ตอนที่ 1
“ไม่นะท่านพ่อ! ลูกไม่ยอมถูกส่งตัวเข้าวังเป็นแน่ ท่านพ่อก็รู้ว่าลูกไม่อยากเป็นผู้หญิงในฮาเร็มขององค์รัชทายาท ไม่ว่าจะเป็นของพระองค์ใด ลูกก็ไม่อยากเป็น ท่านพ่อห้ามส่งลูกไปเด็ดขาดนะเจ้าคะ” เสียงของมูนา สาวน้อยวัยสิบแปดปีดังขึ้นหลังบิดาบอกกล่าวเรื่องสำคัญให้รับทราบ เนื่องจากใกล้ถึงวันกำหนดส่งตัวหญิงสาวเข้าไปเป็นเครื่องบรรณาการแก่องค์รัชทายาทแห่งประเทศอัสคาซานแล้ว แต่หมู่บ้านคาเบียนเซียกำลังเกิดอาเพศบางอย่าง ทำให้เด็กที่เกิดมาล้วนแล้วแต่เป็นเด็กผู้ชายหมด นับตั้งแต่มูนาเกิดมาจนอายุครบสิบแปดปี และตอนนี้ก็เหลือเพียงมูนาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นสาวบริสุทธิ์คนสุดท้ายของหมู่บ้านคาเบียนเซีย
“มูนา เจ้าก็รู้ว่าในหมู่บ้านของเราเหลือเพียงเจ้าคนเดียว แล้วเจ้าจะให้พ่อทำเช่นไรหากไม่ส่งเจ้าเข้าวัง มูนาลูกรัก เจ้าตรองให้ดีก่อนเถิด หาไม่แล้วภัยร้ายอาจเกิดขึ้นกับหมู่บ้านของเราได้” น้ำเสียงอ่อนนุ่มจากผู้เป็นพ่อหว่านล้อม หวังจะให้บุตรสาวยินยอมแต่โดยดี อีกทั้งในตอนนี้คนในหมู่บ้านก็เริ่มหวาดผวาต่ออาญาของผู้ปกครองประเทศอัสคาซานกันแล้ว เพราะหากหมู่บ้านใดไม่ส่งหญิงสาวบริสุทธิ์เข้าไปเป็นเครื่องบรรณาการจะถือว่าก่อกบฏ
“แต่ลูกไม่อยากเข้าไปอยู่ในวัง ทำไมท่านพ่อถึงไม่ฟังลูกบ้างล่ะเจ้าคะ” เสียงเล็กเอ่ยค้านด้วยสีหน้าบึ้งตึง โดยมีพี่เลี้ยงคอยปรามอยู่ห่างๆ
“แล้วเจ้าจะให้พ่อทำเช่นไรหากไม่ส่งเจ้าเข้าวัง ในเมื่อหมู่บ้านของเราไม่มีหญิงบริสุทธิ์อีกแล้ว นอกจากเจ้าคนเดียวเท่านั้น” โมฮัมถอนหายใจออกมาอย่างหนักอก เพราะตัวท่านเองก็ไม่ได้อยากส่งบุตรสาวคนเล็กไป
“มันต้องมีสักทางสิท่านพ่อ อีกอย่างในตำหนักขององค์รัชทายาทคงจะมีคนดูแลองค์รัชทายาทมากพออยู่แล้ว แล้วเหตุใดยังต้องการหญิงสาวเข้าไปอยู่ให้เปลืองข้าวเปลืองน้ำด้วยเล่า” มูนาให้เหตุผลเสียงอ่อนนุ่ม หลังเผลอทำเสียงดังใส่ผู้เป็นบิดา
“เจ้านี่ช่างหาเหตุผลมาอ้างเสียจริง” คนเป็นพ่อส่ายหัวเบาๆ อย่างเอ็นดูบุตรสาวคนเล็ก ที่เกิดมาพร้อมสายตาหยามเหยียดของชาวบ้านบางคน และนี่คือเหตุที่มูนามีนิสัยดื้อรั้น ใครว่าอะไรมาก็ตอกกลับจนแทบหน้าหงายกันทุกคน แล้วหากไม่มีการิดคอยปรามแล้วละก็ นางจักคงไปไล่ทำร้ายคนที่กล่าวร้ายนางเป็นแน่
“ก็ลูกไม่อยากถูกส่งเข้าวัง ลูกไม่อยากไป ไม่อยากไปได้ยินไหมท่านพ่อ” มูนาบอกเสียงกระเง้ากระงอด ใบหน้าสวยคมสมวัยฉายแววดื้อรั้นและเอาแต่ใจออกมาอย่างชัดเจน
“แต่พี่สาวของเจ้าก็อยู่ในวังด้วย แล้วจะกลัวสิ่งใดเล่ามูนาลูกรัก เจ้าเชื่อพ่อเถิดมูนา แล้วสิ่งที่เจ้าทำครั้งนี้จะทำให้หมู่บ้านของเรารอดปลอดภัยจากอาญาแผ่นดิน” ผู้เป็นพ่อพยายามหว่านล้อมด้วยเสียงเอื้อเอ็นดู แต่ก็อ่อนอกอ่อนใจไม่น้อยเพราะรู้ดีว่าบุตรสาวคนเล็กดื้อรั้นเพียงใด แล้วหากถูกส่งเข้าไปอยู่ในวังไม่รู้จะสร้างความเดือดร้อนอะไรขึ้นมาหรือไม่ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่หนักใจไม่น้อยกับการส่งบุตรสาวคนเล็กเข้าไปอยู่ในวัง
“ก็พี่มีนาอยากถูกส่งตัวเข้าวังใจจะขาดนี่ท่านพ่อ ซึ่งต่างจากลูก เพราะลูกไม่อยากถูกส่งตัวเข้าวัง แล้วถ้าลูกถูกส่งตัวไปแล้ว ใครจะอยู่ดูแลท่านพ่อเล่า ลูกเป็นห่วงท่านพ่อ อยากอยู่ดูแลท่านพ่อตลอดไป” มูนาออดอ้อนหวังจะให้บิดาเปลี่ยนใจ
“แต่เจ้าก็รู้ว่าในหมู่บ้านของเราเหลือเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น แล้วหากเจ้าไม่ไป แล้วเจ้าจะให้พ่อส่งใครไปเล่า” โมฮัมเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ ถอนหายใจไปไม่รู้กี่รอบนับตั้งแต่เรียกบุตรสาวคนเล็กเข้ามาพูดคุยถึงเรื่องนี้ ซึ่งคงไม่มีทางเลี่ยงได้อีกแล้ว นั่นเพราะมีเวลาอีกแค่สามวันก็ถึงเวลาที่ต้องส่งบุตรสาวที่รักห่างจากอ้อมอก ที่ไม่รู้จะมีวันใดได้พบหน้ากันอีก
“ก็หาคนอื่นส่งไปสิเจ้าคะ อีกอย่างผู้หญิงในหมู่บ้านของเราก็ตกพุ่มม่ายกันหลายคน แล้วเหตุใดท่านพ่อถึงไม่เลือกพวกนางไปเล่า แล้วลูกก็เห็นว่านางเหล่านั้นยังสาวและสวยกันทุกคน” มูนาเร่งหาข้อเสนอแนะ
“มูนา! นี่เจ้าคิดอะไรออกมา เจ้าไม่รู้หรือไรว่าหากเราทำแบบนั้น หมู่บ้านของเราจะพังพินาศกันหมด แล้วเจ้าก็จงจำเอาไว้ให้ดีว่าการหลอกลวงเบื้องบนจะต้องถูกประหาร แล้วหมู่บ้านนั้นๆ จะถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก”
“องค์รัชทายาทคงไม่รู้หรอกว่านางเป็นม่าย” มูนาเถียงเสียงอ่อยๆ
“มูนา เจ้าเลิกคิดเช่นนี้ได้แล้ว หากไม่อยากถูกลงอาญา” โมฮัมเอ็ดบุตรสาวคนเล็กหน้าดุ พลางส่ายหน้าระอากับความคิดเด็กๆ ของบุตรสาว แล้วนี่ถ้าหากมีใครมาได้ยินเข้าแล้วรู้ไปถึงเบื้องบน หมู่บ้านคาเบียนเซียคงได้ถูกลงอาญากันทั้งหมู่บ้านเป็นแน่ โดยเฉพาะบุตรสาวคนเล็กของตน
“ให้ลูกตายเสียยังดีกว่าถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในวัง แล้วรอให้องค์รัชทายาทเรียกหาไม่ต่างจากนางบำเรอ แล้วลูกก็เกลียดชีวิตแบบนี้ที่สุด ท่านได้ยินหรือไม่ ท่านพ่อ ว่าลูกเกลียด เกลียดการเป็นหญิงแล้วถูกข่มเหงแบบนี้ อีกอย่างนี่ก็เป็นชีวิตของข้า เหตุใดต้องตกไปอยู่ในกำมือของผู้อื่นด้วย” มูนาเอ่ยเสียงกร้าวอย่างไม่คิดเกรงกลัวสิ่งใด
“มูนา! เจ้านี่ นับวันจะยิ่งดื้อรั้นไม่ฟังใคร” โมฮัมเอ็ดบุตรสาวเสียงเข้ม แล้วปรายตามองพี่เลี้ยงของบุตรสาวอย่างตำหนิ เพราะหน้าที่การเลี้ยงดูมูนาเป็นของรอนีย์มาตลอดนับตั้งแต่มูนาสูญเสียมารดา แต่รอนีย์ก็เอาแต่ตามใจ มูนาจนจะเสียผู้เสียคน ซ้ำร้ายยังปล่อยให้มูนาไปฝึกวิชาการต่อสู้แทนการอบรมมารยาทที่เป็นของลูกผู้หญิง จนทำให้มูนาแข็งกระด้างจนออกจะก้าวร้าวเสียด้วยซ้ำไป
อวสานหนึ่งเดือนต่อมาข่าวการประกาศสละราชบัลลังก์ขององค์ฟาตินก็ดังไปทั่วประเทศอัสคาซาน รวมไปถึงประเทศใกล้เคียงที่ต่างก็ส่งตัวแทนเข้าร่วมพิธีที่ถูกจัดภายในพระราชวังอัสเซโรซานาพร้อมการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ เหล่าประชาชนทั่วประเทศอัสคาซานก็พากันร่วมเฉลิมฉลองในหมู่บ้านของตน พร้อมกับการได้รับข้าวของบริจาคจากราชวังที่องค์ฟาเดลทรงให้ตัวแทนนำออกมาแจกจ่ายให้กับประชาชนของพระองค์ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ประชาชนทุกคนต่างร่วมยินดีที่พระองค์ขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขของประเทศอัสคาซาน ในขณะภายในพระราชวังกำลังจัดพิธีเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่อยู่นั้น ที่เนินทรายสูงมีหญิงชายนั่งกอดกันอยู่บนหลังม้าใกล้กับโอเอซิสขนาดเล็ก เพื่อเดินทางกลับหมู่บ้านบาลายูดา หลังจากฟารีฟได้พามูนาเดินทางกลับไปเยี่ยมผู้ให้กำเนิดที่หมู่บ้านคาเบียนเซีย ที่เวลานี้มีแต่ความสงบสุขไม่ต่างจากหมู่บ้านบาลายูดา “ท่านพี่” มูนาขานเรียกเจ้าของอ้อ
ตอนที่ 82จังหวะรักร้อนแรงขึ้นพอๆ กับเสียงครวญครางของสองสามีภรรยา แล้วฟารีฟก็จับร่างเมียรักพลิกนอนคว่ำหน้า ขยับตัวขึ้นทาบทับ เบียดความรุ่มร้อนเข้าหา ปากหยักพรมจูบไปทั่วไหล่ลาดและแผ่นหลังเนียน มือหนาคว้าเอวเล็กไว้แล้วยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อผสานความรักต่อกัน มืออีกข้างก็ลากผ่านไปทางด้านหน้าเพื่อเคล้นคลึงอกอิ่มไปพร้อมกัน เหงื่อไหลย้อยเป็นทางเมื่อความกระชั้นโถมขึ้นหนักหน่วง ชั่วอึดใจคนที่รับความแข็งแกร่งก็ครางลั่นยาวเหยียด สมองที่มืดมนสว่างวาบเมื่อความทรมานที่มาพร้อมความซาบซ่านถึงจุดสิ้นสุด มูนาถึงกับอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว จนต้องฟุบหน้าแนบไปกับฟูกนุ่ม ด้านฟารีฟเมื่อเห็นว่าเมียรักเดินทางไปถึงสวรรค์เรียบร้อยแล้ว จึงเร่งทะยานพาตัวเองไปถึงจุดนั้นตามเธอไปติดๆ เพียงไม่นานก็เปล่งเสียงครางลึกอย่างสุขสม เมื่อปลดปล่อยความรักทั้งหมดทั้งมวลให้เมียรักจอมดื้อรั้นไปแล้ว ก่อนทิ้งร่างลงนอนทาบ อ้อมแขนกำยำสอดเข้าไปโอบกอดร่างนุ่มที่ยังสั่นสะท้านเพราะฤทธิ์รักไว้แน่น จูบซับเม็ดเหงื่อให้อย่างอ่อนโยน แต่เหมือนความต้องการของเขาไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อเนื้อสัมผัสเนื้อจึงเกิดกระแสความปรารถนาขึ้น
ตอนที่ 81ฟารีฟขยับตัวเพียงนิดเพื่อจะเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนกายเมียรักออก ปากของเขาลากลงมาที่ลำคอระหง จูบซับอย่างเอาใจคนใต้ร่าง โดยที่มืออีกข้างก็สอดหายเข้าไปใต้ชายผ้าที่รั้งขึ้นมาจนถึงโคนขาเรียว วาดผ่านแผ่วเบาไปบนความนุ่มละมุมของความเป็นหญิง กอบกุมลูบไล้ด้วยความพึงพอใจ ก่อนจับร่างเล็กพลิกให้นอนคว่ำ แล้วเข้าทาบทับทางด้านหลัง ไซ้จมูกและปากไปกับก้านคอขาวผ่อง พร้อมปลดพันธนาการของตัวเองจนเหลือเพียงกายเปลือยเปล่า ผิดกับอาภรณ์บนกายเมียรักเขาค่อยๆ ถอดออกทีละชิ้น พยายามใจเย็นที่สุดในชีวิต ซึ่งเมื่อผิวนวลขาวของเมียรักเผยตรงจุดไหนเขาก็ก้มหน้าพรมจูบไปตรงนั้น แล้วจบลงที่สะโพกงอนงามหลังจากที่ตอนนี้หญิงสาวนอนเปลือยอวดเรือนร่างให้เห็นตลอดทั้งตัว“ยอดรักของพี่” ฟารีฟเคลื่อนตัวขึ้นไปกระซิบคำหวานใส่ใบหูเล็ก แล้วกดปากร้อนลงกับแก้มนุ่ม ทาบเรือนกายส่วนหน้าแนบชิดกับเรือนร่างบอบบางด้านหลัง ทำให้มูนาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าผู้เป็นสามีจะไร้อาภรณ์เช่นเดียวกัน หนำซ้ำความแข็งขึงที่ถูไถไล้วนเวียนกับสะโพกของเธอ ก็ส่งผลให้ใบหน้าคมสวยร้อนผ่าวและเห่อแดงขึ้นมาทันตา
ตอนที่ 80“เจ้าจะกลับไปหาไอ้ราชิดหรือไงมูนา!” ฟารีฟตะคอกถามเสียงแข็งกระด้าง จากที่โมโหเพราะความดื้อรั้นของเมียรักอยู่นั้น ตอนนี้กลับมีแรงหึงหวงเข้ามาเพิ่ม ยิ่งทำให้ใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อยบึ้งตึงมากยิ่งขึ้น “หากใช่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่าน” มูนาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างท้าทาย ขุ่นเคืองเขาที่ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวทั้งที่ต้นเหตุของเรื่องคือเขาคนเดียวเท่านั้นที่หลอกลวงเธอมาตลอด “มูนา!” ฟารีฟคำรามลั่น แววตาคมลุกวาวไม่จากกองไฟที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นจุณ “ออกไป! ไปให้พ้นหน้าข้า” ปากบอกขณะที่มือก็คว้าหมอนที่เกลื่อนพื้นขึ้นมาปาใส่ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่เหี้ยมจัด ตามด้วยข้าวของที่พอจะฉวยหยิบขึ้นมาได้จนฟารีฟต้องถลันเข้ามาคว้าข้อมือเล็กไว้แน่น พร้อมกับตวาดเสียงแข็งเพื่อปราม&nb
ตอนที่ 79หลายวันผ่านพ้นไปนับตั้งแต่เรื่องราวเศร้าสะเทือนใจชาวบ้านค่อยๆ จางหาย แต่ชาวบ้านทุกคนก็มิเคยลืมเลือนพ่อเฒ่าซุกกี ทุกอย่างในหมู่บ้านบาลายูดากลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งดูไม่ค่อยเป็นสุขนัก เมื่อเมียรักยังไม่ยอมพูดจาด้วย หลังฟารีฟเริ่มปฏิบัติการง้อเมียรักอยู่หลายวันแต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ และในค่ำคืนนี้ก็เช่นกันที่ฟารีฟยังคงเดินหน้าง้อเมียรักเช่นเดิมผิดกับมูนาที่นับวันก็ยิ่งโกรธเคืองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีมากขึ้นทุกวัน หลังเขาสั่งกักขังเธอไว้แต่ในบ้านราวกับสัตว์เลี้ยงเมื่อเธอยืนยันว่าจะไปจากเขา ‘คนใจร้าย อย่าให้ข้าหนีไปได้นะ ชาตินี้ทั้งชาติ ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านแน่ คนหลอกลวง!’มูนาเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธจัด หากแต่ตนก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านั่งระบายความเคียดแค้นกับผ้าห่มที่ถูกกระชากทิ้งลงพื้นไปไม่รู้กี่ครั้ง ทว่าก็ถูกดึงกลับขึ้นมาแล้วจับขมวดเป็นก้อนกลมแล้วปาทิ้งอยู่อย่างนั้น
ตอนที่ 78“นัจมีย์ไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะ พอเห็นนัจมีย์ก็รีบมาบอกคุณหนูนี่แหละเจ้าค่ะ หรือว่า! พวกชาวบ้านจะรู้กันแล้วว่าคนที่วางยาท่านพ่อเฒ่าคือคุณหนู แล้วจะทำอย่างไรกันดีล่ะเจ้าคะคุณหนู” นัจมีย์โผเข้าไปเกาะแข้งเกาะขาอันดาด้วยเนื้อตัวสั่นงันงก น้ำตาก็ไหลพรากด้วยความหวาดกลัว“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นัจมีย์ แล้วก็จำไว้ว่าข้าไม่ได้เป็นคนวางยาท่านลุง แต่เป็นเจ้าต่างหากที่เป็นคนใส่ยาพิษลงไปในอาหารของท่านลุง แล้วก็เป็นเจ้าอีกเช่นกันที่ใส่ยาพิษลงไปในขนมของนังมูนา” อันดาสะบัดขาของตนออกจากเกาะกุมของสาวใช้“คุณหนู! เหตุใดถึงได้พูดเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ” นัจมีย์หน้าไร้เลือดมาหล่อเลี้ยงพร้อมส่ายหน้าที่เจิ่งนองด้วยน้ำตาไปมา“ก็มันเป็นเจ้าจริงๆ ที่เป็นคนวางยาท่านลุงของข้า” อันดายังคงโบ้ยความผิดให้สาวใช้“แต่นัจมีย์ทำไปเพราะคำสั่งของคุณหนูนะเจ้าคะ”“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นัจมีย์!” อันดาโผเข้าไปตบหน้าของสาวใช้ฉาดใหญ่ แล้วบังคับให้นัจมีย์ยอมรับผิดเพียงคนเดียว แต่นัจมีย์ยังไม่ได้