เข้าสู่ระบบ
เขียนโดยฮาริส เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ผมมีลูกสาวและลูกชายอย่างละหนึ่งคน ลูกสาวผมชื่อฟาติน เธอชอบตุ๊กตาบาร์บี้มาก ขนาดมีสงครามกลางเมืองแบบนี้ เธอยังขอให้ผมหาซื้อมาให้ ทุกครั้งที่ล็อคอินเข้า VR ผมจะนึกถึงลูกสาวเสมอ แล้วใช้อวาตารตุ๊กตาบาร์บี้อย่างที่คุณเห็น
ผมไม่ได้เป็นเฒ่าทารกอย่างที่คิดนะ
คืนหนึ่งก่อนหน้าจะเกิดสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ เรานั่งดูภาพยนตร์จากเว็บไซต์ ซึ่งเป็นความสะดวกสบายอย่างเดียวที่เราสามารถหาได้จากนาดา ฟาตินเลือกดูนิทานเกี่ยวกับเจ้าหญิงเจ้าชายอย่างเคย เธอนอนบนตักผม ส่วนฟาอิดนอนบนโซฟาใกล้ๆ เรา เขาโตพอจะแต่งงานได้แล้ว เจ้าลูกชายทำสีหน้าเบื่อหน่าย แต่ก็รู้ว่าผมจะตามใจฟาตินเสมอ
“โตขึ้น หนูจะแต่งงานกับเจ้าชาย”
“ได้จ้ะ ลูกรัก”
ผมเอ่ยกับเธอ แบบไม่คิดอะไร กว่าจะโตความฝันจะเปลี่ยนไปได้อีกเยอะแยะ
“โตขึ้น ผมจะเป็นพระราชา”
“การสืบสายเลือดจะเป็นเรื่องล้าสมัย ฟาอิด” ผมทำน้ำเสียงจริงจัง ภรรยาผมหรือฮันนา หันมาทำสีหน้าไม่พอใจที่ผมกำลังจะเอ็ดลูกชายสุดที่รักของเธอ “ดูพ่อสิ เขาไม่ได้เลือกพ่อเป็นผู้นำเพราะพ่อเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่เขาเลือกเพราะพ่อเป็นพ่อ”
ผมออกจะดูเหมือนมั่นใจในตัวเองเกินไปสักหน่อย แต่เราต้องเตือนลูกตรงๆ ให้เข้าเป้าไปเลย
“แล้วลูกรู้ไหม ทำไมคนรวยถึงได้รวยได้แค่ไม่กี่รุ่น”
“ไม่ทราบครับ”
ถ้าไม่ใช่ผม ก็คงไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ง่ายๆ อีกล่ะ
“เพราะเขาสืบทอดตำแหน่งทางสายเลือด ไม่ใช่เพราะความสามารถ แล้วความสบายจะทำให้คนเราค่อยๆ ตายใจ ว่ายังจะเป็นอย่างนี้อีกต่อไปเรื่อยๆ คนรวยถึงรวยได้ไม่กี่รุ่น”
“ครับ ท่านพ่อ” เขาทำสีหน้าสงสัย “แล้วทำไม ท่านพ่อถึงให้ฟาตินแต่งงานกับเจ้าชายได้ นี่ก็เป็นการสืบทอดทางสายเลือกเช่นกัน”
“ที่จริงไม่ใช่กับเจ้าชายที่ไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่พ่อเลือกเท่านั้น คนที่รักษาสมบัติเป็น คนที่สร้างความมั่งคั่งได้ คนที่มีวิสัยทัศน์”
“ครับ” เขาทำสีหน้าหง่อยลง นี่คงจะอิจฉาน้องสาวที่ผมเป็นห่วงเธอมากกว่า
“พ่อจะฝากฟาตินไว้กับลูก เธอเป็นผู้หญิง และเธอยังอ่อนต่อโลก”
“เพราะพ่อสอนให้เธออ่อนต่อโลก”
เขาแย้งผม แต่ก็ดูเกรงใจในคราวเดียว ผมเห็นตัวเองในใบหน้าเจ้าลูกชาย และเห็นตัวเองกระทั่งในความคิดของเขา กว่าเขาจะอายุเท่าผม คงจะเปลี่ยนไปได้อีกเยอะ และเขาจะมาแทนที่ผมในวันหนึ่ง แต่ไม่ใช่วิธีเดิม เป็นวิธีที่ประชาชนมีสิทธิเลือก ถ้าฟาอิดเลือกเส้นทางนี้
“ผู้หญิงมีหน้าที่เลี้ยงลูก ทำงานบ้าน ไม่เหมือนลูกชาย เขาจะเป็นใหญ่ เป็นหน้าตาให้ครอบครัว”
ฟาตินดูพอใจกับคำพูดของผม
ผมรู้ว่าผมหัวโบราณ แต่เราสืบทอดความคิดนี้มาอย่างยาวนาน และผมก็ยังมองว่าแบบนั้น จนกว่าเวลาจะเปลี่ยน และลูกสาวผมอาจจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
โลกจะเปลี่ยนไปอีก คุณเชื่อผม
“แต่ฟาตินอยากเป็นแบบท่านพ่อ ฟาตินอยากเรียนวิศวคอมพิวเตอร์ แล้วก็ปกครองโลกใบนี้” ฟาตินทำสุ่มเสียงตื่นเต้น ราวกับเด็กเจอบ้านบนต้นไม้
“แล้วลูกไม่แต่งงานกับเจ้าชายแล้วเหรอคะ ฟาตินของพ่อ” ผมลูบหัวเธอ รู้ว่าอีกไม่นานเธอก็ต้องห่างจากอกผมไป
“เจ้าชายจะตามหาคู่ที่เหมาะสมกัน เหมือนที่พ่อตามหาจนมาเจอแม่ไงจ้ะ” ฮันนาเอ่ยพลางวางองุ่นลงบนโต๊ะ “ถ้าเจ้าหญิงดูแลตัวเองไม่ได้ ไม่มีวิสัยทัศน์ เจ้าชายที่ไหนจะอยากได้คู่คิดที่คิดอะไรไม่เป็น”
“ฟาตินไม่คิดว่ามันยากไปหน่อยเหรอ” ผมถามลูกสาว “การเป็นแฮกเกอร์น่ะ”
“ไม่ค่ะ ขอแค่มีจินตนาการ อะไรๆ ก็เป็นจริงได้ ในโลกยุคนี้ ในนาดายุคที่รุ่งเรืองเพราะท่านพ่อ และฟาตินก็รู้ว่าในนาดายุคใหม่ หญิงกับชายจะช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองไปอย่างเท่าเทียมกัน ไม่แบ่งแยกอีกต่อไป”
ผมภูมิใจในความคิดของลูกสาวผม ผมไม่ควรดูเบา เพราะเธออาจเป็นผู้นำหญิงคนแรกในประเทศที่ชายเป็นใหญ่อย่างนาดาก็เป็นได้
ชั่วครู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายจากคนของผม
“ว่าไง”
“ท่านต้องหลบออกจากนาดาชั่วคราว”
“แล้วครอบครัวของฉันละ”
“บนเครื่องบิน เรามีที่นั่งเหลืออีกที่เดียว นอกนั้นเป็นที่นั่งของบุคคลสำคัญของนาดาทั้งนั้น ทั้งนายพล นายตำรวจ แพทย์ วิศวกร และนักการเมือง ไม่มีที่เหลือสำหรับครอบครัวของใครทั้งสิ้น”
“ฉันไม่ไป ถ้าต้องทิ้งครอบครัวไว้ที่นี่”
“หากไม่มีท่าน นาดาจะแตกสลาย สิ่งที่ท่านสร้างมาจะสูญสิ้นไป ท่านรับได้หรือ”
ผมเอ่ยอะไรไม่ออก ก้มมองฝ่ามือที่สร้างบ้านเมืองขึ้นมา เหลืออีกแค่นิดเดียว แค่หาคนมาลงทุนในนาดา แค่ทำให้ประเทศพันธมิตรยื่นมือมาช่วยพวกเราเท่านั้นเอง
“คุณไปเถอะค่ะ ฉันจะดูแลลูกๆ เอง” ฮันนาบอกกับผม ไม่มีวี่แววของการน้อยใจใดๆ ทั้งสิ้น “ฉันรักคุณเพราะคุณเป็นแบบนี้ เพราะคุณเห็นแก่ส่วนรวม และถ้านาดารอดไปได้ แปลว่ามีอีกหลายครอบครัวที่จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก”
“ฮันนา คุณเป็นคนฉลาด โปรดเข้มงวดในการเลี้ยงลูกของเรา ผมอาจจะตามใจฟาตินมากไปหน่อย แต่เพราะผมรู้ว่าฟาอิดจะดูแลน้องได้ และช่วยสแกนคนที่จะมาเป็นคู่ของน้องสาวได้” ผมหันไปหาลูกทั้งสองของเรา “พ่อรักลูกทั้งสองคนนะ พ่อต้องไปก่อน ใครที่มันทำอะไรเราไว้ มันต้องรับผิดชอบ และพ่อนี่แหละจะเป็นตุลาการเอง”
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 4 เดือน ลูปที่ 6 ฉันพาแกรมม่ามาที่ห้องพักบ่อยครั้ง พวกเราค่อนข้างหวานแหวว ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเธอ นั่นคือ… อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์แม่บ้านเอไอทำตัวแปลกออกไป อย่างที่ฉันสงสัยมาเสมอ ว่าเธอถูกใส่โปรแกรมให้รักเจ้านายเข้าไปด้วย หรือไม่วิวัฒนาการก็ทำให้เธอมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ อ้อยอิ่งไม่ฮัมเพลงเวลาทำกับข้าว อ้อยอิ่งไม่รีบมาเวลาฉันเรียก และอ้อยอิ่งประชดประชันฉันบ่อยขึ้น “หุ่นยนต์เอไอ” ฉันเรียกเธอ “ค่ะ เจ้านาย” แทนที่จะต่อปากต่อคำให้ฉันเรียกชื่อเหมือนอย่างเคย แต่เธอกลับตอบรับอย่างไม่มีชีวิตชีวา “งอนเหรอ” “หุ่นยนต์ไม่สามารถมีความรู้สึกได้ นอกจากยินดีทำตามคำสั่งค่ะ และอ้อยอิ่งก็เป็นแค่หุ่นยนต์” ฉันต้องแคร์ไหมเนี่ย เอา ก็ได้วะ “ขอบคุณอ้อยอิ่งมาก ที่ทำงานรับใช้ฉันอย่างดีเสมอมา” ฉันไม่รู้จะจบประโยคนี้ได้อย่
เขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน “เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา “เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ “ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล” หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน “ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 93 วัน ลูปที่ 6 ภาพรอบๆ ตัวฉันเป็นสีขาวโพลน แวบแรกฉันคิดว่า นี่คือสวรรค์หรือไม่ก็โลกหลังความตาย มีคนตายกี่คนที่จะกลับมาบอกเราว่า โลกหลังความตายเป็นอย่างไร แล้วภาพก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ฉันจึงเห็นว่าสวรรค์แห่งนี้ ดูเหมือนโรงพยาบาล "ตื่นแล้วเหรอ" "คอแห้งมากเลย" ฉันตอบกลับเสียงนั่นเบาๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นแกรมม่า เป็นแกรมม่าเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว นั่นคือเวอร์ชั่นที่ไม่อมทุกข์ "รู้สึกอย่างไรบ้าง" ฉันสำรวจแขนขาตัวเอง ก็ยังผอมบางเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่ามีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม เหมือนได้รับยาเพิ่มพลังชีวิตอย่างไรอย่างนั้น "ก็ดี" "พูดให้เจาะจงหน่อย" "รู้สึกมีแรงมากขึ้น ตัวเบาขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน" "วิเศษมาก!!" แกรมม่าแทบจะตะโกน "ตอนนี้เพนนีหายแล้วนะ เพนนีจะไม่ตายแล้ว" "ว่าไงนะ บุญช่วยงั้นเหรอ" ฉันเอ่ยอย่างใสซื่อ ไม่รู้จะนึกเรื่องไหนได้อีกแล้ว "เพนนีจะไม่ตายจ
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 เดือน ลูปที่ 6 "เพนนีเป็นยังไงบ้าง" แกรมม่าถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันขาวราวกับกระดาษ โธ่ ลืมปัดแก้มอีกแล้ว "ก็ยังสบายดีค่ะ เพนนีเคลียร์งานนี้เสร็จ จะไปกินข้าวด้วยนะ" "แกรมม่ามีเรื่องจะบอก" เธอทำหน้านิ่ง จนฉันกลัวอีกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่น่ารู้ก่อนที่ฉันจะตายอีกไหมนะ แต่ก็อีกเป็นปีๆ แหละนะ "แกรมม่าจำได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการวนลูป" "หะ?" ฉันอุทาน "ได้ยังไง" "แกรมม่าจดจำเรื่องทุกอย่างได้เพราะ โธ่ อย่าทำหน้าตกใจขนาดนั้น ก็แค่จำได้ ลุงกานเลยคุยกับแกรมม่าเพื่อยืนยันเรื่องของเพนนี ตลอดเวลาที่เราวนลูป" "แล้วยังไงอีก" "หมายความว่าไง ก็บอกไปทุกเรื่องแล้ว" เธอก้มหน้าหงุด รู้ว่าถึงฉันจะวนลูป แต่ในใจก็มีเธอเสมอ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ฉันได้บอกรักเธอ หน้าฉันเลยมีสีจัดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "แล้ว...แล้ว...แล้ว" "แล้วอะไร" แกรมม่าคงจะเขินจริงๆ "แล้วรักเพนนีบ้างหรือยัง"
เขียนโดยเรย์ หลังจากนั้น 8 วัน ลูปที่ 6 ภายหลังนาดาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาจารย์เพนนีก็มาหาผมที่บ้าน และขอคุยกับผมตามลำพังในห้องรับแขก “อาจารย์เข้าเรื่องเลยละกัน” “มีนัดต่อกับพี่แกรมม่าเหรอครับ” ผมดักทาง เหม็นกลิ่นความรัก “ขอเขกหัวทีเถอะ ไอ้เด็กนี่” ไม่พูดเปล่า แต่ยกมะเหงกขึ้นมาด้วย แต่ผมหลบไวกว่า ผู้หญิงหรือจะไวสู้ผู้ชายได้ อาจารย์เลยทำหน้าเคร่งขึ้นมา “มานั่งให้ดีๆ” “ครับ” “ไปหาคุณฮาริสที่เพนเฮาส์ ไปต่อหน้าอาจารย์นี่แหละ” “ครับ” ผมสวมเสื้อสูท VR ส่วนอาจารย์เพนนีเปิดแท็บเล็ตส่วนตัวเพื่อติดตามบทสนทนาระหว่างเรา ผมขึ้นลิฟท์ไปแบบอารยชน ไม่ได้ไปในฐานะขโมยหรือผู้ร้าย ผมรู้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เพนนีที่ว่า ผมกระตุ้นให้เกิดเรื่องร้ายแรงในประเทศเรา และกำลังจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือนร้อนจำนวนมาก ถึงขั้นตายเลยเสียด้วยซ้ำ “ผมขอโทษครับ” ผมก้มกราบคุณฮาริสที่อยู่ในรูปร่างบลูค
เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6 ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่ แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน “ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอ







