ก่อนหน้านี้ พอรู้ว่าคนที่เขียนบทความฉบับหนึ่งที่ตนเองได้มีโอกาสตรวจสอบจนเกิดความเทิดทูนเป็นอย่างยิ่งนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคจากฉางโม่ เพื่อให้ได้เจอหรงฉือและอวี้มั่วซวิน สมิธถึงขั้นกำชับกับเธอเป็นพิเศษตอนที่จะบินกลับมาประเทศอีกครั้ง ว่าถ้าตอนที่เธอกลับประเทศมาเมื่อปีที่แล้วได้เข้าไปทำงานในฉางโม่ เธอต้องก้าวหน้ามากแน่นอนตอนนั้นเธอเห็นด้วยอย่างยิ่ง และคิดว่าการที่หรงฉือขัดขวางไม่ให้เธอได้เข้าไปอยู่ในฉางโม่นั้น ทำให้เธอพลาดโอกาสสำคัญที่จะพัฒนาตัวเองไปทว่าตอนนี้ การได้เห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่าหรงฉือที่อยู่ข้างกายอวี้มั่วซวินมาเป็นเวลาไม่ถึงหนึ่งปีเจริญก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้ เธอถึงได้รู้สึกตัว สิ่งที่เธอพลาดไป บางทีอาจจะมากกว่าที่เมื่อก่อนเธอเคยจินตนาการไว้เสียอีกด้วยถึงอย่างไรแล้ว นอกจากอวี้มั่วซวิน ก็ยังมีหนานจื้อจืออีกศักยภาพของหนานจื้อจือนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ตำแหน่งของเขาในตอนนี้ทำให้เขาได้รับข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนที่สุด ใหม่ที่สุดและสำคัญที่สุดของวงการเอไอเป็นคนแรกสิ่งนี้มีบทบาทในความก้าวหน้าของอวี้มั่วซวินกับหรงฉือเป็นอย่างมากก็อย่างที่แม่ของเธอคิด หากตอนแรกเธอเข้
หลังจากหรงฉือ อวี้มั่วซวิน พร้อมด้วยศาสตราจารย์หลิวและคนอื่น ๆ กล่าวทักทายกันเรียบร้อยแล้ว งานสัมมนาก็เตรียมเริ่มต้นอย่างเป็นทางการหรงฉือกับอวี้มั่วซวินถูกจัดให้นั่งที่นั่งแถวแรก ตำแหน่งใกล้ ๆ กับตรงกลางส่วนหลินอู๋นั้นนั่งอยู่ในแถวที่สองในฐานะที่เป็นบุคคลตัวอย่างรุ่นใหม่ หรงฉือกับอวี้มั่วซวินจึงได้รับเชิญขึ้นเวทีไปแบ่งปันความรู้ วิธีการและประสบการณ์การวิจัยให้แก่นักศึกษาด้านล่างเวทีได้เรียนรู้หลังสิ้นสุดการกล่าวปาฐกถาในส่วนนี้ ก็เข้าสู่ช่วงการพูดคุยแลกเปลี่ยน นักวิชาการอาวุโสในงานสัมมนาต่างออกตัวเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับหรงฉือและอวี้มั่วซวินก่อนนักวิชาการพวกนี้ ค่อนข้างมีชื่อเสียงในประเทศ พวกเขาต่างมีทิศทางการวิจัยเป็นของตนเองทั้งสิ้นไม่ว่าจะคุยเรื่องโครงข่ายประสาทเทียมแบบคอนโวลูชัน หรือเอไอแบบมีตัวตน หรือมัลติโมดัลอินเตอร์แอคชัน หรือไม่ก็ด้านอื่น ๆ หรงฉือล้วนตอบกลับไปได้อย่างเชี่ยวชาญ ทั้งในส่วนของความบกพร่องของโมดัลเหล่านั้นที่ทำให้นักวิชาการเหล่านี้ลำบากใจ เรื่องประสิทธิภาพในการประมวลผลหรือปัญหาอื่น ๆ หรงฉือก็เสนอวิธีการและคำแนะนำของตนเองออกไป ทำให้ดวงตาของเหล่านักวิชากา
ครั้นพูดเรื่องเหล่านี้จบ หรงฉือกับอวี้มั่วซวินจึงพูดคุยเรื่องงานกันอีกครั้งไม่นานหลังจากนั้น ศาสตราจารย์หลิวก็โทรเข้ามาหาเธอ ถามเธอว่าอาทิตย์หน้าพอจะมีเวลาว่างไปร่วมงามสัมมนาเอไอที่ทางมหาวิทยาลัยของพวกเขาจัดหรือไม่อันที่จริงจดหมายเชิญเข้าร่วมงานสัมมนาเอไอของมหาวิทยาลัยคิวนั้น ส่งมาถึงฉางโม่ตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนแล้วตอนแรก คนที่พวกเขาเชิญคืออวี้มั่วซวินทว่าหลังจากที่บทความของหรงฉือเปิดตัวไปเมื่อหลายวันก่อน ชื่อเสียงของเธอจึงดังกระฉ่อน กอปรกับบทความของเธอก็ได้รับคำวิจารณ์ไว้สูง ตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยเลยอยากให้หรงฉือไปร่วมงานสัมมนาที่มหาวิทยาลัยของพวกเขาด้วยก่อนหน้านี้หรงฉือไม่ได้คิดว่าจะต้องไปร่วมงานสัมมนาของมหาวิทยาลัยคิวจริง ๆบทความของหรงฉือได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ทว่าตัวเธอกลับถ่อมตนเป็นอย่างยิ่ง ไม่เคยตอบรับการสัมภาษณ์ใด ๆ เลยศาสตราจารย์หลิวว่า “ตอนนี้ในมหาวิทยาลัยมีนักศึกษาหลายคนเลยที่อยากแลกเปลี่ยนความคิดกับคุณ เรียนรู้จากประสบการณ์ของคุณ...”ด้วยการเกลี้ยกล่อมของศาสตราจารย์หลิว หรงฉือจึงตอบตกลงเข้าร่วมงานสัมมนางานสัมมนาของมหาวิทยาลัยคิว ได้เชิญนักวิชาการเฉพาะทางมา
ผู้ช่วยของศาสตราจารย์หลิวไม่รู้ว่าหรงฉือเหมือนกับอวี้มั่วซวิน ที่เป็นลูกศิษย์ของหนานจื้อจือกับเรื่องที่ศาสตราจารย์หลิวพูดถึงว่า การที่หรงฉือคบหากับอวี้มั่วซวินนั้นนับเป็นโชคดีของอวี้มั่วซวินแล้ว เขาเลยเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “เมื่อคืนประธานอวี้พูดไว้ในการสัมภาษณ์ว่า ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของคุณหนาน คุณหนานเข้มงวดกวดขันกับเขามาก หลายปีมานี้คุณหนานให้เขาคอยให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ในแวดวงอยู่เสมอ ทั้งยังให้เขาศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้ทะลุปรุโปร่ง แล้วคุณหนานก็จะคอยช่วยเสริมในส่วนที่เขาขาดไปในการวิจัยให้สมบูรณ์แบบครับ”“ตัวคุณหรงเองก็มีความสามารถไม่เลว พอได้คบหากับประธานอวี้ ทั้งยังได้เขาคอยให้คำแนะนำอยู่ข้าง ๆ อีก วันข้างหน้าคุณหรงจะต้องเติบโตได้อย่างรวดเร็วแน่นอน”“เพราะอย่างนั้น การที่ได้คบหากับประธานอวี้ ควรจะพูดได้ว่าเป็นโชคดีของคุณหรงมากกว่าถึงจะถูกนะครับ”จุดนี้เป็นจริงอย่างที่เขาว่าแต่ว่า...ครั้นนักศึกษาปริญญาเอกที่ศาสตราจารย์หม่าพามาด้วยได้ฟังถึงตรงนี้ กลับชะงักไปเล็กน้อยแล้วพูดออกมาว่า “ถ้างั้น ความคิดที่คุณหรงแสดงออกมาเมื่อครู่พวกนั้น ส่วนให
ศาสตราจารย์หลิวไม่รู้เรื่องราวความแค้นระหว่างหรงฉือกับหลินอู๋ จึงพูดตามน้ำไปกับคำพูดของศาสตราจารย์หม่าว่า “ใช่แล้ว พวกเรากำลังคุยกันเรื่องความเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ในวงการ คุณหลินเองก็เรียนด้านเอไอนี่ ยิ่งคนเยอะ ก็ยิ่งมีความคิดและมุมมองหลายอย่าง ถ้าคุณหลินมาร่วมด้วย นับว่าเป็นเรื่องดีมากเลย”หลินอู๋ที่ได้ยินแบบนั้น “อย่างนี้นี่เอง...”ยามเธอพูด ก็มองไปทางหรงฉือหรงฉืออยากปลีกตัวออกไปหลังพูดคุยธุระหลัก ๆ แล้วเสร็จ ทว่าทนการรบเร้าอย่างมีไมตรีของศาสตราจารย์หม่ากับศาสตราจารย์หลิวไม่ไหว ถึงได้นั่งลงคุยกับพวกเขาต่ออีกสักพักในเมื่อตอนนี้หลินอู๋มาแล้ว เธอจึงได้โอกาสเอ่ยปากขอปลีกตัวเธอลุกขึ้นแล้วว่า “ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ฉันยังมีธุระต้องขอตัวก่อน ประธานเฟิง ศาสตราจารย์หลิว ศาสตราจารย์หม่า พวกเราไว้ค่อยคุยกันอีกโอกาสหน้านะคะ”นอกจากบทความของหรงฉือแล้ว แวดวงเอไอในช่วงนี้ก็มีหลายบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าหออกมาอยู่ไม่น้อย เมื่อตอนที่ได้พูดคุยกันนั้น หรงฉือก็จับประเด็นความสำคัญของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีพวกนั้นได้ทันที บอกได้เลยว่าการพูดคุยของพวกเขาเมื่อครู่นี้เป็นไปอย่างคึกคัก ศาสตราจาร
หรงฉือพยักหน้า แล้วนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ โต๊ะกาแฟเฟิงถิงเซินสั่งออกไปอีกว่า “ให้คนชงกาแฟมาที”เจียงเจ๋อ “กำชับคนไว้แล้วครับ”สิ้นเสียงของเจียงเจ๋อ สวีเสว่น่าก็ยกกาแฟเคาะประตูเข้ามาครั้นเห็นว่าคนที่มาพบนั้นคือหรงฉือ เธอจึงชะงักไปเล็กน้อย “คุณหรง?”สวีเสว่น่าคือคนที่มาทำงานแทนต่อจากเธอตอนที่เธอไปจากเฟิงซื่อ หลังจากหรงฉือออกไปแล้ว เธอกับสวีเสว่น่าก็ไม่ได้ติดต่อกันเลยหรงฉือพยักหน้าพลางยิ้ม “ไม่เจอกันนานเลยนะ”“ไม่เจอกันนานเลยค่ะ”สวีเสว่น่าเองก็ยิ้มตอบทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก เธอจะพูดคุยทักทายกับหรงฉือมากเกินไปก็ไม่ดีเธอวางกาแฟที่ชงมาอย่างดีไว้ด้านหน้าหรงฉือกับเฟิงถิงเซินทีละแก้ว ขณะที่จะออกไป กลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรายงานเรื่องงานจำนวนหนึ่งแก่เฟิงถิงเซินเฟิงถิงเซินฟังรายงานจบ จึงกล่าวไปว่า “เข้าใจแล้ว ช่วงบ่ายผมว่าง คุณให้เขามาตอนบ่ายสามแล้วกัน”“ค่ะ”ครั้นสวีเสว่น่ารับคำเรียบร้อย เธอก็หันไปยิ้มและพยักหน้าให้หรงฉืออีกครั้ง แล้วรีบเดินออกไปหรงฉือมอง พลางคนกาแฟอุ่น ๆ ในถ้วยในฐานะที่เป็นหัวหน้าฝ่ายเลขา การที่เข้ามารายงานเรื่องงานที่ออฟฟิศของเฟิงถิงเซินนั