Masukตอนที่เสิ่นชิงซูกลับถึงห้องพักผู้ป่วย เสี่ยวอันหนิงก็หลับไปแล้วโม่ไป๋เห็นเธอกลับมาก็ลุกขึ้นยืนทันที “ประธานเสิ่น”เสิ่นชิงซูขานรับเรียบ ๆ “โม่ไป๋ เหนื่อยคุณแล้วนะ”“ประธานเสิ่นเกรงใจไปแล้วครับ เสี่ยวอันหนิงน่ารักมาก เธอยอมเชื่อใจใกล้ชิดกับผม ก็เป็นเกียรติของผมแล้ว” โม่ไป๋พูดพลางก้มหน้าเล็กน้อยเสิ่นชิงซูกล่าว “ใช่ ถึงเสี่ยวอันหนิงจะร่าเริง แต่ที่เชื่อใจและสนิทกับผู้ชายแปลกหน้าที่เจอหน้าไม่กี่ครั้งขนาดนี้ คุณเป็นคนแรก”ดวงตาโม่ไป๋ฉายแววปลาบปลื้มใต้หมวกเขาคิดว่าตัวเองเก็บซ่อนดีมากแล้ว กลับไม่รู้ว่าเสิ่นชิงซูเห็นปฏิกิริยาทั้งหมดของเขานานแล้ว……เสี่ยวอันหนิงนอนโรงพยาบาลห้าวัน โดยรวมเสิ่นชิงซูอยู่เป็นเพื่อนเธอที่โรงพยาบาลตลอดส่วนโม่ไป๋เฝ้าพวกเธอแม่ลูกแบบไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียววันที่หก เสี่ยวอันหนิงหายดีออกจากโรงพยาบาลเสิ่นชิงซูส่งเธอกลับกุยอวิ๋น มอบให้จางอวิ๋นกับป้าอวิ๋นดูแล ส่วนตัวเองก็ไปฮ่วนซิงทันทีแบบไม่ได้หยุดพักเจียงหมี่รั่วเกิดเรื่องแล้ว!เมื่อคืนปาปารัสซี่แฉว่าที่เจียงหมี่รั่วไปต่างประเทศไม่ได้ไปศึกษาต่อ แต่ไปต่างประเทศเพื่อแอบคลอดลูกคนที่แฉข้อมูลพูดเป็นจริงเป็นจ
“งั้นอาโม่ก็ไม่กล้าหาญ~”ดวงหน้าโม่ไป๋อมยิ้ม “ใช่ อากล้าหาญสู้เสี่ยวอันหนิงไม่ได้”“อาโม่เป็นผู้ใหญ่ แพ้เด็ก น่าอายกิ๊ว ๆ นะคะ~”โม่ไป๋เห็นด้วยกับเด็กน้อยอย่างไม่มีเงื่อนไข “ใช่ อาน่าอายกิ๊ว ๆ เสี่ยวอันหนิงเก่งที่สุด”“แหงอยู่แล้ว พ่อหนูก็บอกว่าหนูเป็นเจ้าหญิงน้อยที่เก่งที่สุดเหมือนกันค่ะ~”โม่ไป๋เม้มริมฝีปากครู่หนึ่งจึงถาม “หนูน่ารักอย่างนี้ พ่อหนูต้องรักหนูมากแน่ ๆ”“ชัวร์!” เสี่ยวอันหนิงได้ใจ “พ่อหนูตัวสูงมาก หล่อมาก! หล่อกว่าพ่อของเสี่ยฮวาตั้งเยอะ~ แต่พ่อหนูยุ่งมาก เขาไม่มีเวลาส่งหนูไปโรงเรียนอนุบาล เพื่อนที่โรงเรียนอนุบาลไม่มีโอกาสได้รู้ว่าหนูมีพ่อที่หล่อมาก ๆ!”เรื่องนี้แทบจะเป็นปมในใจของเสี่ยวอันหนิงพอเสี่ยวอันหนิงนึกถึงว่าตัวเองไม่ได้ติดต่อพ่อนานมากแล้ว ก็อดหดหู่ใจไม่ได้“อาโม่ขา หนูคิดถึงพ่อของหนูจังเลยค่ะ!”โม่ไป๋ดวงตาฉายแววเจ็บปวดลูกกระเดือกเขาขยับเล็กน้อย ก่อนจะปลอบโยนเสี่ยวอันหนิง “ถ้าพ่อหนูทำงานเสร็จก็จะมาแล้ว เสี่ยวอันหนิง หนูต้องเชื่อพ่อหนูนะ ให้เวลาพ่อหนูอีกหน่อย”“หนูเชื่อพ่อของหนูค่ะ!” เสี่ยวอันหนิงมองโม่ไป๋ กะพริบตาปริบ ๆ “อาโม่คะ ถึงหนูจะไม่เห็นหน้า
ในตอนที่เสี่ยวอันหนิงตื่นขึ้นมา เสิ่นชิงซูกำลังคุยโทรศัพท์อยู่เธอยืนอยู่ข้างหน้าต่าง หันหลังให้กับเตียงหนูน้อยมองแม่เงียบ ๆ เธอรู้ว่าแม่ยุ่ง แต่เธอหิวน้ำมาก อยากกินน้ำ“แม่คะ...”เสิ่นชิงซูได้ยินเสียงก็หันไป ทว่าประตูห้องพักผู้ป่วยถูกผลักเปิดออก เงาร่างดำเดินฉับเข้ามาถึงเตียงลูกสาวก่อนเธอก้าวหนึ่ง“เสี่ยวอันหนิงจะทำอะไรเหรอ?”เสิ่นชิงซูฝีเท้าหยุดชะงักตามหลัก โม่ไป๋อยู่ในชุดดำปลอด สวมหมวกดำ แมสสีดำ ปิดจนเหลือแต่ดวงตาสองข้าง เด็กเห็นแล้วควรกลัวถึงจะถูกแต่เสี่ยวอันหนิงกลับเชื่อถือโม่ไป๋อย่างไม่มีสาเหตุ“อาโม่ขา หนูอยากดื่มน้ำ~”โม่ไป๋ปรับน้ำเสียงอ่อนลง “ได้ หนูอย่าขยับไปเรื่อยนะ อาจะเทน้ำให้หนูดื่ม”“ขอบคุณค่ะ อาโม่~” เสี่ยวอันหนิงเสียงนุ่มนิ่ม ตัวน้อย ๆ นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เห็นแล้วชวนให้คนสงสารโม่ไป๋ลูบใบหน้าของเธอ ขณะหันไปเตรียมเทน้ำก็สบกับสายตาเสิ่นชิงซูอย่างไม่ทันตั้งตัวเขาชะงัก ดวงตาดำขลับมีแววตื่นตระหนกปราดผ่าน“ผมเห็นว่าคุณกำลังยุ่ง คุณหนูตื่นแล้ว ผมกลัวว่าเธอจะขยับโดนเข็มที่มือครับ”เสิ่นชิงซูสีหน้าเป็นปกติ ยกยิ้มจาง ๆ “ฉันเข้าใจค่ะ”โม่ไป๋ได้ยินก็รู้สึกแปล
“เสี่ยวอันหนิงยังไงก็เป็นคนที่ผมดูแลปรับสภาพร่างกายมากับมือ สภาพร่างกายของเธอผมรู้ดีที่สุด ผมรู้ว่าคุณกลัวจะรบกวนผม แต่เรื่องที่เด็กป่วยต้องมาเป็นอันดับแรก คุณไม่ควรมีความกังวลอื่นอีก”เมื่อได้ยินดังนั้น เสิ่นชิงซูจึงเงียบไปเวินจิ่งซีเดินไปที่ริมหน้าต่าง แล้วลูบหน้าผากของเด็กน้อย “เหมือนไข้จะลดลงหน่อยแล้วนะ”“อืม เมื่อกี้หัวหน้าหลินแวะมาดูอีกรอบแล้วค่ะ บอกว่าตอนนี้สถานการณ์ยังถือว่าใช้ได้”เวินจิ่งซีพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”จิ้นเชวี่ยถาม “เป็นโรคปอดอักเสบเหรอครับ?”“อืม โรคหลอดลมและปอดอักเสบ” เวินจิ่งซีตอบจิ้นเชวี่ยพูด “เดี๋ยวผมตรวจชีพจรให้เธอหน่อย แล้วจะจัดยาจีนมาประคบตามจุดฝังเข็มให้ จะได้หายเร็วขึ้น”“คุณยุ่งขนาดนั้นทุกวัน ไม่ต้องลำบากแล้วล่ะค่ะ”“ก็ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้น” จิ้นเชวี่ยมองเสิ่นชิงซู “อาซู หรือคุณคิดว่าผมจะทำร้ายเสี่ยวอันหนิง?”เสิ่นชิงซูเม้มริมฝีปาก จ้องมองเขา ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอจึงพูดว่า “ฉันเชื่อมาตลอดว่าคุณรักและเอ็นดูเสี่ยวอันหนิงอย่างจริงใจ”‘แต่คุณก็ยังวางยาเสี่ยวอันหนิง’ประโยคหลังนั้น เสิ่นชิงซูอดกลั้นไว้จึงไม่ได้พูดออกไปเวินจิ่งซียืนอยู่ข้าง
หลังจากเสี่ยวอันหนิงฉีดยาแล้ว ไม่นานเธอก็หลับไปเสิ่นชิงซูวางเธอลงบนเตียงผู้ป่วย แล้วดึงราวกั้นเตียงขึ้นเวินจิ่งซีกลับไปเอาของใช้ในชีวิตประจำวันบางอย่างการเข้าโรงพยาบาลของเสี่ยวอันหนิงครั้งนี้ อย่างน้อยก็ต้องอยู่สี่ห้าวันในตอนนี้ ภายในห้องพักผู้ป่วยเหลือเพียงเสิ่นชิงซูและเสี่ยวอันหนิงโม่ไป๋ละสายตาออกไป เขาเฝ้าอยู่หน้าประตูเสิ่นชิงซูมองลูกสาวบนเตียงผู้ป่วย พลางยื่นมือไปลูบใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอครู่ต่อมา เธอก็หันหลังเดินออกไปทางประตูประตูเปิดออกโม่ไป๋ที่อยู่หน้าประตูรีบมองมาทันที เขาถามออกไปแทบจะตามสัญชาตญาณ “เสี่ยวอันหนิงไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ?”เสิ่นชิงซูยืนอยู่ที่ประตูจ้องมองเขาในแววตาของเธอเต็มไปด้วยการพินิจพิจารณาโม่ไป๋พลันระแวดระวังขึ้นมาทันทีเขาก้มหน้าลง กลับมามีท่าทีนอบน้อมอีกครั้ง “ขอโทษครับประธานเสิ่น ผมไม่ควรเรียกชื่อคุณหนูตรง ๆ”“โม่ไป๋”“เชิญพูดได้เลยครับ”“ดูเหมือนคุณจะห่วงลูกสาวของฉันมากนะคะ?”โม่ไป๋ “...คุณหนูน่ารักมากครับ”“เด็กน่ารักมีเยอะแยะไปค่ะ” เสิ่นชิงซูมองเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เด็กน่ารักทุกคนคุณก็จะห่วงใยแบบนี้เหรอคะ?”โม่ไป๋ “...ค
เวินจิ่งซีไปจัดการเรื่องขั้นตอนการนอนโรงพยาบาล ฉินเยี่ยนเฉิงไปส่งแม่ลูกเสิ่นชิงซูที่ห้องพักผู้ป่วยห้องพักผู้ป่วยเดี่ยว ฉินเยี่ยนเฉิงได้บอกกับหัวหน้าพยาบาลไว้แล้ว ให้พวกเธอช่วยดูแลเป็นพิเศษในช่วงสองสามวันนี้เสี่ยวอันหนิงป่วยจนไม่สบายตัว ติดคนและงอแงเป็นพิเศษไข้ขึ้นจนเบลอ พอได้ยินว่าพยาบาลจะมาฉีดยา ก็ร้องไห้งอแงไม่ยอมให้ความร่วมมือเด็ดขาด!เสิ่นชิงซูปลอบไม่ได้ผล เวินจิ่งซีมาก็ไม่ช่วยอะไร“หนูไม่ฉีดยา ฮือ ๆ ๆ...”“ไม่ฉีดก็ไม่หายนะ” เสิ่นชิงซูพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่พยาบาลคนนี้เก่งมากเลยนะ ไม่ต้องกลัวนะ”“ไม่เอา!” แขนเล็ก ๆ ทั้งสองข้างของเสี่ยวอันหนิงกำคอเสื้อของแม่ไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด “หนูไม่ฉีดยา ฉีดยาเจ็บจะตาย!”เวินจิ่งซี “งั้นให้หนูกัดมือป๊ะป๋า ตอนที่หนูเจ็บก็กัดป๊ะป๋านะ แบบนี้ความเจ็บก็จะย้ายมาอยู่ที่ป๊ะป๋าแทน”“โกหก!” เสี่ยวอันหนิงสูดน้ำมูก “หนูต้องการพ่อ แม่คะ โทรหาพ่อให้หนูหน่อย หนูจะให้พ่ออยู่เป็นเพื่อน...”เสิ่นชิงซูอุ้มลูกสาวไว้ ในใจทั้งปวดหัวทั้งจนปัญญาที่สุดตอนที่โม่ไป๋มาถึงห้องพักผู้ป่วย เสียงร้องไห้แทบขาดใจของเสี่ยวอันหนิงก็ดังออกมาจากข้างในเด็กน้อ







