Share

3

Author: Clear Clouds
last update Last Updated: 2025-08-29 20:30:06

หมู่บ้านเจียวจูแห่งนี้ ตั้งอยู่นอกเมืองหางโจว ด้านหน้าของหมู่บ้านเป็นถนนเส้นเล็กตัดผ่านเข้าไปยังถนนใหญ่เพื่อไปในเมือง ด้านหลังติดกับภูเขา

ชาวบ้านทำสวนผักผลไม้และทำนาบางพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเก็บเอาไว้กินเอง และขายบางส่วน

คนหนุ่มสาวเกือบทั้งหมดออกไปทำงานในเมือง หลายคนย้ายครอบครัวไปอยู่ในเมืองใหญ่ถาวรเพื่อทำงาน และให้ลูกหลานได้เรียนในโรงเรียนที่ดีกว่า และจะกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงวันหยุดยาว

ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่จึงเป็นผู้สูงอายุกับเด็ก พวกเขาทำการเกษตรเท่าที่จะมีแรง และมีหนุ่มสาวไม่กี่คนที่ยังอาศัยอยู่ที่นี่และยังคงทำการเกษตรต่อไป เช่น เสี่ยวหลง เด็กหนุ่มที่พาคู่สามีภรรยาไปรักษากับจิงซิงอี้ 

นอกจากนี้ ถนนที่นี่ยังมีสภาพไม่ดี เป็นหลุมบ่อและเป็นโคลนในช่วงฤดูฝน ทำให้ไม่สามารถเดินทางและส่งพืชผักไปค้าขายในตลาดขนาดใหญ่ได้สะดวก เศรษฐกิจของคนในหมู่บ้านจึงไม่ดีนัก ลูกหลานจึงย้ายไปทำงานในเมืองใหญ่เป็นหลัก ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากพื้นที่ชนบทส่วนใหญ่ของประเทศ

เช้าวันหนึ่ง ในระหว่างกลุ่มลุงป้ากำลังจับกลุ่มคุยกันเพื่อฆ่าเวลาอยู่นั้น พวกเขาก็เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว หน้าตาสวยงาม ปั่นจักรยานกลางเก่ากลางใหม่ตรงมายังลานที่พวกเขานั่งอยู่ 

เสี่ยวหลงที่กำลังกินอาหารเช้าและสนทนาอยู่กับแก๊งลุงป้า เห็นเขาเป็นคนแรก จึงรีบลุกขึ้นโบกมือเรียกให้เขาแวะมาทางนี้ด้วยความตื่นเต้น 

จิงซิงอี้ขี่จักรยานมาจอดตรงหน้ากลุ่ม เขายิ้มและก้มหัวนิดๆให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ เมื่อเสี่ยวหลงถามว่า เขามาทำอะไร  ชายหนุ่มจึงถามว่า

“เสี่ยวหลง รู้มั้ยว่าที่หมู่บ้านนี้มีตึกแถวตรงไหนจะขายหรือให้เช่าบ้างมั้ย ถ้าเป็นแถวตลาดหน้าหมู่บ้านได้ก็จะยิ่งดี”

พวกเขามองหน้ากันและทำท่าคิด ป้าหวังรีบถามขึ้นมาว่า “หมอจะเอาไปทำอะไรจ๊ะ ทำคลินิกรักษาคนหรือเปล่า”

จิงซิงอี้พยักหน้าและตอบรับว่าใช่ พวกเขาจึงหันมามองหน้ากันด้วยความดีใจ และรีบช่วยแนะนำพร้อมอาสาจะพาเขาไปดูด้วย เพราะพวกเขาก็ว่างกันอยู่แล้ว การมีอะไรทำแบบนี้จึงเป็นความบันเทิงของพวกเขาแบบหนึ่ง

จิงซิงอี้จูงจักรยานและเดินไปพร้อมกับกลุ่มลุงๆป้าๆ เพื่อไปยังหน้าหมู่บ้าน ในขณะที่เสี่ยวหลงขอตัวไปทำสวนต่อ

ที่หน้าหมู่บ้านมีตลาดขายของเฉพาะช่วงเช้าและช่วงบ่าย และมีตึกแถวสร้างเอาไว้สองสามตึก หลายห้องยังว่างอยู่

ในระหว่างที่เดินไปด้วยกันนั้น เขาก็ตอบคำถามไปด้วยอย่างใจเย็น จิงซิงอี้เล่าเกี่ยวกับตัวเองว่า เขาเป็นหลานของจิงเซียว

ก่อนหน้านี้เคยอาศัยและเรียนอยู่ในเมือง ช่วงปิดเทอมจะออกเดินทางไปหาประสบการณ์ และช่วยรักษาคนป่วยพร้อมกับคุณตาของเขา ทำให้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนมาตั้งแต่เด็ก

เมื่อคุณตาอายุมากขึ้นก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ และเขาก็แวะมาเยี่ยมบางครั้ง เพราะต้องเรียนหนัก จึงมาได้ไม่บ่อย และมาได้ไม่กี่วันก็ต้องกลับ จึงทำให้ไม่มีโอกาสได้พบกับใคร

ตอนนี้เขาเพิ่งเรียนจบด้านการแพทย์แผนปัจจุบันและแผนจีนพร้อมกัน จากมหาวิทยาลัยแพทย์อันดับหนึ่งในปักกิ่ง แต่เขาสนใจแพทย์แผนจีนมากกว่า และคิดว่าจะกลับมาเปิดคลินิกที่นี่ เพื่อสืบทอดวิชาจากหมอจิงเซียวด้วย

เมื่อถูกถามว่า ทำไมถึงไม่ไปเปิดคลินิกในเมืองใหญ่ ที่สามารถทำเงินได้มากกว่า จิงซิงอี้ยิ้มนิดๆ และตอบว่า “ผมชอบความสงบ”

ถึงแม้ว่าเขาจะมีบุคลิกที่นิ่งกว่าเด็กหนุ่มทั่วไป แต่กลุ่มลุงป้าของหมู่บ้านเจียวจู ก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในตัวเขา เช่นเดียวกับหมอใหญ่จิงเซียว

หลังจากใช้เวลาเดินดู และสอบถามราคาจากเจ้าของตึกอยู่สองสามคน จิงซิงอี้ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าตึกแถวสองชั้นแห่งหนึ่ง ซึ่งมีห้องว่างอยู่สองสามห้อง แต่เขาสนใจห้องที่อยู่ซ้ายสุด

เขาคิดว่าตึกนี้เหมาะจะทำคลินิก ห้องที่อยู่ในแถวเดียวกันมีทั้งร้านขายของชำและร้านขายซาลาเปาและบะหมี่ มีลูกค้าอยู่ประปราย ที่เป็นคนในหมู่บ้านและคนนอกหมู่บ้าน

เจ้าของห้องที่จิงซิงอี้สนใจ เป็นลูกชายของผู้ใหญ่บ้านหวังคุน ซึ่งเป็นสามีของป้าหวังที่พาจิงซิงอี้มาดูตึกนั่นเอง

ตอนนี้ลูกชายของพวกเขา คือ หวังฮวย เป็นเจ้าหน้าที่รัฐดูแลด้านสาธารณสุขในระดับตำบล เขาจึงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากห้องแถวนี้

จิงซิงอี้ตัดสินใจจะซื้อห้องนี้ โดยผู้ใหญ่บ้านหวังคุนจะช่วยคุยกับลูกชายให้   หวังคุนเป็นผู้นำชุมชนและเป็นหัวหน้าคณะกรรมการประชาชนระดับหมู่บ้าน เขาเป็นผู้นำที่ดีและอยากจะพัฒนาหมู่บ้านให้เจริญก้าวหน้า

เขารู้ว่าหมู่บ้านนี้ต้องการแพทย์เพื่อช่วยรักษาชาวบ้านที่เริ่มสูงวัย และเขายังต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในหมู่บ้าน ถ้ามีคลินิก ก็หมายความว่าผู้ป่วยจากที่อื่นจะมารักษาที่นี่ และชาวบ้านที่นี่ก็สามารถค้าขายอาหารและสินค้าอื่นๆ ได้มากขึ้นด้วย

เขายังเห็นตัวอย่าง จากการให้บริการที่พักรักษาตัวของคู่สามีภรรยาหยวนซุนและเหยาหลิง พวกเขาเช่าบ้านของชาวบ้านเพื่อรับการรักษาจากจิงซิงอี้ และยังจ้างชาวบ้านมาช่วยทำความสะอาดและทำอาหารรายวันให้ด้วย  ทำให้พวกเขามีรายได้พิเศษเพิ่ม

ด้วยเหตุนี้ หวังฮวยจึงขายตึกแถวให้จิงซิงอี้ในราคาที่ไม่แพงมากนัก และตึกนี้ยังปิดตายมานาน ถ้าขายได้ เงินของเขาก็จะไม่จม และหวังฮวยยังสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจิงซิงอี้ได้อีกด้วย

เมื่อเจรจาเรื่องราคาได้แล้ว จิงซิงอี้จึงโทรศัพท์คุยกับจิงเซียว เพื่อแจ้งเรื่องซื้อตึกและคนไข้ที่เขารับรักษาในตอนนี้ จิงเซียวให้คำแนะนำบางส่วน เพราะเขารู้จักความสามารถของหลานชายคนนี้ดีอยู่แล้ว

จากนั้น จิงเซียวก็บอกว่า อีกสองอาทิตย์เขาจะเดินทางกลับมาที่หมู่บ้าน และจะมาช่วยเรื่องการวางระบบคลินิกให้

ในระหว่างนี้ ผู้ใหญ่บ้านหวังคุนยังช่วยแนะนำช่างฝีมือดีมาช่วยตกแต่งคลินิกให้เขาอีกด้วย

เมื่อคู่สามีภรรยา หยวนซุนและเหยาหลิงรู้ว่าจิงซิงอี้จะเปิดคลินิก พวกเขาก็ดีใจมาก ตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบสองอาทิตย์ หยวนซุนอาการดีขึ้น เขาสามารถลุกขึ้นเดินได้แล้ว ถึงแม้แขนขวาจะยังชาอยู่บ้างบางครั้ง แต่เขาก็สามารถกลับไปทำงานได้แล้ว

ในระหว่างที่จิงซิงอี้ประเมินอาการครั้งสุดท้าย ก่อนจะอนุญาตให้พวกเขาเดินทางกลับบ้านได้นั้น  หยวนซุนก็ถามจิงซิงอี้ว่า

“ผมได้ยินมาว่า หมอจะเปิดคลินิกที่นี่หรือครับ”

จิงซิงอี้ยิ้มและตอบว่า “ใช่ครับ”

หยวนซุนและเหยาหลิงมองตากัน และหยวนซุนจึงพูดต่อว่า

“ผมมีเพื่อนสนิทขายอุปกรณ์การแพทย์ ถ้าคุณหมอสนใจ ผมจะแนะนำให้ รับรองว่าสินค้าคุณภาพดี บริการหลังการขายก็ดี ผมจะให้เขาลดราคาให้คุณหมอเป็นพิเศษนะครับ”

จิงซิงอี้สนใจและขอให้หยวนซุนช่วยติดต่อให้ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลก่อนตัดสินใจ

หลังจากที่ตรวจอาการแล้ว เขาปรับตำรับยาและให้ใบสั่งยา ไป พร้อมกับแนะนำวิธีการกดจุด ท่าบริหาร และอาหารต่างๆ ที่จะช่วยยืดหยุ่นกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนของชี่และกระแสเลือด

จิงซิงอี้นัดให้เขามาพบอีกหนึ่งเดือนต่อมา จากนั้นจึงอนุญาตให้พวกเขาเดินทางกลับเซี่ยงไฮ้ได้เลย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   10

    เมื่อเดินไปถึงโรงพยาบาล นางพยาบาลที่อยู่หน้าเคาเตอร์ต่างพากันมุงดูเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู แต่จิงซิงอี้ถอยไปหลบอยู่ข้างหลังลั่วเยี่ยน เขาไม่ได้กลัว แต่ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ใกล้ๆ“เดี๋ยวๆทุกคน ใจเย็นๆ เจ้าหนูกลัวแล้ว”ลั่วเยี่ยนเตือนสาวๆ และเล่าให้พวกเธอฟังว่าไปพบเด็กชายที่ไหน และขอให้พวกเธอช่วยประกาศหาพ่อแม่ในโรงพยาบาล และถ้าไม่พบ เขาจะโทรไปแจ้งตำรวจให้ช่วยตามหาอีกทีในระหว่างที่ชายหนุ่มอธิบาย จิงซิงอี้ก็ยืนฟังเงียบๆด้วยความสนใจ แม้ว่าใครๆ จะพยายามถามชื่อและที่อยู่ เขากลับนิ่งทำหูทวนลมเหมือนไม่เข้าใจ จนลั่วเยี่ยนอดหัวเราะไม่ได้ชายหนุ่มจะต้องออกตรวจคนไข้ตอนเช้า เขาจึงคิดจะฝากให้เด็กชายอยู่กับเจ้าหน้าที่ แต่จิงซิงอี้ไม่ยอม เด็กน้อยวิ่งตามลั่วเยี่ยน ทำให้เขาต้องพาเด็กชายไปที่ห้องตรวจด้วยเขาย่อตัวลงสบตากับเด็กน้อยและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่รู้ว่านายต้องการอะไร แต่ฉันรู้ว่านายเข้าใจทุกสิ่งที่ฉันพูด ถ้านายไม่อยากไปไหน ก็อยู่กับฉันไปก่อน ถ้าเปลี่ยนใจอยากพูด ก็พูดมาก็แล้วกันนะเจ้าหนู”จากนั้นชายหนุ่มก็ลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู พวก

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   9

    ตั้งแต่ยังหนุ่ม จิงเซียวมักออกเดินทางและหายไปหลายอาทิตย์ บางครั้งเขาเดินทางไปรักษาชาวบ้านตามที่ห่างไกล บางครั้งก็ไปเก็บสมุนไพรตามป่าเขาลำเนาไพร และได้รับเชิญจากผู้นำระดับประเทศ รวมไปถึงผู้มีชื่อเสียงและอำนาจขอให้ไปช่วยรักษาโรคเมื่ออายุมากขึ้น เขาจะเลือกรักษาเฉพาะคนที่เขารู้สึกถูกใจเท่านั้น ถึงแม้บางคนจะใช้ทั้งเงินและอำนาจมาข่มขู่ ชายชราก็ไม่เคยหวั่นไหว เพราะเขามีลูกศิษย์และคนไข้ที่มีชื่อเสียงคอยปกป้องอยู่เสมอนี่จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่จิงเซียวไม่เคยเปิดคลินิกรักษาที่หมู่บ้านเจียวจู เพราะเขาไม่ค่อยจะอยู่บ้านนั่นเองในระหว่างที่สองตาหลานง่วนอยู่กับการทำงานของตัวเอง จิงเซียวก็บอกกับจิงซิงอี้ว่า“เสี่ยวอี้ อีกสองวันตาจะไปปักกิ่งนะ มีนัดรักษาคนไข้”ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ชายชราก็พูดต่อว่า “เสี่ยวเยี่ยน ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าจะมารับตาไป”เสี่ยวเยี่ยน หรือลั่วเยี่ยน อายุ 48 ปี เป็นศิษย์คนแรกของจิงเซียว เขาเป็นเจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่รักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันและแผนจีนในปักกิ่ง ตัวเขาจบแพทย์แผนปัจจุบันมา เมื่

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   8

    จิงซิงอี้เห็นว่าป้าซ่งมีรูปร่างท้วม ยิ่งทำให้เข่าเสื่อมและเสียรูปมากกว่าปกติ เขาจึงอธิบายอาการให้หญิงสูงวัยฟังว่า“โรคที่ป้าเป็น คือ ข้อเข่าเสื่อมนะครับ เกิดขึ้นได้จากอายุที่มากขึ้นทำให้เสื่อม แล้วก็น้ำหนักที่มากกว่าปกติ บางคนก็เกิดจากการทำงานหนัก ยกของหนักมานาน”ป้าซ่งรีบตอบว่า “ใช่เลยจ้ะ ป้าทำไร่ทำสวนมาตั้งแต่สาวๆ บางทีก็ต้องแบกปุ๋ย แบกผักผลไม้ไปขาย ช่วงนี้ป้าปวดเข่ามาก มันตึงไปหมด พอนั่งๆนอนๆ น้ำหนักก็เลยขึ้นอย่างที่หมอเห็นนี่ละจ้ะ”ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยนั้น ลุงซ่งฮ่าวเทียน ก็ถือขวดใส่นมแพะ 3 ขวดเดินเข้าบ้านมาถามว่า“เท่านี้พอมั้ยหมอจิง”เมื่อเห็นป้าซ่ง เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า“อายี่ ออกมาทำไม จะเอาอะไรเหรอ”ป้าซ่งรีบตอบว่า“ไม่มีอะไร ฉันเห็นว่าหมอจิงมา เลยเดินออกมาทัก”จิงซิงอี้สังเกตเห็นว่า ป้าซ่งไม่อยากพูดถึงอาการของตนต่อหน้าสามี เขาจึงหันไปพูดกับซ่งฮ่าวเทียนว่า“เท่านี้ก็พอครับ พรุ่งนี้สัก 5 โมงเย็นจะแวะมาซื้ออีกนะครับ ขอบคุณครับลุงซ

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   7

    ระหว่างที่ถาม จิงซิงอี้กวาดสายตาไปรอบๆ ด้านอย่างระมัดระวัง เขากลัวแม่ของมันจะพุ่งออกมาจู่โจม ถึงเจ้าตัวเล็กจะทำตัวฟู และมีแววตาหวาดระแวง แต่ก็ยังจ้องตาเขาไม่หลบจิงซิงอี้ค่อยๆ ถอยออกมานั่งที่เดิม ทั้งสองปรึกษากันว่าจะนั่งรอห่างๆ และดูว่าแม่จิ้งจอกจะมารับลูกหรือไม่ และค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เวลาผ่านไป 15 นาที ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีแม่จิ้งจอกเดินออกมา แต่แล้วลูกสุนัขจิ้งจอกก็ค่อยๆ โผล่หน้ามาออกมาจากหลังต้นไม้ และมองมาที่สองตาหลานในที่สุดจิงซิงอี้และจิงเซียวจึงลุกเดินไปหามันช้าๆ จิงเซียวพูดกับมันด้วยเสียงมีเมตตาว่า“เจ้าอยากจะให้พวกเราทำอะไรให้ บอกมาสิเจ้าตัวเล็ก”ลูกสุนัขจิ้งจอกเอียงคอฟัง จากนั้นมันก็หันหลังเดินเข้าไปในป่าด้านหลัง มันเดินไปสองสามก้าว และหยุดหันมามองพวกเขาหลายครั้ง เหมือนจะบอกให้ทั้งสองเดินตาม จิงซิงอี้และจิงเซียวมองหน้ากัน พวกเขารู้ว่าเจ้าตัวเล็กคงอยากจะให้พวกเขาเดินตามทั้งสองจึงเดินตามมัน ที่พามุดเข้าไปในป่าที่เริ่มรกทึบ พวกเขาต้องก้มตัวหลบเถาวัลย์และลุยเข้าไปในพุ่มไม้ที่ขวางทางเอาไว้หลายครั้ง&

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   6

    จิงซิงอี้ขยับตัวตื่นตอนเช้ามืด เพราะได้ยินเสียงเปิดปิดประตูไม้หน้าบ้าน เขาลุกขึ้นและคว้าเสื้อกันหนาวมาสวมทับ ถึงแม้ว่าช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่หมู่บ้านนี้อยู่ใกล้กับภูเขาจึงมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี และในช่วงเช้าแบบนี้ ยิ่งหนาวเย็นมากกว่าปกติเขาล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทะมัดทะแมง คว้าโทรศัพท์และเป้ใส่ของ เดินออกมาจากห้องนอน และตรงไปที่ห้องครัวซึ่งอยู่ซ้ายสุดของห้องฝั่งตะวันตกเขาเริ่มต้นทำอาหารเช้า ด้วยการต้มข้าวกล้องผสมธัญพืชที่เคี่ยวจนเปื่อยนุ่ม จากนั้นก็จัดผักดองหลากชนิด ที่ใส่เกลือนิดหน่อยพอให้มีรสชาติลงไปในถ้วยเล็กๆ พร้อมกับไข่เค็มดองเองจากไข่เป็ดที่เลี้ยงตามธรรมชาติ ทำให้ไข่แดงมีสีเข้มมันเยิ้มน่ากินเมื่อทำเสร็จแล้ว เขาเดินไปที่ห้องทำงานของจิงเซียว และเคาะประตูเรียกชายชรา ทั้งสองนั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน และมีคุยกันบ้างนิดหน่อย ตอนนี้ ชุนเฉิงเดินทางกลับบ้านของเขาที่อยู่อีกเมืองหนึ่งไปแล้ว เพื่อกลับไปดูแลคลินิกและธุรกิจของตัวเองจิงซิงอี้บอกจิงเซียวว่า เขาได้รับออเดอร์ถุงหอมสมุนไพรจำนวนมาก เขาจึงคิดจะทำขายอย่างจริงจัง และจะขึ้นไปบนภูเขาห

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   5

    จิงซิงอี้ซึ่งกำลังคัดแยกสมุนไพร ก็ตอบตรงๆ ว่า “ยังไม่มีชื่อเลยครับ”จิงเซียวยิ้ม และมองหลานชายที่ก้มหน้าก้มตาเลือกสมุนไพร ก่อนจะพูดว่า“คลินิกฉางซาน”จิงซิงอี้เงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความตกใจ จิงเซียวย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นว่า“ได้เวลาที่คลินิกฉางซานจะต้องมีผู้สืบทอดแล้ว!”จากนั้น ชายชราก็พูดต่อว่า “ตาเชื่อมั่นในฝีมือของเจ้านะ ตาไม่อยากให้ความรู้ที่สั่งสมมาจากบรรพบุรุษของเรา ต้องจบไปในรุ่นของตา”ขอบตาของจิงซิงอี้ร้อนผ่าว เขารู้ว่าจิงเซียวมีความฝันที่อยากจะเปิดสำนักแพทย์ของตนเองมานานแล้ว แต่เขายังไม่มีโอกาสสักที ถึงเขาจะมีลูกศิษย์อยู่ 3 คน แต่เป็นครั้งแรกที่จิงเซียวมอบชื่อสำนักแพทย์ฉางซานให้เขาสืบทอด จิงซิงอี้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า“ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมจะสืบทอดคลินิกฉางซานเองครับ!”ชุนเฉิงซึ่งยืนฟังอยู่หน้าประตูยิ้มนิดๆ ก่อนจะเคาะประตูห้องทำงานและเดินเข้ามาในห้อง ทั้งสามคนช่วยกันคัดแยกสมุนไพร และสนทนาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ด้วยบรรยากาศอบอุ่น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status