ตำหนักบูรพา...คู่ยวนยางยังคงไม่สนใจฟ้าดิน พวกเขานอนคุยกันบนเตียงอุ่นด้วยเนื้อตัวเรียบลื่นเปล่าเปลือย คลอเคลียกันไปมา เรียกเสียงครางแผ่วเป็นระยะ บอกรักกันด้วยลีลาร้อนแรงไม่มีเบื่อเมื่อเส้นเสียงครวญครางกระชั้นถี่ ถูกแทนที่ด้วยลมหายใจหนักหน่วงอันเกิดจากการปลดปล่อยขั้นสุด แล้วค่อยๆ ผ่อนลงคงเหลือเพียงเสียงหัวใจที่เต้นในจังหวะปกติ การพูดคุยหยอกล้อระหว่างคู่ชีวิตจึงบังเกิด“ภรรยาอยากบอกสามีว่า ชอบท่านั้นที่สุดเลย”โม๋เอ๋อร์กล่าวเสียงใส นัยน์ตาวาบหวาม นึกถึงฉากรักร้อนแรงที่หมิงเฉิงมอบให้ แล้วเลือกฉากหนึ่ง ที่สุขสมสุดยอดนางกล่าวอีกประโยคด้วยความลังเลไม่แน่ใจ“อืม...อันที่จริง ท่านั้นก็ชอบ ท่านั้นก็ชอบ อ๊า...เลือกไม่ถูกเลย สับสนที่สุด”หญิงสาวกระสับกระส่ายเหลือเกิน ทั้งยังคิดมากอีกด้วย“หากเจ้าชอบ ไม่ว่าท่าใด ข้าย่อมทำบ่อยๆ” เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มกล่าวออกมาอย่างเต็มภาคภูมิ “อันที่จริง สามีเจ้ายังมีอีกหลายกระบวนท่า ทั้งยังสุขสมถึงใจที่สุดของที่สุด เพื่อภรรยา...”โม๋เอ๋อร์หัวเราะคิก แนบเนื้อกายนุ่มบดเบียนกายแข็งขึง แล้วเอ่ยว่า “ภรรยาชอบสามีที่สุดเลย”เรียวคิ้วคมเริ่มขมวด เอ่ยเสียงแตกพร่าอย่างขัด
ราตรีเหมันต์หิมะโปรยละอองคลุ้ง ทว่าเมืองหลวงต้าหมิงยามนี้ กลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็น เพราะกำลังมีเปลวเพลิงแห่งสงครามลุกกระพือโหมไหม้กองทัพกบฏยังคงเหิมเกริม ยิ่งมายิ่งมาก โดยมีทรราชนำทัพหน้าอย่างอหังการ คนผู้นั้นคือองค์ชายใหญ่หมิงเยวี๋ยน ขนาบข้างด้วยแม่ทัพหนุ่มเว่ยหลุนการก่อกบฏครั้งนี้เป็นฝีมือขององค์ชายใหญ่แห่งราชอาณาจักรต้าหมิง เขาเป็นผู้นำการก่อกบฏอย่างอาจหาญ ประกาศกร้าวยึดครองทุกสิ่ง ทั้งยังร่วมมือกับนักพรตเซียนขู่สิงอีกชั้นหนึ่ง รวมถึงเว่ยหลุนที่ทำทีเข้าหาหมิงเหอเพื่อหลอกใช้อีกฝ่าย ทั้งยังมีนักพรตเซียนขู่สิงส่งปีศาจจิ้งจอกเยาเยามาเป็นบ่าวรับใช้คอยเสริมความชั่วให้ชิงเฟยหากแผนการกบฏสำเร็จ หมิงเหอกับชิงเฟยย่อมไม่รอดอยู่แล้ว ตัวหมิงเยวี๋ยนแค่ยืมมือชายชั่วหญิงโฉดทั้งสองก็เท่านั้นข้อตกลงระหว่างหมิงเยวี๋ยนกับเซียนขู่สิง คืออำนาจในราชสำนักส่วนหนึ่ง แผ่นดินทั้งภูเขา สำนักอารามทั้งหลายในใต้หล้า เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่คับฟ้าไปด้วยกันทว่าใครไหนเลยจักคาดคิด ว่านักพรตผู้สูงส่งตบะกล้าแกร่งจะเจอก้างชิ้นใหญ่ที่เป็นถึงโม๋กุ่ยเสิน เขาถูกทำลายพลังวัตรไปหลายส่วน ลูกศิษย์ยังตายเกลื่อน แม้ว่ากายเนื้อ
ทางเดินภายในเรือนหมิงเสียงกง เกิดเสียงฝีเท้าวิ่งว่องไวหากรู้เช่นนี้ เขาย่อมเข้าหอกับนาง หากรู้เช่นนี้ เขาย่อมกอดนางเอาไว้ตั้งแต่คืนแรกที่แต่งงาน หากรู้เช่นนี้ เขาจักถนอมนางมากกว่าที่เคย จะไม่เอ่ยคำเย็นชาเช่นวันนั้นแม้ครึ่งคำหากรู้อย่างนั้น บางที ในท้องนางอาจมีลูกของเขาแล้วหมิงเฉิงกล่าวซ้ำๆ เพียงประโยคเดิมๆ ย้ำเตือนอยู่ในใจ ความรู้สึกหนึ่งไหลวนท่วมท้นในโพรงอกเจ้าเป็นของข้า ไม่มีสิทธิ์หายไปที่ใดทั้งนั้นเราแต่งงานกันแล้ว เป็นสามีภรรยากัน ตลอดไป...ชายหนุ่มพุ่งร่างหนาใหญ่เข้ามาในห้องส่วนตัว วิ่งวุ่นวายไปทั่ว พลันนึกขึ้นได้ว่านางเคยขอร้องแช่น้ำพุร้อนของเขา ท่าทางของนางต้องการเป็นอย่างมาก ดื้อรั้นหนักหนา ยามนี้นางอาจอยู่ที่บ่อน้ำนั่นเพียงไม่กี่ก้าว หมิงเฉิงก็มายังบ่อน้ำพุร้อนชายหนุ่มเห็นเสื้อผ้าสีเหลืองสดของคนที่กำลังตามหาถูกถอดทิ้งเอาไว้ที่ขอบบ่อในสภาพเปื้อนเลือดสีแดงฉาน เขาจึงไม่เสียเวลาตรึกตรอง รีบกระโจนตัวลงบ่อน้ำทันที บ่อนี้กว้างและลึกพอประมาณ สามารถแช่น้ำดำดิ่งได้ทั้งตัว ความอุ่นร้อนแล่นพล่านแทรกซึมไปทั่วร่างหนาในม่านน้ำพรางตา เห็นเพียงดวงหน้างามพิลาศเลือนรางหมิงเฉิงลงน้ำมา
ชั่วยามนี้ เหล่าภูตผีปีศาจทุกตัวล้วนเป็นอิสระ อำพรางตัววูบวาบหายไปจนสิ้น ไม่คิดทำร้ายมนุษย์ให้เสื่อมกายทิพย์แต่อย่างใด สงครามจึงเปลี่ยนไปในทิศทางอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งทหารของวังหลวงไม่ต้องถอยร่นอีกแล้ว กำลังวังชาและพลังมากมายล้วนกลับเข้าร่าง พวกเขาเริ่มเห็นเค้ารางถึงกำชัยมุมหนึ่งห่างจากกลุ่มคนที่กำลังก่อสงครามเข่นฆ่าเผ่าพันธุ์ตนเอง เยาเยายืนเกาะต้นเสาแน่น ต่อสู้กับบทสวดมนต์อยู่เนิ่นนาน จนสุดท้ายก็ได้รับอิสระนางจึงเรียกรวมเผ่าปีศาจจิ้งจอกทั้งหลายให้เข้าจัดการกับพวกของนักพรตนอกรีตอย่างบ้าคลั่งสงครามจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระหว่างทหารกับกบฏ และนักพรตกับปีศาจจิ้งจอก…ตะวันลาลับขอบฟ้า ม่านราตรีเริ่มโรยตัว พาความมืดสลัวเข้าครอบคลุมไปทั่วทุกมุมเมือง ทว่าไม่นาน จันทร์งามเด่นกลับค่อยๆ โผล่พ้นขอบนภา แขวนค้างกลางเวหา นำพาความหวังแผ่วจางบางประการรำไรท่ามกลางปุยหิมะขาวจัด ที่ยังคงลอยว่อนไปทั่วเพราะศึกกบฏกะทันหันอันเกิดขึ้นกลางวังหลวง โอบล้อมเชื้อพระวงศ์เอาไว้ในพระวิหารจนสิ้นและโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ กลับมีเชื้อพระวงศ์คนสำคัญกำลังยืนตระหง่านอยู่ที่ตำหนักบูรพา เพื่อรอเวลาเข้าประหัตประหารกล
เซียนขู่สิงเบิกตาถลนเท่าไข่ห่าน คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอปีศาจระดับเทพเข้าให้แล้ว ทว่าระดับเจ้าสำนักเซียน ไหนเลยจักพ่ายได้โดยง่าย ถึงแม้จักตกใจในคราแรก ต่อมาก็นึกลำพองใจ ว่าตนเองจักได้นางมารที่เป็นถึงเทพปีศาจเป็นสมุน แค่ลิ้นหายไปใครสน!เซียนขู่สิงปล่อยพลังสายหนึ่งออกมา ผลักโม๋เอ๋อร์จนเรียวนิ้วเคลื่อนหลุดออกจากตน แล้วกระเด็นออกไปไกลหลายจั้งหญิงสาวถึงกับลอยวูบถอยหลังไปยืนนิ่งกลางอากาศ ดวงตาสีเขียวจ้องเขม็งอย่างอาฆาต สาดความเกรี้ยวกราดแทบพลิกฟ้า ทั่วตัวคล้ายกับมีไฟโหม พร้อมมอดไหม้ทุกสรรพสิ่งให้สิ้นซากปีศาจร้ายจากขุมนรกอเวจีพลันบังเกิด โม๋เอ๋อร์ในยามนี้คืออสูรกายที่ร้ายกาจกว่าผู้ใดทว่าคนผู้หนึ่งซึ่งบำเพียรพรตจนตบะแก่กล้า ทั้งยังลอบฝึกวิชามารทุกแขนง กำลังภายในผนวกกับพลังปราณจึงไม่ด้อย นับเป็นคู่ต่อสู้ที่เที่ยงธรรมต่อโม๋เอ๋อร์แล้วอีกทั้งเซียนขู่สิงผู้นี้ ยังมีลูกศิษย์ฝีมือดีอีกหลายคนที่พามาด้วยกัน เรียกว่ายกมาทั้งสำนัก ทุกคนต่างพุ่งร่างออกมาจากยอดวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ สำแดงฤทธิ์เดชบริกรรมคาถาเสกโซ่ตรวนพญามารออกมาหลายเส้น ลอยเคว้งโอบล้อมรอบตัวโม๋เอ๋อร์ทั้งนี้ หลายคนยังใช้สิ่งของที่เตรียมมา
ด้านหน้าพระวิหารโม๋เอ๋อร์ลอยตัววูบออกมานอกวิหารคล้ายกับถูกดึงดูดจากสิ่งที่มองไม่เห็น ทำนางไม่อาจซ่อนเร้นหรือต่อต้าน แต่กระนั้นสติยังคงครบครัน ไม่เหมือนปีศาจชั้นต่ำทั่วไปเมื่อออกมาแล้ว หญิงสาวจึงได้เห็นด้านหน้ามีกลุ่มทหารฆ่ากันอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีใครสนใจใคร แม้แต่ตัวนางก็ไม่มีใครทันสังเกตเห็นทั้งสิ้นนอกจากการต่อสู้กันระหว่างทหารยังมีภูตผีปีศาจลอยวนโดยรอบ ปล่อยกลิ่นอายชั่วร้ายปกคลุมไปทั่ว เหล่ากลุ่มกบฏเข้าถล่มทหารประจำพระราชวังจนถอยร่นหมดท่า เห็นได้ชัดว่า กำลังถูกมารผจญรบกวน ฉุดรั้งฝีมือการต่อสู้ให้อ่อนแอลง ในแบบที่ไม่ควรเป็นเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน แค่ยามเช้าจวบจนใกล้พลบค่ำเท่านั้น กลับมีคนตายนับร้อยนับพันเกลื่อนกลาด โลหิตไหลหลั่งดั่งแม่น้ำแดงฉานไปทั่วลานกว้าง เสียงร้องอนาถก้องดังสะท้านโสตขณะที่สงครามดำเนินมาถึงช่วงชี้วัดโชคชะตา หมิงเฉิงพลันปรากฏกายอยู่บนหลังม้าศึกควบตะบึงมาแต่ไกล ประหนึ่งไม่มีอันใดกีดขวางเขาได้ ทั้งๆ ที่มีทหารกบฏรุมล้อมเต็มไปหมดทวนเหล็กไหลในมือเขาที่แกว่งไกว ล้วนกระชากหัวเหล่าศัตรูได้ในพริบตา เลือดสดๆ สาดกระเซ็นไปทั่ว ซากศพมากมายพลันกองทับถมแลดูน่ากลัวกองกำลังที่ต