หลังจากส่งท่านปู่เข้านอนหยางหมิงก็จัดการเขียนหัวข้อสอบที่จะส่งให้ฝ่าบาทพิจารณาในวันพรุ่งนี้ เขายังคงติดใจใบหน้าหวานๆของเด็กคนนั้นอยู่ นางเหมือนป่วยจริงๆ ก่อนจะถอนหายใจเอ่ยเบาๆ
“อายุนางยังน้อยจริงๆ หวังว่าท่านปูไม่ได้ไปทำสิ่งใดแผลงๆมานะ เฮ้อ”
หยางหมิงถอนหายใจกับพฤติกรรมของผู้อาวุโสคนเดียวของจวนยามที่เมานั้นช่างน่าให้ท่านย่าหวดยิ่งนัก หลังจากจัดเตรียมหัวข้อถวายรายงานพรุ่งนี้เสร็จก็เข้านอน
จวนสกุลจาง
หลังจากที่ส่งท่านปู่เข้านอนแล้วจางอวี้ถิงก็กลับห้องนอนตนเอง นางกินยาแล้วเพลียหลับไป รู้ตัวอีกทีนางก็มานั่งอยู่สถานที่หนึ่ง มีแสงไฟมากมาย มีสิ่งประหลาดที่วิ่งผ่านไปมา กลางคืนกลับเหมือนกลางวัน แสงสีสว่างไสวเต็มไปหมด จางอวี้ถิงยืนอยู่ที่กลางทางคล้ายกับถนน พาหนะแปลกปะหลาดวิ่งผ่านร่างทะลุร่างของนางไป เหมือนได้ยินเสียมีคนเรียกชื่อนางเมื่อจางอวี้ถิงหันไปตามเสียง็พบชายชราคนหนึ่ง ท่านตาคนนั้นผมยาวสีขาว เครายาวในมือถือแซ่โบกไปมาเบาๆ สวมใส่อาภรณ์สีขาวมีแสงสว่างรอบๆตัวของเขา
“แม่หนู..ได้เจอกันสักทีนะ”
“ท่านตา..ท่านรู้จักข้าหรือเจ้าคะแล้วท่านมากจากที่ใดกัน แล้วข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกันเจ้าคะ”
“แม่หนู....ร่างกายเจ้าไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่ ข้ามาหาเพื่อพาเจ้ากลับไปยังที่ๆเจ้าควรไปน่ะ”
“ท่านตาหมายถึงเรื่องอันใดกัน ท่านเป็นเทพเซียนหรือเจ้าคะ หรือว่าข้าใกล้หมดเวลาแล้วหรือเจ้าคะ ฮือๆๆ ท่านตาข้ามีเวลาอีกเท่าไหร่เจ้าคะ ข้าเป็นห่วงท่านปู่ของข้า ท่านปู่มีข้าเป็นหลานสาวคนเดียวเท่านั้น สุขภาพก็ไม่ดีนักฮือๆๆๆ” จางอวี้ถิงร้องไห้ออกมา ชายชราจึงเอ่ยต่อ
“แม่หนูอวี้ถิง...ข้ามีของให้เจ้าหนึ่งอย่าง”
เมื่อเขาพูดจบก็มีผีเสื้อตัวหนึ่งเรืองแสงบินออกมาจากฝ่ามือของชายชราคนนั้น เขายื่นฝ่ามือมาตรงหน้าให้กับนางก่อนจะเอ่ย
“นี่เป็นผีเสื้อนำวิญญาณ เจ้าหมดเวลาไร้วาสนาในภพนี้แล้วแต่มีอีกคนหนึ่งที่ต้องไปทำหน้าที่เหล่านั้นแทนเจ้าอย่ากังวลเลย”
“ไปทำหน้าที่แทนข้าหรือ นางเป็นผู้ใดหรือเจ้าคะ”
“เจ้าจงตามผีเสื้อไป มันบินหยุดอยู่ที่ใครและหายเข้าไปในคนๆนั้นก็แปลว่าวิญญาณของคนผู้นั้นคือคนที่ต้องไปทำหน้าที่แทนและอยู่ในร่างของเจ้า”
จางอวี้ถิงมองตามผีเสื้อ และเมื่อหันกลับมาก็ไม่พบชายชราผู้นั้นแล้วนอกจากเสียงที่ลอยมา
“เมื่อถึงเวลาข้าจะมารับเจ้าเอง เจ้าต้องกลับไปยังที่ๆเจ้ามา จงตามผีเสื้อไปเถิดแม่หนูน้อย”
จางอี้ถิงลอยตามผีเสื้อไปเรื่อยๆ ไม่นานก็มาหยุดที่หน้าสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ ผีเสื้อสีทองบินสูงขึ้นๆจางอวี้ถิงก็แปลกใจ ตัวนางค่อยๆลอยตามผีเสื้อไป ไม่นานก็มาหยุดที่หน้าต่างบานหนึ่งก่อนที่ผีเสื้อจะหายเข้าไปในห้อง วิญญาณของนางก็ถูกดึงเข้าไปด้วย
ภายในห้องมีร่างของสตรีคนหนึ่งนอนหลับอยู่ ใบหน้าของนางกับสตรีคนนี้ช่างเหมือนกันมากนัก เพียงแต่นางแต่งกายประหลาด ผีเสื้อสีทองบินหายเข้าไประหว่างหว่างคิ้วของสตรีนางนี้ จางอวี้ถึงนั่งมองก่อนที่นำตาจะไหลออกมา นางต้องไปแล้วจริงๆหรือจะฝากฝังท่านปู่กับลี่จูกับสตรีผู้นี้อย่างไรกันดี
หลี่อวี้ถิงที่นอนหลับอยู่ในความรู้สึกว่ามีคนมาจ้องมอง เธอจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมา เมื่อสายตาปรับได้ก็เห็นเหมือนมีร่างกายมนุษย์รางๆนั่งอยู่บนเตียง หลี่อวี้ถิงควานหาแว่นตาทันที เมื่อสวมแว่นก็เห็นทุกอย่างชัดเจน จากนั้นเธอก็ดีดตัวลงไปยืนข้างเตียงยกมือขึ้นมาทาบกุมหน้าอกตัวเองเอ่ยตะกุกตะกัก
“นี่ๆๆ ทะ ทะ ทะ เธอ ปะ ปะ เป็นใคร นี่มันคอนชั้นที่30 นะ หมะ มาได้ไง”
“พี่สาวข้าชื่อจางอวี้ถิงน่ะ ข้าตามผีสื้อทองที่มันบินขึ้นมา”
“ตามขึ้นมา บะ แบบ แบบไหน เธอเอาคีย์การ์ดมาจากไหนกัน แล้วยังแต่งตัวปะหลาดอีก”
“ข้าลอยตามมันขึ้นมา อะไรคือคีย์การ์ด อะไรคือคอนโดพี่สาวท่านชื่ออะไรหรือเจ้าคะ”
“ห๊า ละ ลอยขึ้นมา นี่ๆๆอย่าเข้ามานะ”
หลี่อวี้ถิงหยิบฮู้ที่หัวเตียงมายื่นไปข้างหน้า แต่จางอวี้ถิงยังเดินมาหาเธอ หลี่อวี้ถิงเอื้อมไปหยิบไม้กางเขนที่เพิ่งซื้อมายื่นไปให้ก่อนจะเอ่ยห้าม
“อย่าเข้ามานะ เจ๊จะส่งวิญญาณไปนรกเลย อย่าเข้ามาสิโว้ย ฮืออๆๆ พรุ่งนี้ฉันจะขายคอนโดห้องนี้ทิ้ง ตอนซื้อไม่มีของแถมราคาก้ไม่ลด แต่แถมผีแบบนี้มาให้ก็ไม่เอาแล้วโว้ย”
จางอวี้ถิงกำลังเดินไปหาหลี่อวี้ถิงเพื่อเจรจาแต่อยู่ๆวิญญาณของนางก็ถูกดึงกลับไป หลี่อวี้ถิงหลับตาอยู่สักพักเมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นก็ลืมตา แต่ไม่เห็นวิญญาณหญิงสาวในชุดโบราณอีกแล้ว หลี่อวี้ถิงจึงไม่นอนต่อ คว้ากุญแจรถได้ก็ออกจากคอนโดทันที ไปหาเพื่อนสาวของเธอ ขายต้องขายทิ้งอยู่ไม่ได้แล้วโว้ย
จางอวี้ถิงที่กลับมาแล้วก็ลืมตาขึ้น นางต้องตายแล้วจริงๆหรือ แต่อย่างน้อยก็มีคนมาดูแลท่านปู่ต่อนางจะได้ไปอย่างสงบและไร้กังวล
ร่างสูงละจากความงามด้านล่างเลื่อนตัวมาหานาง ดวงตาสองคู่สบกันไปมา จางอวี้ถิงโน้มคอเขาลงมาหากระซิบเสียงรัญจวน ท่านอาหยาง ข้าอยากเรียนรู้แล้วท่านพร้อมสอนหรือไม่""จะสอนเดี๋ยวนี้ ผ่อนคลายนะอาจจะเจ็บแต่สัญญาว่านุ่มนวล""เจ้าค่ะ"คนตัวโตค่อยๆมอบความแข็งแกร่งของตนให้กับนาง เมื่อความร้อนผ่าวของคนตัวโตผ่านความอ่อนนุ่มของนางจางอวี้ถิงก็นิ่วหน้า น้ำตาไหลออกหางตาเพราะความเจ็บตึง แม้เขาจะนุ่มนวลเพราะนี่คือครั้งแรกของนาง แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี หบยางหมิงจูบซับน้ำตาให้ก่อนจะเอ่ยปลอบโยน"เจ็บมากไหม อาหยุดก่อนดีไหม""ไม่ต้อง ข้าทนไหวเจ้าค่ะ""หยางหมิงสอบเอวหนาช้าๆไม่นานเขาก็เข้ามาอยู่ในกายนางจนหมด ร่างสูงรอให้นางคุ้นเคยกับตัวตนของเขาก่อน จางอวี้ถิงกอดแผ่นหลังเขาเอาไว้ ลูบไล้ขึ้นลงก่อนจะบอกว่านางพร้อมแล้ว"ท่านอา ข้าพร้อมแล้ว ท่านทำเถอะเจ้าค่ะ"จากนั้นหยางหมิงจึงเริ่มสอบเอวหนาช้าบ้างเร็วบ้างเพราะนี่คือครั้งแรกของนางเขาอยากให้นางประทับใจ ดูเหมือนคนตัวเล็กใกล้จะแตะขอบสวรรค์สีทองเสียงครางแสนหวานเรียกหาเขาอย่างกระเส่าบ่งบอกว่านางนั้นเสียวซ่านรัญจวนเพียงใด"อ๊า ท่านอาหยาง สามีได้โปรดข้าจะไม
ภายในห้องนอนที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของเครื่องหอม หยางหมิงบรรจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลราวกับกลัวว่านางจะบุบสลาย แต่คนตัวเล็กกลับยังคงคล้องคอเขาไว้แน่นด้วยแขนเรียวระหง ไม่ยอมปล่อยให้เขาผละห่างไปไหน ใบหน้าหวานซบลงกับอกของเขา สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคยอย่างออดอ้อน"ถิงถิงของอา เจ้าเมาแล้ว"หยางหมิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม"เปล่าสักหน่อย ข้ายังจำท่านได้อยู่เลย อื้อ "จางอวี้ถิงปฏิเสธเสียงอู้อี้ ใบหน้าซุกไซร้อย่างหาที่พึ่ง"ท่านอา... ข้าหนาวจัง ท่านกอดข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ"เสียงกระซิบข้างหูแผ่วเบา หยางหมิงค่อยๆ วางนยางลงบนเตียงก่อนจะทอดกายลงนอนเคียงข้าง แสงตะเกียงสีส้มส่องกระทบใบหน้าหวานอย่าง กลิ่นกายของนางช่างหอมกรุ่นชวนให้ใจสั่นไหว ความต้องการในตัวนางพุ่งพล่านแต่เวลานี้นางไม่สามารถครองสติได้ แม้เขาจะเป็นสามีของนางโดยชอบธรรม เป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยความปรารถนา และนางก็อยู่ตรงหน้าในสภาพที่ไม่อาจต้านทานได้ แต่หยางหมิงก็รู้ดีว่าเรื่องเช่นนี้จะกระทำลงไปได้อย่างไร ในเมื่อนางไร้สติ ไร้ซึ่งการยินยอมพร้อมใจการฉกฉวยโอกาสเช่นนี้หาใช่สิ่งที่บุรุษเช่นเขาจะพึงกระทำ หยางหมิงทำได้เพียงข่มกลั้น
เมื่อประตูห้องปิดลงเบื้องหลัง ทั้งสองจึงก้าวเดินเคียงกันไปอย่างงดงาม.. มีเพียงชายกระโปรงที่พลิ้วไหว หยางหมิงหยุดเดินก่อนจะเอ่ยกับคนข้างๆ"อามีเรื่องบางอย่างให้เจ้าตื่นเต้น หลับตาก่อนเด็กดี""ท่านอา..อย่าแกล้งข้านะ ข้าโกรธจริงๆ ด้วย""ไม่แกล้งหรอกคนงาม"จางอวี้ถิงยอมหลับตา ผ้าแพรผืนบางถูกผูกตานางเอาไว้ จางอวี้ถิงสงสัยแต่เขาก็บอกนางว่าอย่ากังวล เอ่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ไม่มีอะไรหรอกเดินตามอามาเถอะ"จางอวี้ถิงเดินตามแรงจูงของฝ่ามือใหญ่ที่จับมือนางไว้มั่น แม้ดวงตาจะมืดบอดเพราะถูกผ้าผูกตาปิดไว้ แต่ความอบอุ่นจากอุ้งมือนั้นกลับชัดเจนยิ่งกว่าแสงใด ๆ"ท่านอา....ท่าจะพาข้าไปไหนกันแน่เจ้าคะ..."นางถามเสียงแผ่ว แฝงความลังเลระคนตื่นเต้น หยางหมิงไม่ตอบ เพียงกระชับมือนางแน่นขึ้นและเอ่ยเบา ๆ ข้างหู"อีกเพียงก้าวเดียว เจ้าก็จะรู้มาเถอะเด็กดี"เท้าเรียวก้ามตามขาวยาวๆของเขาไป หูพลันได้ยินเสียงดนตรีและเสียงผู้คนพูดคุยกัน จางอวี้ถิงสงสัยแต่ก็ไม่นาน เขาพานางมาหยุดก่อนเอ่ย"ถึงแล้วพร้อมหรือไม่""เจ้าค่ะ"จางอวี้ถิงสงสัยเหตุใดวันนี้เขาอ่อนโยนและอ่อนหวานยิ่งนัก พักนี่เขายิ้มแย้มบ่อยเหลือเกินกลิ่นหอมขอ
หยางหมิงก็เดินมาหานาง ร่างบางถูกเขาช้อนอุ้มพาเดินเข้าไปยังเรือนนอน จางอวี้ถิงหน้าแดง บ่าวไพร่มากมายเขาช่างหน้าหนายิ่งนัก เมื่อมาถึงหยางหมิงวางนางลงอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยถามนาง"เด็กดี วันนี้ตอนเช้าเจ้าไปแจกทานข้าวต้มเนื้อกับซาลาเปาและหมั่นโถวมาหรือ""เจ้าค่ะท่านอา วันนี้เป็นวันเกิดของข้าเจ้าค่ะข้าก็เลยอยากทำบุญ""วันนี้วันเกิดเจ้าน่าจะบอกอาสักนิด อาจะได้เตรียมของขวัญให้เจ้า""เงินทองมากมายแล้ว อยากได้อะไรก็หาซื้อ ท่านอาอย่าสิ้นเปลืองเลยเจ้าค่ะ " นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสแต่ทว่าประโยคหลังนางเอ่ยแทบจะเป็นกระซิบ" ถ้าจะให้ละก็ให้ข้าไปต่อทุนสักสามหมื่นตำลึงจะดีมาก" หยางหมิงอมยิ้ม เจ้านี่นะเรียบร้อยได้ไม่นานจริงๆแม่ตัวแสบ หยางหมิงคิดในใจอย่างเอ็นดูก่อนจะบอกว่าลี่จูกำลังกลับมา ครบสามวันที่นางแต่งงานแล้ว จางอวี้ถิงดีใจยิ่งนัก แม้ว่าชิงชิงกับซิ่วซิ่วจะคล่องแคล่วสดใสแต่หากเทียบกับคนที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างลี่จูย่อมเรียกหาสนิทใจมากกว่า"ลี่จูกำลังจะมาแล้ว อาคงต้องออกไปข้างนอกสักครู่" หยางหมิงเอ่ยกับจางอวี้ถิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหมดจดของนาง "คนงาม มื้อ
หยางหมิงรอจนอาหารย่อยเขาก็เดินมาหานางยื่นแขนกางออก จางอวี้ถิงรู้ว่าเขาจะให้ทำอะไร โตป่านนี้ยังอาบน้ำเองไม่ได้ คนอะไรก็ไม่รู้ นางอาบน้ำให้เขาจนถึงเวลาตนเอง หยางหมิงจะช่วยแต่นางไล่เขาออกไป"ท่านนี่นะอย่ามารุ่มร่าม ไม่เช่นนั้นข้ากลับเรือนเล็กนะคนบ้า""โธ่เมียจ๋าคนดีของอา อาก็แค่อยากช่วยเจ้าเท่านั้นเอง""คนบ้ามาข้ารู้ทันท่านหรอก ออกไปเลยนะ"หยางหมิงจำต้องออกมาจากห้อง กระทั่งนางจัดการตนเองเรียบร้อยก็มานั่งเช็ดผม ร่างสูงลุกมาจากนั้นก็เอาผ้าจากมือของนางมาเช็ดให้เองอย่างเบามือ"ท่านอา ข้าอยากไปเที่ยวแต่เรื่องล่าสัตว์ท่านไม่ทำได้ไหมเจ้าคะ ล่าแค่เป็นอาหารอิ่มท้องก็พอ""ปกติจะมีการแข่งขัน ทุกปีอากับท่านพี่เซียวจะได้ที่หนึ่งเสมอเพราะล่าได้มากสุด""ท่านอา แล้วล่ามากินหมดหรือไม่""ไม่หรอกเยอะเกินไป ทำไมหรือ"จางอวี้ถิงจับมือที่กำลังเช็ดผมให้นางก่อนจะหันหน้ามาสบตาเขาแล้วเอ่ย"คนหนึ่งชีวิต สัตว์ก็หนึ่งชีวิต พวกเรามีเลือดเนื้อ พวกมันก็มี พวกมันล่าแค่อิ่มท้อง แต่มนุษย์ล่าเพราะสนองกิเลสตัณหา มนุษย์ชอบบอกว่าตัวเองสูงส่ง ว่าแต่ใครสูงส่งกว่าใครกันก็ไม่แน่"หยางหมิงหวีผมให้นางก่อนจะ
หลังจากจัดงานแต่งให้กับหลี่จิ้งกับลี่จูเรียบร้อยทั้งหมดก็กลับจวน อากาศกำลังดีจางอวี้ถิงจึงอยากเดินกลับ มาได้ครึ่งทางหยางหมิงก็ทนไม่ได้ที่นางเดินนานเกินไปเขาจึงอุ้มนาง หยางหมิงที่อุ้มจางอก็เดินกลับจวนไม่สนใจสายตาของชาวบ้านที่เขาเดินผ่าน เรื่องที่ใต้เท้าผู้ตรวจการมีฮูหยินแล้วแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ที่สำคัญทุกคนเพิ่งจะได้เห็นหน้าตาคุณหนูจางหลานสาวอดีตหมอหลวงครั้งแรกมีคำร่ำลือว่ามารดาของนางงามมากนัก คุณหนูจางเองก็งามแต่เพราะขี้โรคจึงอยู่แต่ในจวน มีหลายสกุลอยากแต่งนางเข้ามาเพราะสมบัติสกุลจางนั้นมีไม่น้อย สกุลมารดาเป็นพ่อค้าอันดับหนึ่ง หยางหมิงได้ยินเสียงชาวบ้านเอ่ยถึงเขากับจางอวี้ถิงคำพูดเหล่านั้นลอยมาเข้าหู"นี่ข้ารู้แล้วทำไมใต้เท้าหยางเพิ่งจะแต่งฮูหยิน""ทำไมหรือเจ้ารู้สาเหตุหรือ""นางงามเพียงนั้น เป็นเจ้าๆจะไม่แต่งหรือ""อืมใช่ ขนาดนางป่วยยังงามเพียงนี้ เทียบกับคุณหนูที่ผัดแป้งชาดเสียหนาเตอะยังไม่อาจดึงความงามออกมาได้เลย""ฮ่าๆๆ เจ้าได้ยินที่นางบอกไหม นางบอกใต้เท้าหยางว่ามือนางกระดูกร้าวเพราะตบคุณหนูที่ผัดแป้งหนาเท่ากำแพงเมืองคนนั้น"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ เสียงหัวเราะดังไปทั่ว หยางหมิง