Home / LGBTQ+ / จะลูปไหนก็รักเธอ / บทที่ 18 มาลองวิธีนี้กันเถอะ

Share

บทที่ 18 มาลองวิธีนี้กันเถอะ

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2025-03-04 19:06:36

              เขียนโดยเพนนี  ปัจจุบัน  ลูปที่ 5

              การวนลูปครั้งนี้  ฉันวางแผนไว้หมดแล้ว  ฉันจะเล่าเรื่องตามลำดับให้พวกเพื่อนๆ ในทีมฟัง  และพวกเขาก็ดูรักใคร่ฉันดี  ทุกครั้งที่เบื่อหน่ายเหตุการณ์ซ้ำๆ ฉันจะห้ามตัวเองไว้  ให้นึกถึงภาพใหญ่  ไม่ใช่แค่อารมณ์ตัวเอง

              "ลุงกานคะ"  ฉันกรอกเสียงในโทรศัพท์  "หนูอยากขอเงินสักหนึ่งในสามบิทคอยน์  ซื้อธาตุไฟมาใช้"  ลุ้นอยู่พักหนึ่งตามเสียงที่เงียบไป 

              "ได้  ลุงอนุมัติ  ลุงหวังพึ่งหนูแล้วนะ  เพนนี"

              แกรมม่าหันมามองหน้าฉัน  เงินนั้นไม่ใช่น้อยๆ เลย  ฉันมองเธอด้วยแววตาพิเศษ  ดูเหมือนเธอจะรับรู้ได้  แต่ก็หลบสายตา 

ใช่สิ  ใครจะไปรับรักคนที่เพิ่งคุยกันวันแรกได้  ในหัวฉันตอนนี้  รู้แค่ว่าเธอรู้จักฉันมาก่อนผ่านลุงกาน  แต่เราก็เพิ่งได้คุยกัน  หน้าฉันแดงระเรื่อ  เมื่อใกล้ชิดกันขนาดนี้  ส่วนเธอคงประหม่าที่ได้รู้จักคนใหม่  เท่านั้นเอง

              "ถ้าเราทำสำเร็จ  เงินนี่จะถือว่าเล็กน้อยมากเลย" 

              ฉันประกาศกับเพื่อนสองคน  พวกเธอรับไม่ค่อยได้นัก  แต่ก็ไม่ว่าอะไร  เพราะผู้บังคับบัญชาอนุมัติแล้ว

              เราสวมเสื้อสูท  ล็อคอินเข้าระบบ  แล้วเข้าไปอยู่หน้าเพนเฮาส์ของบลูคิลเลอร์  ฉันเตะประตูเข้าไปเต็มแรง  แต่ไม่ขยับเลยสักนิดเดียว  จึงเรียกพลังไฟแล้วเผาประตูจนวอดวาย  ใช้แรงเตะเบาๆ ประตูก็พังลง  เปิดทางให้พวกเราเข้าไป

              แหม...ฉันรู้  ว่าฉันเท่

              "เรารู้ว่าคุณอยู่เบื้องหลังการแฮกเงิน ของคนใน VR จากประเทศของเรา  เราต้องการสอบสวนคุณ  ขอเชิญไปกับเราแต่โดยดี" 

              "อันดับแรก  ซ่อมประตูให้ด้วย"

              แหม  คิดว่าเรื่องอะไร

              "ถ้าไอ้เรวัชไม่ขโมยเพชรไปจากฉัน  ฉันก็คงไม่ทำแบบนี้"

              "เรื่องนั้นคุณควรไปตกลงกันเอง  ไม่ใช่ลากคนไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้วย"

              ฉันได้ยินเสียงเรย์ตะโกนอยู่ในใจ

              'เอ้า  จารย์  ทิ้งกันงี้เลยเหรอ'

              "ไปกับเราเสียดีๆ คุณทำผิดกฎหมายสากล  เรามีสิทธิที่จะสอบสวนและรับเงินคืน"

              "ไม่ไปเว้ย"

              แม่สาวตุ๊กตาบาร์บี้ยกมือขึ้น  แล้วดึงพลังธาตุดินออกมาใช้  เฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กๆ ลอยพุ่งมาทางฉันและแกรมม่า  ฉันดึงมือแม่สาวตาหวานไปหลบหลังเคาเตอร์  จากนั้นปล่อยพลังไฟพวยพุ่งไปทางอาชญากรสาว  ด้วยความร้อนระดับนั้น  ทำให้ผิวเธอไหม้  คงจะแสบตั้งแต่โลกเสมือนไปจนถึงตัวจริงเลยล่ะ

              ฉันเล่นใหญ่กว่านั้น

              ฉันปล่อยพลังธาตุไฟให้เผาห้องจนวอดวาย  ของทุกชิ้นติดไฟ  ไหม้เกรียม  และหลอมละลายจนหมด  ไม่เหลือที่ว่างให้ซ่อนตัวอีกต่อไป  ฉันดันแกรมม่าไปหน้าห้อง  แล้วเผาห้องต่อจนร้อนระอุ

              "แกเป็นใครกันแน่"

              บลูคิลเลอร์ตะโกนออกมา  ดูท่าทางปราการชิ้นสุดท้าย  จะติดไฟไปด้วยแล้ว 

              ส่วนฉัน  ในใจอยากบอกให้'เรียกแม่สิลูก'  แต่กลัวว่าจะไปกระตุ้นต่อมโกรธยิ่งกว่านี้  เลยได้แต่อมยิ้มอยู่คนเดียว

              ตอนนี้ฉันเดินเข้าไปในเพนเฮาส์  ทำเป็นวิ่งตามเธอไม่ทัน  ปล่อยให้เธอหนีไปได้ 

              "เร็วเข้า  เพนนี"

              โธ่  แม่สาวหน้าหวานของฉัน  คงยังไม่เข้าใจแผนสินะ  ฉันดึงแขนเธอไว้  ก่อนปล่อยให้บลูคิลเลอร์หนีไปได้  และแน่นอนว่าเจ้าตัวจะไปตามคนมาสู้กับเรา

.

.

              เขียนโดยเพียงออ

              ในตอนนั้นเอง  ฉันได้รับหน้าที่ให้แฮกแล้วทำลายระบบของนาดา  งานช่างใหญ่เหลือเกิน  แต่สมกับการบอกเล่าของผบ.ตร.  ถ้าไม่ใช่ท่าน  ฉันคงไม่มาช่วยตำรวจแบบนี้  เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ไม่ได้มากเท่าไหร่  แต่ฉันก็ยินดีทำ  ก็มันเป็นความภาคภูมิใจนี่นา

              ฉันจะเล่าเรื่องให้เข้าใจง่ายที่สุด  และบางอย่างก็อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้  พยายามเข้าใจละกัน 

              ฉันรู้ดีว่าเวลาคนอยู่หน้าคอม  มักจะเข้าไปดูหนังฟังเพลง  แทนที่จะทำงานตลอดทั้งวัน  และการเฝ้าอยู่หน้าจอ  ทำให้เห็นว่า  แฮกเกอร์ชาวนาดาชอบดูหนังฮอลลีวูด  ฉันส่งโฆษณาค่ายหนังให้เขาในราคาพิเศษ  เป็นอันรู้กันว่า  สมัยนี้  ถ้าจะดูหนังออนไลน์  ต้องเผชิญกับไวรัสและโฆษณายาวเหยียด  ดังนั้นพวกเรามักจะรอให้มีการลดราคาแบบนี้เสมอ

              ฉันเดาว่า  แฟนหนังชาวนาดาคงจะทำตาโต  เมื่อหนังที่ตนอยากดู  มาให้ดูนับร้อยๆ เรื่องในราคาถูก  ไม่นานนัก เขาก็กดตอบรับการสมัครสมาชิก  โดยไม่สนว่าจะเป็นแอพแบรนด์อะไร

              เมื่อมีคนหนึ่งตอบรับ  ฉันก็ติดตั้งเครื่องมือแฮกรหัสผ่านกับยูเซอร์เนมผ่านแอพดูหนัง  ตอนที่เขาหลับตามเวลาของนาดา  ฉันก็แอบเปลี่ยนรหัสผ่านของแอดมินให้เป็นของเรา  รีสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง  แล้วล็อคอินด้วยยูเซอร์เนมกับพาสเวิร์ดใหม่ได้ 

              ยัง  ยังไม่พอ

              ฉันติดตั้งโทรจันการเข้าถึงจากระยะไกล  ถึงขั้นเปิดเพลงให้แฮกเกอร์เจ้าของเครื่องฟังได้เลย  จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อคนที่ล็อคอินเข้าระบบคนสุดท้าย  ให้เป็นชื่อแฮกเกอร์ชาวนาดาเหมือนเดิม  ต่อให้หาแค่ไหน ก็จะไม่เจอว่ามีคนแปลกหน้าล็อคอินเข้ามาใช้ระบบ 

คงจะงงเป็นไก่ตาแตกเลยละซิ 

              ด้วยการนี้  ฉันจึงได้ยูเซอร์เนมกับพาสเวิร์ดทั้งหมดในนาดา  และอีเมลที่ใช้ตอบโต้ได้หมด  แต่ใครจะไปอ่านหมดเล่า  ฉันก็ให้เอไอช่วยสรุปข้อมูลในภาพรวม  แล้วตั้งคำถามว่า 'ขอรหัสทำลายระบบนาดา'

              เพียงสามสิบวินาที  ก็ได้บทความหนึ่งย่อหน้าเล็กๆ  เพื่อทำลายระบบทั้งหมดของนาดาได้  ดีนะที่ฉันซื้อระบบเอไอมาจากใต้ดิน  ทำให้มันตอบคำถามที่ละเมิดจริยธรรมได้ 

ขอโทษเด็กและเยาวชนที่ได้อ่านบันทึกนี้  นี่ไม่ใช่เรื่องน่าเลียนแบบเลยนะ

              ฉันกดเอ็นเทอร์แรงๆ หนึ่งที  ระบบของชาวนาดาเป็นอัมพาต  อย่างน้อยๆ เราก็หยุดการตายนับล้านได้  ตามที่ผู้หมวดเพนนีบอก

              สาแก่ใจอีเพียงออนัก!!

.

.

              เขียนโดยเพนนี

              หลังจากปล่อยให้บลูคิลเลอร์หนีไปได้  พวกนั้นก็ตามบอดี้การ์ดมาจัดการพวกเรา  เราลงมายังพื้นดิน  ฉันสู้กับพวกนี้  เพื่อถ่วงเวลา  เพราะพวกเขากำลังยุ่งอยู่กับเรา  ทำให้ไม่ทันได้ใส่ใจเรื่องแฮกเกอร์ในนาดา 

              ดูเหมือนว่า  บลูคิลเลอร์จะเป็นคนใหญ่คนโตทีเดียว

              ฉันไม่ต้องทำอะไรเลย  แค่ปล่อยลำเพลิงไปที่พวกนั้นด้วยมือข้างเดียว  ส่วนมืออีกข้าง  ม้วนผมเล่นไปพลาง  แม้แต่เสื้อสูทยังติดไฟได้เลย  แล้วเขาจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน

              ประเทศที่ยากจนประเทศนี้  คงไม่สามารถซื้อพลังจากธาตุอื่นๆ ได้มากนัก  ฉันจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ

              "เอาละ  เรียบร้อย"

              เพียงออพูดผ่านหูฟัง  ฉันและแกรมม่าหันมายิ้มให้กัน  ก่อนล็อคเอาท์

              เราถอดอุปกรณ์ออก  แล้วถามเพียงอออย่างตื่นเต้น

              "สำเร็จไหม"

              "เชื่อมือเราได้"

              "ขี้โม้"  ฉันแซวเพื่อนร่วมทีมคนเก่ง  ก่อนหันมาระบายยิ้มให้แกรมม่า  นับวันฉันยิ่งใจเต้นกับเธอมากขึ้นทุกที  ถ้าบอกว่าโดนทำเสน่ห์ก็คงเชื่อไปแล้ว  นิ้วก้อยฉันเกี่ยวกระหวัดนิ้วก้อยเธอ  เรามีรอยยิ้มจางๆให้กัน  ถ้าไม่นับว่าเธอลืมทุกครั้งที่เราวนลูป  ฉันคงคิดว่าเธอจำได้  และมีใจให้ฉัน

              โรแมนติคซะจริง

              ฉันโน้มตัวลงมาเพื่อจุมพิตเธอ

              แต่...เสียงเคาะประตูดังขึ้นแทบจะทันที

              เสี้ยววินาทีหนึ่งฉันเห็นความเสียดายในแววตาเธอ  แต่แล้วแกรมม่าเปิดประตูพร้อมยิ้มแป้น  คิดว่าคงจะมีใครสั่งพิซซ่ามากิน

              ในทันทีทันใดนั้นเอง  ชายฉกรรจ์ถือมีดสปาร์ต้าดันเข้ามาในห้อง  เขาฟันเข้ามาที่แกรมม่าตรงๆ  ฉันผลักเธอ  แล้วฉันก็เจ็บแขนขวาแปลบ  โดนฟันเข้าให้  แผลลึกจนเห็นกระดูก  เส้นเลือดใหญ่ถูกตัดขาด  เลือดไหลริน  ฉันแทบจะยืนไม่ไหว

              "ไม่นะ"  แกรมม่าร้องไห้  "ไม่เอาแบบนี้อีกแล้วนะ  อย่าตายนะเพนนี"

              แบบนี้น่ะ  แบบไหน  ฉันสงสัย  แต่แขนเจ็บจนถามอะไรไม่ออก

              แกรมม่ายิงปืนเลเซอร์ใส่พวกมัน  ชายฉกรรจ์คนนั้นเข้ามาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  แล้วก็วิ่งหนีจากไป  พวกนี้คงส่งคนมาตามเรื่องนายเรย์  แต่การตอบโต้ล่าสุดของเรา  ทำให้พวกเขาส่งคนมาทำร้ายกันแบบนี้

              ฉันล้มลง

              แกรมม่าประคองฉันเอาไว้  เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น  ระหว่างเราคงมีความผูกพันกันในระดับหนึ่ง  แต่คงไม่มากพอให้เธอรักฉัน  เหมือนที่ฉันรักเธอ

              "เพนนีรักแกรมม่านะ"

              ฉันหลับตาอย่างโรยแรง

              เธอก้มลงจุมพิตฉันเนิ่นนานด้วยความอาลัย  ดีที่ฉันไม่ใจร้อนบุ่มบ่ามกับเธอ  ดีที่เราค่อยๆ คุยกัน  ดีที่เรามีชะตาให้มาทำงานด้วยกัน

              ฉันรู้สึกหนาว  แล้วภาพต่างๆ ก็มืดลง  จากนั้นมือก็หมดแรง  ฉันตายในอ้อมกอดของยัยตาหวานคนสวย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 29 เมื่อแสวงหารักที่ดีได้แล้ว(ตอนจบ)

    เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 4 เดือน ลูปที่ 6 ฉันพาแกรมม่ามาที่ห้องพักบ่อยครั้ง พวกเราค่อนข้างหวานแหวว ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเธอ นั่นคือ… อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์แม่บ้านเอไอทำตัวแปลกออกไป อย่างที่ฉันสงสัยมาเสมอ ว่าเธอถูกใส่โปรแกรมให้รักเจ้านายเข้าไปด้วย หรือไม่วิวัฒนาการก็ทำให้เธอมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ อ้อยอิ่งไม่ฮัมเพลงเวลาทำกับข้าว อ้อยอิ่งไม่รีบมาเวลาฉันเรียก และอ้อยอิ่งประชดประชันฉันบ่อยขึ้น “หุ่นยนต์เอไอ” ฉันเรียกเธอ “ค่ะ เจ้านาย” แทนที่จะต่อปากต่อคำให้ฉันเรียกชื่อเหมือนอย่างเคย แต่เธอกลับตอบรับอย่างไม่มีชีวิตชีวา “งอนเหรอ” “หุ่นยนต์ไม่สามารถมีความรู้สึกได้ นอกจากยินดีทำตามคำสั่งค่ะ และอ้อยอิ่งก็เป็นแค่หุ่นยนต์” ฉันต้องแคร์ไหมเนี่ย เอา ก็ได้วะ “ขอบคุณอ้อยอิ่งมาก ที่ทำงานรับใช้ฉันอย่างดีเสมอมา” ฉันไม่รู้จะจบประโยคนี้ได้อย่

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 28 แล้วครอบครัวที่หายไปก็กลับมา

    เขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน “เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา “เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ “ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล” หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน “ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 27 วันรวมญาติของเพนนี

    เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 93 วัน ลูปที่ 6 ภาพรอบๆ ตัวฉันเป็นสีขาวโพลน แวบแรกฉันคิดว่า นี่คือสวรรค์หรือไม่ก็โลกหลังความตาย มีคนตายกี่คนที่จะกลับมาบอกเราว่า โลกหลังความตายเป็นอย่างไร แล้วภาพก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ฉันจึงเห็นว่าสวรรค์แห่งนี้ ดูเหมือนโรงพยาบาล "ตื่นแล้วเหรอ" "คอแห้งมากเลย" ฉันตอบกลับเสียงนั่นเบาๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นแกรมม่า เป็นแกรมม่าเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว นั่นคือเวอร์ชั่นที่ไม่อมทุกข์ "รู้สึกอย่างไรบ้าง" ฉันสำรวจแขนขาตัวเอง ก็ยังผอมบางเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่ามีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม เหมือนได้รับยาเพิ่มพลังชีวิตอย่างไรอย่างนั้น "ก็ดี" "พูดให้เจาะจงหน่อย" "รู้สึกมีแรงมากขึ้น ตัวเบาขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน" "วิเศษมาก!!" แกรมม่าแทบจะตะโกน "ตอนนี้เพนนีหายแล้วนะ เพนนีจะไม่ตายแล้ว" "ว่าไงนะ บุญช่วยงั้นเหรอ" ฉันเอ่ยอย่างใสซื่อ ไม่รู้จะนึกเรื่องไหนได้อีกแล้ว "เพนนีจะไม่ตายจ

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 26 แล้วไวรัสก็ระบาด

    เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 เดือน ลูปที่ 6 "เพนนีเป็นยังไงบ้าง" แกรมม่าถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันขาวราวกับกระดาษ โธ่ ลืมปัดแก้มอีกแล้ว "ก็ยังสบายดีค่ะ เพนนีเคลียร์งานนี้เสร็จ จะไปกินข้าวด้วยนะ" "แกรมม่ามีเรื่องจะบอก" เธอทำหน้านิ่ง จนฉันกลัวอีกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่น่ารู้ก่อนที่ฉันจะตายอีกไหมนะ แต่ก็อีกเป็นปีๆ แหละนะ "แกรมม่าจำได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการวนลูป" "หะ?" ฉันอุทาน "ได้ยังไง" "แกรมม่าจดจำเรื่องทุกอย่างได้เพราะ โธ่ อย่าทำหน้าตกใจขนาดนั้น ก็แค่จำได้ ลุงกานเลยคุยกับแกรมม่าเพื่อยืนยันเรื่องของเพนนี ตลอดเวลาที่เราวนลูป" "แล้วยังไงอีก" "หมายความว่าไง ก็บอกไปทุกเรื่องแล้ว" เธอก้มหน้าหงุด รู้ว่าถึงฉันจะวนลูป แต่ในใจก็มีเธอเสมอ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ฉันได้บอกรักเธอ หน้าฉันเลยมีสีจัดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "แล้ว...แล้ว...แล้ว" "แล้วอะไร" แกรมม่าคงจะเขินจริงๆ "แล้วรักเพนนีบ้างหรือยัง"

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 25 ของใครก็ของคนนั้น

    เขียนโดยเรย์ หลังจากนั้น 8 วัน ลูปที่ 6 ภายหลังนาดาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาจารย์เพนนีก็มาหาผมที่บ้าน และขอคุยกับผมตามลำพังในห้องรับแขก “อาจารย์เข้าเรื่องเลยละกัน” “มีนัดต่อกับพี่แกรมม่าเหรอครับ” ผมดักทาง เหม็นกลิ่นความรัก “ขอเขกหัวทีเถอะ ไอ้เด็กนี่” ไม่พูดเปล่า แต่ยกมะเหงกขึ้นมาด้วย แต่ผมหลบไวกว่า ผู้หญิงหรือจะไวสู้ผู้ชายได้ อาจารย์เลยทำหน้าเคร่งขึ้นมา “มานั่งให้ดีๆ” “ครับ” “ไปหาคุณฮาริสที่เพนเฮาส์ ไปต่อหน้าอาจารย์นี่แหละ” “ครับ” ผมสวมเสื้อสูท VR ส่วนอาจารย์เพนนีเปิดแท็บเล็ตส่วนตัวเพื่อติดตามบทสนทนาระหว่างเรา ผมขึ้นลิฟท์ไปแบบอารยชน ไม่ได้ไปในฐานะขโมยหรือผู้ร้าย ผมรู้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เพนนีที่ว่า ผมกระตุ้นให้เกิดเรื่องร้ายแรงในประเทศเรา และกำลังจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือนร้อนจำนวนมาก ถึงขั้นตายเลยเสียด้วยซ้ำ “ผมขอโทษครับ” ผมก้มกราบคุณฮาริสที่อยู่ในรูปร่างบลูค

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 24 ผมมาเพื่อปลดแอกนาดา

    เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6 ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่ แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน “ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status