ห้างสรรพสินค้า
“ม่าน ทางนี้” ม่านไหมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นหญิงสาวท่าทางน่ารักรูปร่างผอมบางรอเธออยู่ตรงประตูทางเข้าห้าง หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินเข้าไปหา
“มานานหรือยังกิ่ง ขอโทษนะที่ให้รอ” กิ่ง หรือ กิ่งกมล เธอคือเพื่อนสาวคนสนิทของม่านไหม
“ไม่นานหรอก เราก็พึ่งมา ปะ ไปกันเถอะ เดี๋ยวเลยเวลาฉาย”
พูดพร้อมกับเดินควงแขนม่านไหมเข้าไปในห้างทันที สิ่งที่กิ่งกมลพูดถึงคือเวลาฉายหนังในโรงภาพยนตร์
วันนี้ทั้งสองนัดกันมาเพื่อดูหนังที่เข้ามาใหม่โดยเฉพาะ ทั้งยังเป็นการพักผ่อนเนื่องในวันหยุดอีกด้วย
ใช่แล้วทั้งม่านไหมและกิ่งกมลต่างก็ทำงานที่เดียวกัน ทั้งยังมีวันหยุดวันเดียวกัน เมื่อมีหนังเข้ามาใหม่ทั้งสองจึงไม่พลาดที่จะนัดและไปดูพร้อมกันทันที
“เป็นไงบ้าง”
“อะไรเป็นไง” กิ่งกมลหันหน้ามาถามม่านไหมอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ชีวิตรักอะช่วงนี้เป็นไงบ้าง แฟนแกดูแลดีไหม” หลังจากได้ฟังประโยคคำถามชัด ๆ กิ่งกมลก็ยิ้มแก้มปริ ก่อนจะตอบออกมาด้วยท่าทางภูมิใจ
“แน่นอนสิ พี่คีย์ต้องดูแลฉันดีอยู่แล้ว” เห็นท่าทางดีอกดีใจของเพื่อนสนิทจนออกนอกหน้า ม่านไหมก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงได้เบ้ปากมองบนใส่เพื่อนของตัวเอง แต่ถึงเธอจะแสดงท่าทางแบบนั้น ภายในใจกลับยินดีกับเพื่อนที่มีคนรักที่ดี
“แล้วเมื่อไหร่จะแต่ง คบกันมาสามปีแล้วไม่ใช่เหรอ” ม่านไหมถาม เพราะเพื่อนรักเธอกับคีรินทร์แฟนหนุ่มศึกษาดูใจกันมาสามปีกว่าแล้วแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีข่าวดีเลยสักนิด
“รอไปก่อนย่ะ ฉันยังไม่รีบ ไปเร็วรีบเดินเดี๋ยวไปซื้อตั๋วไม่ทัน”
“เป็นไงแกสนุกมาก ๆ เลยเนอะ ไม่เสียแรงเลยที่เอาเวลานอนมาดู” กิ่งกมลพูดออกมาในขณะที่เดินออกมาจากโรงภาพยนตร์แล้ว
“อื้อ ก็ดี”
“โหย ก็ดีอะไร ออกจะดีมาก ๆ แกนี่” กิ่งกมลว่าด้วยความไม่พอใจ เมื่อเพื่อนสนิทอย่างม่านไหมบอกว่าหนังที่เธอชื่นชอบว่าก็ดี เธอจึงคว่ำปากและค้อนวงโตใส่หญิงสาว
“หึ แกนี่ยังไงยายกิ่งโตจนป่านนี้แล้ว ยังมางอนฉันอีก ไป ไปเดินซื้อของกันเถอะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว” ม่านไหมส่ายหน้าให้กับเพื่อนตัวเองก่อนจะเดินนำออกไป
“นี่ยายม่านอย่ามาเดินหนีฉันนะ รอด้วยสิ” กิ่งกมลร้องเรียกก่อนจะรีบเดินให้ทันเพื่อนของเธอ
ทั้งสองต่างพากันเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ได้ของติดไม้ติดมือออกมาเป็นว่าเล่น แต่นั่นยังคงไม่เป็นที่พอใจสำหรับกิ่งกมล เพราะเธอยังต้องการซื้อเสื้อผ้าและเครื่องสำอางอีกหลายอย่างแต่ก็ดันถูกเพื่อนอย่างม่านไหมลากออกมาซะก่อน
“แกไม่น่าดึงลากฉันออกมาเลย ยังอยากซื้ออยู่เลยนะ” กิ่งกมลว่า
“พอก่อนเถอะ ที่ซื้อไปเนี่ยก็ใช้ให้หมดก่อน นี่แกจะเล่นซื้อมันหมดทุกแบรนเลยรึไง” ม่านไหมว่า
พอได้ฟังเหตุผลเชิงบ่นของม่านไหม เธอก็ต้องเก็บความอยากได้ของตัวเองลง ก่อนจะทำทีควงแขนหญิงสาวชวนเปลี่ยนเรื่องพูดคุย
“แล้วนี่พี่คีย์จะมาตอนไหน” ม่านไหมเอ่ยถาม เพราะระหว่างที่เธอกับกิ่งกมลกำลังซื้อของอยู่นั้น คีรินทร์ก็โทรเข้ามาก่อนจะบอกว่าเขาจะมาทานข้าวกลางวันด้วยให้พวกเธอรออยู่ที่ห้าง
“อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้วมั้ง” กิ่งกมลตอบ ก่อนจะหันสายตาไปสนใจสินค้าที่เอามาจัดโพรโมชันภายในห้าง
แค่เห็นดวงตาระยิบระยับของเพื่อนสนิทตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็รู้ว่ากิ่งกมลอยากได้ขนาดไหน ม่านไหมจึงทั้งลากทั้งจูงเพื่อนของตัวเองเดินออกห่างจากโซนจัดกิจกรรมอย่างรวดเร็ว
“เลิกมองได้แล้ว มองข้างหน้าแกนี่ เดี๋ยวก็เดินชนคนอื่นหรอก” ม่านไหมว่า
“ก็ฉันยังอยากดูนี่นาว่าโปรโมชันที่เขาจัดมันมีโปรอะไรบ้าง” กิ่งกมลแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ
“แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ เชียวนะ อ๊ะ ๆ ๆ ไม่ต้องมาทำท่าเหมือนหมาหงอยเลย ฉันไม่หลงกลแกหรอก ไป! ฉันอยากเข้าห้องน้ำแล้ว”
“ฮือ... ยายม่านนะยายม่านจำไว้เลย” ม่านไหมไม่สนใจคำพูดตัดพ้อของกิ่งกมล เธอเดินตรงเข้าไปยังห้องน้ำทันที
“อ๊ะ... อ้าว” จังหวะที่ม่านไหมจะเข้าห้องน้ำหญิงก็ชนเข้ากับคนที่สวนออกมาจากด้านในห้องน้ำซะก่อน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นว่าเป็นเลขาของสามีเธอ
ผู้หญิงที่ชนกับเธอชื่อ ปรายฟ้า หรือ ปราย ทำหน้าที่เลขาของก้องเกียรติมานานหลายปีแล้ว ม่านไหมค่อนข้างจะเคารพและให้เกียรติปรายฟ้าเหมือนเป็นพี่สาวคนหนึ่ง เพราะช่วงที่เธอคบกับก้องเกียรติแรก ๆ ก็ได้ปรายฟ้านี่แหละแนะนำว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไรอยู่เป็นประจำ
แรก ๆ ม่านไหมก็ระแวง แต่พอนานไปความระแวงก็หายไปกลายเป็นความเชื่อใจแทน เพราะทั้งปรายฟ้าและก้องเกียรติไม่เคยทำอะไรให้เธอไม่สบายใจเลยสักครั้ง เธอจึงรักและเคารพปรายฟ้าพอสมควร
“อ้าว น้องม่านมาทำอะไรที่นี่คะ”
“ม่านพาเพื่อนมาดูหนังค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงหวาน ก่อนจะมองเลขาสาวของสามีอย่างครุ่นคิด
“แล้วจะไปหาบอสไหมคะ พี่กับบอสพาลูกค้าออกมาเลี้ยงข้าวน่ะค่ะ” ปรายฟ้าพูด
“ไม่ดีกว่าค่ะพี่ปราย วันนี้ม่านมากับเพื่อนคงไม่สะดวกค่ะ” ม่านไหมตอบยิ้ม ๆ
“โอเคค่ะ งั้นพี่จะบอกบอสให้นะคะว่าพี่เจอน้องม่านที่นี่” ปรายฟ้าพูด ซึ่งม่านไหมก็พยักหน้ารับ
“พี่ขอตัวก่อนนะคะน้องม่าน ออกมานานแล้วเดี๋ยวจะเสียมารยาทค่ะ”
“ค่ะ” ม่านไหมตอบรับ ก่อนจะมองตามแผ่นหลังบางไปอย่างไม่คิดอะไร
ในขณะที่ม่านไหมมองอย่างไม่คิดอะไรอยู่นั้น เพื่อนอย่างกิ่งกมลกลับได้กลิ่นแปลก ๆ จากเลขาของก้องเกียรติ เพราะแม้ใบหน้าของปรายฟ้าจะยิ้มแย้มแต่แววตาของเธอกลับซุกซ่อนบางอย่างเอาไว้
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นปรายฟ้าใกล้ ๆ และได้จ้องตาอีกฝ่ายแบบนี้ บางสิ่งบางอย่างบอกเธอว่าผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ใช่แบบที่เธอและเพื่อนเห็นแน่ ๆ ยิ่งเห็นแววตาของปรายฟ้าที่มองม่านไหมราวกับตัวเองเหนือกว่า ก็ยิ่งรู้สึกไม่วางใจ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงมองนิ่ง ๆ เท่านั้น
ก่อนจะหันสายตากลับมามองเพื่อนตัวเองแล้วก็รู้สึกหนักใจ เพราะดูเหมือนม่านไหมจะไม่คิดอะไรและดูท่าจะไว้ใจปรายฟ้ามากเกินไป เธอก็ได้แต่แอบหวังกับตัวเองว่าสิ่งที่เธอคิดและกังวลอยู่คงไม่เป็นจริง
เพราะถ้ามันเป็นจริงอย่างที่เธอรู้สึกกังวลขึ้นมา เพื่อนที่แสนดีของเธอคนนี้คงจะเจ็บปวดมากไม่น้อยเลย...
“นี่ม่าน คุณปรายฟ้าเธอสวยเนอะ” กิ่งกมลพูดกับม่านไหมพร้อมทั้งเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“ใช่ พี่ปรายสวย แล้วก็เซ็กซี่ด้วยนะ” ม่านไหมหันมาตอบเพื่อนตัวเองอย่างไม่คิดอะไร
“ฉันถามอะไรหน่อยสิ” หลังจากชั่งใจสักพัก กิ่งกมลก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“อะไรล่ะ” ม่านไหมถามเพื่อนของเธอด้วยความไม่เข้าใจ และสงสัยในคราวเดียวกัน
“แกไว้ใจพี่ก้องสามีของแกมากแค่ไหน”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความตามที่ฉันพูดนั่นแหละ ก็เนี่ยเลขาทั้งขาว ทั้งสวยและเซ็กซี่ขยี้ใจแบบนี้แกไม่ระแวงบ้างเหรอ” ได้ยินคำถามจากกิ่งกมล
ม่านไหมก็ยิ้มร่า“นี่! ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วง แต่มั่นใจได้เลยว่าสองคนนี้เขาไม่มีอะไรหรอกสบายใจได้”
“...”
“ยอมรับนะว่าช่วงที่ฉันคบกับพี่ก้องแรก ๆ ฉันระแวงมาก เพราะพี่ปรายรู้เรื่องเกี่ยวกับพี่ก้องทุกอย่าง แต่พอรู้จักพี่เขาจริง ๆ แล้วถึงได้รู้ว่าพี่เขาไม่ได้คิดอะไร หนำซ้ำพี่ก้องก็ไม่เคยทำตัวให้ฉันต้องหนักใจเลยสักครั้ง”
“เพราะแบบนี้สินะตลอดเวลาที่ผ่านมาที่แกคบกับพี่เขา แกเลยไม่มาปรึกษาหรือระบายความทุกข์ใจให้ฉันฟังเลย”
“อื้อ” ม่านไหมพยักหน้าตอบแล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำห้องที่ว่างไป
ทั้งสองคนต่างแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว เสร็จแล้วก็ตรงไปที่ร้านอาหารที่นัดกับคีรินทร์ไว้ทันที
5 ปีผ่านไป“คุณพ่อขา... ช่วยปิ่นด้วยค่าพี่ปืนทำหนู”“ไม่จริงนะครับ น้องปิ่นต่างหากที่แกล้งผมก่อน ผมแค่ป้องกันตัว” สองเสียงของเด็กเล็กชายหญิงดังขึ้นไล่เลี่ยกัน ก่อนจะมีร่างจ้ำม่ำของทั้งสองวิ่งไล่ตามกันมา ก่อนผู้เป็นเด็กหญิงจะวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อเพราะเธอมาถึงก่อนปราชญาอ้าแขนรับร่างของเด็กหญิงก่อนจะอุ้มเข้าเอวแล้วหอมฟอดใหญ่ ก่อนจะหันไปอุ้มเด็กชายขึ้นมาเข้าเอวอีกข้าง“ไหนเล่าให้พ่อฟังหน่อยครับว่าเกิดอะไรขึ้น” ปราชญาเอ่ยถามทั้งสองคนที่แท้เด็กชายและเด็กหญิงที่ว่าคือลูกของเขา ผู้เป็นเด็กหญิงมีชื่อว่า ปิ่นมุก ส่วนเด็กชายอีกคนชื่อ ปืนกันต์ ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายหญิงที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ หากไม่สนิทและรู้จักมักคุ้นจริง ๆ คงจะแยกแยะได้ยากปิ่นมุกแฝดน้องมีนิสัยค่อนข้างแสบและซน เจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กเรื่องนี้ทำปราชญาและม่านไหมปวดหัวอยู่ทุกวันปืนกันต์แฝดพี่กลับเป็นคนเรียบง่ายติดจะเย็นชา แต่ความเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการกลับมีมากกว่าผู้เป็นน้องสาวที่คลานตามกันออกมาหลายขุมอย่างไรก็ตามเด็กทั้งสองคนนับเป็นเด็กที่ฉลาดมาก อายุเพียงสามขวบกว่าก็พูดจาคล่องแคล่วแล้ว“ว่าไงครับ ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” ป
ม่านไหมและปราชญาผละกอดจากกัน ชายหนุ่มจ้องตาเธอนิ่งเขาอยากจูบเธอแต่ไม่กล้าพอ ม่านไหมยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายโน้มหน้าไปจูบเขาก่อนทันทีที่ริมฝีปากของทั้งสองแตะกันก็คล้ายกับมีแรงดึงดูดทั้งเขาและเธอเอาไว้ ฝ่ามือหนาของปราชญาจับล็อกที่ต้นคอของหญิงสาวก่อนจะเป็นฝ่ายแทรกเรียวลิ้นบดขยี้จูบหวานหอมแสนอ่อนโยนให้กับเธอ ปราชญาไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ไว้ได้อีก มือหนาเคลื่อนไปตามสัญชาตญาณ กอบกุมอกอวบของเธอที่เขาเคยฝันถึงไว้ในอุ้งมือ ก่อนจะบีบขยำเคล้าคลึงเล่นไปมาปากก็ยังจูบม่านไหมไม่ยอมปล่อย จนหญิงสาวทุบตีที่หน้าอกเพราะหายใจไม่ทัน ชายหนุ่มถึงได้ผละปากออกมาให้เธอหายใจหายคอแต่การกระทำของเขาไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ปราชญาเคลื่อนริมฝีปากไปตามกรอบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะไปแวะเล็มขบกัดติ่งหูจนหญิงสาวขนลุกซู่“อื้อ... พี่ปราชญ์ขา” จากตอนแรกที่คิดว่าจะแกล้งเธอเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่สามารถข่มกลั้นความอดทนได้อีกต่อไป เพียงเพราะได้ยินเธอเรียกชื่อเขาเสียงหวาน“ม่านครับพี่ขอโทษแต่พี่ห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว” เขาละริมฝีปากที่ซุกไซ้ซอกคอของเธอก่อนจะเงยหน้าพูดม่านไหมยิ้มรับก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคอเขาไว้แล้วโน้มหน้าเขาลงมาบดจูบเธออี
ตั้งแต่ที่ม่านไหมรู้ว่าปราชญาจีบเธอ ปราชญาก็เปลี่ยนไปทันที สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือเขารุกหญิงสาวมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยเปลี่ยนหรือขาดไปนั่นก็คือความเอาใจใส่ของเขานี่ก็ผ่านมาสามเดือนได้แล้ว ที่ปราชญาจีบม่านไหม แรก ๆ ม่านไหมก็เกร็งแต่ปัจจุบันนี้เธอทำตัวตามสบาย ยิ่งถูกปราชญาเอาใจใส่และตามใจมาก ๆ หญิงสาวก็นึกกลัวตัวเองว่าจะเสียนิสัยเข้าสักวัน“เลิกงานแล้ว วันนี้พี่เหนื่อยมากเลยครับ” ปราชญาพูดหลังจากที่เห็นว่าหญิงสาวเดินขึ้นรถมาแล้วทุกวันนี้ม่านไหมขึ้นรถมาทำงานกับปราชญาแทบทุกวัน วันไหนที่ไม่ได้มาด้วยกันคือวันที่ปราชญามีประชุมข้างนอกหรือคุยงานหญิงสาวยิ้มให้กับคนตัวโตที่หันมาอ้อนเธอทุกครั้งที่เธอเดินขึ้นรถ หญิงสาวยอมรับว่าทุกวันนี้หญิงสาวรู้สึกดีมากที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ปราชญาเสมอต้นเสมอปลายกับเธอมาโดยตลอด จนหญิงสาวไม่กลัวแล้วว่าเขาจะเป็นเหมือนก้องเกียรติ“งั้นม่านนวดให้ดีไหมคะ”“ได้เหรอครับ” หญิงสาวหัวเราะเมื่อเห็นอาการถูกใจของเขา ก่อนจะพยักหน้ารับตอนนี้ท่าทางของปราชญาไม่ต่างไปจากเด็กที่ได้ของเล่นเลยด้วยซ้ำ“งั้นวันนี้เราจะทานอะไรกันดีครับ พี่หิวมาก”“แกงถุงไหมคะ ม่านมีร้านแนะนำ”
พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...“ม่าน”“...”“ยายม่าน!”“ฮะ! อะไร มีอะไร”“เหม่ออะไรของแก เป็นอะไร”“ปะ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่กำลังคิดอะไรนิดหน่อย” ม่านไหมตอบ“แน่นะ”“อืม” ม่านไหมตอบรับ ก่อนจะสนใจหนังสือนิยายในมือหญิงสาวไม่กล้าบอกเพื่อนว่าเธอกำลังคิดถึงคำพูดของปราชญา เธอกำลังสับสน และกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ว่าอะไรทำให้ปราชญาพูดกับเธอแบบนั้นสายตาห่วงใยคำพูดพวกนั้นมันไม่สมควรเกิดขึ้นกับคนที่กำลังจีบ แต่ถึงแม้จะเกิดขึ้นสายตาของเขาไม่ควรที่จะลึกซึ้งมากขนาดนี้ มันลึกซึ้งเหมือนกับว่าชายหนุ่มรักเธอมาก“ม่าน”“ว่า”“แกคิดว่าพี่ปราชญ์เป็นยังไง” คำพูดของกิ่งกมล ทำเอาม่านไหมนิ่งค้างไป“เงียบทำไม ตอบมาสิ” กิ่งกมลเร่งเร้า“ไม่รู้สิ” คำตอบของม่านไหม ทำเอากิ่งกมลเด้งตัวลุกขึ้นแล้วมองหน้าม่านไหมอย่างเอาเรื่องทันที“แกจะไม่รู้ได้ไง พี่ปราชญ์ดูเป็นห่วงเป็นใยแกมากขนาดนั้น บอกฉันมานะว่าแกคิดอะไรอยู่”“ฉันไม่ได้คิดอะไร”“ยายม่าน!”“เฮ้อ! ก็แค่กำลังคิดว่าอะไรทำให้พี่ปราชญ์รู้สึกกับฉันเกินกว่าเจ้านายลูกน้อง”“นี่แกไม่รู้” กิ่งกมลถามด้วยความไม่เชื่อ เธอไม่เชื่อว่าเพื่อนของเธอจะใสซื่อขนา
“อะ เอ่อ... ทานสุกี้ดีกว่าครับ ดูสิวุ้นเส้นอืดหมดแล้ว”“ใช่ ๆ ๆ ยายม่านรีบทานเร็ว”คีรินทร์ที่ทนความอึดอัดและความเงียบที่มีต้นเหตุมาจากเพื่อนตัวเองไม่ไหว จึงรีบพูดออกมาพร้อมทั้งพยักหน้าให้แฟนสาวรีบช่วยพูดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทันทีม่านไหมที่ได้สติจากที่เพื่อนของเธอเรียกชื่อ ก็รีบตักวุ้นเส้นขึ้นมาและทานเงียบ ๆ เธอก้มหน้าก้มตาทานจนได้รับสายตาเอ็นดูจากปราชญาทั้งคีรินทร์และกิ่งกมลรู้สึกว่าตอนนี้พวกเขาเหมือนกับว่าเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลา เพราะปราชญาเล่นไม่สนใจใครเลย คนเดียวที่เขาสนใจคือม่านไหม ไหนจะคำพูดที่พึ่งพูดไปก่อนหน้า แล้วตอนนี้ยังตักนั่นตักนี้ให้ม่านไหมอีกคีรินทร์และกิ่งกมลมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมา“พอแล้วค่ะ ม่านอิ่มแล้ว”“ทานเยอะ ๆ ครับ พี่ว่าม่านพร้อมไป ต้องทานอีกหน่อย พี่เป็นห่วง”ฉ่า!!!แก้มม่านไหมเห่อร้อนทันที หญิงสาวรู้สึกว่าเหมือนเธอกำลังถูกจีบ!“ไอ้ปราชญ์!”“อะไร”“แกพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า”“รู้สิ ก็ฉันเป็นห่วงน้องม่านจริง ๆ นี่” ปราชญาหันไปตอบคีรินทร์ แล้วหันหน้ามามองหญิงสาวสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยและอ่อนโยนครั้งนี้ม่านไหมไม่หลบตาเธอต้องการพิสูจน์สิ่งที่เธอรู้สึกสงส
จากวันที่หญิงสาวหย่าขาดจากก้องเกียรติ เธอก็ไม่ได้ข่าวคราวเขาอีกเลย รู้เพียงว่าเขาได้เดินทางไปต่างประเทศพร้อมปรายฟ้าแล้ว ส่วนบริษัททางนี้ก็ให้ญาติลูกพี่ลูกน้องของเขาดูแลให้ม่านไหมใช้ชีวิตตามปกติ เธอยังคงมาทำงานใช้ชีวิตเป็นพนักงานออฟฟิศเหมือนเดิม เพียงแต่ว่ารอยยิ้มของเธอไม่ค่อยมีก็เท่านั้นต้องบอกก่อนว่าหลังจากที่เธอขับรถออกจากสำนักงานเขตในวันที่ไปจดทะเบียนหย่านั้น หญิงสาวก็กลับมาร้องไห้ที่ห้องของกิ่งกมลม่านไหมไม่สามารถทนต่อความเสียใจได้ เดิมทีวันที่สิบมีนาคือวันครบรอบวันแต่งงานของเธอกับเขา แทนที่จะมีความสุขและร่วมฉลองในวันดังกล่าว กลับกลายเป็นว่าทุกข์ระทมเพราะหย่าซะเองม่านไหมร้องไห้หนักอยู่เป็นอาทิตย์ ในที่สุดก็หยุดร้องไห้ได้ เพราะได้กำลังใจดี ๆ จากคนที่ห่วงใยเธอทุกคนและเมื่อเธอดีขึ้นแล้ว หญิงสาวก็กลับมาทำงานตามปกติ ชีวิตของเธอยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมนั่นคงจะเป็นปราชญาที่ช่วงนี้ขยันมาอยู่ใกล้เธอเสียเหลือเกินใกล้ม่านไหมมาก จนบางครั้งหญิงสาวรู้สึกอึดอัด“ม่านไปทานข้าวกัน”“จ้า ขอเก็บของแป๊บ” ม่านไหมตอบกลับกิ่งกมลที่ตอนนี้ยืนส่งยิ้มให้เธออยู่ หลังจากม่านไหมเก็บของเ