Home / โรแมนติก / คุ้งเสน่หา / 5.กำนันกับผู้ใหญ่

Share

5.กำนันกับผู้ใหญ่

last update Last Updated: 2025-06-14 00:13:31

กำนันเปลวระบายลมหายใจแรงเมื่อนึกถึงบุตรชายคนโตที่เพิ่งเดินทางกลับเข้าบางกอกเช่นเดียวกัน

“นี่ข้าไม่ได้เจอลูกชายเอ็งมากี่สิบปีแล้ววะไอ้เปลว ไปเรียนในบางกอกเสียงนานนมจนข้าแทบจะจำหน้าหลานชายไม่ได้อยู่แล้ว”

“เกือบยี่สิบปีละมัง ตั้งแต่เจ้าอุ่นมันจบป.๔ แล้วไปเรียนต่อกระทั่งจบมาเป็นตำรวจก็ไม่ยอมกลับบ้าน รับใช้ทางการอยู่ที่บางกอกนั่นแหละ” กำนันเปลวเอ่ย

“จริงสิ เจ้าอุ่นมันเรียนจบตำรวจนี่นะ” กุศลเอ่ยถึงหลานชายด้วยความเอ็นดู

“เออ...เป็นตำรวจ ไม่ค่อยอยู่บ้านอยู่ช่องหรอก บางทีหายไปเป็นเดือน ๆ ไม่ติดต่อกลับบ้าน เพราะมัวแต่ไปสืบความลับให้ทางการเขา ทำเอาแม่เย็นจิตแม่เขากลุ้มใจ เป็นห่วงลูกแทบไม่ได้กินไม่ได้นอนนอนเลยทีเดียว” พ่อกำนันเอ่ยระบายความหนักใจให้เพื่อนฟัง

“มีเมียหรือยังละลูกชายเอ็งนะ” กุศลซักด้วยความสนใจ

“ยังนะสิ แม่เย็นจิตก็พยายามมองหาสาว ๆ ให้ลูกอยู่เหมือนกันแต่ไอ้คนของเรามันไม่เล่นด้วย ชอบทำหน้าตาขึงขังข่มขู่เขาร่ำไปเลยยังไม่มีเมียเสียที ไม่ได้เลือดพ่อมันเอาเสียเลย” กำนันเปลวส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อเอ่ยถึงลูกชายเสียงเอือม

“เจ้าอุ่นมันคงเบื่อผู้หญิงละมั้ง”

กุศลเอ่ยยิ้ม ๆ นึกถึงหลานชายที่โตมากับครอบครัวซึ่งมีจำนวนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอย่างบ้านของกำนันเปลว เพื่อนสนิทของกุศลคนนี้มีภรรยาถึงสี่คน มารดาของอานนท์หรือนายอุ่นเป็นภรรยาหลวงส่วนตำแหน่งภรรยารองนั้นเป็นของชบา สาวผิวคล้ำช่างเจรจาขณะที่ภรรยาสามและสี่เป็นฝาแฝดหน้าตาสวยซื่อ ไม่ช่างพูดทั้งคู่ชื่อลำไยกับทุเรียน

นอกจากภรรยาทั้งสี่ของบิดาแล้วอานนท์ยังมีน้องสาวต่างบิดาชื่ออำภาซึ่งเป็นลูกสาวของลำไยภรรยาคนที่สามอีกหนึ่งคนทำให้ครอบครัวจักรภพของอานนท์นั้นห้อมล้อมไปด้วยผู้หญิงถึงห้าคน แต่ละคนต่างคอยพะนอเอาใจอานนท์กันในฐานะบุตรชายคนเดียวของบ้านจนคนถูกปรนนิบัติรู้สึกอึดอัดมากกว่าจะพึงพอใจและอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกชายคนเดียวของจักรภพเลือกที่จะใช้ชีวิตลำพังอยู่ในบางกอกมากกว่ากลับมาบ้านเกิด

“บ่งเบื่ออะไรมันคงจะยังไม่เจอคนถูกใจละมากกว่า” กำนันเปลวส่ายหัวเบา ๆ

“ข้าชักจะอยากเห็นหน้าหลานชายซะแล้วสิ นี่ถ้าเจอกันข้างนอกข้าคงจำหน้านายอุ่นไม่ได้” กุศลตาวาว แอบนึกจับคู่หลานชายกับบุตรสาวตัวแสบของตนอย่างมีความหวัง

“อย่างนั้นขึ้นไปบนเรือนกัน ข้างบนมีแต่รูปไอ้อุ่นแปะเต็มฝาเรือนเผื่อเอ็งไปเจอหลานจะได้จำหน้ามันได้” กำนันเปลวเอ่ยพร้อมกับก้าวเดินนำหน้าเพื่อนตรงไปยังเรือนไทยไม้สักใต้ถุนสูงหลังใหญ่ของตน

หลังแดดหุบแสงไม่นานท้องฟ้าก็พลันเปลี่ยนสีเมื่อถึงยามอาทิตย์อัศดงอากาศรอบกายค่อย ๆ เย็นเยือกขึ้นเรือเมล์ลำใหญ่แล่นผ่านบ้านเรือนคับคั่งในบริเวณอำเภอเห็นโรงสีที่ตั้งอยู่ข้างลำน้ำก่อนเลยผ่านกระทั่งสองข้างทางกลายเป็นท้องทุ่งมองสุดลูกหูลูกตาจึงเห็นบ้านเรือนสักหลังประปรายในนอกเขตอำเภอ สายลมโชยสะบัดพัดแรงขึ้นเมื่อเรือแล่นเข้าหัวเลี้ยวที่เรียกว่าคุ้งสำเภารอยต่อระหว่างอำเภอภาชีกับอำเภอนครหลวง

“ป่านนี้ลิเกคงใกล้เริ่มแสดงแล้วแน่เลยพี่จืด เสียดายจริง ๆ ที่เราไม่ได้ดูคืนแรก” มารศรีเอ่ยอย่างเสียดายขณะคว้าผ้าผืนบางขึ้นคลุมไหล่

“นั่นสิ...พี่ก็เสียดาย” จืดเออออไปด้วยแล้วเอ่ยปลอบใจตัวเองเสียงเรียบและส่งยิ้มบาง ๆ ให้มารศรี “แต่ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็จะเดินทางถึงบางกอก คืนแรกไม่ได้ดูแต่คืนที่สองเราจะไม่พลาดแน่ ๆ น้องศรี”

มารศรีพยักหน้าเบา ๆ ทำตาเป็นประกายเคลิ้มฝันนึกถึงพระเอกรูปงามคนโปรดในใจ วิชาญจะต้องแปลกใจและคิดไม่ถึงแน่ว่าหล่อนจะตามไปให้กำลังใจเขาถึงบางกอกเขาจะต้องประทับใจที่เห็นหล่อนให้ความสำคัญกับเขาเพียงนี้ หญิงสาวเผลอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับภาพเพ้อฝันในหัวและเมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นได้จึงเอ่ยถามจืด

“พรุ่งนี้เช้าเราต้องไปเดินหาบ้านน้าสาวของพี่กันก่อน ว่าแต่พี่เอาแผนที่บ้านน้าติดตัวมาด้วยใช่ไหม”

“เอามาแล้ว นี่ไง...” จืดหยิบกระดาษที่วาดแผนที่บ้านสำอางออกจากกระเป๋าเสื้อยื่นส่งให้มารศรีแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “พี่ละอยากให้ถึงพรุ่งนี้ซะเร็ว ๆ เกิดมาเคยเห็นแต่ท้องทุ่งท้องร่องไม่เคยคิดฝันว่าจะมีโอกาสไปเห็นบางกอกอย่างคนมีเงินเขา พี่หมาเคยบอกว่าบางกอกเป็นเมืองสวรรค์ ไม่รู้มาคราวนี้จะได้เจอพี่หมากับนังมะยมมันไหมนะน้องศรี”

จืดคิดถึงสองหนุ่มสาวที่จากลาดชะโดเข้าไปเป็นดาวอยู่ในบางกอกด้วยความคิดถึง พี่หมาหรือมานะซึ่งเคยเป็นหนุ่มในฝันของหล่อนกระทั่งได้พบรักกับมะยมหรือสายสมร สวยเสมอลูกสาวเศรษฐีชาวกรุง ชีวิตของมานะก็เปลี่ยนไปจากเดิมราวฟ้ากับเหว จากไอ้หมาที่ชาวคุ้งลาดชะโดรู้จักในฐานะคนขับเรือหางรับส่งผู้คนก็กลายไปเป็นดาราชื่อดัง มานะ พันธ์พลายอยู่ในฟ้าเมืองบางกอก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุ้งเสน่หา   5.กำนันกับผู้ใหญ่

    กำนันเปลวระบายลมหายใจแรงเมื่อนึกถึงบุตรชายคนโตที่เพิ่งเดินทางกลับเข้าบางกอกเช่นเดียวกัน“นี่ข้าไม่ได้เจอลูกชายเอ็งมากี่สิบปีแล้ววะไอ้เปลว ไปเรียนในบางกอกเสียงนานนมจนข้าแทบจะจำหน้าหลานชายไม่ได้อยู่แล้ว”“เกือบยี่สิบปีละมัง ตั้งแต่เจ้าอุ่นมันจบป.๔ แล้วไปเรียนต่อกระทั่งจบมาเป็นตำรวจก็ไม่ยอมกลับบ้าน รับใช้ทางการอยู่ที่บางกอกนั่นแหละ” กำนันเปลวเอ่ย“จริงสิ เจ้าอุ่นมันเรียนจบตำรวจนี่นะ” กุศลเอ่ยถึงหลานชายด้วยความเอ็นดู“เออ...เป็นตำรวจ ไม่ค่อยอยู่บ้านอยู่ช่องหรอก บางทีหายไปเป็นเดือน ๆ ไม่ติดต่อกลับบ้าน เพราะมัวแต่ไปสืบความลับให้ทางการเขา ทำเอาแม่เย็นจิตแม่เขากลุ้มใจ เป็นห่วงลูกแทบไม่ได้กินไม่ได้นอนนอนเลยทีเดียว” พ่อกำนันเอ่ยระบายความหนักใจให้เพื่อนฟัง“มีเมียหรือยังละลูกชายเอ็งนะ” กุศลซักด้วยความสนใจ“ยังนะสิ แม่เย็นจิตก็พยายามมองหาสาว ๆ ให้ลูกอยู่เหมือนกันแต่ไอ้คนของเรามันไม่เล่นด้วย ชอบทำหน้าตาขึงขังข่มขู่เขาร่ำไปเลยยังไม่มีเมียเสียที ไม่ได้เลือดพ่อมันเอาเสียเลย” กำนันเปลวส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อเอ่ยถึงลูกชายเสียงเอือม“เจ้าอุ่นมันคงเบื่อผู้หญิงละมั้ง”กุศลเอ่ยยิ้ม ๆ นึกถึงหลานชายที่โตมากับครอ

  • คุ้งเสน่หา   4.สาวปากไว

    “ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ซุ่มซ่าม มาทำให้ฉันต้องอายและเจ็บตัวทำไมล่ะ”มารศรีไหวไหล่เอ่ยตอบอย่างไม่สนใจแววตาแสดงอารมณ์ของคู่กรณี หล่อนเก็บธนบัตรในมือยัดใส่กระเป๋าก่อนจะหยิบเหรียญบาทออกมาแทนแล้วยื่นส่งให้กับแม่ค้าขนม“ผู้หญิงอะไร...หน้าเลือดชะมัด” เขาบ่นอุบแต่ไม่คิดเรียกร้องเอาเงินทอนคืนได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเดินตรงไปที่ท่าเรือ เลิกใส่ใจคู่กรณีซึ่งเดินตามหลังเขามาห่าง ๆมารศรีแบะริมฝีปากใส่แผ่นหลังของชายตัวโตที่ก้าวนำหน้า หล่อนเดินตามไปห่าง ๆ เห็นอีกฝ่ายลงไปในเรือและเดินลึกเข้าไปมองหาที่นั่งชั้นล่างตรงบริเวณหัวเรือ“ดีนะที่นั่งคนละชั้น...จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าให้เสียอารมณ์ไปตลอดทาง” หล่อนบ่นพึมพำขณะก้าวลงเรือและปีนขึ้นไปยังชั้นสองสลัดภาพใบหน้าชายหนวดครึ้มคนนั้นออกจากหัวพื้นที่บนเรือที่ค่อนข้างว่างเมื่อตอนออกจากท่าเรือผักไห่หลังสิ้นเสียงระฆังที่แขวนอยู่ตรงหัวเรือเป็นสัญญาณเตือนว่าเรือกำลังจะแล่นออกจากท่า ทุกพื้นที่เคยว่างกลับเต็มไปด้วยผู้โดยสารที่ขึ้นมาจากท่าเรือบ้านแพนและเรือค่อย ๆ แล่นฝ่ากระแสน้ำออกจากท่า มุ่งหน้าสู่บางกอกอย่างเชื่องช้า เสียงเครื่องยนต์ดังแข่งกับเสียงพูดคุยในหมู่คนโดยสารท

  • คุ้งเสน่หา   3.สะดุดรัก

    “น้องศรีจะไปไหน” จืดเงยหน้าขึ้นมองสาวรุ่นน้อง เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “ฉันจะลงไปซื้อขนมมาตุนไว้กินเสียหน่อย เมื่อตะกี้ตอนอยู่ผักไห่มัวแต่กังวลเรื่องไอ้พี่แอ๊ะจนลืมซื้อเลย” มารศรีเอี้ยวหน้าหันไปตอบ “เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้เองก็ได้ น้องศรีอยากกินอะไรล่ะ” จืดกุลีกุจอจะลุกขึ้นหวังจะบริการลูกสาวนายจ้าง “ไม่ต้อง พี่นั่งรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันลงไปเลือกซื้อเอง”มารศรีปฏิเสธแล้วเดินลงบันไดไปยังชั้นล่างช้า ๆ กวาดตามองบนท่าน้ำซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดบ้านแพนผู้คนจำนวนมากกำลังซื้อหาจับจ่ายสินค้ากันอย่างคึกคักสมกับเป็นท่าเรือใหญ่ เรือแจวพายเอื่อยผ่านหางตาหล่อนแล่นเข้าไปตามตรอกซอกซอยในขณะที่เรือหางติดเครื่องแล่นปรู๊ดปร๊าดรับส่งผู้โดยสารกันขวักไขว่ ลูกสาวอดีตผู้ใหญ่บ้านก้าวขึ้นไปบนท่าและเดินตรงดิ่งเข้าหาขนมแผ่นบางบนเตาที่แม่ค้าสาวกำลังละเลงแป้งเป็นวงดูน่ากิน“พี่สาวจ๊ะ เอาขนมเบื้องให้ฉันสามแผ่นสิจ๊ะ”มารศรีสั่งพลางล้วงเหรียญบาทออกจากกระเป๋ากางเกงยืนรอแม่ค้าใส่เครื่องและน้ำตาลลงในแป้งที่ละเลงอยู่บนกระทะ เมื่อขนมสุกแม่ค้าพับแผ่นแป้งทบเป็นครึ่งวงกลมหยิบขึ้นจากกระทะว

  • คุ้งเสน่หา   2.โอ้บ้านแพน

    จืดชะโงกหน้าเข้าไปใกล้หูมารศรีพลางจีบปากจีบคอเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียด “อีนังดอกเอื้องต้องเป็นตัวการแน่เชียวน้องศรี มันคงเป็นคนห้ามไม่ให้นังชมมาบอกเราแน่ ๆ” “หึ...อีนังนี่มันร้ายนัก มันคิดจะกันท่าไม่ให้ฉันตามไปดูพี่วิชาญละสิ” มารศรีเอ่ยเสียงสะบัดอย่างเกรี้ยวกราดแล้วเม้มปากเป็นเส้นด้วยความขัดใจ “แต่เขาไปแสดงไกลถึงบางกอกนู่น พ่อเอ็งจะให้ไปหรือวะ” สาวใหญ่เอื้อนเอ่ยอย่างคนที่รู้จักนิสัยของผู้ใหญ่กุศลเป็นอย่างดี “ก็จริงจ้ะ...พ่อคงไม่ให้ฉันไปหรอก” มารศรีเอ่ยกระฟัดกระเฟียด “ก็นั่นนะสิ อย่างนั้นเอ็งก็อย่าไปโกรธนังชมกับเพื่อนของมันเลยวะยังไงเอ็งก็ไปไม่ได้อยู่แล้ว เอาไว้รอดูที่บ้านเราก็ได้ ปิดวิกที่บางกอกเสร็จ เขาก็มาเล่นที่บ้านเราอยู่แล้ว” สาวใหญ่เอ่ยปลอบ “ป้าไม่ต้องห่วง ฉันไม่โกรธนังชมมันหรอกจ้ะ” มารศรีตอบอย่างใจคิดเพราะคนที่หล่อนโกรธไม่ใช่ชวนชมแต่เป็นนางเอกลิเกนามว่าดอกเอื้องต่างหาก ไอร้อนจากแสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วคุ้งน้ำซึ่งเนืองแน่นไปด้วยลำเรือของเหล่าพ่อค้าแม่ขายลอยเรียงบนผิวน้ำใกล้ท่าเรือเพื่อค้าขายกับผู้โดยสารจ

  • คุ้งเสน่หา   1แม่ค้าขนมหวาน

    หญิงสาวรูปร่างผอมแกร็นผิวกายคล้ำหยาบนั่งอยู่ท้ายเรือกำลังพายเรือหัวแหลมขนาดเล็กซึ่งชาวท้องถิ่นเรียกว่า “เรือเข็ม” ออกจากบันไดท่าน้ำหน้าตลาดลาดชะโดมีชื่อว่านังจืด หล่อนเป็นคนสนิทของมารศรีสาวสวยวัย ๒๐ ที่นั่งเสงี่ยมอยู่ตรงหัวเรือ นังจืดกำลังพายเรือล่องไปตามลำคลองขุดที่แยกมาจากแม่น้ำน้อยไหลผ่านหน้าบ้านเรือนสองฝากฝั่งเกิดเป็นชุมชนริมน้ำขนาบข้างด้วยชุมชนเรือนแพที่ปลูกลอยเหนือผิวน้ำไปตลอดแนวลาดชะโดคือชุมชนที่เงียบสงบในเขตอำเภอผักไห่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มีพื้นราบต่ำ น้ำท่วมถึงจึงทำให้มีปลาชะโดชุกชุมไปทั้งคุ้งน้ำ คลองลาดชะโดแยกย่อยมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาเกิดเป็นชุมชนขนาบคลองซึ่งแบ่งออกเป็น ๒ตำบล ๑๗ หมู่บ้าน ฝั่งหนึ่งเรียกบ้านหนองน้ำใหญ่ประกอบด้วย ๑๑ หมู่บ้านกับอีกฝั่งเรียกว่าบ้านจักราชแยกเป็นอีก ๖ หมู่บ้านมารศรีเป็นบุตรสาวคนเดียวของนางผ่องแผ้ว ผลบุญกับนายกุศล ผลบุญ อดีตผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งของตำบลจักราชหล่อนได้รับฉายาว่าดอกบัวแย้มกลีบแห่งคุ้งลาดชะโดด้วยวัยเพียง ๒๐ ปีทำให้หล่อนเสมือนบัวเพิ่งบานชูเกสรล้อแมลงเพศผู้อาจเพราะธรรมชาติลำเอียงจึงได้เสกสรรความงามให้กับหญิงสาวเสียจนล้นเหลือ รูปร่างระหง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status