ยามเฉินเป็นเวลาที่หยางหมิงต้องเข้าวัง ท่านปู่ตื่นแล้วกำลังให้คนไปเตรียมรถม้าพร้อมเกี้ยวกับคนหามเกี้ยว หยางหมิงเดินมาหาปู่ของตนก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ท่านปู่ขอรับ นี่เพิ่งจะยามเฉิน ท่านตื่นแต่เช้ามาทำอันใดขอรับ”
“อ้อ..หมิงเอ๋อร์อ่า ปู่จะไปรับภรรยาของเจ้าไง ไหนๆจะไปประชุมมิใช่หรือ รีบไปรีบกลับจะได้มาเข้าพิธีแต่งงาน”
“ท่านปู..นี่มันเรื่องเหลวไหลอันใดกันขอรับ ข้ามิได้อยากแต่งงาน อีกอย่างท่านไปหาสตรีที่ใดมาแต่งให้ข้าอีกเล่า”
“หลานสาวตาแก่จางไง ฮ่าๆๆนางถูกใจข้านัก หยกประจำตระกูลข้ามอบให้จางอวี้หมิ่นไปแล้ว ยามซวีพวกข้าจะออกเดินทางไปตะวันออกกับองไท่ซ่างน่ะ วันนี้จึงแต่งถิงถิงมาให้เจ้านางจะได้มีคนดูแล ไปๆๆรีบไปรีบมาวังหลวงแค่นี้อย่ากลับมาสายเล่า”
หยางหมิงให้โมโหท่านปู่ของเขานักเขากำลังจะอ้าปากโวยวาย แต่ชายชรากลับมองหน้าเขาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยเนื่อต่ำใจ
“ข้ารู้ๆ หึ..เจ้าไม่อยากแต่งได้ๆไม่แต่งๆ ข้าจะไปเอาหยกคืน ข้าจะยอมตระบัดสัตย์ หึ คำพูดตาแก่อย่างข้านั้นไม่สำคัญหรอก คนทั้งจวนฟังแต่ท่านย่าของเจ้า ข้ามันตาแก่ไร้ค่า ที่นี่หาใช่จวนหยางไม่ ตอนนี้กลายเป็นจวนเว่ยของย่าไปแล้วหึ”
หยางหมิงหลงเอ่ยไปปาดน้ำตาไป แถมยังเอาแขนเสื้อมาสั่งน้ำมูกเสียยกใหญ่ ฮูหยินคู่ทุกข์คู่ยากไม่อยู่หลานชายกระด้างกระเดื่อง เขาน้อยใจน้ำตา(ที่ไม่มีอยู่จริง)ไหลออกมา จนหยางหมิงปวดหัวมากนัก อีกอย่างเขาสายมากแล้วต้องรีบไปเข้าเฝ้าจึงประณีประนอมกับท่านปู่ของตน
“ตามใจท่านอยากทำสิ่งใดก็ทำ อยากแต่งนางมาก็เรื่องของท่านเลย แต่บอกก่อนว่าข้าไม่เข้าหอนะ ท่านอย่ามาหวังว่าจะให้ข้ากับนางร่วมหอร่วมห้อง ยอมแต่งให้ท่านก็ดีแล้ว ข้าสายแล้วต้องเข้าวังก่อน อาจิ้งไปได้แล้ว อยากทำอะไรก็ปล่อยเถอะ”
หยางหมิงให้คนขับรถม้าออกรถทันที หยางหมิงหลงอมยิ้ม หึ เจ้าเป็นหลานชายข้าอย่างไรก็ต้องฟังปู่อย่างข้าอยู่ดี ปากบอกไม่เข้าหอ กลัวว่าจะสามปีลูกสี่คนล่ะสิไม่ว่า เฮอะๆๆๆ ขบวนรับเจ้าสาวไปถึงจวนจางเรียบร้อยแล้ว จางอวี้หมิ่นให้หลานสาวไปเปลี่ยนชุดเจ้าสาว จางอวี้ถิงถอนหายใจ นางยังไม่ลืมเรื่องเมื่อคืน นางจะต้องจากไปแสนไกล หากท่านปู่ต้องการให้นางทำสิ่งใดนางจะยินยอมเพื่อให้เขามีความสุข หวังว่าพี่สาวที่มาใหม่จะดูแลท่านปู่ของนางได้ดีอย่างที่ชายชราคนนั้นบอกนาง
จางอวี้ถิงยกเท้าขึ้นเกี้ยว ขบวนไม่ใหญ่มากนักจางอวี้หมิ่นบอกแล้วว่ากระทันหันเกินไป หากหาสมุนไพรเจอกลับมารักษาหลานสาวแล้วค่อยจัดงานใหญ่โตอีกครั้ง หลานสาวขึ้นเกี้ยวไปแล้วอดีตหมอหลวงน้ำตาไหล โรคของหลานสาวเขายังหาทางรักษาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก่อนตายนางก็ยังได้แต่งงานกับคนดีๆ หวังว่าดวงชะตาของหยางหมิงที่เขาแอบเอาไปผูกดวงมาจะช่วยให้หลานสาวของเขาหายจากโรคร้ายที่เป็นอยู่
หน้าประตูวังหยางหมิงเจอเข้ากับเซียวอี้หลงที่หน้าดำคร่ำเครียดมาเช่นกันจึงเอ่ยถามเขาว่าเป็นอะไร
“พี่อี้หลง..ท่านมีเรื่องอันใดไม่สบายใจหรือไม่ หรือว่าหัวข้อการสอบปีนี้มีปัญหา”
“มิใช่หรอกอาหมิง ปู่ข้าสิทัดทานอันใดก็ไม่ฟังส่งเกี้ยวไปรับว่านชิงชิงมาวันนี้ ข้าต้องแต่งงานกับเด็กไร้มารยาท หย่อนการอบรมคนนั้นจริงๆหรือ แล้วเจ้าเล่าเรื่องเมื่อคืนคงไม่เหมือนข้าหรอกนะ”
“ท่านปู่ร้องห่มร้องไห้ว่าข้าไม่ให้ความสำคัญกับท่านน่ะ เอะอะก็อ้างว่าคนในจวนไม่เคารพเขา ข้าเลยตามใจแต่งแล้วข้าไม่เข้าหอและไม่ให้ฐานะแก่นางหรอก ข้ามิได้เต็มใจในเมื่อนางอยากแต่งก็จงรับความอ้างว้างเดียวดายไปเถอะอย่ามาร้องขอความรักจากข้าเล่า ข้าไม่มีให้”
“ข้าก็เช่นกัน นางบอกว่านางอยากแต่งสามีแต่กลับได้พ่อบุญธรรม เด็กอะไรวาจาน่ารังเกียจยิ่งนัก”
สองคนต่างก็บ่นเรื่องของผู้เฒ่าที่บ้านตนเอง จากนั้นก็พากันไปเข้าเฝ้า จนกระทั่งเสร็จงานจึงพากันจะไปหอคัมภีร์ แต่กลับเป็นว่ามีรถม้าของจวนมารอรับอยู่แล้ว ทั้งสองคนจึงต้องกลับจวนอย่างเลี่ยงไม่ได้
หยางหมิงมาถึงจวนทุกอย่าเตรียมพร้อมหมดแล้ว เขาจำต้องจุงผ้าแพรพานางข้ามกระถางไฟ กราบไหว้ฟ้าดินก่อนจะส่งตัวบ่าวสาว เป็นงานแต่งที่เร่งเกินไปจริงๆ หลังจากจบทุกอย่างเขากับเด็กสาวก็ถูกส่งเข้าห้องหอ
จางอวี้ถิงนั่งอยู่บนเตียงมือประสานบนตักมีเสียงไอต่อเนื่อง
“แค่กๆๆ ใต้เท้า ขออภัยที่ทำให้ท่านเดือดร้อน หากท่านไม่..”
“พอเถอะๆ...ข้ามีเรื่องตกลงกับเจ้าคุณหนูจาง”
“เชิญใต้เท้ากล่าวมาเถอะเจ้าค่ะ ข้าน้อยยินดี แค่กๆๆๆ”
“ข้าแต่งกับเจ้าเพราะท่านปู่ของข้าก่อเรื่องนี้ขึ้นมา ส่วนเรื่องเข้าหอข้าไม่ทำแน่ๆ เจ้าเองก็อย่าหวังความรักจากข้า คุณหนูจางข้าไม่ต้องการให้มีคนรู้เรื่องนี้ หลังจากท่านปู่ไปแล้วข้าจะส่งเจ้าไปอยู่จวนเล็กข้างๆ มีสาวใช้ให้เจ้าสองคน มีบ่าวดูแลจวนให้เจ้าอีกสามคน เงินเดือนยี่สิบตำลึง เจ้าพอใจหรือไม่”
จางอวี้ถิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่งงานวันแรกถูกไล่ไปอยู่จวนข้าง แต่ทำเช่นไรเล่า เวลาของนางก็เหลือไม่มากแล้วจางอวี้ถิงจึงพยักหน้า
“ขอบคุณใต้เท้าที่เมตตา อวี้ถิงไม่มีเรื่องอันใดไม่พอใจเจ้าค่ะ”
“เจ้านอนห้องนี้ไปก่อนคืนนี้ ส่วนข้าจะไปนอนห้องตำรา พรุ่งนี้ค่อยย้ายข้าวของไปจวนเล็ก”
เมื่อเขาเอ่ยจบก็เดินหันหลังจากไป จางอวี้ถิงน้ำตาไหลออกมา ท่านปู่ท่านหาคนมาดูแลข้าหรือหาคนมาดูหมิ่นข้ากันแน่เจ้าคะ จากนั้นก็ผลัดอาภรณ์ออก ลี่จูมองหน้าคุณหนูของตนก่อนจะร้องไห้
“อย่าร้อง...มาอาศัยบ้านเขาอยู่อย่าทำให้เจ้าของบ้านรังเกียจเข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
สองนายบ่าวให้กำลังใจแก่กัน จากนั้นก็พากันพักผ่อน อาหารการกินนับว่าดีแต่นางป่วยมานานจนไม่รับรู้รสชาติใดๆแล้ว
ร่างสูงละจากความงามด้านล่างเลื่อนตัวมาหานาง ดวงตาสองคู่สบกันไปมา จางอวี้ถิงโน้มคอเขาลงมาหากระซิบเสียงรัญจวน ท่านอาหยาง ข้าอยากเรียนรู้แล้วท่านพร้อมสอนหรือไม่""จะสอนเดี๋ยวนี้ ผ่อนคลายนะอาจจะเจ็บแต่สัญญาว่านุ่มนวล""เจ้าค่ะ"คนตัวโตค่อยๆมอบความแข็งแกร่งของตนให้กับนาง เมื่อความร้อนผ่าวของคนตัวโตผ่านความอ่อนนุ่มของนางจางอวี้ถิงก็นิ่วหน้า น้ำตาไหลออกหางตาเพราะความเจ็บตึง แม้เขาจะนุ่มนวลเพราะนี่คือครั้งแรกของนาง แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี หบยางหมิงจูบซับน้ำตาให้ก่อนจะเอ่ยปลอบโยน"เจ็บมากไหม อาหยุดก่อนดีไหม""ไม่ต้อง ข้าทนไหวเจ้าค่ะ""หยางหมิงสอบเอวหนาช้าๆไม่นานเขาก็เข้ามาอยู่ในกายนางจนหมด ร่างสูงรอให้นางคุ้นเคยกับตัวตนของเขาก่อน จางอวี้ถิงกอดแผ่นหลังเขาเอาไว้ ลูบไล้ขึ้นลงก่อนจะบอกว่านางพร้อมแล้ว"ท่านอา ข้าพร้อมแล้ว ท่านทำเถอะเจ้าค่ะ"จากนั้นหยางหมิงจึงเริ่มสอบเอวหนาช้าบ้างเร็วบ้างเพราะนี่คือครั้งแรกของนางเขาอยากให้นางประทับใจ ดูเหมือนคนตัวเล็กใกล้จะแตะขอบสวรรค์สีทองเสียงครางแสนหวานเรียกหาเขาอย่างกระเส่าบ่งบอกว่านางนั้นเสียวซ่านรัญจวนเพียงใด"อ๊า ท่านอาหยาง สามีได้โปรดข้าจะไม
ภายในห้องนอนที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของเครื่องหอม หยางหมิงบรรจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลราวกับกลัวว่านางจะบุบสลาย แต่คนตัวเล็กกลับยังคงคล้องคอเขาไว้แน่นด้วยแขนเรียวระหง ไม่ยอมปล่อยให้เขาผละห่างไปไหน ใบหน้าหวานซบลงกับอกของเขา สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคยอย่างออดอ้อน"ถิงถิงของอา เจ้าเมาแล้ว"หยางหมิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม"เปล่าสักหน่อย ข้ายังจำท่านได้อยู่เลย อื้อ "จางอวี้ถิงปฏิเสธเสียงอู้อี้ ใบหน้าซุกไซร้อย่างหาที่พึ่ง"ท่านอา... ข้าหนาวจัง ท่านกอดข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ"เสียงกระซิบข้างหูแผ่วเบา หยางหมิงค่อยๆ วางนยางลงบนเตียงก่อนจะทอดกายลงนอนเคียงข้าง แสงตะเกียงสีส้มส่องกระทบใบหน้าหวานอย่าง กลิ่นกายของนางช่างหอมกรุ่นชวนให้ใจสั่นไหว ความต้องการในตัวนางพุ่งพล่านแต่เวลานี้นางไม่สามารถครองสติได้ แม้เขาจะเป็นสามีของนางโดยชอบธรรม เป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยความปรารถนา และนางก็อยู่ตรงหน้าในสภาพที่ไม่อาจต้านทานได้ แต่หยางหมิงก็รู้ดีว่าเรื่องเช่นนี้จะกระทำลงไปได้อย่างไร ในเมื่อนางไร้สติ ไร้ซึ่งการยินยอมพร้อมใจการฉกฉวยโอกาสเช่นนี้หาใช่สิ่งที่บุรุษเช่นเขาจะพึงกระทำ หยางหมิงทำได้เพียงข่มกลั้น
เมื่อประตูห้องปิดลงเบื้องหลัง ทั้งสองจึงก้าวเดินเคียงกันไปอย่างงดงาม.. มีเพียงชายกระโปรงที่พลิ้วไหว หยางหมิงหยุดเดินก่อนจะเอ่ยกับคนข้างๆ"อามีเรื่องบางอย่างให้เจ้าตื่นเต้น หลับตาก่อนเด็กดี""ท่านอา..อย่าแกล้งข้านะ ข้าโกรธจริงๆ ด้วย""ไม่แกล้งหรอกคนงาม"จางอวี้ถิงยอมหลับตา ผ้าแพรผืนบางถูกผูกตานางเอาไว้ จางอวี้ถิงสงสัยแต่เขาก็บอกนางว่าอย่ากังวล เอ่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ไม่มีอะไรหรอกเดินตามอามาเถอะ"จางอวี้ถิงเดินตามแรงจูงของฝ่ามือใหญ่ที่จับมือนางไว้มั่น แม้ดวงตาจะมืดบอดเพราะถูกผ้าผูกตาปิดไว้ แต่ความอบอุ่นจากอุ้งมือนั้นกลับชัดเจนยิ่งกว่าแสงใด ๆ"ท่านอา....ท่าจะพาข้าไปไหนกันแน่เจ้าคะ..."นางถามเสียงแผ่ว แฝงความลังเลระคนตื่นเต้น หยางหมิงไม่ตอบ เพียงกระชับมือนางแน่นขึ้นและเอ่ยเบา ๆ ข้างหู"อีกเพียงก้าวเดียว เจ้าก็จะรู้มาเถอะเด็กดี"เท้าเรียวก้ามตามขาวยาวๆของเขาไป หูพลันได้ยินเสียงดนตรีและเสียงผู้คนพูดคุยกัน จางอวี้ถิงสงสัยแต่ก็ไม่นาน เขาพานางมาหยุดก่อนเอ่ย"ถึงแล้วพร้อมหรือไม่""เจ้าค่ะ"จางอวี้ถิงสงสัยเหตุใดวันนี้เขาอ่อนโยนและอ่อนหวานยิ่งนัก พักนี่เขายิ้มแย้มบ่อยเหลือเกินกลิ่นหอมขอ
หยางหมิงก็เดินมาหานาง ร่างบางถูกเขาช้อนอุ้มพาเดินเข้าไปยังเรือนนอน จางอวี้ถิงหน้าแดง บ่าวไพร่มากมายเขาช่างหน้าหนายิ่งนัก เมื่อมาถึงหยางหมิงวางนางลงอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยถามนาง"เด็กดี วันนี้ตอนเช้าเจ้าไปแจกทานข้าวต้มเนื้อกับซาลาเปาและหมั่นโถวมาหรือ""เจ้าค่ะท่านอา วันนี้เป็นวันเกิดของข้าเจ้าค่ะข้าก็เลยอยากทำบุญ""วันนี้วันเกิดเจ้าน่าจะบอกอาสักนิด อาจะได้เตรียมของขวัญให้เจ้า""เงินทองมากมายแล้ว อยากได้อะไรก็หาซื้อ ท่านอาอย่าสิ้นเปลืองเลยเจ้าค่ะ " นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสแต่ทว่าประโยคหลังนางเอ่ยแทบจะเป็นกระซิบ" ถ้าจะให้ละก็ให้ข้าไปต่อทุนสักสามหมื่นตำลึงจะดีมาก" หยางหมิงอมยิ้ม เจ้านี่นะเรียบร้อยได้ไม่นานจริงๆแม่ตัวแสบ หยางหมิงคิดในใจอย่างเอ็นดูก่อนจะบอกว่าลี่จูกำลังกลับมา ครบสามวันที่นางแต่งงานแล้ว จางอวี้ถิงดีใจยิ่งนัก แม้ว่าชิงชิงกับซิ่วซิ่วจะคล่องแคล่วสดใสแต่หากเทียบกับคนที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างลี่จูย่อมเรียกหาสนิทใจมากกว่า"ลี่จูกำลังจะมาแล้ว อาคงต้องออกไปข้างนอกสักครู่" หยางหมิงเอ่ยกับจางอวี้ถิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหมดจดของนาง "คนงาม มื้อ
หยางหมิงรอจนอาหารย่อยเขาก็เดินมาหานางยื่นแขนกางออก จางอวี้ถิงรู้ว่าเขาจะให้ทำอะไร โตป่านนี้ยังอาบน้ำเองไม่ได้ คนอะไรก็ไม่รู้ นางอาบน้ำให้เขาจนถึงเวลาตนเอง หยางหมิงจะช่วยแต่นางไล่เขาออกไป"ท่านนี่นะอย่ามารุ่มร่าม ไม่เช่นนั้นข้ากลับเรือนเล็กนะคนบ้า""โธ่เมียจ๋าคนดีของอา อาก็แค่อยากช่วยเจ้าเท่านั้นเอง""คนบ้ามาข้ารู้ทันท่านหรอก ออกไปเลยนะ"หยางหมิงจำต้องออกมาจากห้อง กระทั่งนางจัดการตนเองเรียบร้อยก็มานั่งเช็ดผม ร่างสูงลุกมาจากนั้นก็เอาผ้าจากมือของนางมาเช็ดให้เองอย่างเบามือ"ท่านอา ข้าอยากไปเที่ยวแต่เรื่องล่าสัตว์ท่านไม่ทำได้ไหมเจ้าคะ ล่าแค่เป็นอาหารอิ่มท้องก็พอ""ปกติจะมีการแข่งขัน ทุกปีอากับท่านพี่เซียวจะได้ที่หนึ่งเสมอเพราะล่าได้มากสุด""ท่านอา แล้วล่ามากินหมดหรือไม่""ไม่หรอกเยอะเกินไป ทำไมหรือ"จางอวี้ถิงจับมือที่กำลังเช็ดผมให้นางก่อนจะหันหน้ามาสบตาเขาแล้วเอ่ย"คนหนึ่งชีวิต สัตว์ก็หนึ่งชีวิต พวกเรามีเลือดเนื้อ พวกมันก็มี พวกมันล่าแค่อิ่มท้อง แต่มนุษย์ล่าเพราะสนองกิเลสตัณหา มนุษย์ชอบบอกว่าตัวเองสูงส่ง ว่าแต่ใครสูงส่งกว่าใครกันก็ไม่แน่"หยางหมิงหวีผมให้นางก่อนจะ
หลังจากจัดงานแต่งให้กับหลี่จิ้งกับลี่จูเรียบร้อยทั้งหมดก็กลับจวน อากาศกำลังดีจางอวี้ถิงจึงอยากเดินกลับ มาได้ครึ่งทางหยางหมิงก็ทนไม่ได้ที่นางเดินนานเกินไปเขาจึงอุ้มนาง หยางหมิงที่อุ้มจางอก็เดินกลับจวนไม่สนใจสายตาของชาวบ้านที่เขาเดินผ่าน เรื่องที่ใต้เท้าผู้ตรวจการมีฮูหยินแล้วแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ที่สำคัญทุกคนเพิ่งจะได้เห็นหน้าตาคุณหนูจางหลานสาวอดีตหมอหลวงครั้งแรกมีคำร่ำลือว่ามารดาของนางงามมากนัก คุณหนูจางเองก็งามแต่เพราะขี้โรคจึงอยู่แต่ในจวน มีหลายสกุลอยากแต่งนางเข้ามาเพราะสมบัติสกุลจางนั้นมีไม่น้อย สกุลมารดาเป็นพ่อค้าอันดับหนึ่ง หยางหมิงได้ยินเสียงชาวบ้านเอ่ยถึงเขากับจางอวี้ถิงคำพูดเหล่านั้นลอยมาเข้าหู"นี่ข้ารู้แล้วทำไมใต้เท้าหยางเพิ่งจะแต่งฮูหยิน""ทำไมหรือเจ้ารู้สาเหตุหรือ""นางงามเพียงนั้น เป็นเจ้าๆจะไม่แต่งหรือ""อืมใช่ ขนาดนางป่วยยังงามเพียงนี้ เทียบกับคุณหนูที่ผัดแป้งชาดเสียหนาเตอะยังไม่อาจดึงความงามออกมาได้เลย""ฮ่าๆๆ เจ้าได้ยินที่นางบอกไหม นางบอกใต้เท้าหยางว่ามือนางกระดูกร้าวเพราะตบคุณหนูที่ผัดแป้งหนาเท่ากำแพงเมืองคนนั้น"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ เสียงหัวเราะดังไปทั่ว หยางหมิง