าเปลี่ยนสีทันที คนขับรถที่อยู่ข้างกันก็ยิ่งตกใจแข้งขาอ่อนจนทรุดตัวนั่งลงบนพื้นผู้หญิงคนนั้นร้องตะโกน“พวกเราเป็นทหารประเทศอี คุณไม่มีสิทธิ์ทรมานพวกเรา ฉันต้องการคุยกับรัฐบาลของพวกคุณ”ไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะร้องตะโกนไม่หยุด เธอลงมือฟาดท่อนเหล็กต่อไป คราวนี้ฟาดลงไปบนหัวเข่า เสียงกระดูกแตกดังยิ่งกว่าเก่า ผู้ชายคนนั้นร้องโหยหวนพลางล้มลงไปตะโกนลั่นว่า “ฉันบอกแล้ว บอกแล้ว”ไม่ต้องใส่หูฟังเสียงร้องโหยหวนก็ดังเข้ามาถึงในรถ ตู้ลี่เจิน

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 34

    “พ้นจากตัวเมืองไปแล้วค่อยลงมือ”เขามีความมั่นใจมากว่าจะจัดการให้เสร็จสิ้นได้ หากขัดขวางพวกเขาที่นี่จะเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผย ไม่กลัวหนึ่งหมื่นแต่กลัวหนึ่งในหมื่นอวี๋เนี่ยนพยักหน้าเข้าใจ ไม่เกรงใจเขา ยกให้เขาจัดการไป เพราะเรื่องต่อจากนี้อย่างไรก็ยังต้องรบกวนเขาอีกไม่น้อยไม่นานนักรถของพวกเขาก็ไล่ตามตู้ลี่เจินทัน หลังจากขับตามมาสักพักจึงเพิ่มความเร็วแซงหน้ารถที่ตู้ลี่เจินนั่งอยู่หลังจากขับผ่านบริเวณที่ไฟถนนพังเสียหายไปจึงจอดรถ แล้วก็มีคนวางเครื่องกีดขวางขนาดเล็กไว้ด้านหน้าในทันทีไม่ช้านาน รถของตู้ลี่เจินก็แล่นมาถึง รถเหยียบบดลงบนเครื่องกีดขวางด้วยความเร็ว ล้อรถระเบิดจนเสียการทรงตัวลื่นไปชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางอย่างรุนแรงควันขาวลองคลุ้งออกมาจากกระโปรงรถ เห็นได้ชัดว่าใช้การไม่ได้แล้ว ดูจากสภาพความเสียหายของรถแล้ว ตัวคนน่าจะไม่เป็นอะไร จริงตามคาด ผู้ชายคนหนึ่งลงมาจากห้องคนขับ หลังจากนั้นก็มีผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงหนึ่งคนลงมาดูสถานการณ์อวี๋เนี่ยนวางกล้องส่องทางไกลสำหรับกลางคืนในมือ นอกจากสามคนนี้ที่ลงมาจากรถแล้ว ในรถก็เหลือเพียงตู้ลี่เจินคนเดียวเท่านั้นเหวินเหรินหลิ่นส่งสัญญาณม

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 33

    หลังยืนยันข้อมูล อวี๋เนี่ยนก็หาเบอร์ติดต่อเหวินเหรินหลิ่นที่ฮั่วเยี่ยนให้เธอไว้เจอ แล้วจึงต่อสายโทรหาทันที“ฉันอวี๋เนี่ยนนะ”“คุณอวี๋?”ตอนที่เหวินเหรินหลิ่นรับสายของอวี๋เนี่ยนก็ประหลาดใจอยู่บ้าง โทรมาหาในเวลาแบบนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?“สะดวกคุยหรือเปล่าคะ? อยากรบกวนให้คุณช่วยสักหน่อย”“สะดวกครับ คุณอวี๋พูดมาได้เลย”เหวินเหรินหลิ่นเองก็ไม่นึกไม่ฝัน ว่าโอกาสตอบแทนน้ำใจจะมาถึงเร็วขนาดนี้“ช่วยจับตาดูคนคนหนึ่งที่สนามบินของเมืองหลวงประเทศอาร์ และหากเป็นไปได้จะขอยืมเครื่องบินส่วนตัวของคุณด้วย”อวี๋เนี่ยนไม่เกรงใจ พูดความต้องการของตนเองออกไปตรง ๆประเทศอาร์เป็นฐานที่มั่นของเหวินเหรินหลิ่น เรื่องนี้จึงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเข้าแล้ว“ไม่มีปัญหาครับ”เหวินเหรินหลิ่นตอบตกลงโดยไม่ลังเล“ฉันส่งข้อมูลไปให้คุณแล้ว เครื่องบินที่เธอนั่งจะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติเมืองหลวงประเทศอาร์ในอีกสี่ชั่วโมงให้หลัง”เหวินเหรินหลิ่นรีบส่งข้อมูลไปให้คนของทางนั้น เพื่อจัดแจงคนไปคอยเฝ้ารอที่สนามบิน“ให้จับกุมเหรอครับ?”“สะกดรอยตามไว้ ฉันจะไปถึงในอีกสิบนาที ต้องวางสายแล้ว”อวี๋เนี่ยนดูที่อยู่ที่เหวินเ

  • คุณชายสาม ยัยตัวแสบของคุณโชว์เทพอีกแล้ว!   บทที่ 32

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นดยุคอวี๋เนี่ยนผุดตัวลุกขึ้นนั่งทันที เกิดเรื่องแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องติดต่อมาทางออนไลน์ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์คับขันเป็นอย่างที่คิด อวี๋เนี่ยนเพิ่งรับสายโทรศัพท์ เสียงของดยุคก็ดังลอดออกมาจากทางนั้นแล้ว“หัวหน้า ตู้ลี่เจินออกนอกประเทศแล้ว เครื่องเพิ่งออกไป”“ส่งข้อมูลมาให้ฉัน”พูดจบ อวี๋เนี่ยนก็วางสายโทรศัพท์ แล้วต่อสายไปหาเว่ยกังให้เขารีบตรวจสอบทันที ไม่ใช่ว่าให้จับตาดูไว้หรอกเหรอ ทำไมปล่อยให้ออกนอกประเทศไปได้?ระหว่างที่รอสายของเว่ยกัง อวี๋เนี่ยนก็ดูเอกสารที่ดยุคส่งมาให้ไปพลาง ๆ ตู้ลี่เจินใช้ตัวตนปลอม ทำให้พวกเขาไม่ได้รับข่าวตั้งแต่แรกเครื่องบินทะยานขึ้นสู่น่านฟ้าไปสี่สิบนาทีแล้ว เป็นการบินไปยังเมืองหลวงของประเทศอาร์ ระยะเวลาในการบินราวห้าชั่วโมงครึ่งอวี๋เนี่ยนครุ่นคิด จะให้เครื่องบินวกกลับมานั้นเป็นการสร้างความวุ่นวายใหญ่โต ยากจะปิดบังได้อยู่ อีกทั้งเรื่องนี้ยังอยู่ในช่วงการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยิ่งไม่อาจทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้อวี๋เนี่ยนดวงตาเปล่งประกาย นึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนต้องรอข้อมูลที่ชัดเจนจากทางฝั่งเว่ยกัง

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status