Masukบทนำ
เสียงฝีเท้าม้ากระทบพื้นดินดัง ตึง ตึง ตึง สะท้อนก้องไปทั่วเส้นทางกลางป่ารก รถม้าคันหนึ่งกำลังเคลื่อนผ่านเส้นทางที่เงียบสงัดด้วยจังหวะเชื่องช้า โดยมีสาวใช้ที่นั่งอยู่ด้านหน้ากำลังเหม่อมองเหล่านกบนกิ่งไม้ที่แตกฮือเสมือนสัมผัสได้ถึงลางร้าย
ทันใดนั้น เสียงแหลมของลูกธนูแหวกอากาศก็ดังขึ้นก่อนจะปักลงตรงหน้ารถม้าเพียงไม่กี่ก้าว
ฟิ้วววว!
ม้าสองตัวตกใจสะบัดดิ้น ก่อนจะหยุดชะงักด้วยแรงรั้งจากคนขับพร้อมกลุ่มคนคุ้มกันที่วิ่งตามมายืนล้อมอยู่โดยรอบ
“มีโจร! ระวังตัวด้วย!” เสียงคนคุ้มกันตะโกนลั่น ชักดาบขึ้นเฝ้าระวังในท่าเตรียมพร้อม แต่ยังไม่ทันก้าวเท้าไปสำรวจ เสียงหัวเราะหยาบต่ำก็ดังขึ้นรอบด้าน ก่อนเงาดำหลายสิบจะพุ่งออกจากพุ่มไม้
ชายฉกรรจ์ซึ่งปกปิดหน้าตาในชุดเก่าขาดเปื้อนฝุ่นเห็นเพียงแววตาดุดันกับท่าทางโหดเหี้ยมกระชับคมดาบแวววับใต้แสงอาทิตย์ต่างกรูกันเข้ามาล้อมรถม้าเอาไว้ราวกับฝูงหมาป่ากำลังจ้องจะกินเหยื่อ
และตรงกลาง โจรป่าสามคนซึ่งโดดเด่นที่สุดได้ก้าวนำออกมา
หัวหน้าโจร ‘โจวหาน’ชายร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำ กล้ามแน่น ใบหน้ามีรอยแผลเป็นพาดผ่านดวงตาข้างหนึ่ง แต่ไม่อาจลบความคมเข้มกับแววตาคมกล้าเปิดปากขึ้นคำแรกก็ตะโกนดัง
“ผู้ใดขัดขืน ฆ่าทิ้งให้หมด!”
รองหัวหน้าโจรคนแรก ‘ซ่งเถา’ ชายร่างผอมสูง ผมยาวรุงรัง แววตาเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มบิดเบี้ยว เขากำลังใช้มือหมุนมีดสั้นเล่นไปมาด้วยท่าทางเหี้ยมเกรียมขณะพึมพำ
“หึหึ รถม้างามเช่นนี้ หวังว่าคนด้านในคงงามมากเช่นกัน”
และรองหัวหน้าอีกคน ‘หลัวจิ้ง’ ชายร่างใหญ่ที่สุดทั้งหนาบึกบึนกล้ามเป็นมัด เขากำลังยกกระบองไม้หนามาทุบพื้นดัง โครม! สร้างความสั่นสะเทือนเพื่อข่มขู่
“ส่งของและคนมาให้หมด มิเช่นนั้นข้าจะทุบกระดูกของพวกเจ้าให้แหลกเป็นผุยผง”
คนคุ้มกันที่จ้างมาต่างพยายามกัดฟันตั้งวงสู้ด้วยสำนึกในหน้าที่ แต่เหล่าโจรที่ล้อมแน่นทั้งยังยกดาบและอาวุธชี้หน้าด้วยแววตาดุดันทำให้แทบขยับไม่ได้
เสียงคำรามระหว่างการต่อสู้ดังก้องกังวานพาเหล่านกกาแตกฮือ บรรยากาศยามนี้ช่างอึดอัดดั่งลมหายใจที่ถูกกดทับเต็มไปด้วยความตึงเครียด
“คุณหนู พวกเราจะทำอย่างไรดี?”
คำถามนี้ของสาวใช้ยังไม่ทันได้ตอบ มือสากของโจรสองคนก็พุ่งเข้ามาในรถม้าแล้วกระชากแขนหญิงสาวอย่างรุนแรงเพื่อดึงตัวออกไปจนแทบล้มคว่ำ
‘เมิ่งเจียวเจียว’ คุณหนูใหญ่สกุลเมิ่งกรีดร้องตกใจตามสัญชาตญาณ หางตาของนางเหลือบเห็นเหล่าคนคุ้มกันไม่กี่คนโดนฟาดฟันล้มลงไปกองกับพื้นเกือบทั้งหมดแล้ว จึงพยายามเจรจาอ้อนวอน
“ปล่อยข้านะ อย่าทำอันใดข้าเลย พวกเจ้าต้องการสิ่งใด? สมบัติพวกนี้เอาไปได้ทั้งหมด หรือต้องการมากกว่านี้ข้าจะรีบให้ท่านพ่อส่งมาให้ ขอเพียง...ปล่อยข้าไปเถิด” น้ำเสียงสั่นไหวกับน้ำตาที่เอ่อคลอบนใบหน้างามไม่ได้ทำให้เหล่าโจรสงสาร
กลับกันท่าทางอ่อนแอจนน่ารังแกนั่นยิ่งเร่งให้พวกเขาอยากลงมือโดยเร็ว
“ฮ่า ฮ่า ต้องการสิ่งใดเช่นนั้นหรือ? ก็ต้องการเจ้าอย่างไรเล่า คุณหนูคนงาม” คำตอบและสายตาหื่นกระหายที่มองสบมาทำให้คุณหนูใหญ่เมิ่งใจหายวาบพยายามดิ้นรนอย่างหนักแต่ไม่อาจหลุดรอดจากมือหนาที่แข็งแกร่ง
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!” สุดท้ายหญิงสาวจึงไม่อาจสงบสติกรีดร้องเรียกหาความช่วยเหลือดังก้องป่า
แต่...เหยื่อสาวในเงื้อมมือของโจรป่า ไม่ว่าอย่างไรชะตากรรมก็ดูราวกับจะถูกกลืนกินหายไปในความรกทึบของป่าห่างไกล
“ไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น อย่าได้ตะโกนให้เหนื่อยเลย เก็บแรงไว้ร้องครางยามอยู่ใต้ร่างของพวกเราจะดีกว่า” รองหัวหน้าโจรเอ่ยขัดเสียงร้องโวยวายที่ยิ่งฟังยิ่งแสบแก้วหู
คำพูดของเขาหรือจะเข้าหูของคุณหนูใหญ่เมิ่งด้วยทันทีที่เห็นคนคุ้มกันคนสุดท้ายวิ่งหนีไปแล้วและสาวใช้คนเดียวของนางถูกลากไปรุมล้อมกลางพื้นดิน
สตรีผู้เคยอยู่แต่ในห้องหอจึงสติกระเจิดกระเจิงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกหลับหูหลับตากรีดร้องไม่หยุด
และนั่นจึงทำให้สามผู้นำแห่งค่ายโจรทนไม่ไหวโยนร่างบางลงบนพื้นแล้วตัดสินใจปิดปากนางด้วยลำท่อนที่กระหน่ำระรัวเร็วในทุกช่องทางจนสุดท้ายคุณหนูคนงามไม่อาจทานทนสิ้นใจตายไปทั้งอย่างนั้น
ตอนที่สี่ เลือกจากหน้าตาหรือความใหญ่กันแน่เมิ่งเจียวเจียวที่ยังรู้สึกหวาดกลัวจึงออเซาะด้วยวาจาอ่อนหวานกับกายที่สั่นระริกด้วยน้ำหวานถูกรีดออกมาอย่างต่อเนื่อง“ช่วยเล้าโลมอีกนิดได้หรือไม่ แท่งกายของพวกเจ้าใหญ่โตเหลือเกิน หากมีน้ำมากขึ้นข้าคงเจ็บน้อยลงและไม่ต้องกรีดร้องให้รำคาญใจ”ด้วยต้องการให้หญิงสาวรู้สึกว่าพวกเขาต้องการทะนุถนอมนาง แรงดูดกลืนทั้งบนล่างจึงเร่งรัวจนหญิงสาวสะท้านซ่านหลังแอ่นเกร็ง ร่างกายสั่นระรัวไปตามจังหวะของลิ้นร้อนที่ตวัดแรงรองหัวหน้าหลัวซุกใบหน้ามุดกลางหว่างขาส่งลิ้นร้อนปาดเลียน้ำหวานใสที่ไหลเยิ้มจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบกระทั่งอดทนไม่ไหว หลัวจิ้งจึงลุกขึ้นจับเรียวขาอ้ากว้าง แหวกร่องชุ่มฉ่ำแล้วเตรียมกดท่อนลำเข้าไปเสพสุขเป็นคนแรก“ขอข้าก่อนก็แล้วกัน พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าไม่ไหวแล้วเมิ่งเจียวเจียวที่กำลังหลับตาเสียวซ่านไปกับลิ้นอุ่นที่วนเลียบนเม็ดชมพูกลางเต้าเต่งรีบลืมตาร้องห้ามด้วยน้ำเสียงราวสายฟ้าฟาด“เดี๋ยวก่อน!...”คุณหนูคนงามรีบหันซ้ายหันขวาเพื่อเปรียบเทียบความใหญ่
ตอนที่สาม ทีละขั้นตอนร่างบางแอ่นอกยกเต้าทรวงให้อีกฝ่ายได้บีบความล้นใหญ่จนกระเด้งกระดอนก่อนที่ทั้งปากทั้งลิ้นจะครอบครองความอวบหยุ่นจนกายบางดิ้นเร่าด้วยเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว เมิ่งเจียวเจียวที่ได้รับการดูดกลืนและขบเม้มจากปลายลิ้นและปลายนิ้วที่รุมเร้าทั้งบนล่างย่อมเกิดความกระสันซ่านคล้อยตามไปไม่น้อยอื้อ...ความรู้สึกนี้ช่างไม่เหมือนคราวก่อนคราวที่แล้วเหตุใดพวกเขาจึงใจร้อนไม่เล้าโลมนางสักหน่อย จะได้ไม่เจ็บปวดเช่นนั้นอืม...อ้า...เสียว...มิน่าล่ะ ยามแอบเห็นอนุของท่านพ่อแอ่นร่างเด้งกาย เสียงกรีดร้องจึงสั่นกระเส่านัก เมิ่งเจียวเจียวได้รับการปรนเปรอจนเคลิบเคลิ้มล่องลอยแทบหลงลืมไปว่านางกำลังโดนปล้นชิงความบริสุทธิ์ของสตรีในห้วงที่เสื้อผ้าซึ่งเกะกะถูกกระชากออกจนร่างเปลือยเปล่าเผยความงดงามเต็มสองตา โจรหนุ่มทั้งสามต่างพากันถอนริมฝีปากเงยหน้าขึ้นแสยะยิ้มอย่างโง่งมพลางเอ่ยคำชื่นชม“งดงามยิ่ง”พวกเขาพากันกลืนน้ำลายไปหลายอึกด้วยท่อนกลางกายที่แข็งตั้ง สายตาเฝ้าเหลือบมองกลีบชมพูซึ่งมีน้ำใสไหลทะลักออกมาไม่ขาดสายหลัวจิ้งที่เงยหน้าขึ้นเห็นเนินสามเหลี่ยมอวบอูมลอยล่อตาอยู่ตรงหน้าจึงเปลี่ยนมาใช้นิ้วมื
ตอนที่สาม ทีละขั้นตอนพวกเขาย่อมไม่คาดว่าคุณหนูคนงามจะโอนอ่อนผ่อนตามทั้งยังบิดร่างเกือบเปลือยส่งสายตายั่วยวน แม้จะมีเงื่อนไขเล็กน้อยแต่เพียงทำตามก็ไม่ยากลำบากเท่าใดสามผู้นำจึงรีบใช้มีดเล็กจัดการโกนหนวดเคราจนบาดใบหน้าเป็นแผลไปหลายจุด จากนั้นจึงกระโจนลงลำธารเล็กหลังบ้านแล้วลูบล้างอย่างลวกๆ ก่อนจะแย่งกันวิ่งเปลือยกายอวดดุ้นลำที่ตั้งผงาดกลับมาเสนอหน้าที่ข้างเตียงนอนชายหนุ่มทั้งสามคนต่างเติบโตขึ้นโดยการเลี้ยงดูจากหัวหน้าค่ายโจรคนก่อน พวกเขาถูกเก็บมาในเวลาไล่เลี่ยกันและได้รับการสั่งสอนให้ผูกพันกลมเกลียวดั่งพี่น้อง เมื่อโตขึ้นจึงสาบานเป็นพี่น้องกันโดยสัญญาว่ามีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้านดังนั้น หากจะมีสตรีสักคน พวกเขาย่อมต้องช่วยกันเสพสุขให้สาสมใจเมิ่งเจียวเจียวเห็นร่างเปียกโชกที่พากันเข้ามารุมอยู่ข้างเตียงแล้วจึงยินยอมอ้าขาเผยร่องกุหลาบสีแดงสดทั้งเด้งทรวงอกอันเต่งตึงเพื่อให้พวกเขาได้ลิ้มลองรสชาติของคุณหนูสูงศักดิ์“โอ้!...พี่ใหญ่เรือนร่างของนางช่างน่าจับยัดดุ้นลำเข้าไปนัก ดูสิ ยอดเต้าทรวงสีชมพูน่าเลียยิ่ง ช่องทางด้านล่างนั่นสีแดงสดช่างน่ากินเหลือเกิน”เห็นท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือราวจะกร
ตอนที่สอง เร็วเข้าสิข้าอยากสุขสันต์แล้ว ด้านใน เมิ่งเจียวเจียวใช้เวลานั่งปลุกปลอบตนเองอยู่ในรถม้าด้วยยังไม่หายตื่นตระหนกกับการตัดสินใจเสี่ยงตายเมื่อครู่โชคดีที่หัวหน้าผู้นั้นยังยอมทำตาม เมื่อแรกฟื้นตื่น นางคิดว่าจะใช้วาจาอ่อนหวานออดอ้อนขอความเห็นใจเพื่อเอาตัวรอดแต่เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่นางอ้อนวอนจนเสียงแหบแห้งพวกเขาก็ยังไร้ความปรานี หญิงสาวจึงเปลี่ยนความคิดใหม่โดยใช้ความงดงามกับความแปลกที่แตกต่างล่อหลอกให้พวกเขาเดินไปตามทางพวกเขาย่อมคุ้นเคยกับการใช้กำลัง อาวุธ และอำนาจในการออกคำสั่งทั้งข่มขู่ให้ฝ่ายที่อ่อนแอกว่าทำตามเพื่อรักษาชีวิตรอด หากได้พบสตรีที่ไม่เกรงกลัวทั้งยังกล้าเอาแต่ใจย่อมไม่คิดไม่ฝันและคล้อยตามโดยง่ายเฮ้อ!...แต่จะอย่างไรก็คงหนีไม่พ้นการโดนพร่าพรหมจรรย์และต้องรวมร่างกับพวกเขาเอาเถอะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกกระหน่ำบนพื้นดินที่แข็งกระด้างอย่างน่าอนาถหญิงสาวพยายามทำใจว่าคงไม่อาจหลีกพ้น เพียงวาดหวังให้มีความสุขไปกับการสอดใส่โดยไม่ต้องเจ็บปวดจนเกินไปเท่านั้นเฮ้อ!...จะสามารถเปลี่ยนการขัดขืนให้กลายเป็นความสุขสันต์หรรษาได้หรือไม่นะ?ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยามจึงถึงค่ายโจรที่เป
ตอนที่สอง เร็วเข้าสิข้าอยากสุขสันต์แล้ว หลัวจิ้งเห็นเช่นนั้นจึงยกกระบองไม้ทุบพื้นดัง โครม! สร้างเสียงดังสั่นสะเทือนเพื่อข่มขวัญหญิงสาว พลางหรี่ตาเย็นชาแล้วก้าวเข้ามาใกล้“เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดกับผู้ใด ช่างไม่เคยตาย!”แทนที่จะแสดงท่าหวาดกลัว แต่คุณหนูสกุลเมิ่งกลับหันมองตาขวางแล้วตอบโต้ฉะฉาน“เหตุใดจะไม่รู้ว่าพวกเจ้าคือ โจรป่าที่คิดปล้นขบวนเดินทางของข้า แล้วอย่างไร? ปล้นก็ปล้นแล้ว ทรัพย์สินก็มีเท่าที่เห็น ส่วนข้า...อืม...พวกเจ้าคงต้องเล่นสนุกจนสมใจสินะได้...แต่ก่อนอื่นพวกเจ้าควรต้องตามใจข้าสักหน่อย ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคุณหนูสูงศักดิ์ เสียความบริสุทธิ์ทั้งทีควรหาสถานที่ดีกว่านี้อ้อ...ข้าจะบอกอีกอย่าง หากพวกเจ้าทะนุถนอมเอาใจข้าสักหน่อยรับรองว่าจะคล้อยตามไม่ดิ้นรนให้ขัดใจ เช่นนี้ดีหรือไม่”เสียงนกกาที่บินวนบนกิ่งไม้คล้ายเงียบลงไปชั่วขณะด้วยเหล่าโจรต่างไม่คาดคิดว่าจะได้การตอบรับอย่างเข้าใจจากผู้เป็นเหยื่อซึ่งยังคงเชิดหน้าไม่ได้มีอาการสั่นกลัวหรือโวยวายใดทั้งสิ้น“เจ้า…ไม่กลัวพวกข้าเลยหรือ?” ซ่งเถาซึ่งถอยไปยืนอยู่ด้านหลังอดสงสัยไม่ได้จึงยื่นหน้ามาถามแต่กับโดนตอกกลับ“เหตุใดต้องกลัว ข
ตอนที่หนึ่ง ฉุดนางลงมาแม้จะขาสั่นและรู้ตัวว่าโดนทิ้งแน่แล้ว แต่เมิ่งเจียวเจียวยังก้าวลงมาอย่างชดช้อยเผยเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นกับใบหน้าอ่อนเยาว์และแววตาที่แฝงความหยิ่งยโสตามประสาคุณหนูสูงศักดิ์สายตาของกลุ่มโจรสว่างวาบ เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตะลึงงันไปกับร่างเล็กที่เปล่งประกายกลางป่าเขาผมยาวสีดำเงางามสยายราวสายน้ำที่ไหลผ่านโขดหิน ดวงตากลมโตสีดำเข้มเจิดจ้าราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนที่ขยับเพียงครั้งเดียวก็สามารถสะกดสายตาผู้คนได้ทั้งค่ายโจรภาพคุณหนูคนงามที่เดินลงมาบิดกายปัดฝุ่นกระโปรง จัดชุดเสื้อที่ยับย่น ช่างแฝงไว้ด้วยความสง่างามและเย้ายวนอย่างน่าประหลาดหัวหน้าโจรทั้งสามจึงชะงักค้างไปด้วยความตื่นตาราวถูกมนตร์สะกดครั้นเริ่มรู้สึกตัวโจวหานจึงแสยะยิ้มกว้าง ขณะหลัวจิ้งแววตาลุกวาวหัวเราะเสียงแหลม“ฮ่าๆๆ ของดีจริงๆ คราวนี้ต้องสนุกแน่ นับว่าผู้ว่าจ้างไม่ได้หลอกพวกเรา”โจวหานในฐานะหัวหน้าตัดสินใจเดินเข้ามากระชากแขนคุณหนูคนงามจนแทบเซล้มพลางตะโกนโอ้อวด“ใช่แล้ว นี่แหละ...สมบัติชิ้นงามที่พวกเรารอคอย ฮ่า ฮ่า”ขณะกำลังฮึกเหิมจู่ๆ เสียงกรีดร้องของคุณหนูก็ดังลั่นจนป่าสะเทือน“โอ๊ย







