ปึก
บรึ้น "ไอ้หมอบ้า หากจะไม่ไปส่งถึงบ้านทำไมไม่บอกแต่ครั้งแรกเล่า" โทสะมีมากจนเธอต้องโพล่งเสียงตามหลังรถของเขา ลี่ถิงยืนหันหน้าหันหลังหากจะโทรไปหาพ่อก็น่าจะเกิดปัญหาแน่ เธอตัดสินใจเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านแทน หมอซางกลับมาที่โรงพยาบาลใบหน้าของหมอค่อนข้างเครียดเพราะรายงานที่ต้องสรุปการส่งนั้นเกิดปัญหาเล็กน้อย อีกทั้งตัวเองก็เป็นถึงหนึ่งในผู้บริหารโรงพยาบาล หากเกิดข้อผิดพลาดอาจจะทำให้โรงพยาบาลเดือดร้อนได้ ระหว่างที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูที่แฟ้มปึกใหญ่ เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น ครืด ครืด หมอซางเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เขา แต่ก็ไม่ได้มองดูเบอร์ว่าใครที่โทรเข้ามา เมื่อกดรับเท่านั้น ( หมอซางได้ยินข่าวว่านายจะแต่งกับยัยมารร้ายลี่ถิงเหรอ) "ไปได้ข่าวมาจากไหน" (วงในเขาลือกันทั่ว ตระกูลจางถือว่าฉลาดพอตัวที่เอาลูกสาวมาถวายตระกูลซู) "เหอะ เรื่องนี้เป็นเพราะตงหยางแท้ ๆ ที่ทำให้ฉันต้องเดือดร้อน" (นายจะมาโทษพี่ใหญ่ได้ยังไง ก็เรื่องทั้งหมดยัยลี่ถิงเป็นคนก่อขึ้นทั้งนั้น แต่ก็เอาเถอะเธอเองคงสำนึกแล้วละ หวังว่านายจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงเธอแล้วกัน) "ตงฉิน หากนายโทรมาเพื่อพูดเรื่องนี้ละก็แค่นี้นะ" ตื๊ด ๆๆ หมอซางถึงขั้นหัวเสีย จากเดิมก็เครียดเรื่องงานอยู่แล้วเพื่อนยังโทรมาล้อเรื่องงานแต่งที่ตนปฏิเสธยากอีก ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิด จากแฟ้มที่กางออกกว้างก็ต้องปิดมันลงทันที "บ้าจริง" เสียงเขาสบถขึ้นอีกครั้ง พร้อมกุมขมับตัวเองแน่น หากไม่ใช่เรื่องโรงพยาบาลที่พ่อเอามาเป็นเครื่องมือ มีหรือคนอย่างเขาจะยอม ส่วนจางลี่ถิงเธอนั่งรถแท็กซี่มาถึงที่บ้านเมื่อลงจากรถคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอก็คือแม่ของเธอ "ถิงถิง ทำไมได้นั่งแท็กซี่มาละลูก" "ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่" "หมอซางไปไหนละ ทำไมไม่มาส่งหนูถึงบ้าน" "อย่าถามถึงเขาเลยค่ะ" เธอตอบแม่ด้วยอาการหน้าเหวี่ยงเล็กน้อย พร้อมทั้งใบหน้าที่บูดบึ้งของเธอ ก็มันน่าโมโหที่หมอหนุ่มไล่เธอลงกลางทางแบบไม่ไยดี แถมยังไม่คิดที่จะเป็นห่วงความปลอดภัยเธออีก "แม่ขอโทษนะ ที่ทำให้หนูเป็นทุกข์" "แม่ค่ะ แม่จะมาขอโทษหนูทำไม หมอซางต่างหากที่ผิด คอยดูนะหนูจะไม่ง้อเขาสักคำ คิดว่าเขาเหนือกว่าเราจะทำอะไรก็ได้คนแบบนั้นหนูเองก็ไม่อยากแต่งด้วย" เธอพูดตัดพ้อเพราะน้อยใจที่ผู้ชายคนนั้นคนที่กำลังจะมาใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอไม่หวงความรู้สึกเธอสักนิด จริงอยู่ว่าเธอไม่ใช่คนดีอะไรทุกอย่างเกิดจากเธอ ทว่าเธอเองก็พร้อมปรับปรุงตัว แต่ทำไมเขาไม่ยอมให้โอกาส ลี่ถิงกระแทกเท้าหนัก ๆ เดินขึ้นบ้านด้วยท่าทีหงุดหงิดปนโมโห เมื่อเข้ามาในห้องเธอก็เหวี่ยงกระเป๋าแบรนด์เนมใบเล็กคู่ใจลงกับที่นอนกว้าง แล้วเดินมานั่งโซฟาอีกตัวที่อยู่ภายในห้องนอนหรู "คิดว่าตัวเองวิเศษอยู่หรือไง ไอ้หมอโรคประสาท" ที่จริงหมอซางก็ไม่ใช่หมอโรคประสาทอย่างที่เธอด่าหรอกนะ แต่หมอเป็นหมอตรวจโรคทั่วไปมากกว่า แต่ที่ต้องด่าคงอยากระบายมันออกมา ฮัดชิ้วว หมอซางเอนหัวพิงพนักเก้าอี้แต่อยู่ ๆ ก็จามออกมาเสียแบบนั้น ไม่รู้ว่าเป็นหวัดเพราะร่างกายพักผ่อนหน่อย หรือเพราะลี่ถิงกำลังด่าอยู่กันแน่ วันต่อมา โรงพยาบาลมีประชุมระดับผู้บริหาร ส่วนเรื่องที่ประชุมในรอบเช้าของวันนี้ก็คงเป็นเรื่องการพัฒนาโรงพยาบาลให้ก้าวล้ำนำสมัยการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การแพทย์หลาย ๆ อย่าง การพัฒนาบุคลากรของโรงพยาบาลด้วย เรียกได้ว่าเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ หมอซางหน้านิ่วคิ้วขมวดเดินออกมาจากห้องประชุม ยังไม่ถึงห้องพักด้วยซ้ำ หมอสาวที่เป็นเพื่อนสนิทของหมอก็เดินเข้ามาทัก "ประชุมหนักหรือคะหมอ หน้ายับมาเลย" "นิดหน่อยครับ ทำเอาเครียดพอตัว" "หมอซางเก่งมากนะคะ เรียนรู้อะไรได้หลาย ๆ อย่าง" "แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีนะ เพราะมันเหนื่อย" หมอซางยิ้มร่าในรอบหลายวันที่เอาแต่หน้าบึ้ง หมอสาวคนสวยที่มีชื่อว่า มู่หลัน เป็นหมอสูติแต่ถือว่าเป็นหมอหญิงคนเดียวที่หมอซางสนิทที่สุดจนพยาบาลหลายคนคิดว่าหมอจะต้องชอบพอกับหมอมู่หลันเป็นแน่ "ประชุมเสร็จก็เที่ยงพอดี เราไปหาอะไรทานกันไหมคะ" "งั้นรอผมสักครู่นะ ขอกลับไปเอาของที่ห้องก่อน" "เจอกันที่รถเลยนะคะ" "ครับ" หมอหลันหันหลังเท่านั้นหมอซางก็มองเธอแล้วยิ้ม แววตาของหมออาจจะดูวางเปล่าไม่ได้คิดอะไร แต่คนที่หันหลังไปเมื่อครู่รู้สึกว่าแววตาจะประกายกล้าอย่างอ่อนหวาน ทั้งคู่นัดกันที่รถ เมื่อหมอซางมาแล้วก็ไม่รอช้ารีบไปที่รถของตัวเองที่หมอหลันยืนรออยู่ "ขอโทษนะที่ให้รอนาน พอดีผมเคลียร์เอกสารบนโต๊ะอยู่" "ไม่เป็นไรค่ะ" แทรกร่างขึ้นไปนั่งหมอเป็นคนขับ ส่วนร้านอาหารที่มาทานก็ไม่ได้ไกลจากโรงพยาบาลเท่าไรนัก หมอหลันและหมอซางจอดรถที่ลานจอดจากนั้นก็เข้าไปในร้าน หนุ่มหล่อร่างสูงกว่าร้อยเก้าสิบ สามเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวไร้เสื้อกาวน์ขาวสะอาดมาสวมทับแต่เชื่อเถอะว่าความหล่อของหมอก็สะกดตาสาวหลาย ๆ คน "ดีนะคะที่ร้านนี้คนไม่เยอะ" เป็นหมอหลันที่พูดขึ้นหญิงสาวร่างเล็กใส่ชุดกระโปรงคลุมเข่าน่ารัก ผมยาวดกดำใบหน้าจิ้มลิ้มหากจะบอกว่าหมอหลันเป็นคนตัวเล็กก็น่าจะถูก ระหว่างที่เลือกเมนูอาหารอยู่นั้น ใครจะไปคิดว่าโลกมันจะกลมร้านอาหารมีมากแต่ว่าที่คู่หมั้นของหมอก็ดันมาที่ร้านเดียวกัน "ถิงถิง ไปนั่งตรงนั้นไหม" หนิงเอ๋อชวนเพื่อนเดินเข้าไปข้างใน ระหว่างที่สายตากวาดมองไปทั่วร้าน ลี่ถิงก็เจอคุณหมอหนุ่มว่าที่คู่หมั้นกำลังก้มเลือกเมนูอาหาร เธอยิ้มขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะจูงมือเพื่อนเข้าไปนั่งโต๊ะติดกับหมอซาง "เอ๊ะ นั้นหมอซางนี่" หนิงเอ๋อพูดขึ้นเหมือนตกใจที่บังเอิญเจอ "ก็ใช่ไง เมื่อคืนทำฉันไว้แสบมาก มากับสาวซะด้วย"ริมฝีปากหว่านพรมไปทุกสัดส่วน อีกมือก็ลูบไล้ไปตามผิวเนื้อ จนลิ้นอุ่นเลียมาถึงยอดเชอรี่สีหวานก่อนจะดูดดึงหนัก ๆ "อ๊ะ" ร่างกายของเธอสะดุ้งตามเล็กน้อยยอดดอกชูชันขึ้นมาราวกับรอคอยการปลุกเร้า แค่เห็นอย่างนั้นก็เพิ่มอารมณ์ชายในร่างได้เป็นอย่างดีมือหนาเริ่มไล่ระดับต่ำลงมาเรื่อย ๆ จนมาถึงเนินอวบอิ่ม เพียงแค่เขาสัมผัส เธอก็สะดุ้งตัวตามแล้ว"ฮึก อ๊า หมอซาง" เธอรู้สึกอายแต่วินาทีนี้ไม่อาจจะข่มใจได้ คงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ใจปรารถนาแค่สัมผัสจุดอ่อนไหวก็รับรู้ได้ว่า ความต้องการของเธอมันถึงขีดสุด น้ำสีเหลวไหลออกมาจนชุ่มราวกับน้ำหล่อลื่นชั้นดี รู้ทั้งรู้ว่าเธอต้องการมันมากแค่ไหนแต่เขาก็เหมือนจะแกล้งเธออยู่ร่ำไป หมอซางไม่ได้สอดอวัยวะที่พองโตเต็มที่เข้าไปสัมผัส แต่กลับใช้เพียงนิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปสำรวจ"อ๊ะ" ภายในอุ่นอย่างบอกไม่ถูกแถมมันยังหดเกร็งบีบรัดนิ้วมือเขาแน่น ทำเอาความรู้สึกชายตอนนี้มันวิ่งพล่าน จนต้องกัดฟันแน่น"อื้อ อืม ตรงนั้น มัน " เธออยากบอกว่าเสียวซ่านใจแทบขาดเพียงแค่นิ้วเรียวของเขาแทรกลึกลงไปพร้อมทั้งขยับเข้าออกเบิกทางให้รับท่อนเอ็นที่แข็งขืนตอนนี้เสียงเปียกลื่นของเหลวจากเรีย
หมอซางตามฉีเกอมาทางห้องน้ำ แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเขากำลังพยุงร่างของจางลี่ถิงให้ลุกขึ้นเหมือนเตรียมท่าจะออกไปจากตรงนี้เห็นท่าว่าจะไม่ดี จริงอยู่ว่าหมอไม่ชอบเธอเท่าไรนักแต่ก็ไม่อาจจะทนเห็นเธอตกอยู่ในอันตรายได้ "ขอโทษนะครับ" ฉีเกอหันมามองตามเสียงเพียงแค่เห็นหมอซางใบหน้าเขาก็ซีดเผือดขึ้นทันที"หมอซางคุณก็มาที่นี่ด้วยเหรอ""ผมมารับเธอกลับบ้าน" ลี่ถิงในตอนนี้เธอดูหื่นหอบเริ่มเม้มริมฝีปากแน่น หมอซางเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจจากนั้นก็รีบไปดึงตัวเธอมาซบที่อกตัวเอง"เอ่อ งั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน" ฉีเกอคงรู้ชะตาตัวเอง หากฝืนอยู่นานมีหวังถูกจับได้ว่าตัวเองเป็นคนวางยาจางลี่ถิงหมอซางพาจางลี่ถิงมาที่รถระหว่างที่พยุงร่างของเธอแทรกเข้าไปในนั้น ลี่ถิงก็ดึงหมอมาจูบอย่างชนิดที่ว่าห้ามตัวเองไม่อยู่ฮึก"ทำบ้าอะไรของเธอ" หมอซางตั้งสติได้รีบผละใบหน้าออกมายืนตัวตรง ในขณะที่ร่างของลี่ถิงอ่อนปวกเปียกดวงตาฉ่ำปรืออยู่แบบนั้น"หมอช่วยฉันด้วย" เธอรู้ว่าไม่อาจควบคุมตัวเองได้ร่างกายมันร้อนผ่าวไปหมด ส่วนหมอซางก็รู้ว่าเธอโดนวางยาจริง ๆ เมื่อยืนมองอยู่สักพักก็รีบขึ้นไปที่ฝั่งคนขับเคลื่อนรถออกจากที่ วินาทีที่คิดอะไร
"หมอซางนั่นคู่หมั้นนายหรือเปล่า" หนึ่งในเพื่อนหมอทักขึ้นเมื่อเห็นร่างอรชรในชุดเกาะอกสีแดงกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนของเธอ ทำเอาหมอซางต้องหันมามองจากนั้นก็หลบสายตาไป เหมือนกับว่าหมอไม่ได้เห็นความสำคัญเธออยู่แล้ว"นายจะไม่เข้าไปทักเธอหน่อยเหรอ""คงไม่จำเป็น อีกอย่างเธอก็มากับเพื่อน" ช่างเป็นคู่หมั้นที่ไม่เหมือนคู่อื่น ๆ สักนิดสิ่งที่หมอแสดงออกตอนนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย ส่วนหมอหลันเธอไม่รู้หรอกว่าสาเหตุที่แท้จริงที่หมอซางยอมหมั้นเพราะอะไรกันแน่อย่าว่าแต่กลุ่มของหมอซางที่เห็นจางลี่ถิง หนิงเอ๋อก็ตาดีไม่ใช่หน่อยขนาดไฟสลัววิ๊บวั๊บก็ยังอุตส่าห์เห็นหมอซางหน้าหล่อนั่งอยู่"ถิงถิง นั่นคู่หมั้นเธอไม่ใช่หรือไง" หนิงเอ๋อโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูเพื่อน ทำให้จางลี่ถิงต้องหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเขาจริง ๆ เธอก็หันกลับมาพร้อมกระซิบตอบเพื่อน"ช่างเขาเถอะ เขาเองก็คงไม่สนใจฉันหรอกเราต่างคนต่างมาอย่าไปสนใจเขาเลย" เมื่อพูดแบบนั้นก็ยกค็อกเทลขึ้นมาจิบ โดยไม่สนใจหมอซางที่นั่งอยู่อีกฟากฝั่งเวลาผ่านไปสักพักจางลี่ถิงดูท่าจะได้ที่แอลกอฮอล์ในร่างเริ่มทำงาน ดวงตาเริ่มพร่ามัวเล็กน้อยจนเธ
ไม่เสียแรงที่หมอซางได้พยายามทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคไม่ได้จนได้รับคัดเลือกไปฝึกอบรมยังโรงพยาบาลต่างอำเภอต้องเรียกว่าแหล่งชนบทเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่การไปครั้งนี้หมอไม่ได้ไปคนเดียวทางโรงพยาบาลยังส่งหมอมู่หลันไปกับหมอซางด้วย ทำให้เรื่องนี้ถึงหูลี่ถิงในฐานะคู่หมั้นในขณะที่ร่างอรชรกำลังยืนตรวจความเรียบร้อยของหุ่นภายในร้าน ที่พึ่งได้เสื้อผ้าตัวใหม่มาโชว์ เสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่โพล่งขึ้นชัดเจน"ถิงถิง""แม่ มาได้ยังไงคะ" เธอหันมาแล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย ปกติแม่ของเธอจะไม่ค่อยมาหาที่ร้าน แต่วันนี้แม่ดันมาแสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน"ก็พ่อของลูกนะสิ ได้ข่าวมาว่าหมอซางจะไปอบรมที่ชนบท อีกอย่างต้องไปกับหมอผู้หญิงด้วย พ่อคงไม่ไว้ใจ""อย่าบอกนะคะว่า ที่แม่มาเพราะอยากให้หนูไปกับเขา หนูไม่ว่างหรอกค่ะ อีกอย่างอาทิตย์นี้เขาจะมีงานแฟชั่นโชว์หนูต้องไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า""แต่""แม่คะ หมอซางเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำหมั้นกันมาก็หลายวัน ตั้งแต่วันหมั้นเขาไม่เคยโผล่หัวมาเลย อีกอย่างนะหนูเองก็ไม่ได้ชอบอะไรหมอซางนั่น ที่ต้องทำเพราะหนูรู้สึกผิด แม่หากหนูกอบก
#งานหมั้นไม่คิดเลยว่าเวลาจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้ เพียงสองอาทิตย์ที่ลี่ถิงได้ทำงานที่ตัวเองรักเกือบเสร็จและยังทำการตัดเสื้อผ้าตัวเองและเสื้อผ้าหมอซาง เพื่อที่ใช้ในพิธีหมั้นจนเสร็จบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ระดับสองตระกูลดังเกี่ยวดองทั้งที มีหรือจะไม่ใหญ่โตจางลี่ถิงสวมชุดกี่เผ่าสีแดงม้วนผมปักเครื่องประดับด้วยมุข แม้จะดูเรียบแต่เธอก็ยังสวยสง่าดั่งนางพญาก็ว่าได้ ปากที่แดงเข้ากับชุดบวกกับผิวที่ขาวดุจไข่มุกมันยิ่งส่งเสริมกันไม่น้อย ส่วนหมอซางเขาเองก็อยู่ในชุดกึ่งสมัยนิยมสวมเสื้อสูทสีอ่อนดูหล่อสง่าเช่นกันทั้งคู่ยกน้ำชาตามประเพณีมีสวมแหวนเพชรเม็ดงาม แต่เชื่อเถอะว่าคู่บ่าวสาวคู่นี้ไม่มีแม้รอยยิ้มใด ๆ หากจะบอกว่าเขาทั้งสองไม่เคยสร้างความหวานใด ๆ เหมือนคู่อื่นก็น่าจะถูก มีแต่รอเวลาที่จะหมั้นให้เสร็จ ๆ ไปก็เท่านั้นเอง"นี่ยายแจ๋น งานหมั้นพี่ชายทั้งทีทำไมไม่ยิ้มหน่อยละ" คนที่ถือแก้วไวน์เดินเข้ามาคุยกับซูซ่านก็คือตงฉิน แน่นอนว่าเขาได้รับเชิญในนามตระกูลกู้ ส่วนตงหยางคงไม่ต้องบอกแม้เชิญเขาก็ไม่มา อีกอย่างตระกูลซูก็รู้ดีว่าระหว่างตระกูลจางกับตงหยางมีปัญหากันอยู่"จะให้ฉันยิ้มได้ยังไง คนที่ย
ห้องเสื้อLEETHINGเย็นของวันนี้ขณะที่ลี่ถิงกำลังง่วนอยู่กับแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอเองต้องรับผิดชอบ หญิงสาวขะมักเขม้นอย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเธอกลับมาได้เช่นกันระหว่างนั้นเองชิงชิงเด็กในร้านก็เดินเข้ามาพร้อมประโยครายงานที่ราบเรียบ"คุณลี่ถิงค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ""ใคร""ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ แต่ท่าทางดูดีหล่อด้วยค่ะ" ประโยครายงานของพนักงานในร้านทำเอาลี่ถิงย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเธอไม่เคยมีแขกผู้ชายมาขอพบ หากจะมีก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของทางร้านเมื่อวางทุกอย่างที่ถืออยู่ไว้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าออกไปจากห้องส่วนตัว แต่ชายร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้เธออยู่นั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา หมอซาง"คุณมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกของลี่ถิงทำเอาหมอซางที่ยืนหันหลังอยู่ต้องหันหน้ามามอง"นี่เป็นประโยคเด็ดของทางร้านงั้นเหรอ ปกติเขามีแต่ยินดีที่ลูกค้าเข้าร้าน" คำพูดที่แสนเย็นชาบวกกับใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาลี่ถิงต้องยกมือมากอดอกตนเองไว้แน่น มองเขาด้วยความสงสัย"พ่อฉันบอกว่าให้มาตัดชุดวันงานหมั้น""ตัดชุด?" ลี่ถิงถามย้ำอีกครั้ง เธอแปลกใ