py pub
ใช่ครับ ผมอยู่ผับ ผับผมเองแหละ ก็แวะมาคลายเครียดกันนิดหน่อย พวกผมเป็นผู้ชาย ที่สำคัญโสด มันก็เป็นธรรมดาของพวกผมที่จะต้องมากินเหล้าเคล้านารี อย่าด่าพวกผมเลวเลยครับ เรียกว่าแบ่งปันความหล่อให้สาว ๆ ได้เชยชมก็พอ ซึ่งเพื่อนสามตัวของผมก็มีสาวนั่งข้างเรียบร้อย โดยเฉพาะไอ้เหนือที่ตอนนี้มันกับสาวไซซ์มหึมาแทบจะล่อกันตรงนี้อยู่ละ
"มึง กูไปละ" ไอ้วินพูดจบ มันก็เดินไปกับสาวร่างเล็กที่นมไม่เล็ก
"โชคดีนะพวก"
พูดจบ ไอ้ดินมันก็ควงสาวผมแดงขึ้นห้องทันที ใช่ครับพวกผมมีห้องไว้ทำภารกิจที่นี่ สำหรับลงความใคร่น่ะครับ รวมถึงห้องนอนด้วย แต่ห้องนอนไม่มีใครมีสิทธิ์เข้านะครับ เพราะมันเป็นพื้นที่ส่วนตัว สาว ๆ ที่พวกผมมีอะไรด้วยก็แค่ วันไนท์สแตนด์ ไม่มีการผูกมัด มีความสุขกันทั้งสองฝ่าย พร้อมกับเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นค่าตอบแทนแก่สาว ๆ
"ไอ้เหนือ ห้องมีไอ้สัตว์ ไปได้แล้ว มึงจะล่อกันตรงนี้เลยหรือไง"
ผมพูด ผมล่ะยอมมันจริง ๆ หื่นไม่เลือกที่จริง ๆ มันเงยหน้าจากนมผู้หญิงคนนั้นพร้อมมองผมอย่างไม่สบอารมณ์
"ไปกันเถอะครับน้องหญิง จะได้ไม่มีใครมาขัดอารมณ์เราสองคนอีก" มันพูดกับผู้หญิงที่เป็นเหยื่อของมันในค่ำคืนนี้ ก่อนจะเดินออกไป เฮ้อ
"ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ" ผมนั่งอยู่สักพักก็มีผู้หญิงเข้ามาทักผม อืม หุ่นใช้ได้ โดยเฉพาะหน้าอก ผมมองหน้าอกผู้หญิงคนนี้สักพักก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้าของเธอ หึ หน้าตาสวยใช้ได้คนนี้แหละเหยื่อของผม
"เชิญครับ" ผมพูดเธอก็นั่งลงข้างผม พร้อมเอานมมาถูแขนผมทันที
"ชื่อแยมนะคะ" หึ แยมงั้นเหรอ อยากกินแยม
"พายุครับ" ผมตอบพร้อมกระตุกยิ้มให้หนึ่งที
"พายุนี่ พูดน้อยนะคะ" เธอยังคงพูดพร้อมกับนำมือของเธอมาลูบอยู่บริเวณหน้าอกของผม
"หึ" ผมเพียงแค่หัวเราะในลำคอเท่านั้น
"แยมชอบคุณแล้วสิ แถมยังอยากกินพายุอีกด้วย พายุจะอนุญาตไหมคะ" เธอพูดขอแต่มือเธอวนมาลูบใกล้ ๆ เป้าผมแล้ว ถ้าจะขนาดนี้จะขอทำไมวะ
"คงไม่ต้องขอแล้วมั้งครับ เพราะคุุณลุกผมแล้ว" ผมพูดพร้อมมองหน้าเธออย่างมีเลศนัย
"แล้วจะยอมให้แยมลุกไหมล่ะคะ" แยมพูด
"วันไนท์ไม่ผูกมัด แตกแล้วแยก" ผมพูด ใช่ครับมันคือกฎของผม ถ้าทำตามไม่ได้ก็จบกันตั้งแต่ตอนนี้
"หึ ตกลงค่ะ" เธอพูดพร้อมมองหน้าผมแล้วกัดริมฝีปากอย่างยั่วยวน
"งั้นก็ไปครับ ผมก็อยากกินแยมแล้วเหมือนกัน" พูดจบผมก็เดินนำเธอเข้าห้องทันที
ณ ห้องประชุม
เมื่อไหร่จะมากันน้า โอ๊ย ฉันละเครียด ไหนจะเรื่องการแสดง ไหนจะตัวคนแสดง นี่น้องมนต์นางจะไม่ลงแข่งจริง ๆ เหรอ
"ไม่เป็นไรน่าเจ๊ริชชี่ ยังไงซะน้องมันก็ต้องมาที่นี่อยู่แล้ว" รันนี่ตุ๊ดหัวโปกพูด
"ใช่เจ๊ น้องมาเราค่อยกล่อมน้องให้ลงก็ได้" ปูเป้ตุ๊ดฝึกหัดพูดต่อ จริงอย่างตุ๊ดสองตัวมันว่า ยังไงซะน้องก็ต้องมาที่นี่ ถึงเวลาค่อยใช้วาจาอันศักดิ์สิทธิ์กล่อมน้องมันก็ได้หนิ แล้วเมื่อไหร่จะมากันเนี่ย ตุ๊ดเครียด
"อ้าว เจ๊ ทำไมนั่งหน้าเครียดขนาดนั้นอะ แล้วนี่พวกเฮีย ๆ ยังไม่มากันอีกเหรอ" ไอ้ก้องประธานปีสองพูด เฮ้อ พอเห็นหน้าหล่อ ๆ ของมันก็สบายใจ มันใช่เวลาไหมเนี่ย…
"ไง นั่งหน้าเครียดเชียว" นั่นไงเสียงแบบนี้มีคนเดียว ไอ้พายุ แก๊งหล่อเลว
"แล้วนี่น้องยังไม่มากันอีกเหรอ" ไอ้ดินพูด
"เอาเหอะ รอน้องหน่อย" ไอ้วินสุภาพบุรุษจอมปลอม
"อย่าเครียด ๆ เดี๋ยวไม่สวยนะฮะ" ไอ้นี่ก็กะล่อนตัวพ่อไอ้เหนือ
สิบนาทีต่อมา
"ขอโทษนะคะที่มาสาย พอดีออกมาช้าค่ะ รถเลยติด" น้องน้ำหวานมาแล้ว มาพร้อมกับน้องทิพย์ น้องพิ้งค์ น้องแดน แต่ขาดไปหนึ่งคนอ่า นี่น้องจะไม่มาจริง ๆ เหรอ
"เอ่อ คือยัยมนต์ไปเข้าห้องน้ำค่ะ เดี๋ยวนางตามมา" น้องพิ้งค์พูด
"ไม่เป็นไรลูกไม่เป็นไร แค่พวกหนูมากันเจ๊ก็ดีใจแล้ว ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นสิจ๊ะน้องพิ้งค์ พวกมันไม่กัดหรอก นี่พวกแกก็ทำหน้ามันดี ๆ หน่อยสิ เห็นไหมนางฟ้าของฉันกลัวกันหมดแล้ว" ฉันพูดกับน้อง ๆ เพราะตอนนี้น้องพิ้งค์ดูกลัวไอ้แก๊งหล่อเลวขนาดหนักเลย ไอ้พวกนี้ก็นิ่งซะ จะคีพลุกไปถึงไหน
"เจ๊"
"อะไรจ๊ะน้องทิพย์"
"เจ๊มองหาคนเปลี่ยนตัวไอ้มนต์หรือยังคะ ไอ้มนต์มันจะไม่ลงนะ" คำพูดประโยคต่อมาของน้องทิพย์ทำให้ฉันอึ้งจนไปไม่เป็นเลยล่ะ
"เอ่อ แล้วถ้าเจ๊บอกว่าจะกล่อมมัน หวานบอกเลยค่ะ ไม่มีทาง"
"ใช่ค่ะ ไม่มีใครบังคับมนต์ได้หรอกเจ๊ คำพูดของมันคือคำขาด ไม่ก็คือไม่" ยังสมทบกันอีกนะเด็ก ๆ เจ๊จะเป็นลม
"ทำไมหนูถึงรู้นิสัยของมนต์ดีกันจังล่ะจ๊ะ" เออ ฉันก็สงสัยนะ น้องมันสนิทกันมากขนาดนั้นเลย
"เจ๊ไม่สังเกตหรือสงสัยติดใจในชื่อพวกหนูเลยเหรอคะ" เออนั่นสิ ที่น้องพิ้งค์พูดก็มีเหตุผล ชื่อคล้าย ๆ กัน
"ก็นิดหน่อยจ้ะ" เป็นยัยรันนี่ตอบน้องไปเอง
"จะไม่รู้ได้ยังไงคะ พวกหนูสี่คนเนี่ย เรียกว่ารู้ไส้รู้พุงกันหมดเลยล่ะ พ่อแม่ของพวกหนูเป็นเพื่อนกันย้ำว่าสนิทกันมาก ถึงขนาดตั้งชื่อพวกหนูให้คล้องจองกัน เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก รู้ข้อดีข้อด้อยของกันอย่างชัดเจน เรียกได้ว่า ไม่ต้องพูดมองตาก็รู้ใจเลยล่ะเจ๊" โห ยิ่งกว่าละคร มิน่าถึงมักเห็นไปไหนมาไหนด้วยกัน น้องหวานร่ายซะยาวเลย ไอ้หล่อเลวสี่ตัวเอ้ย สี่คนก็นั่งมองน้องตาไม่กะพริบ มีอยู่คนมองที่ประตูอย่างเดียว จะใครล่ะก็พายุไง
30 นาทีต่อมาก๊อก ก๊อก ก๊อกฉันเคาะประตูเรียกคนในห้อง แต่ก็ไม่ยอมออกมาเปิด ฉันยืนชั่งใจอยู่หน้าประตูสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง เข้าไปก็เห็นเขานอนหันหลังให้ประตูอยู่“ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนค่ะ” ฉันเรียกแต่คนตัวโตก็ไม่ยอมขยับพรึบฉันพลิกร่างให้เขานอนหงายก่อนจะนั่งคร่อมเขาเอาไว้ แล้วไล้มือไปตามหน้าอกของเขาช้า ๆ เขามองการกระทำของฉันนิ่ง ๆ“มนต์ขอโทษ ทีหลังจะไม่ทำแบบนี้แล้วค่ะ” ฉันบอกเขาเสียงหวาน แล้วมองเขาด้วยสายตาเชิญชวนที่สุด“อย่ามายั่ว เดี๋ยวจะไม่ได้นอน” เขอพูดแล้วจับเอวจะให้ฉันลงจากตัวเขา แต่ฉันไม่ยอม นั่งบดเบียดให้ส่วนนั้นของเขากับฉันบดเบียดกันมากกว่าเดิม“น้ำมนต์”“หายโกรธมนต์สิคะ แล้วมนต์จะหยุด นะ นะคะ” เขามองฉันนิ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา“มาง้อแบบนี้คิดดีแล้ว” เขาถามฉันจึงพยักหน้าเขิน ๆ ให้เขาไปพรึบอะ “ขอบคุณนะครับ” ตัวของฉันถูกกดลงบนเตียงนอน ในใจเต้นตึกตัก รอคอยสัมผัสจากเขา จมูกเธอได้กลิ่นครีมอาบน้ำที่เขาใช้ ทำไมนะทั้ง ๆ ที่ห้องของเขาและฉันใช้สบู่กลิ่นเดียวกัน แต่กลับรู้สึกว่าเมื่อมันอยู่บนตัวเขาแล้วมันดันหอมกว่าซะงั้นจุ๊บ จ๊วบเขาค่อย ๆ ไล่จูบฉันตั้งแต่
1 ปีผ่านไป ทุกคนคะตอนนี้ฉันขึ้นปีสองแล้วค่ะ ส่วนเฮียพายุก็อยู่ปีสี่แล้ว ปีนี้เฮียพายุฝึกงาน เราจึงไม่ค่อยได้เจอกันนัก เจอกันอาทิตย์ละสองถึงสามวันก็เท่านั้นเองแต่ฉันไม่เคยน้อยใจเขานะคะ เข้าใจเขาซะอีก เพราะงานเขาเยอะมาก ไหนงานที่จะต้องฝึก ไหนจะงานที่ผับเขาอีก เขาไม่ป่วยก็ดีสุด ๆ แล้วค่ะ ที่สำคัญถึงเราจะไม่เจอกัน แต่เฮียพายุเขาก็หาเวลาโทรมาคุยกับฉันทุกครั้ง ทุกครั้งที่โทรมาก็จะอ้อนนั่นอ้อนนี่ไปเรื่อยตามแบบฉบับเขานั่นแหละค่ะขออัปเดตเรื่องราวของเพื่อนสักหน่อย ยัยหวานกับพี่ดินก็หลังจากที่ผ่านการระหองระแหงกันคราวนั้นได้ก็รักกันปานจะกลืนกิน ชีวิตมีแต่สีชมพูไม่อมทุกข์โศกเหมือนใครเขาส่วนคู่พิ้งค์รายนั้นพี่วินก็ตามง้อขอคืนดีจนได้ แต่กว่ายัยพิ้งค์จะคืนดีด้วย ก็ตอนมาขึ้นปีสองนี่แหละค่ะ นางบอกว่าต้องดูให้แน่ใจก่อน จะให้โอกาสแต่ละครั้งต้องคิดดี ๆ เพราะไม่อยากเสียใจส่วนคู่ที่ฉันห่วงสุดคือยัยทิพย์กับพี่เหนือนี่แหละค่ะ ตอนนี้ทะเลาะกันหนักมาก ทะเลาะจนพี่เหนือขอห่างกับมันมาเป็นเดือนแล้ว มันเล่าให้ฟังพี่เหนือเขาเบื่อและรำคาญที่มันหึงเขากับน้องข้างบ้าน ทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่ามันไม่มีอะไร แต่นางก็ยังหึง ฉั
อื้อฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อมีแสงเล็ดลอดผ่านม่านระเบียงห้องเขามา แสงแดดที่ส่องผ่าน ทำให้ฉันต้องกะพริบตาหลายครั้งเพื่อนให้คุ้นชินกับสภาพแสงในห้อง ฉันไล่สายตาไปรอบ ๆ ห้องอย่างไม่คุ้นชิน เพราะที่นี่มันไม่ใช่ห้องฉัน ก่อนจะก้มลงมองที่เอวเมื่อรู้สึกมีอะไรรัดเอวอยู่“เฮียพายุ”ทันทีที่ฉันก้มหน้าลงไปมองที่เอวก็เจอกับวงแขนที่กอดรัดเอวฉันไว้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ว่าแต่ฉันมาอยู่ที่ห้องพี่พายุได้ยังไง นี่คอนโดเขาเหรอ เอ๊ะ ทำไมรู้สึกโหวงเหวงข้างในนะ“กรี๊ดดดด”ฉันกรี๊ดออมาอย่างตกใจ เมื่อก้อมหน้ามองดูที่คอเสื้อ ฉันไม่ได้ใส่เสื้อใน!“มนต์เป็นไร ใครทำอะไรครับ”“เฮียนั่นแหละทำอะไรมนต์”“อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร” เขาตอบแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน“เฮียคะ ไม่ตลกนะ”“แล้วเราคิดว่าเฮียทำอะไรละ”“เฮียจิ้มมนต์แล้วใช่ไหม”โป๊ก“โอ๊ย เฮียดีดหน้าผากมนต์ทำไม มนต์เจ็บนะ คนฉวยโอกาส”“คิดดี ๆ ถ้าเฮียจิ้มมนต์ เราจะมีแรงลุกมาโวยวายไหม” ฉันคิดตามที่เขาพูด แล้วตรวจสภาพตัวเองก็พบว่าทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิมขาดก็แต่เสื้อในเท่านั้นที่หายไป“แล้วเฮียทำอะไรบ้างละคะ” ฉันถามเขาพร้อมทำหน้างอ“จะให้พูดจริงเหรอ”“เฮีย!!” ฉันมองเขาทั้ง
ผมมองน้ำมนต์ด้วยความไม่พอใจไม่ใช่ว่าเธอตบรุ้งนะ แต่เพราะบนใบหน้าของเธอมีรอยแดง เป็นรอยนิ้วมือปรากฏอยู่ ผมเคยบอกเธอแล้ว ว่าอย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัว แล้วดูตอนนี้สิหมับ“จะไปไหน”“...” เธอไม่ตอบแต่พยายามสะบัดแขนออกจากมือของผม นี่คงจะคิดเองเออเอง ว่าผมเข้าข้างรุ้งสินะ เหอะ ผมไม่ได้โง่เหมือนพระเอกในละครนะครับที่พอเห็นฉากที่นางเอกมีเรื่องกับนางร้าย แล้วจะเข้าข้างนางร้ายด่านางเอก ผมพายุครับ ผมไม่ได้โง่!!! ผมคบกับมนต์มาตั้งหลายเดือน คิดเหรอว่าผมจะไม่รู้ว่าแฟนตัวเองนิสัยยังไง“ปล่อย”“จะไปไหน อยู่คุยกันก่อน” ผมพูดกับคนที่เริ่มดื้อ คอยดูสิเดี๋ยวก็ร้องไห้ อะนั่นไงน้ำตาไหลแล้ว ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คิดมากไปเองอะมนต์“พี่พายุคะ รุ้งเจ็บ” ผมดึงมนต์เข้ามากอดไว้แน่น เมื่อเห็นเธอร้องไห้ แล้วมองไปที่ไอ้วินให้มันพยุงรุ้งขึ้นมา“แฟนผมก็เจ็บ”“พี่พายุ!” รุ้งเรียกผมอย่างไม่อยากจะเชื่อที่ผมเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง ส่วนยัยตัวแสบที่อยู่ในอ้อมกอดผมก็เงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งน้ำตา จนผมต้องเอื้อมมือไปเช็ดหยดน้ำตาออกจากใบหน้าให้อย่างแผ่วเบา“แต่มนต์เขาทำร้ายรุ้งนะคะ พี่พายุควรจะปลอบรุ้งสิ”“ทำไมฉันต้องปลอบเธอ รุ้
วันสอบวันสุดท้าย“ไงพวกแกทำได้กันไหมวะ”“อื้อได้” ฉันเอ่ยถามเพื่อน ๆ ของฉัน หลังจากแกจากห้องสอบแล้วใช่ค่ะวันนี้เป็นวันที่พวกฉันสอบวันสุดท้าย ตลอดอาทิตย์นี้ ฉันกับพี่พายุก็ไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่เพราะว่าพี่เขาก็อ่านหนังสือเตรียมสอบเหมือน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ทั้งโทรทั้งไลน์มาคุยกับฉันอยู่ดี"กลับเลยไหม ไหน ๆ ก็สอบเสร็จแล้ว”“พวกแกกลับก่อนเลย ฉันขอรอเฮียพายุก่อน เฮียเขาบอกให้รอ” ฉันตอบยัยพิ้งค์ พวกมันก็พยักหน้ารับก่อนที่จะเดินแยกออกไปขออัปเดตเรื่องราวของยัยพิ้งค์กับพี่วินหน่อยนะ ตอนนี้เขาสองคนเลิกกันแล้วละ สวนพี่วินก็พยายามตามง้อ แต่ยัยพิ้งค์ไม่ยอมคืนนี้ ฉันถามมันว่าทำไม มันบอกฉันว่า วันนั้นที่มันร้องไห้มันตั้งใจจะไปง้อพี่วิน เพราะพี่วินงอนนางอยู่ แต่พอเปิดประตูเข้าไปนางกลับโดนเซอร์ไพรส์ซะเองพี่วินนอนอยู่บนเตียงกับคู่หมั้นเสื้อผ้าไม่ได้ใส่ พี่วินก็พยายามจะอธิบาย แต่นางไม่ฟังวิ่งร้องไห้ออกมา จนในที่สุดนางก็ตัดสินใจบอกเลิกพี่วิน พี่วินตัดสินใจมาพูดคุยกับพวกฉัน ขอให้พวกฉันช่วยจนพวกฉันต้องบอกพี่วินไปตรง ๆ ว่าเรื่องนี้ช่วยอะไรไม่ได้ พี่วินผูกเองก็ต้องแก้เอง แล้วฉันยังบอกพี่วินอีกว่า คนอ
ผมนั่งมองคนที่นั่งนิ่งไม่ยอมขยับตั้งแต่รถเข้ามาจอดในบ้าน ตอน แรกก็เห็นว่ายิ้มออกแล้วไม่คิดว่าจะขนาดนี้ นั่งนิ่งเป็นหินเลย“ไปครับ ไปเจอครอบครัวเฮียได้แล้ว” ผมหันไปบอกคนที่ทำหน้าจะร้องไห้อยู่ ผมเลยเลือกที่จะลงรถแล้วลงไปเปิดประตูรถให้เธอก่อนที่จะจับมือเธอลงมาจากรถ“พวกท่านจะรักมนต์ เชื่อเฮียนะครับ” ผมบอกคนตัวเล็กอีกครั้ง“ไหน คนที่มั่นใจในตัวเองไปไหนแล้ว น้ำมนต์ที่ปากหมาคนนั้นอยู่ไหนครับ หืม” ผมแกล้งว่าให้คนตัวเล็กก่อนที่ผมจะได้ค้อนวงโตจากเธอ “ไปครับ” ผมยิ้มให้เธอก่อนจะจับมือเธอเดินเข้าไปในบ้าน ไม่รู้จะเกร็งอะไรขนาดนั้น ไม่ได้พามาฆ่าสักหน่อย“อ้าวมาแล้วเหรอตายุ”“ครับคุณพ่อ แล้วนี่คุณแม่กับคุณย่าไปไหนครับ” ผมถามเมื่อไม่เห็นท่านทั้งสองคน“เข้าครัวนะ ทำอาหารรับขวัญแฟนแก”“นี่น้ำมนต์ครับ มนต์นี่พ่อเฮีย”“สวัสดีค่ะคุณลุง”“เรียกพ่อเหมือนตายุเถอะหนูมนต์”“เอ่อ ค่ะ คุณพ่อ” ผมยิ้มออกมาเมื่อเธอยอมเรียกพ่อผมว่าพ่อ ส่วนพ่อก็มองผมด้วยสายตาที่รู้ทัน ผมก็มองคนตัวเล็กที่นั่งเกร็งไม่ยอมขยับ ไม่กล้าพูด น่าเอ็นดูจริง ๆ“อ้าวตายุมาแล้วเหรอ น้องล่ะ”“อยู่นี่ไงครับคุณแม่ มนต์นี่คุณย่ากับคุณแม่ของเฮียเอง”